ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Holy knight X Holy children

    ลำดับตอนที่ #4 : Light and dark Past 3 ภูติแห่งความเศร้าหมอง

    • อัปเดตล่าสุด 10 พ.ย. 50


    Light and dark begin to Holy knight X Holy children
    Past 3 ภูติแห่งความเศร้าหมอง

    -------------------------------------
    “ไม่มีอัคคีใด จะรุนแรงไปกว่า อัคคีแห่งแค้นที่จะเผาผลาญเจ้าให้ดับสูญ”
    -------------------------------------

     คุณเคยได้ยินไหม? เคยได้รู้จักมนุษย์บางคนที่สามารถติดต่อกับวิญญาณได้..ช่างอัศจรรย์ยิ่งนัก..เกินกว่าคนสามัญจะเชื่อได้...แต่ ณ โลกแห่งนี้...บุคคลที่เป็นตัวแทนของเทพ....ได้ยืนหยัดบนแผ่นพสุธาอันกว้างใหญ่...ต่างถูกขนานนามว่า.... “ชาแมน”

    ต่างโลก ต่างมิติ ต่างอารยธรรม แม้ห่างไกลหลายหมื่นโยชน์ แต่ไม่อาจขวางกั้นผืนฟ้าของ ‘เรา’ ได้เลย
    แล้วคุณล่ะ? เชื่อหรือเปล่า...ว่ายังมีโลกซ้อนทับกับโลกของเราอีก.....

    -----------------------------------

     ผ่านพ้นการต่อสู้ของสุดยอดแห่งชาแมน หรือเรียกง่ายๆว่า “ชาแมนคิง” เหล่าเยาวชนชาแมนต่างเข้าร่วม มีทั้งสิ้นชีพหรืออยู่รอด แต่ไม่ว่าจะผ่านพ้นการต่อสู้มาเพียงไร ธรรมดาของมนุษย์ย่อมรู้จักกับความเหน็ดเหนื่อย....แต่ความต้องการ เกรท สปิริส สิ่งที่ผู้ที่อยากเป็นชาแมนคิงปรารถนา...นั่นคือเครื่องมือไปสู่พลังอำนาจ...ความอมตะ...นานาความรู้...จะมารวมกัน.....ณ ผู้ที่อยู่เหนือเหล่าชาแมน....เชื่อว่านั่นคือทางสู่การเป็นเทพเจ้าในโลกที่แสนโหดร้าย.....
     
     ในกลุ่มของคนดีย่อมมีคนชั่วอยู่ร่ำไป..เมื่อมีผู้อยากสร้าง ก็ย่อมต้องมีผู้อยากทำลาย...และเพื่อก่อการร้ายยึดครองโลก...การต่อสู้ของชาแมนที่หวังจะได้เกรท สปิริส เพื่อทำความดี ต้องเป็นอันพบเจอกับความโหดเหี้ยมกับผู้เข้าร่วมบางคน...คนๆนั้น ที่ใครๆต่างก็หวาดกลัว....ดั่งอสูรในคราบมนุษย์โลก...ใจคอโหดเหี้ยม...หรรษากับความตาย และความทุกข์ทรมานของคนมากมาย....ยิ่งกว่าสัตว์ร้ายกระหายเลือด.....

    อาซากุระ ฮาโอ ปิศาจร้ายที่พร้อมจะกลืนกินแสงสว่างในโลกที่แสนวุ่นวาย....

    เบื้องหลังชาแมนผู้เก่งกาจ คือความทุกข์ของใครหลายคน แต่มีบางคน....บางคนที่เก็บเอาความทุกข์เหมือนพาชนะ

    ...เก็บความทุกข์ที่ได้จากปิศาจตนนั้น...เก็บมันเอาไว้...และพร้อมที่จะระเบิดความเคียดแค้นออกมาให้จงได้....

    ฮาโอไม่เคยรับรู้ว่า...เด็กที่เค้าฆ่าบุพการีของเค้าคนนั้น..จะมายืนต่อหน้าเค้า...และต่อสู้ โดยไม่คิดชีวิตของตนเอง

     ใบหน้าสวยงามราวเทพธิดานั่น ผมสีใบไม้ที่ดูนุ่มนวล ตาทั้งคู่สีมรกตเจือแววเศร้าตลอดเวลา ร่างเล็กในเครื่องแบบสีขาว....เค้าตั้งมั่นว่าจะกำจัด “เจ้าปิศาจ” นั่นให้ได้...ไม่ใช่เพื่อล้างแค้น....แต่เพื่อ....ไม่ให้มีคนต้องเป็นแบบเค้า....ดังนั้น ร่างๆนั้น จึงต้องรับภาระที่หนักอึ้ง....รีเซิร์ก ไดเทล..คนที่ยอมต่อกรแม้แต่คนที่เป็นดั่งซาตานเดินดิน ที่ทำลายล้างชีวิตคนมานัดต่อนัด..


    ..การหยุดนิ่งของเด็กหนุ่ม...คือการหยุดหายใจ..


