คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Light and dark part 4 ปิศาจจิ้กจอก
Light and dark begin to Holy knight X Holy children
part 4 ปิศาจจิ้กจอก
-----------------------------
“จงมีชีวิตอยู่เพื่อโลก จงอย่าได้ท้อกับโชคชะตา จงแสดงให้เห็นว่า ชีวิตของเจ้าที่เกิดมา มีคุณค่าสักเพียงใด”
-----------------------------
.....โลกแห่งความมืดมิดกลืนกินเหล่าบุคคลให้จมดิ่งลงลึก
.....ความโลภอันไร้ที่สิ้นสุด
...ความป่าเถื่อนที่ไม่เสื่อมหาย
....ยากนักที่จะเปลี่ยนแปลงโลกนี้
.....สิ่งที่ทำได้...
.....คงแค่เฝ้ามอง...
.....ทว่าตอนนี้....
....ไม่ใช่เวลาที่ฉันจะมัวแต่คิด
.....ฉันต้องกล้าสิ...กล้าที่จะก้าวเดินไปข้างหน้า
...ถึงหนทางจะอันตรายเพียงใด
......ฉันก็จะทำความฝันของชั้นให้ได้
....แม้นจะต้องก้าวสู่วิธีโจร
....ทว่า.....ฉันคือโจร
.....โจรมีสัจธรรม
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เมืองเล็กๆแห่งหนึ่งอันเต็มไปด้วยเหล่าผู้คน ท่ามกลางความสับสนวุ่นวาย ชีวิตทั้งหลายล้วนแต่ดิ้นรนเอาตัวรอด แต่จะมีสักกี่ชีวิตกัน ที่รู้ว่าโลกที่แสนวุ่นวายของพวกเขา ยังมีโลกอีกโลกที่คู่ขนานกันมา อีกทั้งวุ่นวายยุ่งเหยิงยิ่งกว่าดั่งหยากไย่ในบ้านร้างไร้ผู้พำนัก
ในบ้านหลังเล็ก ปรากฏบุคคลที่หนีจากโลกที่ยุ่งเหยิง ร่างนั้นนั่งลงเหม่อมองดวงดาวที่เจิดจรัสบนท้องฟ้าสีหมึก เส้นผมสีแดงยาวสุกสว่างราวเปลวเพลิงที่ลุกไหม้ ดวงแก้วสีไพรราวอัญมณีต้องแสง ผิวสีขาวที่ห่อหุ้มด้วยชุดนอนผ้าฝ้ายสีขาวบริสุทธิ์ ร่างนั้นกำลังครุ่นคิดกับนิมิตฝันเมื่อคืนวาน
.....ภาพของบุคคลนิรนามที่เขาเองก็มิเคยได้พบเจอ
...เรือนร่างบอบบาง
....ผิวกายสีขาวอมชมพูใส
....อีกทั้งใบหน้าที่ละม้ายคล้ายคลึงกับเขา
.....ดวงเนตรสีไพรส่องประกาย
....เกศาสีทองพลิ้วไหว
.....อีกทั้งริมฝีปากสีชมพูระเรื่อที่ยิ้มหวาน
.....ร่างนั้นส่งมือเรียวบางให้
.....แล้วยิ้มต้อนรับด้วยใจที่เป็นสุข
..... “มาเถอะ มากับพวกเราสิ”
....เสียงหวานใสนั้นยังคงติดตรึงในใจ
....เธอ...เธอเป็นใครกัน?....
