ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Holy knight X Holy children

    ลำดับตอนที่ #9 : Holy knight X Holy children ภารกิจที่3

    • อัปเดตล่าสุด 3 ก.พ. 51


    Holy knight X Holy children ภารกิจที่สาม แฝดต่างโลกXไว้ใจXการชักชวน
    +++++++++

    การหลีกหนีหรือการเข้าปะทะ

    เป็นคุณ คุณจะเลือกอะไร?


    ราตรียามวิกาลเมื่อท้องฟ้าถูกทาทับด้วยผืนม่านสีดำ ประดับด้วยดวงดาวดารานับล้านดวง แสงจันทร์ถูกเฉิดฉายอยู่เบื้องหลังก้อนเมฆ ร่างของผู้ที่สวมอาภรณ์ราตรีเฉกเช่นนภาลัยในยามอัสดงเยี่ยมเยือนน่านฟ้านานหลายชั่วโมงยาม เท้าทั้งสี่ย่ำก้าวไปสู่เมืองแห่งหนึ่ง  ถนนหนทางยามวิกาลชวนเปลี่ยวใจ เหล่าผู้คนต่างเข้าสู่ห้วงนิทรา บ้านเรือนที่มีเพียงแสงนวลจากหลอดไฟหน้าบ้านเป็นจุดเด่นให้บ้านดูมีชีวา

     ร่างทั้งสองยังคงมุ่งหน้าไปยังจุดหมาย ไม่สนใจสายตาของผู้หญิงกลางคืนบางส่วนตรงสถานบริการยามราตรี พวกแม่ดอกทองจ้องมองร่างสูงที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งอย่างเสน่หา แม้ดวงตานิลจะเพิกเฉยก็ตามแต่ อีกร่างของผู้ที่อ่อนวัยแต่ภายนอก กว่าชายตามองพวกหล่อนอย่างไม่ชอบ ดวงหน้าที่ดูดีหากแต่คล้อยไปทางบุรุษเพศ จัดว่ามีเสน่ห์ต่อเพศเดียวกันไม่น้อยเพราะคนๆนั้นเป็นอิสตรีผู้ที่อ่อนแอกว่าบุรุษ ถ้าเทียบกับผู้ใช้เน็นระดับสูงที่เป็นเทพนะ มากทีเดียว

    “ยัยชะนีพวกนี้มองอยู่ได้ เป็นผกามาส (ดอกทอง) แล้วยังคิดว่าตัวเองมีคุณค่าให้คนดีๆอย่างนายครอบครองเร้อ...แต่ว่าช่วยไม่ได้ ไม่อยากนอกใจเมียตัวเองก็บอกมาเหอะ!! รับรองฉันคนนี้จะเก็บไว้เป็นความลับ”

    เธอยิ้มมั่นใจเต็มที่ แล้ววิ่งนำหน้าร่างสูงไป

    “พูดศัพท์หยั่งกะเกย์ฝ่ายรับแฮะ...ชั้นชักจะไม่เชื่อซะแล้วสิว่าเธอเป็นผู้หญิง”

    ชายหนุ่มยิ้มกริ่ม อยากเห็นคูกะนั่นเก๊กหลุดซะที

    “ใครบอกนายว่าฉันเป็นผู้หญิง?”

    ไม่ได้คิดแบบนั้นตั้งแต่แรก

     “งั้นก็เป็นผู้ชายสิ”

    “เปล่า...มันก็ไม่ใช่อีกนั่นแหละ”

     “ฉันไม่อยากถาม” เขาชักไม่ชอบการปฏิบัติตัวของคุณเทพสมดุลเสียแล้ว “ถามไปก็ไร้ประโยชน์”
    คุโระแยกเขี้ยวใส่คูกะที่ยิ้มหน้าหนา เอ้ย! ยิ้มหน้าบานอยู่

    “เหอะๆ ฉันต้องขอบคุณความฉลาดของนาย เอาละ นั่นไงจุดหมาย....”

    แล้วมือของเธอก็ชี้ไปยังบ้านหลังเล็กหลังหนึ่ง ดวงไฟส่องสว่างเพียงหน้าต่างบานเล็กของห้องชั้นบน กับดวงไฟคู่หน้าบ้าน อันแสดงถึงการเข้าสู่การพักผ่อนยามราตรีของผู้อยู่อาศัยบางส่วนได้

    “ว่าแต่....ป่านนี่ยังไม่บอกซะทีว่าคนที่จะไปเป็นใคร....หรือจะให้ฉันปางตายหลังเจอเจ้านั่นแล้วเนี่ย?”

