ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [DGMfic]Parallel[Y]

    ลำดับตอนที่ #1 : Chapter 1

    • อัปเดตล่าสุด 10 พ.ย. 50


    Title : Parallel
    Author : Kugachan
    special Thank:Ansuz
    Pairing : Tyki x Rabi
    Rate : NC-18 SM (ช่วงหลังๆ)
    Spoilers:  -
    Disclaime: Hoshino Katsura
    Summary:  -
    Author notes: พล๊อตจากพ่อแอนโยนมาให้ผมขอรับ เนื่องจากพ่อฟิคถล่มแล้วอยากแต่งแต่ไม่ไหว เลยโยนพล๊อตให้ผมขอรับ แต่ขอขอบคุณสำหรับพล๊อตมากมายฮะ
    + + + + + + +

     เส้นขนาน...คือเส้นที่มิอาจบรรจบกันได้...

    ...ได้เพียงแต่พาดผ่านอยู่ตรงกันข้าง

    .....แม้นจะอยู่ใกล้เพียงใด....

    .....หากแต่....ไม่มีวันได้บรรจบพบเจอกัน...

    ....ตราบใด....ที่ยัง...เป็นเส้นขนาน..

    สายลมปะทะเข้ากับใบหน้า ในค่ำคืนที่แสนหดหู่ เสียงของคลื่นปะทะเข้ากับตัวเรือ โครงเครงตามแรงถาโถมของคลื่น ดวงเนตรดั่งมรกตน้ำงาม เหม่อมองยังฟากฟ้า ดวงดาราส่องแสงสวยงาม ณ ท้องฟ้ารัตติกาลอันมืดมัว เกศาสีส้มประหลาดดั่งดวงสุริยัน ลู่ลงตามแรงโน้มถ่วงส่งให้ปลายเส้นผมนุ่มคลอเคลียกับไหล่บาง ใบหน้างดงามของร่างหนึ่งกำลังยืนท้าวแขนกับขอบเรือตามลำพัง

    ร่างโปร่งบางในชุดสีนิล ในนามของเอ็กโซซิสท์ผู้ซึ่งเป็นดั่งสาวกพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งอุทิศกายใจเพื่อปราบอาคุมะมารร้าย ที่แฝงกายปะปนในหมู่ของมนุษย์ ดวงอัญมณีหลุบต่ำ หวนระลึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ในความทรงจำของว่าที่บุ๊คแมน ผู้บันทึกประวัติศาสตร์โลก...

    หลังจากออกเดินทางโดยเรือสำเภาเพื่อตามหาเสนาธิการตามคำสั่งของหัวหน้าแผนกวิทยาศาสตร์ ได้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ยามเมื่อเพื่อนรัก...เด็กหนุ่มผมสีขาวราวเมฆาถูกฝูงอาคุมะลักพากลับไปยังแผ่นดินใหญ่ โดยเพื่อนสาวผมสีนิลกลับไปช่วยด้วยศาสตรากำราบชื่อว่าดาร์คบู๊ท ทว่าต้องพลัดหลงกัน ยามเมื่อเกิดเหตุการณ์ร่วงหล่นจากสวรรค์เอ็กโซซิสท์คนหนึ่ง....สุดท้ายเพื่อนวัยแรกรุ่นของเขา ก็ถูกเล่นงาน...จนเกือบเอาชีวิตไม่รอด....โดยคำแถลงการณ์ของผู้ช่วยหัวหน้าแผนกที่สาขาเอเชียได้กล่าวไว้ว่า เด็กหนุ่มร่างบางปลอดภัยและได้ถูกส่งตัวไปยังศาสนจักรสาขาเอเชียเป็นที่เรียบร้อย..

    ความรู้สึกกดดันคับอกแน่น ภาพอันเลือนรางของใครบางคน......โนอา....บุคคลที่ซึ่งอยู่ฝ่ายของท่านเคาท์พันปี ผู้สร้างอาคุมะเพื่อทำลายล้างโลก ภาพของเพื่อนที่สิ้นแรง ถูกเข่นฆ่าอย่างโหดเหี้ยม

    รอยยิ้ม...