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ยามอรุณรุ่งแห่งการเริ่มต้นได้เข้ามาเยี่ยมเยือน แสงอุทัยเรืองรองงดงามดังเช่นทุกๆวัน ร่างบางเดินเท้าไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง ท่ามกลางเมืองที่ผู้คนเดินขวักไขว่ไปมา เครื่องแบบสีเข้มของเขาแสดงให้เห็นว่าเป็นนักเรียนชั้นม.ปลายชาย ซึ่งยากนักที่จะทำใจให้เชื่อว่าร่างนี้คือเด็กหนุ่มวัย18 ปี แต่ใครจะรู้ว่าร่างที่แท้จริงนั้น ไม่ธรรมดาเช่นเดียวกับความสามารถที่แท้จริงของเขา
ร่างบางหยุดอยู่ตรงหน้าโรงเรียนแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นสถานศึกษาที่เขาได้ร่ำเรียนมานาน ปีนี้จะเป็นปีสุดท้ายแล้วที่จะได้ร่วมใช้ชีวิตในฐานะนักเรียนมัธยมปลาย แล้วก็จะก้าวสู่วัยของการเป็นผู้ใหญ่ในไม่ช้า
“อรุณสวัสดิ์มินามิโนะ”
เสียงทักทายดังขึ้นเมื่อเขาย่างกายเข้ามาในห้องเรียนประจำ ร่างบางคลี่ยิ้มก่อนจะทักทายเป็นมารยาท
“เช่นกันครับ”
พูดจบก็ไปนั่งเก้าอี้ตัวเดิม แล้วหยิบหนังสือเล่มโตมาพลิกอ่าน ดูเหมือนว่าเพื่อนร่วมห้องจะไม่แยแสหนังสือเหมือนเขาเท่าไหร่ อาจมีบ้างที่เป็นอย่างเขา
วันเวลาในโลกนี้ผันผ่านไปอย่างเชื่องช้า เป็นชีวิตที่น่าเบื่อและซ้ำซากครั้งแล้วครั้งเล่า เด็กหนุ่มถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายแม้ว่าสมองที่เต็มไปด้วยรอยหยักมากมายนี้จะซึมซับความรู้ปริมาณมหาศาลได้ราวกับฟองน้ำที่ดูดซับน้ำรวดเดียวก็ไม่ปาน
......แต่จะมีประโยชน์อันใดเล่า ในเมื่อความรู้ในห้องเรียนเขาก็นำมันมาใช้แค่ไม่ถึงครึ่งก็ตาม แต่กระนั้นการอดทนนั่งร่ำเรียนหรือจะพูดให้ถูกก็คือการร่ำเรียนเพื่อเก็บความรู้แม้ว่าจะไม่ได้ใช้ทั้งหมด แต่ก็ยังดีกว่าการเป็นมนุษย์เกียจคร้านที่คอยเกาะกินพ่อแม่อยู่ที่บ้านนั้นแหละ
ถึงแม้เขาจะไม่ใช้มนุษย์ในอดีต แต่บัดนี้ร่างกายที่อ่อนแอจำต้องยอมสิงร่างของตัวอ่อนเด็กทารกของหญิงสาวคนหนึ่ง แล้วเกิดมาภายใต้ชื่อ มินามิโนะ ชูอิจิ ไม่เลวทีเดียวที่ต้องเกิดมาในสภาวะที่มีมารดาเลี้ยงดูด้วยความรัก ถึงสามีของหล่อนจะตายจากแล้ว อีกทั้งร่างกายที่อ่อนแอของเธอจะไม่ค่อยสู้ดี แต่เธอก็สามารถเลี้ยงดูให้เขามีร่างกายที่แข็งแรง จนบัดนี้เขาก็ยังซาบซึ้งในความรักของมนุษย์ ในเมื่อเขาเป็นปีศาจจิ้งจอกเก้าหางมาก่อน ปีศาจที่เหล่าปีศาจต่างเกรงกลัว....
“มินามิโนะ ตอบโจทย์ข้อนี้ให้เพื่อนๆดูซิ”
เสียงของอาจารย์ชายวัยกลางคนดังขึ้น เรียกเด็กหนุ่มร่างบางให้ลุกขึ้นเพื่อเขียนคำตอบลงบนกระดานสีดำ
เสียงครูดของชอล์กสีขาวดังขึ้นในขณะที่เพื่อนร่วมห้องหลายคนก็ขะมักเขม้นเขียนตัวเลขน่าเวียนหัวลงบนกระดาษสีขาวเพื่อหวังว่ามันจะช่วยพวกเขาในยามที่ต้องพบเจอกับโจทย์ที่ยากเหลือคณา
“ถูกต้อง”
แล้วเสียงปรบมือก็ดังขึ้นเมื่ออาจารย์พูดสองคำนี้ เด็กหนุ่มทำหน้าสบายก่อนที่จะนั่งที่เดิม
จะบอกว่าชีวิตนี้น่าเบื่อก็เถอะ มันก็ไม่จริงเสมอไป เมื่อหลายปีก่อนเขาได้พบกับการผจญภัย มิตรภาพที่สดใสและเพื่อนพ้องที่ดี โดยเฉพาะเพื่อนพ้องนี่ล่ะที่เปลี่ยนแปลงชีวิตเขา
.......อย่างสิ้นเชิง..................