    ..ทุ่มเทเพื่อจัดการศัตรู เจ้าคนบาป……

    ---------------------------------------------


     นาฬิกาโบราณตบอกเวลาสามทุ่ม เด็กหนุ่มร่างเล็กสาละวนอยู่กับการโทรศัพท์หาเพื่อนต่างชาติใบหน้าหวานยิ้มเศร้า แล้วสายก็ตัดเมื่อการสนทนาจบลง

    “ญี่ปุ่นเหรอ? ก็ไม่เลวนี่นา นานๆทีจะได้พักนะ”

     คิดถึงใบหน้าของเพื่อนแล้วยิ้ม ทายาทคนทุดท้ายแห่งตระกูลนักสืบชื่อดัง... ตระกูลไดเทล.... มือเรียวหยิบรูปขึ้นมาดู

    “ถ้าคุณพ่อกับคุณแม่ยังอยู่...เราคง...” คิดย้อนไปถึงเมื่อหลายปีก่อน

    ทุกๆวันเกิด คุณพ่อกับคุณแม่มักจะพาไปทัวร์ต่างประเทศ เมื่อตอนที่ยังห้าขวบ พาไปแถวๆอิตาลี เป็นวันที่เค้ามีความสุขมาก...แต่นั่นคือปีสุดท้ายที่จะได้เฮฮากับบุพการี..เพราะย่างเข้าหกขวบ.....ไม่เคยคิดเลย...ว่าเค้าไม่มีโอกาสได้ไปไหนกับพวกท่านอีกแล้ว.

    ..ทั้งหมดเพราะหมอนั่นคนเดียว…….
     
     บานหน้าต่างเปิดรับสายลมเย็นๆ ทำให้จิตใจหลุดลอย หวนคิดเรื่องราวที่เกิดขึ้นมากกมาย วันเวลาในช่วงสั้นๆที่ได้พบกับเพื่อน...เพื่อนแท้ที่ยอมตายเพื่อเขาได้....ไม่เคยคิดเลยว่าได้พบเจอ

    ....อาซาคุระ โย.....

     แม้ใบหน้าจะเหมือนกับฮาโอ แต่ดวงตาส่องประกายเป็นมิตรอยู่เสมอ รอยยิ้มจริงใจที่มอบให้ทุกคน โยคือคนที่ยื่นมือให้ชั้น....แล้วก็ยังมีเพื่อนๆอีกมากมาย คนที่รักเราเป็นเพื่อนคนหนึ่ง....โดยไม่สนใจว่าชั้นเคยทำให้พวกเขาต้องเจ็บช้ำแค่ไหน.....ชั้นมันโง่เสียจริง ที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อล้างแค้น โดยไม่สนใจเพื่อนๆที่คอยห้ามเลย......
     ร่างเล็กยิ้มเศร้า เดินออกไปข้างนอก นั่งลงกับหลังคา สัมผัสกับความเหงาที่เกาะกินหัวใจ ถึงที่ไหล่ซ้ายจะมีวิญญาณคู่ใจ มอร์ฟีน... ภูติดอกไม้แสนสวยที่ติดตามเขาไปทุกที่ เป็นเพื่อนคนแรกในชีวิต....

    ....จะมีสักกี่คนที่รู้ว่า...

    การอยู่บนที่สูงนั้นสุขขนาดไหน

    ...แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่า....

    ....ยิ่งสูงส่ง..ยิ่งเหงา...

    ......เพราะมีไม่กี่คนที่อยู่สูงพอที่จะเคียงข้างเรา....

    ชาแมนที่ติดต่อกับวิญญาณได้ ย่อมเข้ากับคนธรรมดาได้ยาก....และเมื่อต้องปะปนกับคนธรรมดา การมองเห็นทั้งวิญญาณและคนปนเปกันไป ยิ่งสร้างความสับสน.

    ..และทำให้คนรอบข้างเห็นว่าเรา....ไม่ปกติ....

    ---------------------------------------------
    เครื่องบินลงจอดยังลานบิน เหล่าผู้โดยสารต่างทยอยลงจากเครื่องบิน ตอนนี้รีเซิร์ก ได้มายังญี่ปุ่น ในใจก็หวังว่าจะได้เจอเพื่อนสักที

    “พวกโยจะมารับมั้ยนะ”
    คิดเล่นๆ เพราะยังไงที่นี่ก็ไกลจากเมืองที่เพื่อนอาศัยอยู่ ดี ยังไงก็ต้องขึ้นรถไฟไปหาอยู่ดี....

    กวาดตามองไปทั่วสนามบิน ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าเพื่อนคงไม่มารับหรอก

    “น้องสาวจ๊ะ...ทำหนังสือตกจ๊ะ” เสียงหวานของหญิงสาวนิรนามดังขึ้น เธอยื่นหนังสือมาให้เขา ร่างเล็กยิ้ม

    “ขอบคุณครับ”

    “เอ๋?”