    คูกะเหยียดยิ้ม

    “คนนี้ก็ผู้ชายอีกน่ะแหละ หน้าตาคล้ายๆ....มันจะคล้ายเหรอวะ! เออๆ ช่างเหอะ นึกซะว่าเป็นคุราผมแดงยาว แล้วก็ตัวสูงขึ้นหน่อย และดูเป็นผู้ชายมากขึ้นละกัน”

    คุโรโร่แทบจะสติแตกในทันทีที่คูกะบอกลักษณะคนที่ต้องพบเจอ.

    มันจะแกล้งฉันไปถึงเมื่อไหร่? แค่คิดแล้วยังคิดไม่ออก

    “ไม่ต้องเดาให้ปวดเฮด ไปดูของจริงเวิร์คกว่า...”

    ออร่าของเธอเข้าไปสู่ร่างตัวเอง  สภาวะของเซ็สสึนั่นเอง

    “ใช้เซ็สสึแล้วก็เงียวตลอดเวลาเข้าใจมั้ย แล้วก็พลางร่องรอยด้วย....”

    “โอเค”

    และแล้ว.....ยุทธการก็ได้เริ่มขึ้น.....

    ++++++++

    การเข้าปะทะ หากเมื่อเราไม่มีความเข้มแข็งพอ ก็เท่ากับเราฆ่าตัวตาย....

    ห้องที่ตกแต่งด้วยสีขาวบริสุทธิ์ตัดกับสีดำของเฟอร์นิเจอร์เรียบง่ายสีไม้ขัด ร่างบางผมสีเพลิงสยายยาวเมื่อร่างนั้นหลับนอนอยู่บนเตียงสะอาด ผมสีแดงชาดตัดกับหมอนนุ่มสีขาว อย่างชัดเจน ใบหน้าที่มิอาจสามารถระบุเพศได้ ดวงเนตรสีไพรงามล้ำเยี่ยงอัญมณีต้องแสงอุทัย เบิกมองความมืดของห้องที่มีแสงจันทร์เล็ดลอดเพียงบางเบา ชุดนอนสีสำลีที่ปกปิดร่างบางจะเหลือเพียงแต่ศีรษะ ต้นคอ และส่วนเท้าด้านล่างที่โผล่พ้นจากขอบกางเกง ผ้าห่มสีน้ำเงินพับอย่างประณีตที่ปลายเตียง ดวงตาคู่นี้เจือแฝงความกังวลเอาไว้
    “ทำไมฉันถึงฝันเรื่องนั้นติดต่อกันสามคืน....พวกนั้น...อาจจะมีอยู่จริงๆก็ได้....”

    เสียงหวานแต่เย็นเยือกเหมือนเกล็ดหิมะยาวเหมันต์ฤดู ร่างบางถอนหายใจ ก่อนจะพลิกตัวเพื่อนอนหลับ แม้จิตใจจะไม่สงบเหมือนน้ำเสียงก็ตาม

    !!!!!

    สิ่งที่เขารู้สึกได้ คือกระแสออร่า และจิตของผู้บุกรุก แม้จะเป็นเพียงมนุษย์ แต่ด้วยทักษะและประสบการณ์จึงเลือกที่จะติดตาม พวกนั้นเป็นบุคคลที่จะประมาทไม่ได้เด็ดขาด

     ไม่ใช่ปีศาจ แต่ก็ไม่ใช่คนธรรมดา!!!

    !!

    ทันใดนั้น ผิวขาวเนียนรู้สึกถึงแรงจากของมีคมปะทะกับลมเพียงเสียงเบาบาง เท้ากระโดดขึ้นเพื่อหลบ ดวงเนตรใบไม้มองหาต้นเหตุของสิ่งแปลกปลอมนั้น พริบตา!!

    เพียะ!!!

    เงาตะคุ่มสองเงาที่มุมห้องปรากฏ มีเงาหนึ่งเซเล็กน้อย หยดโลหิตที่เกิดจากสิ่งที่มีลักษณะยาวและเฉียบคมฟาดผ่านมวลอากาศกระทบผิวจนเลือดหยดไหลเปื้อนลงพื้นพรมสีน้ำเงิน

    “พวกแกเป็นใคร”

    ประโยคสั้นง่ายแต่ได้ใจความ ร่างบางส่งสายตาแห่งความเกรี้ยวเอาไว้ เค้าไม่รู้ว่าบุคคลเหล่านั้นต้องการอะไร แต่ถ้าหากเพียงปลายก้อยที่แตะต้องตัวมารดาหรือครอบครัว และเพื่อนพ้องของเค้า เค้าก็จะจัดการฆ่าพวกนั้นไม่ยั้งมือเป็นแน่