เส้นผมสีแดงพลิ้วไหวตามแรงลมเฉื่อย แมกไม้สีเขียวขจีในส่วนที่พักของนักเรียน เขาชอบอยู่กับธรรมชาติ ต้นไม้ที่ให้ร่มเงา และเพื่อนพ้องที่มีจิตใจงดงาม แล้วความคิดเรื่องราวในอดีตก็บังเกิด ในเที่ยงแห่งความเงียบนี้
++++++++++++++++++++
เมื่อหลายปีก่อน.....
เด็กชายตัวเล็กก้าวข้ามธรณีประตูเพื่อไปยังห้องครัวห้องเล็ก มารดาผู้เปี่ยมไปด้วยความอบอุ่น ยืนล้างจานอยู่ที่อ่างล้างจาน
“แม่ฮะ ขวดโหลอยู่ที่ไหนฮะ ผมจะเอาไปทำงานประดิษฐ์ฮะ”
“อยู่บนชั้นโน้นแน่ะจ๊ะ”
แล้วเด็กน้อยก็ยกเก้าอี้ แล้วใช้เป็นที่ปีนขึ้นเพื่อจะหยิบขวดแก้วออกมาจากชั้นวาง
.....แต่แล้ว! จานจำนวนหนึ่งก็กระทบลงพื้นจนแตกละเอียด ทำให้เด็กน้อยเซถลา จนร่างนั้นกำลังจะกระทบลงพื้น โดยมีเศษจานแหลมคมปูพื้นอยู่!
ฉับพลัน! แทนที่ร่างของเขาต้องถูกเศษจานบาด แต่กลับเป็นท่อนแขนของหญิงสาว เธอพยายามที่จะป้องกันไม่ให้ลูกชายต้องบาดเจ็บ แต่ว่าแขนของเธอกลับต้องเป็นแผลเหวอะหวะ อีกทั้งโลหิตสีแดงที่ไหลซึมจากปากแผลเป็นจำนวนมาก โดยที่ร่างเล็กยังคงตะลึงกับพฤติกรรมของเธอ.....
...บาปครั้งนี้..จะให้ผมชดใช้ด้วยวิธีอะไรดีล่ะครับ?....
.......................................................
...........................
...........
ด้วยความรู้สึกเสียใจที่ตนไม่สามารถที่จะปกป้องมารดาที่เลี้ยงดูเขามา สิ่งที่เขาจะทำได้ก็คือการรักษาเธอ ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีการใดก็ตาม หลายครั้งที่เขาเองคิดที่จะหนีออกจากบ้าน เพราะร่างกายที่ค่อยๆฟื้นตัวขึ้น หลังจากที่อ่อนแอจากการต่อสู้ในโลกวิญญาณจนต้องมาอยู่ที่โลกมนุษย์
แต่การคิดหนีเป็นความคิดที่ชั่วร้าย เขาไม่อาจจะหนีจากแม่ไปได้ เขาจะทิ้งเธอไปไม่ได้ ทุกครั้งที่ดวงตาสีไพรมองไปที่แผลเป็นของแม่ ความรู้สึกเจ็บปวดก็เข้ามาแทนที่ความว่างเปล่าของจิต ความรู้สึกผิดยิ่งทวีคูณไม่อาจจะหยั่งได้
แต่ใช่ว่าจะหมดหนทางเสมอไป เขาค้นพบวิธีที่จะช่วยแม่ โดยการใช้กระจกแห่งความมืด แต่ทว่ากระจกนี้เป็นสมบัติของมัจจุราชในนรก แม้ว่าจะเสี่ยงอันตรายแค่ไหน แต่ในเมื่อตั้งใจไว้เช่นนี้แล้ว จะถอยกลับไปไม่ได้แล้ว
.....แม้ต้องพบเจออุปสรรค
.....แม้จะต้องกลายเป็นผู้ต้องหา
......แม้ว่าต้องร่วมมือกับใครที่ไม่อยากสุงสิง
.....แม้ต้องแหกกฎร้อยแปด
......ถ้าหากเพื่อมารดาแล้ว
.......ชีวิตของผม ผมให้ได้
.......ผมขอแลกความสุขของมารดาด้วยชีวีของผม......