    เธอทำหน้าเหมือนถูกหลอก จ้องใบหน้าของเขาอย่างงง ก่อนจะเลิกคิ้ว

    “เธอเป็นผู้ชายเหรอเนี่ย ขอโทษจ๊ะ” หญิงสาวรีบเผ่นทันทีเพราะหน้าแตก ทิ้งให้คนรับหนังสือทำหน้าเหวอ

    “ทำไมต้องสงสัยเราขนาดนั้นด้วย”

    เด็กหนุ่มนึกสงสัยอยู่ แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร

    ทางด้านคนที่เก็บของตกได้นั้น กำลังเดินไปห้องน้ำ

    “เอ...ตะกี้เห็นใส่ชุดกระโปรงสีขาวไม่ใช่เหรอ? แล้วผมก็ประบ่าตรงอีก...เรานี่ชักจะตาฝาดแล้วแฮะ...”

    พูดลอยๆ แล้วก้าวฉับๆไปห้องน้ำ ในใจก็กลัวว่าโดนผีอำ ไม่ก็เบลอจัดกระมัง
     
     ใครจะรู้ว่า สิ่งที่หญิงสาวเห็นนั้น..เธอตาไม่ฝาดหรอก...
    ---------------------------------------------

    “อ๊ะ! โฮโรโฮโร่ นายมารับชั้นเหรอ? แล้วโยล่ะ?”

    “ไง...ไม่ได้เจอกันปีเดียว โตขึ้นเยอะเลยนี่...เจ้าโยมันจะต้องเฝ้าบ้านเลยฝากชั้นที่เพิ่งจะมาที่นี่ช่วยรับด้วย 555+”

    ตรงหน้าคือเด็กหนุ่มผมสีฟ้าตั้ง รูปร่างผอมบางตามแบบเด็กหนุ่มชาวเอเชีย ซึ่งเคยได้ร่วมผจญภัยในศ฿กที่ผ่านมา ทักขึ้นด้วยรอยยิ้มที่สดใส

    “ก็นิดหน่อยนะ โฮโรโฮโร่” ร่างเล็กทักตอบ

    “โย่ววว สวัสดีนะคร้าบบบบ หนูรีเซ่..” เพื่อนผิวเข้มทักทายด้วยถ้อยคำตลกไม่รับประทาน แทนที่จะฮากลิ้งกลับทำให้คนฟังเหงื่อตก

    ; “หวัดดี มุขยัง...ตลกน้อย..อยู่นะ ช็อกโกเลิฟ...ว่าแต่นายก็มาด้วยเหรอ?” 

    ยากนักที่จะสรรหาคำพูดสุภาพมาแทน รีเซิร์กเกิดในตระกูลผู้ดี ย่อมมีมารยาท แต่บางทีก็อาจจะคันปากเผลอพูดตรงได้...แต่ยังไงก็ต้องพยายามเข้าไว้นะ.
    ..เกือบบอกไปว่ามุขห่วยแล้วแฮะ ….
    “หึๆๆ ก็โยชวนเลยมาอ่ะ” ตอบด้วยความภาคภูมิ ว่าตัวเองก็มีปัญญาหาเงินซื้อตั๋วแพงๆบินไปที่ญี่ปุ่นได้

    “หวัดดี” เสียงเย็นชาของเด็กหนุ่มชาวจีน ใบหน้าที่ดูดุดันก็ยังคงเป็นเช่นเดิม

    “สวัสดี เร็น...” คนถูกทักก็จำต้องทักสั้นๆ ถึงดูภายนอกเร็นจะน่ากลัว แต่จริงๆแล้วใจดีกับเขาไม่น้อยเลยทีเดียว
    “ชั้นว่าเรารีบไปกันเหอะ”

    หัวหน้าคณะออกคำสั่ง แล้วชาแมนทั้งหลายก็เดินทาไปยัง บ้านอาซากุระด้วยความเบิกบาน

    ...แล้วเรื่องลึกลับซับซ้อนก็ได้อุบัติขึ้น.....
    ---------------------------------------------
     ต้นไม้สีเขียวชอุ่มปลิวไหวตามสายลมเย็นที่พัดผ่าน ชุมชนเมืองเล็กอันสุขสงบ  ณ บ้านตระกูลอาซากุระอันเก่าแก่ ป้ายไม้แห่งสีเข้ม ตั้งติดอยู่ที่รั้วบ้านหลังใหญ่นี้ เสียงของน้ำแอ่งสีใสอันอบอุ่น ส่งกลิ่นหอมละมุนแห่งธรรมชาติได้เป็นอย่างดี

     ร่างของเด็กหนุ่มเกศาสีรัตติกาลส่องประกายม่วงกำลังนั่งอยู่ตรงระเบียงทางเดินไม้เงาวับ ข้างกายคือวิญญาณซามุไรหนุ่ม ใบหน้าเคร่งเครียดเหมือนกำลังครุ่นคิดบางสิ่งบางอย่าง หากแต่เด็กหนุ่มผู้ซึ่งเป็นเจ้าของก็ยังคงใบหน้ายิ้มแย้มเช่นทุกๆวัน