    “นายคงรู้เรื่องในฝันแล้ว....จำคนในความฝันได้รึเปล่า...คูกะ.....โคล”

    ร่างผอมเดินเข้ามา จู่ๆเทียนนับสิบเล่มบังเกิดจากอากาศ เปลวเทียนส่องสว่าง แต่ก็ทำให้ทั้งสามมองร่างของฝ่ายตรงข้ามได้บ้าง

    ดวงเนตรสีมรกตมองสองร่างตรงหน้า ชายหนุ่มผมสีรัตติกาลดำมืด ดวงตาสีนิลที่แสนลึกลับ อาภรณ์สีทมิฬให้ความรู้สึกเหมือนผู้ที่มีความเร้นลับ น่าทำความรู้จัก และก็น่ากลัวในเวลาเดียวกัน อีกร่างคือผู้ที่มีใบหน้ามีอำนาจ ดวงเนตรสีน้ำตาลยามถูกความร้อนปะทะ ผมสีรัตติกาลยาวประบ่า ยุ่งเหยิงเล็กน้อย ผิวขาวซีดแบบเดียวกับที่ชายหนุ่มอีกคนมี และอาภรณ์แบบเดียวกันเพียงแต่เล็กกว่า ตามทรวดทรงผอมบางของผู้สวมใส่ รอยยิ้มเท่านั้นแหละที่ดูเป็นมิตร นอกนั้นเหมือนโจรขึ้นบ้านยังไงยังงั้น

     “เธอ....คือคนในความฝันจริงๆด้วยสิ มีธุระอะไรกับชั้น ดูแล้วพวกเธอจะไม่เป็น “ปีศาจ” หรอกนะ”

    “ไม่ใช่หรอก....มีเรื่องอยากให้ช่วย ไม่ใช่ไปทำความชั่วที่ไหนหรอก เออแนะนำตัวก่อน พูดสิเฟ้ย! ใบ้กินเรอะ!!”

    เธอหันมาว่าเพื่อนร่างสูง คุโระมองร่างบางอย่างสุดจะงง ไม่น่าเชื่อเลยว่าเขาจะมีใบหน้าละม้ายว่าที่ภรรยาข้างเดียวของเขา สิ่งที่ต่างออกไป คือความเยือกเย็นในแบบของนักฆ่า แต่ก็คงความงดงาม เส้าผมสีแดงเพลิงพลิ้วตามแรงลมจากบานหน้าต่างที่เปิดอ้า ร่างนั้นเลิกคิ้วอย่างสงสัย เพราะดวงตาสีนิลจ้องมองร่างของเค้าอย่างไม่วางตา

    “เอ่อ...ชั้นชื่อ คุโรโร่ เธอชื่ออะไร?”

    เธอเรอะ!!

    ในสมองมากด้วยรอยหยัก แอบคิด....เวรกรรม.... เส้นเลือดขมับกระตุกเล็กน้อย แต่ใบหน้าก็คงเยือกเย็นอยู่ดี

    “ชั้นชื่อ คุราม่า ยินดีที่ได้รู้จัก...แล้วก็ไปตัดแว่นตาซะล่ะ”

    คุราม่าเริ่มสนทนาในแบบที่ไม่เคยทำ เนื่องจากเค้าอายุสิบแปดปีแล้ว ยังเห็นเด็กหนุ่มคนนี้เป็นผู้หญิงอีกเรอะ!

    จะปะทะ หรือจะหลีกหนี?....

    เวลามีให้คิดไม่มาก...

     “หึๆๆ เหมือนคุราปิก้าจริงๆเลยแฮะ”

    เสียงทุ้มกระซิบกับตัวเอง แต่มีรึที่เด็กหนุ่มจะไม่ได้ยิน

    “หือ...นายรู้จัก คนที่ชื่อ คุราปิก้าเหรอ? ถ้าอย่างนั้นความฝันก็ฝีมือพวกนายงั้นสิ?”

    คูกะผิวปาก ชื่นชมในควาฉลาดของพวกเขาเหล่านี้

    การไล่ล่า มันเริ่มจะสนุกขึ้นมาเรื่อยๆแล้วสินะ

    “ใช่เลย ฉันสามารถดัดแปลงความฝันได้ เอาล่ะ งั้น...ได้เวลาพูดเรื่องที่สำคัญกันซะที.....”