    ....ใบหน้า..

    ซุ่มเสียง...

    .....ทุกสิ่ง....ระบุได้ถึงตัวบุคคลอย่างแจ่มชัด....

    ..........รู้สึกได้ว่า.....


    ริมฝีปากสั่นระริก

    ....กายหนาวสั่นสะท้าน


    ......เนตร....หม่นหมองราวกับจิตใจได้แตกสลาย.....

    “ทำไม...นายถึงทำแบบนั้น........”
     
    …………..
    .
    .
    .
    ………..


    ..


    .


    กระดิ่งข้างหน้าต่างส่งเสียงกรุ๊งกริ๊ง ชวนให้บรรยากาศเงียบๆมีสีสัน ร่างเล็กบอบบางท่ามกลางกองหนังสือเพ่งพินิจตัวอักษรจากหนังสือเล่มหนา เนตรมรกตสดใสของเด็กชายผมสีส้มประหลาดยาวประบ่า แผ่นกระดาษสีขาวพลิกต่อไปเรื่อยๆ ทว่า ผู้อ่านกลับรู้สึกเบื่อหน่าย อ้าปากหาววอดๆน้ำตาเล็ด พลางบิดขี้เกียจไปด้วย

    “ปู่นะปู่....ใจร้ายไม่ยอมให้ไปเที่ยวด้วย เบื่อ~~~~!”

    ร่างเล็กตะโกนด้วยความโมโห เมื่อกองหนังสือมากมายที่จำเป็นต้องอ่าน ทำให้หัวปวดตุบๆ ปวดหลังแถมยังเมื่อยล้า เด็กน้อยหวนคิดไปถึงปู่ซึ่งอยู่ในฐานะบุ๊คแมนที่คอยบันทึกประวัติศาสตร์โลกที่กำลังออกไปข้างนอก ทิ้งให้หลานรักต้องนั่งจุมปุ๊กอ่านหนังสือหลังแข็งอยู่แต่ในบ้านพัก

    มือน้อยๆขยี้ผมอย่างหาที่ระบาย พวงแก้มขาวพองอย่างงอน เมื่อจินตนาการสีหน้าเปี่ยมสุขของบุ๊คแมนเมื่อออกไปเผชิญโลกข้างนอก โดยที่ตนมีสิทธิ์เพียงอ่านอักษรและจินตนาการเท่านั้น ไม่อาจได้สัมผัสความจริงที่อยู่เพียงปลายเส้นผม หากแต่ไม่อาจเอื้อมไปไขว่คว้า

    “เมื่อไหร่จะโตซักทีนะ~~~!”

    โวยวายลั่น ด้วยความโกรธในวันเวลาที่ไม่เป็นใจ โกรธเวลาที่บางทีก็เชื่องช้าไม่ทันใจ ทำให้เขาต้องเป็นเด็กน้อยที่ถูกห้ามไม่ให้ออกไปข้างนอก โกรธเวลาที่บางทีก็ไวเกินไป เวลาที่เขามีความสุขแล้วมันก็สิ้นสุดอย่างรวดเร็ว...

    จ๋อม!

    เสียงเหมือนมีบางอย่างตกลงไปในบ่อน้ำหลังบ้าน ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากห้องที่เด็กน้อยอาศัยอยู่ เจ้าหนูน้อยราวี่หาววอดๆ ล้มตัวลงกลิ้งไปมาบนเสื่อ จนเสื้อยืดสีขาวยับยู่ยี่

    จ๋อม! บุ๋ม!