ในย่านที่ผู้คนเดินขวักไขว่ มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินเท้าด้วยความกังวล นัยน์ตาสีเข้มมองไปรอบๆราวกับหาอะไรบางอย่าง และแล้วเขาก็ได้พบกับบุคคลที่ตามหา เบื้องหน้าคือเด็กหนุ่มร่างบาง ใบหน้าอันงดงามเศร้าหมองอย่างน่าสงสัย ผมยาวสลวยสีแดงเพลิงพลิ้วไหวตามแรงเคลื่อนกาย ร่างนั้นเดินสวนอย่างช้าๆ ราวกับจงใจ
“ฉันไม่ได้คิดที่จะสู้กับนายหรอก กระจกเงานั่นฉันแค่ยืมเท่านั้น พอพ้นคืนเดือนเพ็ญฉันจะคืนให้นาย ถ้านายอยากรู้ก็ตามมาสิ”
เสียงเย็นดังขึ้น เรียกความสนใจให้กับเด็กหนุ่มอีกคนไม่น้อย ต่อจากนี้ไปหน้าที่ของเขาก็ได้เริ่มต้นขึ้น
.......โดยหารู้ไม่ว่า แม้จักต้องเผชิญหน้ากับปีศาจที่มีค่าหัวสูงลิ่วในโลกปีศาจ กลับต้องมาเผชิญหน้ากับโชคชะตาทีท้าทายเขา จนกลายเป็นเรื่องราวที่พลิกชีวิตอย่างที่เขาเองก็คาดไม่ถึง
.......
ในดาดฟ้าของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง คือเด็กหนุ่มสองคนที่ยืนอยู่คนละฝั่ง คนหนึ่งคือเด็กหนุ่มผมสีแดง อีกคนคือเด็กหนุ่มผมสีดำ ดวงตาสีเข้มของเขามองอีกร่างอย่างแปลกใจ และความสงสัยก็ได้คลี่คลายลง เมื่อเด็กหนุ่มยอมเปิดปากและบอกเรื่องราวที่เกิดขึ้น
+ + + + + + + +
ในคืนแห่งแสงสว่าง ดวงจันทราเต็มดวงถูกซ่อนภายไต้ ม่านเมฆสีเทา แสงจันทร์ส่องสว่างบนพื้นโลกเล็กน้อย สถานที่แห่งหนึ่งได้ปรากฏร่างของเด็กหนุ่มสองคน คนหนึ่งเป็นผู้มีเรือนผมสีดำขลับ นัยน์ตาสีเข้มมองไปยังเด็กหนุ่มร่างบางเรือนผมสีแดงเพลิง ในมือเรียวคือสิ่งที่ดูเหมือนกระจกสีดำ ขอบกระจกแกะสลักอย่างประณีต แต่ดูมืดมนและลึกลับน่ากลัว
แล้วดวงศศิธรได้ลาลับจากเมฆ ส่องแสงสว่างจ้า กระจกมืดส่องสะท้อนกับแสงจันทร์ก่อเกิดแสงจ้าไปทั่วบริเวณ
และแล้ว...เงาสะท้อนจากกระจกได้แปรเปลี่ยนเป็นรูปร่างของหญิงสาวนางหนึ่ง ผู้ที่เป็นมารดาอันเป็นที่รักของเด็กหนุ่มผมแดง เขามองกระจกอย่างมีความหวัง
“สิ่งที่ข้าปรารถนาคือให้หญิงผู้นี้มีความสุข โดยแลกด้วยชีวิตของข้า”
เสียงเยือกเย็นดังขึ้นจากริมฝีปากได้รูปของเด็กหนุ่ม สร้างความแปลกใจให้แก่ร่างที่อยู่ข้างกาย