    “.....อยากดื่มกาแฟมั้ย? ฉันไปชงให้”
    เสียงหวานเอ่ยถาม เริ่มจะกังวลน้อยลง จริงอยู่ที่เด็กหนุ่มไม่ไว้ใจคนง่าย แต่ว่ากับกลุ่มคนเหล่า กลับรู้สึกสบายใจ และยังรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด อีกอย่าง เด็กหนุ่มมั่นใจว่าจะสามารถจัดการคนเหล่านี้ได้ เพราะมนุษย์ ถึงอย่างไรก็ไม่อาจจะสู้ปีศาจได้


    การหลีกหนี บางทีก็ไม่ใช่การหนีไร้สติ แต่มันคือการหนีไปตั้งตัวให้คงทน ให้พร้อมก่อนออกศึก

    แล้วตอนนี้ ฉันจะเป็นสัตว์ที่ถูกต้อนจนมุมหรือเปล่า?


    “โอเค เอากาแฟไม่ใส่น้ำตาลด้วย”

    คูกะสั่ง แล้วมองไปรอบๆ ร่างบางกดเปิดสวิสต์ไฟ แล้วเดินไปในห้องครัว


    “คูกะ....ฉันเริ่มจะเชื่อเรื่องโฮลี่ไนท์ซะแล้วแฮะ”

    “เพิ่งจะเชื่อเองเหรอ หึๆ รู้นะว่าคิดไรอยู่ หมอนั่นก็น่ารักน่าจับกดไม่เบานี่นา ใช่มะๆ”

    “พูดอะไรชุ่ยๆ เหอะๆ”

    “555+ น่าเชื่อจริงๆ อย่าเป็น “รักน้องเสียดายพี่” ล่ะ อย่าให้ฉันรู้ว่านายจับกดเจ้าสองคนนั่นเชียว ไม่งั้นเจออัดเละๆ คิๆๆ”

    คุโระขนลุกกราว เพราะคำขู่หรือว่าออร่าแววโรคจิต แต่ก็ยังเก๊กท่าต่อ เขาไม่ชอบเวลาตัวเองเก๊กหลุดเลย

    “เอาปากดีๆนั่นยัดคำพูดเก็บไปเถอะ ฉันไม่ต้องการให้ห้องท่วมไปด้วยน้ำลายไร้สาระของนายหรอก”

    “ใช่ว่าเสด็จคุณคุโระจะพูดมีสาระเสมอไป กระหม่อมคิดว่าควรจะจบบทสนทนาแค่นี้แล้วหันไปตบยุงเล่นดีมั้ยพะยะค่ะ”

    “พระอาญามิพ้นเกล้า เลิกใช้คำพูดสุดแสนจะโบราญเสียที กระหม่อนมิอาจทนฟังได้”

    “ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ โอ้ยย พอที~~! ฉันไม่เก่าราชาศัพท์ว้อย”

    “แล้วจะพูดทำหอกโมขศักดิ์รึไง!”

    “แล้วแกจะพูดทะลุไปถึงรามเกียรต์ทำป้าอะไร๊~~! มันคนละเรื่องกันเลยเฟ้ย~~!”

    ผัวะ! ตุ๊บ! โครม!

    สงครามขนาดเล็กก่อกำเนิดขึ้น โดยมีร่างบางยืนหัวเราะอยู่ห่างๆ

    เด็กหนุ่มรู้สึกว่าหัวเราะมากไปจนท้องแข็ง หากไม่สงบศึก มีหวังคนที่จะต้องเข้าโรงพยาบาลคงเป็นเขา เพราะกรามค้าง!

     “พวกนาย! อย่าส่งเสียงดังสิ เดี๋ยวคนข้างบ้านตื่น...”

    และแล้วเสียงหวานก็ได้ยุติสงครามชั่วครู่ คูกะกลับมานั่งโซฟา แล้วนวดคออันเนื่องจากฝ่ามือหนาที่ยันหน้าจนแทบจะทำหัวหลุดออกจากคอ ส่วนคุโรโร่นั่งนวดคอตัวเอง ที่เพิ่งถูกบีบแรงมาหมาดๆ คุราม่าหัวเราะเบาๆ แล้วยิ้มหวานชวนหลง

    “ท่าทางจะเฮฮาตลอดเลยนะพวกนาย กาแฟได้แล้วล่ะ คุณคูกะ”

    ร่างบางนั่งลงบนเตียงนุ่ม ดวงเนตรสีมรกตมองสองร่างอย่างรอคำตอบ

    “ฮื่อ...เอาล่ะ ฉันจะเล่าแล้วนะ ว่านอนสอนง่ายดีนี่”

    “ฉันไม่ได้ประมาท แต่ก็ไมได้ไว้ใจหรอก”