    “ท่านโยขอรับ เมื่อไหร่ท่านรีเซิร์กจึงจะมาสักทีล่ะขอรับ กระผมว่าท่านรีเซิร์กอาจจะหลงทางก็ได้กระมังขอรับ”

    ซามุไรหนุ่มเอ่ยถามเด็กหนุ่มอย่างเป็นกังวล แต่คำตอบที่ได้มาก็คือใบหน้ายิ้มแย้มของเด็กหนุ่มอยู่ดี

    “ไม่ต้องห่วงหรอกอามิดามารุ รีเซิร์กฉลาดจะตายไป นายไม่ต้องห่วงหรอกนะ ”
    โยกล่าวแล้วเหม่อมองประตูรั้ว

    //อีกอย่าง....ถ้าเจอพวกโฮโร่โฮโร่ระหว่างทางรับรองว่าไม่หลง นอกจากเจ้าพวกบ้าจะพาหลงอ่ะน//

    “คุณคะ”

    เสียงๆหนึ่งดังมาจากข้างหลังของทั้งสอง พร้อมด้วยรังสีอำมหิตติดมาด้วย

    “จ๋า....แอนนามีอะไรเหรอ” โยกล่าวตอบ เจ้าของเสียงนี้คือแอนนาว่าที่ภรรยาของเด็กหนุ่ม เธอผู้มีเส้นผมสีน้ำตาล ดวงตาสีดำสงบนิ่ง ในมือเรียวขาวของเธอถือตะกร้าสาน

    “ไปซื้อของที่ตลาดหน่อยสิ ใบสั่งอยู่ในตะกร้าแล้วนะ แล้วตามริวมาทำอาหารกลางวันด้วย เร็วๆล่ะ”
    “เข้าใจแล้ว รออีกไม่นานนะ”

    สิ้นเสียงเฉื่อย เด็กหนุ่มก็ทะยานวิ่งไปที่ตลาดโดยด่วน โดนวิญญาณคู่หูติดตามไปด้วย

    ++++++++++++++++

    “เฮ้อ.....เซ็งชะมัด.....ไม่เห็นมีสาวเอ๊าะๆหน้าตาน่ารักมาให้เห็นบ้างเล้ย เมืองนี้”

    เสียงของเด็กหนุ่มใบหน้าแก่ก่อนวัยดังขึ้น ท่ามกลางชายหาดร้างผู้คน ลมทะเลพัดเอื่อยเฉื่อยส่งกลิ่นเกลือคละคลุ้งไปกับเสียงคลื่นทะเลยามสงบ มอเตอร์ไซด์คันงามจอดอย่างสงบข้างๆกายเขา วิญญาณโจรหน้าตาพิลึกปรากฏตัวอยู่ข้างๆ

    “นายจะบ่นทำซากอะไรฮึริว เห็นไปก็ไร้ประโยชน์น่า ทั่งชาติก็ยังจีบไม่ได้ซักที”

    วิญญาณเอ่ยอย่างเบื่อหน่าย ร่างสูงจึงเกิดโทสะเล็กๆขึ้น

    “เงียบไปเลย โทคาเงโร่!! นายจะเข้าใจหนุ่มไฟแรง(ที่มอดแล้ว)อย่างชั้นมั้ยเล่า!! ชั้นเพิ่งจะสิบเจ็ดปีเอ๊ง...เสน่ห์กำลังเริ่มเปล่งปลั่ง”

    แม้จะเข้าใจว่าอายุของร่างสูงคือ 17 ปี ทว่าภายนอกดูยังไงก็เหมือนกับคนอายุมากแล้ว วิญญาณคู่ใจคิดในใจอย่างเบื่อหน่ายกับความหลงตัวเองไม่เข้าเรื่องของเจ้านาย

    “เออ....จะว่าไปตกลงนายชอบรีเซิร์กจริงจังรึเปล่าวะ เห็นปีที่แล้วเห็นเพ้ออย่างกับคนบ้า ว่าเค้าเป็นสุดที่รักงี้ แล้วทำไมนายทำตัวเจ้าชู้อย่างนี้ล่ะ ทั้งชาตินายไม่มีแฟนแหงๆเลยว่ะ”

    โทคาเงโร่พูดประชด แต่มันกลับทำให้เด็กหนุ่มหน้าแก่เกิดอาการแปลกๆขึ้น

    “ก็รีเซิร์กเป็นผู้ชายสิ เฮ้อ...ไอ้เราก็ดันชอบเค้ามากซะด้วยสิ...พระเจ้าไม่ยุติธรรม ทำไมส่งคู่รักของชั้นมาเป็นชายได้!!!”