“เฮ้! ถ้านายทำอย่างนั้น นายก็ต้องตายนะ คุราม่า”
ไร้เสียงตอบรับจากร่างบาง ความมุ่งมั่นของเขาที่จะรักษาแม่เป็นความจริงอยู่ตรงหน้าแล้ว ไม่ว่าอะไรก็ขวางกั้นเขาเอาไว้ไม่ได้แล้ว
และแล้วแสงจันทราสาดส่องไปยังกระจก ส่องประกายแสงจ้า พร้อมกับที่เด็กหนุ่มถูกแสงที่แปรสภาพเหมือนเชือกพันธนาการร่าง เพื่อแลกชีวิตราวกับการสังเวยชีวิตเพื่อชีวิต วินาทีนี้เขาคงต้องตายจากโลกนี้ ทว่าเด็กหนุ่มอีกคนกำลังถูกสิ่งเดียวกันพันธนาการร่างไปด้วย
“นี่มันหมายความว่าชีวิตนายคนเดียวไม่พองั้นสิ!!”
และด้วยเหตุการณ์นี้กลับกลายเป็นเรื่องราวที่ยากจะคาดคิด ทั้งสองต่างตื่นตระหนก เหตุใดเล่ากระจกแห่งความมืดจึงต้องทำเช่นนี้ เงื่อนไขคือการแลกด้วยชีวิต ซึ่งแลกมาด้วยชีวิตที่แสนมีค่า....
....รู้รึเปล่า?....อะไรที่ทำให้ชั้นรู้ซึ้งได้จากชีวิตนี้....
.....ของฟรีไม่มีในโลก.....
....................................
.........
..............
.....................
ดวงเนตรสองคู่เปิดขึ้นช้าๆ จมูกยังคงสูดดมอากาศธาตุเช่นปกติ ขาพยุงกายลุกอย่างไม่ยากเย็น ท่ามกลางความเงียบ เด็กหนุ่มทั้งสองยังงงงวยไม่เลิก แต่เสียงอุทานของเด็กหนุ่มหน้าสวยก็เรียกสติของอีกคนให้ตื่นขึ้น
เขาวิ่งไปที่ๆแห่งหนึ่ง ในใจภาวนาให้ความฝันเป็นความจริง แต่ไฉนกระจกแห่งความมืดกลับไม่พรากลมหายใจไปจากเขา เด็กหนุ่มอีกคนโน้มตัวลงไปก้มเก็บกระจก พลางมองแผ่นหลังของอีกคนที่วิ่งจากไป
“แม่ของเจ้าหมอนี่จะเป็นไงบ้างนะ”
คิดในใจสักครู่ ก่อนจะเดินกลับบ้าน หลังจากเสร็จภารกิจของเขา
+ + + + + + + +
น่าแปลกใจที่อาการของหญิงสาว มารดาของปิศาจจิ้งจอกในคราบเด็กหนุ่มกลับดีขึ้น จนหมออดแปลกใจไม่ได้ การทุ่มเทของเด็กหนุ่มเป็นผล จากการที่ต้องเหน็ดเหนื่อยทำทุกวิถีทางที่จะช่วยแม่ ทั้งที่จริงๆเธอก็มีคนที่ดูแลอยู่แล้ว คนนั้นคือพ่อคนใหม่ ซึ่งหลงรักแม่ของเขามานาน
หลังจากที่พอเสียไปนานแล้ว เขาก็ต้องอยู่กับแม่เพียงสองคน แม้ว่าภายในจะเป็นปีศาจ แต่กลับมีจิตใจอ่อนโยน ช่างเป็นเรื่องที่น่าแปลก แต่ทว่าคงไม่เท่าไหร่ เพราะความอ่อนโยนในแบบมนุษย์ได้ซึมซับสู่เขามานานหลายปี