    “แล้วทำไมถึงยอมฟัง” ชายหนุ่มถามขึ้นลองเชิง

    “ถ้าพวกนายจะฆ่าฉัน ก็คงทำไปนานแล้ว อีกอย่าง ถ้าจะฆ่ากันจริง เรามาตัดสินโดยใช้กำลังก็ได้ ฉันไม่เกี่ยงหรอก”

    เงาทมิฬบางอย่างจากด้านหลัง บ่งบอกว่าเจ้าตัวเองก็ไม่ได้ประมาท ในขณะเดียวกันก็ไม่ไว้ใจด้วย

    เจ้าจิ้งจอกตัวน้อยๆ ไม่ได้เชื่องอย่างที่คิด


    รอยยิ้มของเด็กสาวปรากฏและริมฝีปากสีซีดก็ได้พลั่งพลูเรื่องเล่าออกมา
    ++++++++
    “โฮลี่ไนท์? อย่างนั้นเหรอ? ฉันพลาดขนาดไม่รู้เลยว่าตัวเองมีวิญญาณประหลาดซ้อนร่างกับชั้น....เป็นเรื่องที่อัศจรรย์จริงๆ”
    คุราม่าพูด เรื่องราวทั้งหมดล้วนแล้วแต่ดูโกหก แต่ด้วยดวงเนตรทั้งสองที่ไม่ได้แสดงความขัดแย้ง

    นี่คือเรื่องจริง.... ไม่ใช่วาจาอุปโลกน์ขึ้นมา....

    “นายคิดว่าตลอดมา ว่ามินามิโนะ ชูอิจิหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับคุราม่า ปีศาจจิ้งจอกน่ะ คิดผิดอย่างแรง เมื่อทารกอายุเพียงหนึ่งถึงสองเดือน จะยังไม่มีจิตวิญญาณ วิญญาณของมินามิโนะ จริงๆมันก็คือวิญญาณเทพนารีคูลเทีย...จริงๆกายเนื้อนี้ จะกลายเป็นผู้หญิง....ตอนนั้นถ้าฉันไม่ใช้แก้ไขยีนต์ให้กายเนื้อของชูอิจิ ตอนนี้ที่ยืนอยู่ก็คือหญิงสาวที่ชื่ออะไรก็ไม่ทราบ....ที่นายได้ร่างกายเป็นผู้ชาย เพราะคิดว่านี่เป็นเรื่องบังเอิญ แต่ในใจนายก็คิดว่าถ้าเป็นผู้หญิงขึ้นมา นายก็คงพยายามให้ฮอร์โมน และยีนต์ในตัวเป็นผู้ชาย ไม่ก็ไปหาร่างใหม่ซะ  เพราะนายสังหรณ์ว่าเมื่ออยู่ในร่างของมนุษย์ ยังไงก็ต้องต่อสู้อยู่ดี แถมร่างของผู้หญิงก็สร้างความยุ่งยากมากมาย ทั้งร่างกายที่แสนบอบบาง ทั้งกำลังที่น้อยนิด”

    เด็กหนุ่มพยักหน้ารับ ชายหนุ่มรัตติกาลได้แต่นั่งฟัง เค้าฟังโดยที่ไม่รู้เรื่องของเด็กหนุ่มเลย เค้ากลายเป็นส่วนเกินไปในทันที

    “แต่นายก็กำลังสงสัยว่า ทำไมกายเนื้อนี้ถึงแปลกประหลาด เพราะแทนที่รูปร่างหน้าตาจะเป็นผู้ชาย แต่ว่าทั้งใบหน้า ผิวพรรณ แล้วก็น้ำเสียง ก็ละม้ายหญิงสาว ถึงจะยังคงมีไหล่ที่พอกว้างอยู่ หรือส่วนสูงที่สูงในแบบของผู้ชาย....แต่ว่ายีนต์ของเทพก็ยังคงฝังแน่น ถึงมันจะเคยเกาะติดอยู่กับเด็กชายอีกคน....เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว”

    “สิ่งที่เรียกว่าเน็น ความสามารถที่คล้ายๆกับการใช้ไอวิญญาณนั่น สามารถให้ตัดต่อพันธุกรรมเหรอ?”

    ร่างบางถามต่อ นาฬิกาบนผนังส่งเสียงเวลาเที่ยงคืนยี่สิบนาที

    “ใช่ แต่ว่ามีเงื่อนไขซับซ้อนหน่อย ถ้านายอยากใช้เน็นได้ อีกนาน...แล้วเรื่องเข้ากลุ่มล่ะ?”