    แล้วเสียงเพ้อก็ดังระงมอยู่พักใหญ่ทีเดียว

    “ไม่น่าเลย...คนที่ชั้นชอบกลับเป็นชายซะนี่”

    “มันไม่สำคัญว่าจะเป็นเพศไหน ถ้าเราเชื่อมั่นว่าเรารักเขาจริง ไม่ว่าใครจะมองแบบไหน แต่ถ้าเรารักจริงและไม่เปลี่ยนแปลงหวั่นไหว ผมเชื่อว่าคุณจะต้องสมหวังอย่างแน่นอน .....ผมไม่อยากเชื่อเลยว่าเบสเพรสของคุณริวจะเป็นผู้ชายน่ะครับ น่าตกใจจริงๆ”

    เสียงเศร้าดังขึ้นจากข้างหลังของเด็กหนุ่ม เขาหันหลังไปแล้วก็เผยยิ้มอย่างดีใจสุดๆและอึ้งสุดขีด เพราะกลัวจะถูกได้ยินเรื่องที่ตัวเองเพ้อ

    “ระ....รีเซิร์ก...รีเซิร์กใช่มั้ย.....”

    “ครับ คุณริว ว่าแต่คุณริวชอบใครเหรอฮะ”

    เด็กหนุ่มถามอย่างสงสัย เรียกสีเลือดบนใบหน้าของเด็กหนุ่มคู่สนทนาได้เป็นอย่างดี

    “เอ่อ....ไม่บอกง่ายๆหรอกน่า...ฮะๆๆ งั้นชั้นว่าเราไปที่บ้านนายท่านดีมั้ย เย็นมากแล้ว”

    ริวพยายามเปลี่ยนเรื่องคุย ร่างเล็กยิ้มเย็นๆตอบรับแล้วถือกระเป๋าเดินแล้วเดินช้าๆ

    “ไม่เห็นพวกเราเรอะ ริว เห็นพวกชั้นเป็นหัวหลักหัวตอไปได้”

    เสียงกวนๆของโฮโระดังขึ้นใกล้ คนหน้าแก่ก็หันขวับไปมอง เหล่าคณะที่ตามมาก็ยิ้มระรื่น ทั้งที่จริงๆแล้วพยายามไม่หัวเราะใบหน้าไร้เดียงสาของหนุ่มชาวอังกฤษ

    เฮ้อ...เขาาชอบแก แกยังไม่รู้อีกเรอะ เจ้าเซ่อ!


    “อ่า....งั้นฉันว่าเราไปกันเหอะนะ..”

    พยายามระงับอาการประสาท แล้วเหล่าเยาวชนชาแมนก็พากันไปยังจุดหมาย....

    +++++++++++++++


    “เฮ่อ...ทำไงดีนะ เจ้าริวหายไปไหนของเค้านะ ไอ้เรารึอุตส่าห์ตามหา ถ้ามาสายมีหวังแอนนาลงโทษแน่ๆเลย!!”

    โยบ่นพึมพำ ขณะถือตะกร้าที่เต็มไปด้วยผักสด ดวงตาสีดำมองไปรอบๆหวังจะพบพ่อครัวที่บ้านนั่นก็คือริวนั่นเอง
     และแล้วความปรารถนาของเด็กหนุ่มก็เป็นจริง มอเตอร์ไซด์คันงามจอดอยู่ข้างๆเขา

    “นายท่าน....ตามหาผมเหรอครับ...เออ.....เผอิญผมเจอรีเซิร์กเข้า เลยพามาด้วยน่ะครับ”

    เด็กหนุ่มหน้าแก่เอ่ยบอกเจ้านายหนุ่มด้วยรอยยิ้ม

    “เหรอ......งั้นรีบไปกันเหอะ..เดี๋ยวแอนนามีหวังลงโทษแหงๆ”

    โยพูดไป พลางนึกถึงใบหน้าของคู่หมั้นสุดโหดของเขา สร้างความแปลกใจให้แก่ร่างเล็ก

    “เอ๋! คุณแอนนาโหดขนาดนั้นเลยเหรอโย?”

    เขาถามเบาๆ

    “ฮะๆๆ ก็..ประมาณนั้นม้าง....”

    โยหัวเราะเฉื่อยๆแล้วนั่งเบาะผู้โดยสารที่ติดมากับมอเตอร์ไซด์ด้วย

     ที่แน่ๆคือพวกโฮโระต้องเดินไปบ้านอาซากุระ ทน....ทนได้เพื่อรีเซ่..

    .อ๊ากก เมื่อไหร่จะถึงฟระ!

    เสียงครวญครางดังอยู่ในใจของโฮโระและช็อกโกเลิฟ ส่วนอีกคนคือเร็นก็วิ่งด้วยความไม่รู้สึกสะท้านแต่อย่างใด

    “แค่นี้ทำสำออย”

    พูดเบาๆอย่างระอา นี่ถ้าอยู่กับเจ้าพวกนี้นานๆท่าทางจะทนไม่ไหวจนต้องไปโดดถีบมันเข้าสักวัน

    ให้ตายสิ! ช้าชะมัด!

    สามร่างสามวิญญาณคู่ชีพก็ไปข้างหน้าต่อไปท่ามกลางแสงตะวันยามเย็น.....