    คิ้วเรียวขมวดมุ่น ส่ายหัวไปมาไล่ความคิดที่ว่าอาจมีผู้บุกรุกมายังที่แห่งนี้ก็เป็นได้

    เสียงน้ำเป็นระลอกคลื่นราวกับเสียงปลาดีดดิ้นเพราะบางอย่าง จนในที่สุดความอดทนก็ขาดสะบั้น เท้าน้อยๆอันสวมด้วยถุงเท้าสีขาวชี้ฟ้า ก่อนร่างจะลุกขึ้น ปัดกางเกงขาสั้นสีดำ แล้วย่องไปยังที่เกิดเหตุ


    เนตรสีมรกตเบิกโพลง เมื่อภาพตรงหน้าคือร่างของบุคคลต้องสงสัย ที่กำลังยืนโน้มตัวจับปลาคาร์ฟในบ่ออยู่ เมื่อเพ่งพินิจ ถึงได้รู้ว่าผู้บุกรุกมีเส้นเกศารัตติกาลยุ่งเหยิง ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวปอนๆกับกางเกงสีดำที่ถลกขึ้นเหนือระดับน้ำ

    เนตรสีไพรหรี่ลง ก่อนที่ความคิดบรรเจิดจะเกิดขึ้น..

    มือควานหาบางสิ่งที่สามารถเป็นอาวุธได้ เนตรทั้งคู่ส่องประกายระยิบระยับ พจนานุกรมขนาดฟาดหัวสัตว์มีเขาสลบ อยู่ในมือของเขาแล้ว

    หัวขโมยปลาคาร์ฟที่ไม่มีไว้รับประทาน จับปลาปล่อยลงถังขึ้นสนิมเขรอะ หันไปจัดการกับกองไฟ สำหรับการย่างปลาในมื้อนี้...

    เฟี้ยวววววววววววววว

    โป๊ก~~~!

    คงต้องให้รางวัลนักเขวี้ยงหนังสือประจำวันเสียแล้ว ร่างสูงที่ง่วนกับการทำอาหารมื้อนี้ถูกพจนานุกรมอัดเต็มหน้า จนร่างหงายกระเด็นลงไปกองกับพื้น ราวี่หัวเราะร่วน มองร่างหัวขโมยที่ดูเหมือนจะสิ้นฤทธิ์เพราะพจนานุกรม

    ......เขาเห็นว่าพจนานุกรมภาษาละตินมีประโยชน์มากที่สุดก็วันนี้แหละ.....

    “นี่แน่ะๆ เหอะๆๆ มาขโมยปลาชาวบ้านแบบนี้ มันต้องเจอแบบนี้!”

    ว่าพลางเอาเท้าเตะสีข้างคนสิ้นฤทธิ์อย่างสะใจ เด็กน้อยรีบเอาเชือกมาพันตัวร่างสูงจนยุ่งเหยิง ไม่สนใจว่าร่างนั้นจะยังมีสติอยู่หรือเปล่า

    “โอย....เล่นอะไรของเธออยู่น่ะ หนุ่มน้อย....”

    ร่างเล็กพอได้ยินเสียงของร่างสูง จึงรีบรัดเชือกให้แน่นกว่าเดิม ไม่สนว่าเชือกจะไปรัดตรงคอของขโมย แย่งอากาศไปจนชายหนุ่มหน้าซีด

    “แอ่ก! ไม่ต้องรัด....อ่อก..แรง...ขนาดนั้นก็ได้...แอ่ก! เดี๋ยวฆ่าซะหรอก อ่อก!”

    “เหวออออ ลุงหัวขโมยจะฆ่าฉันปิดปากใช่มั้ย~~!”

    ขโมยก็คือขโมย และราวี่ก็คือราวี่ เด็กน้อยผู้ไม่ประสีประสากับโลกภายนอกจึงหวาดกลัวคนแปลกหน้า ในเมื่อหัวขโมยที่จับได้แล้ว ถ้าขืนปล่อยเชือกล่ะก็ มีหวังโดนบีบคอแหงๆ ผมยังไม่อยากตาย~~~!