และบางที.....เขาอาจจะไม่ใช่ปีศาจที่เลวร้ายอย่างที่ใครคาดคิด
++++++++++++++
หลังจากที่เขาได้พบเจอเด็กหนุ่มคนนั้น เขาเองก็คิดถึงเพื่อนร่วมงาน ซึ่งเป็นปีศาจที่มีค่าหัวสูง อีกทั้งยังเก่งกาจและสุขุม คิดไปมานึกขึ้นได้ว่าเด็กหนุ่มคนนั้นคงจะตรงไปหาเพื่อนร่วมงานเพื่อเอาอีกสิ่งหนึ่งที่ขโมยมาจากนรก ว่าแล้วเขาก็ตรงไปหาเด็กหนุ่มผมสีดำนามยุซึเกะทันที
+++++++++++++++
......จุดเริ่มต้นอยู่ที่ความขัดแย้ง
......หลายหัวใจที่ต่างความคิด
.....หลายภาระ หลายจุดหมาย หลายหนทาง
.....แต่เชื่อมโยงกันด้วยมิตรภาพ
....แค่เพียงร่วมมือกัน ทุกอย่างจะเปลี่ยนไป
......ความฝันที่ห่างไกล
....จะไกล้เพียงไม่กี่ก้าว
.....จับมือสามัคคีกันไว้
.....แล้วจะรู้ว่า....
......เพื่อนพ้องทำให้เรายิ้มได้แค่ไหน....
+ + + + +
หลังจากการต่อสู้ที่ดุเดือด ชัยชนะก็ตกเป็นของเด็กหนุ่มผมสีดำ ในมือของเขาคือสามสิ่งที่เป็นสมบัติของยมบาลในนรกนคร ซึ่งสมบัติที่นอกเหนือที่ได้จากสองปีศาจ คือจากพรรคพวกปีศาจที่ค่อนข้างไม่เก่งกาจ)
และแล้วพวกเขาก็ได้แยกจากกัน แม้ว่าเรื่องจะยุ่งเหยิงเพียงไร
+ + + + +
หลังจากนั้น สองปีศาจก็ได้ร่วมมือกับเด็กหนุ่ม และเพื่อนของเขาอีกคนผู้ที่เป็นปีศาจอันแข็งแกร่ง นัยน์ตาสีดำสนิทส่องประกายลึกลับน่าเกรงขาม พร้อมพลั่งด้วยความเก่งกาจ แม้ว่าจะแสร้งเป็นผู้เหี้ยมโหดเพียงไร ทว่าเขาเป็นผู้ที่ยอมทำทุกสิ่งเพื่อที่จะตามหาน้องสาวของตน เขามีนามว่าฮิเอ
อีกคนหนึ่งคือเด็กหนุ่มเพื่อนรักของยุซึเกะ แม้ว่าจะดูแสนธรรมดา แม้จะติ๊งต็อง บ้าดีเดือด ทำอะไรไม่รู้จักคิด ใบหน้าที่ดูไม่ดี เส้นผมสีส้มดูสะดุดตาสมกับเป็นนักเลง อย่างไรก็ตามเขาก็มีพลังที่สามารถร่วมตัวสู้กับเพื่อนพ้องได้ พวกเขาได้ต่อสู่ร่วมกัน เพื่อจัดการผู้ที่หมายจะครอบครองโลก ไม่ว่าจะเป็นโลกวิญญาณหรือแม้แต่โลกมนุษย์ มนุษย์สองคนกับปีศาจกลับใจสองคนก็ได้เผชิญหน้ากับอันตราย แต่ทว่ามิตรภาพนั่นแหละ คือสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยากที่จะตัดขาดได้....