    +++++++++++++++++++++++++++

    “จะทานแล้วนะคร้าบบบบบ”

    ในที่สุดเวลานี้ก็มาถึง เมื่อเหล่าสหายชาแมนที่ร่วมเป็นร่วมตายในศึกครั้งที่แล้วก็มานั่งกันพร้อมหน้าทานอาหารในห้องอาหารเรียบๆสไตร์ญี่ปุ่น

    “นี่ๆ....ชั้นอยากรู้มาตั้งนานแล้วนายเรียนชั้นไหน ม.2เหมือนพวกเรารึเปล่า หรือยัง ม.1อ่ะ”

    โยเริ่มถามรีเซิร์ก

    “อ่า...ตอนที่พวกเราเข้าร่วมแข่งชาแมนไฟท์ก็คือตอนปิดเทอมของเด็กม.ต้นใช่มั้ย....แต่ชั้นเสียครอบครัวไปตั้งแต่ 6 ขวบ ก็เลยไม่ได้เรียนเหมือนชาวบ้านเค้า”

    “หือ? แล้วเรียนยังไง?”

    “นายก็รู้ว่าพ่อชั้นเป็นนักสืบ พอพ่อแม่เสีย ชั้นก็เลยได้รับการอุปการะจากเพื่อนพ่อ ชั้นก็เลยถูกจับเรียนอนุบาลตั้งแต่ 6 ขวบน่ะ”

    ใบหน้าหวานยิ้มเศร้า

    “เหรอ....แล้วไง”

    “สาเหตุที่ฉันไม่มีเพื่อนเพราะว่า...เฮ้อ...ไม่อยากเล่าเลย...แต่ช่างเหอะ...ถ้าเพื่อเพื่อนของฉันแล้ว...ฉันก็ต้องตอบอยู่แล้วนะ”

    “แล้วไงๆ” คราวนี้เป็นเสียงของเพื่อนชาแมนผิวเข้มที่เริ่มสนใจ

    “ครูบอกว่าชั้นอ่านหนังสือได้ดีกว่าเด็กทั่วไป แถมไม่ค่อยสนใจเล่นเหมือนเด็กคนอื่น ชั้นเอาแต่ฝึกวิชาล้างแค้นน่ะ บ้างก็ไปปีนอาคารเรียน หึๆ..ครูนึกว่าชั้นจะโดดตึกฆ่าตัวตายซะอีก....”

    “หลังจากที่เรียนโรงเรียนประจำแล้ว...ครูเค้าบอกให้ย้ายโรงเรียน เพราะว่าชั้น...เรียนเก่งเกินเด็กคนอื่น...เพราะมีวันหนี่งที่ฉันไปเจอสมุดการบ้านของพี่ป6.เลยทำดู ครูเค้าเห็นก็เลยบอกให้ย้ายโรงเรียน”

    // “ไดเทล...เธอเรียนที่นี่ไม่ไหวแล้วนะ ครูว่า”

    “เอ๋? ทำไมอ่ะครับ?”

    “วิชาคณิตศาสตร์ของพี่ป6.เธอแก้โจทย์ถูกทุกข้อ แถมผลการเรียนของเธอก็ดีมาก ครูอยากให้เธอไปเรียนโรงเรียนเด็กอัจฉริยะซะนะ”
    “ครับ.....”//

    “จริงอ่ะ!!!” โฮโรโฮโร่ตะโกนด้วยความอึ้ง ใครจะรู้ว่าเพื่อนตัวเองมีมันสมองระดับนี้

    “ก็ประมาณนั้น....ชั้นไปเรียนที่โรงเรียนนั่น.....แล้วก็เรียนเทียบกับมหาวิทยาลัย เลยจบปริญญาตรีสาขาจิตวิทยาอาชญากร น่ะ”
    (คูกะ-จิตวิทยาอาชญากร ถ้าจำไม่ผิด น่าจะเป็นวิชาที่พวกตำรวจนักสืบเรียนกัน)

    !!!

    ความอึ้งปรากฏ อ๊ากกก นี่ผมเป็นเพื่อนกับอัจฉริยะเรอะเนี่ยยยยยยย

    “เอ่อ....กินข้าวต่อเหอะ....ยังไงเรื่องรับปริญญามันผ่านไปตั้งแต่ชั้นอายุ 12 ขวบนะ หลังจากจบก็เลยไปตามหาเจ้าฮาโอพร้อมกับฝึกวิชาเพิ่ม.....ไม่มีอะไรพิเศษน่า ^^”

    ไม่พิเศษเรอะ!!!

    แล้วเพื่อนก็เลยเจี๋ยมเจี้ยมกันเป็นแถว.....ถ้าถามปัญหาวิชาการ หมอนี้ไม่ตอบถูกหมดเรอะ.

    ..เออ....ใช้เป็นที่สอนการบ้านดีกว่า หึๆ

    เสียงกระซิบในหัวใจของโฮโระบ่งบอกถึงเจตนาของเจ้าตัว

    “โฮโรโฮโร่ไม่กินเหรอ?” คนที่เพิ่งเล่าเรื่องของตนเองหันมาถาม

    “กินสิๆ” ยิ้มกลบเกลื่อนเหงื่อเม็ดโต เฮ้อ...ดีนะที่ไม่รู้......