    คุราม่ายิ้มตอบ แล้วจึงเอ่ยขึ้น


    แต่ถึงจะหลีกหนีเพียงไหน แต่เราเอง สุดท้ายก็ต้องวิ่งเข้าไปหามันจนได้

    บางที...การวิ่งเข้าชนปัญหา มันอาจจะดีกว่าการวิ่งหนีปัญหา....

    .....ตอนนี้....ฉันพร้อมที่จะเผชิญกับมัน...ปัญหานี้.....

    “ฮื่อ...ชั้นตกลง แต่ฉันห่วงพ่อเลี้ยงกับแม่อยู่น่ะ”

    “เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง”
    จู่ๆก็ปรากฏร่างของเสือเขี้ยวดาบสีขาวหิมะ ดวงตาสีแดงเพลิงมองมาด้วยความเคารพ มันก้มหัวลงแทบเท้าของร่างบาง

    “เจ้านี่ชื่อคูก้า เป็นสัตว์รับใช้ของฉัน ต่อไปเขาจะทำหน้าที่สอดส่องพ่อกับแม่นายเอง เอ้อ! น้องชายลูกติดพ่อเลี้ยงด้วย! ไม่มีปัญหาแล้วใช่มั้ย?”

    “ไม่หรอก ฉันคงต้องเก็บของ แล้วโทรหาแม่ก่อน วันนี้แม่อยู่ที่บ้านของพ่อน่ะ”

    “เหรอ เดี่ยวช่วยเก็บให้นะ”

    คุโระพูดอย่างเป็นมิตร เค้ารู้สึกถูกชะตากับเด็กคนนี้จริงๆ

    “คุราปิก้าคล้ายนายมากเลยล่ะ”

    ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น เด็กหนุ่มหันมามอง

    “?”

    “ทั้งใบหน้า น้ำเสียง นิสัย คล้ายจนชั้นอดคิดไม่ได้ว่าพวกนายเป็นพี่น้องกันรึเปล่า.....”

    เด็กหนุ่มรับฟังเงียบ มือหยิบกองหนังสือมาไว้รวมๆกัน

    “แต่ว่า ฉันไม่เคยเห็นเขาาจะยิ้มแย้มแบบนายเลย ใบหน้านั้น เอาแต่เศร้า....ถึงฉันจะไม่ใช่ตนไกล้ชิด แต่ว่าถ้าถามเพื่อนสนิทของเขา.....ไม่เคยมีวันไหนที่เขาไม่เสียใจ เรื่องที่เพื่อนพ้องพี่น้องถูกฆ่าตายด้วยน้ำมือฉัน.......ตกลงฉันยังมีหน้ามาทำดีและปกป้องเขาอยู่รึเปล่า?”

    “ถามชั้นทำไมเหรอ?”

    “ก็...คิดว่านายอาจจะ...เข้าใจความรู้สึกของเขา....”

    “ฉันไม่รู้เรื่องราวของคุราปิก้ามากหรอก รู้แต่ว่า...ในความฝันมายา....ฉันเห็น ใบหน้าของเขาระบายความเศร้า เหมือนคนจะร้องไห้อยู่รอมร่อ หัวใจคงแตกสลายครั้งแล้วครั้งเล่า...ในเมื่อนายทำลายเขา แต่ยังคิดมาปกป้อง....เขาก็คงยิ่งเสียใจเข้าไปอีก”

    ชายหนุ่มสลด

    นั่นสิ....แบบนั้น...เป็นใครก็คงอดคิดแบบนั้นไม่ได้.....

    “แต่ว่า...เด็กคนนั้นก็อาจจะดีใจก็ได้...อย่างน้อยนายก็สำนึกได้ ต่อไปก็ทำดีให้เขาได้รู้ว่านายคิดอย่างไร...ฉันไม่คิดจะช่วยอะไรนาย...ที่เหลือก็คือนายเท่านั้นที่ทำได้”

    “อีกอย่าง ฉันคือฉัน ไม่ใช่เขา คิดแทนเขาไม่ได้หรอกน่า”

    ร่างบางตอบ แล้วค้นของให้ลิ้นชักไต้โต๊ะ

    “ขอบใจ.......”

    “ไม่เป็นไร ฉันช่วยได้แค่นี้แหละ”

    เค้าคลี่ยิ้มบางๆ แล้วเก็บกองหนังสือ คุโรโร่มองใบหน้าเด็กหนุ่ม

    ร่างสูงอดยิ้มไม่ได้....เป็นคนที่จิตใจงดงามไม่แพ้ใบหน้าเลยแฮะ...นี่เหรอ..ที่คูกะเรียกว่าโฮลี่ไนท์......

    “มองอะไร?”