+ + + + +
ยามคืนแห่งความเงียบ ร่างบางล้มตัวล้มนอนบนเตียงสีขาวสะอาด แต่อย่างไรก็ไม่อาจข่มตาหลับได้ง่าย ในใจยังค้างคาเรื่องความฝันเมื่อไม่นาน....และแล้วสิ่งที่เขากังวลก็ได้ปรากฏขึ้นในนิมิตอีกครั้ง
+ + + + +
ภาพของเด็กสาว(?)ยิ่งชัดเจนขึ้น เธอยิ้มเศร้าอยู่ข้างกาย มือเรียวจับที่มือขาวของเขาอย่างอ่อนโยน
“นายมีเรื่องทุกข์ใจอะไรล่ะ นายถึงได้เศร้าขนาดนี้”
คุราม่าหันมามอง แล้วยิ้มตอบ
“เรื่องที่บ้านนิดหน่อย แต่ว่าเล่าไปเธอก็เศร้าเปล่าๆ”
“เหรอ แต่ว่านะฉันแปลกใจนะ ทำไมเราถึงมีหน้าตาแล้วก็...นิสัยเหมือนกันด้วยฉันละแปลกใจจัง”
เธอคนนั้นพูด แล้วเหม่อมองทุ่งดอกไม้กว้างใหญ่ที่ทั้งสองนั่งอยู่
“นั่นสินะ แต่ว่า...อาจจะเป็นเรื่องที่สวรรค์กำหนดมาก็ได้”
เขาตอบ แล้วเด็ดดอกกุหลาบสีขาวข้างเท้า
“นี่...นายเชื่อเรื่องการอุทิศตนมั้ยล่ะ”
เสียงหวานเอื้อนเอ่ยถามอีกที
“หมายถึงการแลกบางสิ่งด้วยชีวิตใช่ไหม?”
เด็กหนุ่มตอกย้ำ เพื่อความมั่นใจ
“ฮื่อ.....ฉันเองก็ใช้ชีวิตเป็นเดิมพัน เพื่อที่จะล้างแค้นน่ะ”
เธอพูดแล้วยืนขึ้น เสื้อคลุมสีน้ำเงินขอบทองพลิ้วตามสายลมเอื่อย
“ล้างแค้น?”
เขาพูดอย่างไม่เชื่อหู เธอคนนี้ที่ดูงดงามยิ่งกว่านางอัปสร จะมีจิตใจที่เคียดแค้นฝังลึกราวเมล็ดแห่งความชั่วร้าย
“ฮื่อ เพราะว่ายังมีคนชั่วที่ฉันต้องกำจัด แม้จะต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม”
“แต่ว่าเธอต้องต่อสู้เพียงลำพัง แล้วเพื่อนพ้องของเธอล่ะ”
“ชั้นมีเพื่อนพ้อง แต่ว่าฉันไม่อยากให้เพื่อนพ้องต้องเดือดร้อน เพราะฉันเสียเพื่อนพ้องมามากแล้ว ฉันก็เลยไม่อยากให้คนอื่นต้องมาเป็นแบบนี้”
“ไม่อยากให้เพื่อนพ้องเดือดร้อนใช่มั้ย ไม่ได้ต่างจากฉันซักเท่าไหร่”
เด็กหนุ่มเอ่ยขึ้น แล้วก็ใช้มือเรียววางลงบนไหล่บอบบางของแฝดต่างพ่อแม่
“เหรอ ว่าแต่นายชื่ออะไร?”
“ชั้นชื่อ คุราม่า เธอล่ะ
“ฉัน...”
ร่างบางผมทองนิ่งครู่หนึ่งก่อนจะตอบว่า
“ฉันชื่อ คุราปิก้า ยินดี..ที่ได้รู้จัก”
สิ้นสุดเสียงหวาน นิมิตที่แสนสบายก็ได้กลับเข้าสู่ความมืดอันเวิ้งว้าง ราวกับเป็นฝีมือของใครบางคน
เพียงความฝันสิ้นสุด เด็กหนุ่มผมสีเพลิงก็ลุกพรวดขึ้นอย่างตกใจ
“ความฝัน...นี่มันคืออะไรกัน!!”
เขาพูดกับตัวเอง แต่แล้ว.....
เสียงของฝีเท้าและเสื้อผ้าเสียดสีเรียกความสนใจของเขาไม่น้อย แล้วเท้าขาวบางก็ได้เดินไปยังที่เกิดเหตุนอกห้อง
“ใครน่ะ!”