    ++++++++++++++++++++++++

    ยามราตรีมาเยือน สายลมพัดผ่านปะทะผิวกายขาวๆ ดวงเนตรประดุจมรกตน้ำงามหันไปมองร่างสูงที่เป็นเพื่อนร่วมห้อง ริวโนะสึเกะนอนหลับแล้ว....แต่เค้าก็ยังนอนไม่หลับอยู่ดี....

    “ทำไม...ทั้งที่เราออกจะดีใจที่ได้มาที่นี่....แต่ก็ยังรู้สึกว่าขาดอะไรไปบางอย่าง.....”

    ใบหน้าหวานจ้องมองกระจกบานใหญ่ข้างกำแพง ผมสีมรกตที่เปียกลู่ลงเพราะเพิ่งผ่านการสระมาใหม่ๆ
    มือขาวทาบลงบนกระจก มองอย่างเหม่อลอย.....

    !!!

    ภาพที่สะท้อนคือใบหน้าของบุคคลปริศนา แม้จะดูเหมือนตัวเองเพียงไร แต่ชุดที่เค้าใส่คือยูกะตะใส่นอนสีขาว แต่คอเสื้อของคนในกระจกคือเสื้อผู้หญิงบางๆสีขาว

    รีเซิร์กเห็นก็รีบขยี้ตา นี่เราง่วงจัดหรือนี่....เพิ่ง 3ทุ่มกว่าๆเอง....

    “ตาฝาดจริงๆด้วย....” เมื่อมองไปอีกทีก็สะท้อนภาพของตัวเองตามปกติ ส่ายหัวไล่ความคิดออกไป แล้วจึงไปนั่งกับหลังคาที่ยื่นออกมานอกหน้าต่าง

    “ดาวคืนนี้สวยจังนะ มอร์ฟีน” พูดอยู่กับเพื่อนรักซึ่งเป็นภูติดอกไม้ มอร์ฟีนยิ้มรับ

    ......ดวงตาจู่ๆก็ปรือลง.....จมลงในความมืดมิด.......

    // “สองมือน้อย แม้เล็กแต่แข็งแกร่ง....สรรค์สร้างหลายสรรพสิ่ง....สรรค์สร้างเกราะแก้วปกป้องผู้บริสุทธิ์.....สร้างกายที่บุบสลายให้เกิดใหม่อีกครั้ง....”

    “ผมทำแบบนั้นได้ด้วยเหรอ.....”

    “ทำได้สิ...นายเป็นผู้ที่สรรค์สร้าง...ใช้พลังที่มีร่วมกันสร้างสันติกันนะ...คุณไดเทล...”

    เสียงนิรนามดังก้องอยู่ในความมืดมิด ร่างบางสาวเท้าตามหาต้นเสียง แต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอสักที......เพราะมันมืดจนแม้แต่ตัวเองก็ยังมองไม่เห็นมือที่สั่นเทาของตัวเองเลย......

    “แล้วคุณเป็นใครครับ? แล้วผมจะออกไปจากที่นี่ได้ยังไง......”

    “.นายออกไปจากที่นี่เองไม่ได้หรอก.........”

    เมื่อรู้ว่าต้องติดอยู่ในนี้....เข่าที่ทรุดลง แม้จะพยายามปลอบใจตัวเอง แต่ก็ไร้ผล....หยดน้ำตาไหลลงอาบแก้ม....อ่อนแอ....ชั้นมันอ่อนแอจริงๆ.......


    “ลุกขึ้นมาสิ นายมีเพื่อนพ้องไม่ใช่รึยังไง”
    เสียงหวานใสของใครบางคนดังขึ้น พลัน! แสงสว่างก็สาดส่อง ทำให้มองเห็นข้างหน้าไม่ชัดเจน....

    “?”

    มือเล็กรับรู้ถึงสัมผัสอบอุ่นจากมือเรียวบางนุ่มนวลที่จับมือของตนไว้....ดวงเนตรสีมรกตสบประสานเข้ากับดวงเนตรสีเดียวกัน...

    “คุณ?”

     ภาพของใบหน้าหวานสวยงามงาม ยากที่จะพรรณนาให้เข้าใจลึกซึ้ง ผมสีทองสลวยประบ่า และใบหน้าอ่อนโยนงามงดราวรูปสลักจากแดนสวรรค์...น้ำเสียงก็ไพเราะจับใจราวกับเสียงกังวานของเครื่องดนตรีชั้นเลิศ ร่างบอบบางในชุดเสื้อคลุมสีดำถ่านซึ่งตัดกับผิวขาวอมชมพูนั้น.....ร่างบางที่คุกเข่าอยู่เบื้องหน้า

     “รีเซิร์ก....สนใจ....อยากจะสร้างสันติมั้ยล่ะ มากับพวกเราไหม?”

    “ครับ.....”