    “อ้อ...เปล่า”

    คูกะอมยิ้ม คนที่ได้ชื่อว่าโหดเหี้ยม ใครจะรู้ว่าไม่ได้โหดเหี้ยมอย่างที่คิด

    ++++++++

    ในที่สุดวันเวลาก็ได้ผ่านไปถึงตีหนึ่ง นาฬิกาโบราณตีเสียงดัง บนห้องมืดของคุโรโร่ บนเตียงใหญ่คือร่างบางของผู้มีเรือนผมสีทอง ข้างๆซึ่งมีใบหน้างดงามไม่แพ้กัน แต่ยังเต็มไปด้วยความไร้เดียงสาและวัยเด็ก ดูเหมือนทั้งสองจะยังไม่รู่ถึงการมาของกลุ่มบุคคลทั้งสาม เด็กหนุ่มผมสีชาดมองสองร่างอย่างแปลกใจเล็กน้อย

    “นี่คือคุราปิก้า...แล้วเด็กคนนั้นล่ะ?”

    คุราม่าถามงง เมื่อไปสะดุดกับภาพใบหน้าเล็กของเด็กหญิงตัวน้อย

    “ชื่อคุรัยเป็นลูกฉันกับคุราเอง”

    จริง...เหรอ........ผิดความคาดหมาย..... เอ่อ......ที่ลูกใช่ไหม?....


    “บรรบุรุษแกเสี้ยมสอนให้พูดอะไรโค-ตร-ตรงแบบนี้เรอะ!”
    “ก็พูดตรงๆนี่นา” เวลาแกล้งคน คนอย่างหัวหน้าแก๊งแมงมุมก็สนุกเสมอ!

    “อย่ามั่วๆๆ คือว่าคุรัยจังเป็นสัตว์เน็น พูดง่ายๆว่าไม่ใช่คนละกัน นายยังต้องเรียนรู้ในโลกฮันเตอร์อีกเยอะ ท่าทางคงเหนื่อยน่าดู คุโระ หาที่นอนมาทีดิ เอามาซักสามที่ดีมั้ย”

    คูกะสวมบทผู้บัญชาการ แล้วจึงมานั่งบนโซฟาสีนิลอย่างสบายๆ

    “ไม่มีหรอก มีแค่เตียงผ้าไบเตียงเดียวเอง สงสัยคงต้องนอนเตียงละสามคนเลยทีนี้”

    คุโระบอกอย่างช่วยไม่ได้ ก็ลูกน้องตู มันเคยค้างที่นี่ซะที่ไหน!!”

    (คฤหาสน์ของหมอนี่มีไว้ให้ตัวเองอยู่ แต่สร้างไว้เป็นที่เรียนของพวกเด็กๆ และมีสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่ตัวเองสั่งให้สร้างอยู่ด้วยอีกที่)

    “งั้น คุรา นายไปนอนบนเตียงผ้าไบ คงไม่รังเกียจ ถ้าอีกคนจะนอนด้วย ส่วนไอ้เปรตดำจะนอนกับเมียกับลูกมัน ปล่อยๆมันไปเหอะ ส่วนชั้นจะนอนบนโซฟาละกัน”

    “ใครเปรตดำ? อยากตายแบบไม่ต้องรบกวนร้านขายโลงมั้ยล่ะ แล้วที่ให้นอนกับคุราปิก้า จะดีเหรอ?”

     “ดีสิ เห็นบ่นอยากนอนกับเมียไม่ใช่รึไง หรือจะนอนกับเจ้านี่มั้ย เดี๋ยวถ้าเจ้าคุราม่ามันเกิดหมั่นเขี้ยวแล้วกลายร่างงับหัวนายจะเอามั้ย?”

    “ใครจะเอา!!”

    “ผมไม่ใจร้ายแบบนั้นหรอกน่า” เด็กหนุ่มผมสีเพลิงเอ่ย “แค่กระทืบตามด้วยชำแหละให้มิโมซาที่น่ารักกินเป็นอาหารรอบดึกเอง”

    เหล่มองคนมาใหม่ ใครจะรู้ว่าหน้าตาน่ารักจะมีพิษแบบนี้ แต่ทว่าที่สำคัญการนอนมาก่อนเสมอ
    ชายหนุ่มจึงสร้างหนังสือสกิลฮันเตอร์ เงาสีดำปรากฏขึ้นอีกครั้ง

    “ช่วยหยิบเตียงผ้าไบให้ที”

    “ขอรับนายท่าน”

    “เอาล่ะ หลับให้สบายนะ คุราม่า....”