เสียงเยือกเย็นดังขึ้นในความมืด แต่ก็ไร้เสียงตอบรับ เด็กหนุ่มคิดไปเองรึเปล่า? เป็นเรื่องที่ยังคงคาใจ เมื่อเขานอนลงบนเตียง แล้วคิดว่าหูเขาคงฝาดไป แล้วสติก็เข้าสู่นิทราในห้วงอันว่างเปล่าอีกครั้ง
อีกด้านหนึ่งคือร่างของบุคคลลึกลับ
....... เงานั้นยืนอยู่บนหลังคา....
++++++
แม้รุ่งเช้าจะมาเยือน หากแต่เด็กหนุ่มผมสีเพลิงยังคงค้างคาใจกับความฝันนั้นมาก
....เหมือนจริง...เหมือนกับว่าเด็กคนนั้นมีตัวตนจริง....
.....แล้วก็สังหรณ์อีก....เหมือนกับว่าตัวเราเองกำลังพัวพันกับคนแปลกหน้าที่ไม่เคยพบเจอ.....
.....ต่อไป...อะไรจะเกิดขึ้นนะ? หลังจากที่โลกปิศาจสงบลงแล้ว.....
ดวงเนตรเบลอด้วยความงัวเงีย ดวงเนตรสีไพรมองเงาสะท้อนตัวเองในกระจกเงา ภาพที่เห็นเป็นใบหน้าของเขาเอง หากแต่ผิดสังเกตตรงที่ในเงา ผมสีเพลิงเหยียดตรงจรดพื้น ร่างบางผมยาวในชุดกระโปรงยาวสีขาว มือและเท้าถูกโซ่ตรวนตรึงเอาไว้
“อะไรกัน!”
พอขยี้ตา ก็พบแต่ใบหน้าของตนยามตกใจ คุราม่าถอนหายใจ
.....ตาฝาดเองหรอกเหรอ....
“บ้าจริง!”
สบถด้วยความโมโหตัวเอง ทั้งที่ปกติแล้วเขาไม่เบลอขนาดนี้สักเท่าไหร่ ร่างบางพยายามไล่ความคิดออกไป แล้วหันไปอาบน้ำชำระร่างกายก่อนไปโรงเรียน
เสียงหยดน้ำตกกระทบกระเบื้องสีขาว เรือนร่างขาวชำระกายด้วยความเหม่อลอย มือรูดน้ำที่เกาะเส้นผมยาวสลวย
“หือ?......”
เมื่อเห็นเส้นผมที่กำลังจะไปอุดตันท่อ จึงก้มลงเก็บเศษเส้นผมสีเพลิงที่ร่วงหล่น ค่อยๆดึงออกมาจากท่อระบายภายในห้องน้ำ
.....ผมสีแดงยาวเกินเมตร?......
แล้วภาพคนในกระจกก็ตามมาหลอกหลอนเขาตั้งแต่นั้นมา
“เหอะๆ..... แล้วนายจะเข้าใจเอง.....ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับนาย”.....
+++++++++
.....แม้หนทางจะทิ้งปริศนาไว้มากมาย
.....แต่จิตใจแลกายเลือกที่จะฟันฝ่า
.....วิ่งก้าวไปข้างหน้า
.....พร้อมเพื่อนพ้องที่รัก
.....อย่าเลือกที่จะจำนนต่อโชคชะตา
....พวกเราจะคอยซับน้ำตา
.....เมื่อนายเจ็บปวด
.....เพราะพวกเรา...
.....จะคอยอยู่เคียงข้างกาย
.....จะไม่ปล่อยให้นายต้องทนทุกข์
.....นายเข้มแข็ง...พวกเรารู้
....แต่นายไม่เข้มแข็งพอที่จะแบกรับทุกสิ่งเอาไว้ได้
....ปล่อยวางลง....แล้วหันมาสิ
....ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
....พากเราจะอยู่เคียงข้างนาย
......อย่ายอมแพ้โชคชะตะ
......สู้ต่อไป
....แล้วพวกเราจะอยู่เคียงข้าง
+the end+
ความคิดเห็น