    แม้จะยังคาใจ แต่ก็ตอบตกลง ร่างบางยืนขึ้น เดินตามร่างบางในเครื่องแบบสีถ่าน

    “ทำไมตอบตกลงง่ายๆล่ะ?” คนเดินนำทางถามขึ้น

    “ผม...ชอบสันติครับ...แค่อยากให้เกิดสันติ....อีกอย่าง.....ผมรู้สึกคุ้นเคยกับคุณมาก....”

    “เหรอ...” ร่างบางหันมายิ้มให้

    “ชั้นก็คุ้นเคยนะ....นายเหมือนน้องของฉัน.....มาเถอะ....มารับพี่ชายคนโตกันนะ..”

    “อื้อ!”

    รีเซิร์กตรงเข้าไปขับมือที่ยื่นให้ของร่างบาง

    “แล้ว...พี่ชื่ออะไรครับ....”

    “พี่ชื่อคุราปิก้า....แห่งคูลท์.....”

    “สันติเนี่ย.....มันเป็นสิ่งที่หายากนะ ว่ามั้ย?” พี่ชายใจดีเอ่ยถาม

    “ครับ...แต่เราสองคน.....จะทำได้เหรอ...”

    “ทำไมคิดแบบนั้น?”

    “ลำพัง....เราสองคนจะทำได้เหรอครับ...คนที่คอยทำลายมีอีกมากมาย....”

    “ไม่หรอก...เราไม่ได้อยู่เพียงลำพัง....เพื่อนพ้องไง....เรายังมีเพื่อนอยู่นี่นา.....นาลองดูไปรอบๆสิ....”

    รีเซิร์กมองไปรอบๆ.......แล้วรอยยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้า.....

    ......ภาพของเพื่อนพ้องทั้งหลายที่ยิ้มให้....รายล้อมอยู่......

    ....ทั้งคุณพ่อคุณแม่...พวกโย...แล้วก็พวกเอ็กลอร์ เพื่อนตาย....ของเรา......

    “เข้าใจแล้วสินะ....”

    “ครับ......”

    รับคำอย่างง่ายดาย.....นั่นสิ....ฉันยังมีเพื่อนพ้องอีกนี่นา........

    “พี่ชาย......ผมจะพยายามนะครับ.......”

    “ฉันก็เหมือนกัน.........................”

    !!!!!!!

    ร่างเล็กตื่นจากฝัน รับรู้ถึงความเย็บเฉียบของกระเบื้อง

    “ฝันไปเหรอ.....”

    แต่เป็นฝันที่เหมือนจริงมาก.....คุราปิก้าแห่งคูลท์......คนๆนั้น...เป็นใครกันนะ.....

    “เอ๋?” นกกระดาษสีขาวอยู่ที่ปลายเท้าตั้งแต่เมื่อไหร่ ร่างเล็กหยิบขึ้นมาแล้วคลี่นกน้อยออก

    “.....เรามาร่วมกันสร้างสันติกันเถอะ....”

    ลายมือสวยงามนั้น....คือสิ่งที่ตอกย้ำว่า ที่เค้าคิดว่าฝัน...ไม่ใช่ฝันอีกต่อไป......

    “ถ้าพระเจ้ากำหนดให้ผมต้องทำแบบนี้....ผมเองก็พร้อมที่จะยอมรับชะตากรรมต่อไป.....คุณคุราปิก้า....ผมจะรอนะ....รอว่าคุณจะให้ผมทำอะไร.....ผมรักสันติภาพครับ.....”

    พูดเบาๆ แม้รู้ว่าคงไม่มีใครได้ยิน......

    ......มือเรียวพับนกกระดาษสีขาวอีกครั้ง จากมือที่กำนกนั้น ก็ค่อยๆคลายออก...ปล่อยให้นกแห่งสันติบินไปตามสายลมที่ผัดผ่าน ท่ามกลางความหนาวเย็น.......

    “ราตรีสวัสดิ์”

    .......แล้วก็เข้าสู่ห่วงนิทรา.......

    “ขอบใจ....ราตรีสวัสดิ์เช่นกัน.....”

    เสียงๆหนึ่งดังขึ้นจากที่แห่งหนึ่ง.......รีเซิร์กจะรู้ไหมว่า ตัวเองต้องมาพัวพันกับความเป็นความตายของคนมากมาย


    .......จงจำเอาไว้.......

     “สันติ...ซื้อด้วยเงินไม่ได้....สร้างด้วยตัวคนเดียวไม่ได้....แต่ต้องช่วยกันสร้างเท่านั้น......”


    แล้วคุณล่ะ? เคยคิดที่จะสร้างสันติบ้างรึเปล่า?

    เจ้าภูติน้อย..

    ...เจ้าจงอย่าได้จ่อมจมในเพลิงแห่งแค้นอีกเลย..

    ...เปลวเพลิงแห่งแค้นไม่เคยทำให้ใครมีความสุข

    มีแต่จะทำให้ทุกข์ทนเท่านั้น

    มองไปรอบๆกายเจ้าสิ..

    ...แล้วเจ้าจะพบเจอกับความสุขเอง...


    +the end+

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×