    ชายหนุ่มยิ้ม แล้วจึงง้างกำปั้นจะเขกหัวคูกะ แต่ด้วยประสบการณ์มากกว่าบวกความไว คูกะจึงลอดมาได้
    “ไอ้หัวลูกชิ้น! จะลอบกัดเหรอ..เร็วไปล้านปีแสงเฟ้ย!! ไม่ต้องมาตีหน้าโหด ไปๆ ไปหาน้องคนสุดท้องกันเหอะ”

    คูกะยิ้มกวนๆก่อนจะชักประตูมิติขึ้น

    “คุราม่า....ขอบใจ...วันนี้เราเป็นเพื่อนกันแล้วนะ”

    “ฮื่อ...เช่นกัน ถ้ามีอะไรจะใช้ก็บอก เพราะฉันจะนับแล้วก็คิดดอกเบี้ยร้อยละ100 ถ้านายกู้เงิน”

    “หน้าเลือดพอๆกับสีผมเลยนะ นายน่ะ”

    “คิกๆ ฉันล้อเล่นน่า”

    คำตอบที่ได้คือรอยยิ้มที่แสนงดงามที่เค้ามอบให้ สองร่างอาภรณ์ทมิฬก้าวเท้าออกด้วยรอยยิ้ม สร้างกำลังใจให้ทั้งสอง

    “คูกะ”

    “เหอ?”

    “คุราม่าน่ารักแฮะ”

    “โฮ่! สัตว์เคี้ยวเอื้องมีต่อมความเจ้าชู้ด้วยเว้ย ลงข่าวหน้าหนึ่งเลยมั้ยพวก!”

    “ถ้ายังไม่หุบปาก ฉันจะหุบปากแกถาวรเอง ที่พูดหมายความว่าพวกโฮลี่ไนท์....งดงามและบริสุทธิ์จริงๆ ไม่นึกว่าชั้นจะได้พบเจอนางฟ้าเดินดิน....”

    “คิดแบบนั้นก็ได้ด้วย...อย่าไปจับกบก็แล้วกัน”

    “จับกดเฟ้ย!!”

    “เหอะๆ”

    “ว่าแต่ถ้าฉันตามเด็กนั่นมา แล้วเธอต้องปล่อยเพื่อนฉันทันทีนะ”

    “โอเคนะคร้าบ!!!”

    แล้วสองร่างก็กระโจนไปยังจุดหมาย!!!!

    ++++++++

    สถานที่มืดมน แสงสว่างไม่อาจเล็ดลอดผ่าน ดินแดนสีดำรัตติกาลกลืนกิน...สิ่งที่เรียกว่าความสุข.....ความรัก....ไม่มี ณ ดินแดนนี้....นี่คือ....มิติแห่งความมืด.......ร่างกำทมิฬหลายร่างชุมนุมอยู่ด้วยกัน ร่างกายถูกทับด้วยเสื้อคลุมขาดสีดำรุ่งริ่ง มือเน่าเปื่อยเหมือนซากศพเดินได้ มันต่างมองกันด้วยนัยน์ตาสีแดงราวหยดโลหิตจากปากแผลสดซึ่งเป็นสีที่ลอดมาจากการถูกสีรัตติกาลปกปิด

    “หึๆๆ เจ้าเทพคูกะนั่น...เริ่มจะทำสงครามกับพวกเราแล้วสินะ”

    ร่างที่สูงที่สุดเอ่ยขึ้น เสียงแหบวงอำนาจประกาศก้องเหล่าสมุนต่างมองด้วยความใคร่รู้

    “หมายความว่า....หญิงแห่งการบำบัด...ก็ได้ปรากฏตัวขึ้นแล้วสินะ”

    “หึๆ ในที่สุด พวกเราก็จะได้ครอบครองโลกใบนี้แล้ว หึๆๆ”

    “เจ้าอย่าหวังเลยว่าเจ้าจะได้ครอบครองนาง....นางคูลลิเทียต้องเป็นของท่านจอมมารสิ”

    “พวกเจ้าเงียบได้แล้ว!!!”

    ผู้มีอำนาจตะโกนใส่สมุน พวกมันเงียบกริบทันทีที่ได้ยินเสียงนั้น

    “พวกเจ้าอย่าเพิ่งทำอะไรทั้งนั้น รอให้ธิดาแห่งความบริสุทธิ์ปรากฏตัว แล้วข้าจะต้องนำพวกนางมาเป็นของข้า หึๆๆ อะฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ”

    เสียงหัวเราะอย่างเยือกเย็นก้องสะท้อน ณ สิ่งที่เรียกว่าความมืด และแล้วอันตรายก็ได้คืบคลานมาอย่างช้าๆ
    +ติดตามตอนต่อไป+

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×