    “อ่อกๆ แอ่กๆ”

    เชือกยิ่งรัดแรงเข้าไปใหญ่ ร่างเล็กผูกเชือกให้แน่น ลังเลอยู่ครู่ มองหาอะไรที่พอจะจัดการได้ ทว่าหน้าตาของหัวขโมยจะซีดจนน่ากลัว จนกลัวว่าร่างสูงจะขาดใจตาย และเขาจะกลายเป็นฆาตกรหัวขโมยปลาคาร์ฟไปย่าง!

    …..เขาไม่อยากหมดอนาคตเพราะหัวขโมยปลาคาร์ฟหรอก!

    ผัวะ!

    พจนานุกรมเล่มเดิมถูกฟาดเข้าที่ศีรษะของลุงหัวยุ่ง

    “แอ่ก!”


    “ไม่สลบใช่มั้ย!”

    ผัวะ!

    “จะ...ฆ่ากัน...รึไง...”

    ผัวะ!

    “สลบเซ่!”


    ผัวะ!
    “แอ๊ฟ!”

    “สลบสิฟะ~!”

    “..........”

    ร่างเล็กถอนหายใจ เมื่อเสียงของชายหนุ่มเงียบไปเรียบร้อย รอยยิ้มบนใบหน้าหวานของเด็กน้อยปรากฏ มือหยิบถังน้ำแล้วปล่อยปลาคาร์ฟตัวใหญ่ลงบ่อ แล้วจึงคิดถึงวิธีจัดการกับลุงคนขโมยปลา

    ....จะว่าไป.....ดูไม่เหมือนคนจีนเลยแฮะ.....ขนาดดูไม่ออกว่าปลาคาร์ฟไม่ใช่ปลาเลี้ยงไว้กินซะหน่อย.........

    /*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*

    “...............”

    เนตรสีนิลลืมขึ้น กวาดตามองไปรอบๆ พบกับเด็กน้อยที่ฟาดกระบานเขาไปอย่างเมามันส์  ราวี่นั่งเคี้ยวหมั่นโถว (ซาลาเปาแต่ไม่มีไส้) อย่างเอร็ดอร่อย เย้ยหน้าคนอดข้าวแถมยังโดนมัดไว้อีกตะหาก ชายหนุ่มมองใบหน้าหวานของเด็กน้อยเวลาทานอาหารอย่างมีความสุข มองแก้มที่พองจากปริมาณแป้งเนื้อนุ่มแล้วอดกลืนน้ำลายไม่ไหว มองเหล่าติ่มซำที่เรียงรายอยู่ตรงหน้า มองร่างเล็กที่ดูบอบบางน่ารัก...

    ...........ทุกอย่าง....ท่าทาง.....จะอร่อย......


    “ตื่นแล้วเหรอลุง? ฮ่ะๆๆ ทำหน้าเหมือนหิวเต็มแก่สิท่า”

    ราวี่อดเย้ยหยันไม่ได้ ต้องสอนให้สำนึกถึงข้อหาขโมยปลาไว้ดูเล่น เดินเข้าไปหาร่างสูงที่ถูกจับให้นั่งแล้วมัดด้วยเชือกอย่างแน่นหนา จนมือทั้งสองข้างขยับไม่ได้

    จ๊อก.........

    “ฮั่นแน่~! หิวสิท่า....”

    ว่าแล้วก็ยื่นหน้าเข้าหาใบหน้าหล่อคม จู่ๆรอยยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้าหวาน

    “ก็อย่างที่เธอเห็นนั่นแหละ หนุ่มน้อย...ฉันไม่มีเงินขนาดซื้อของแบบนั้นได้....”

    “ก็เลย....” เนตรมรกตส่องประกายเจ้าเล่ห์ อมยิ้มแล้วเอียงคอ “ขโมยปลาใช่มะ?”

    “ก็....ใช่....”

    “เอางี้ละกัน...งั้นมากินข้าวด้วยกันนะ...” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ฉาบบนใบหน้า “แต่ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนนะ~!”

    “เออ.....อะไรก็ได้น่า.....ท้องกิ่วจะแย่อยู่แล้ว...”

    ชายหัวขโมยเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ราวี่หัวเราะคิกคัก แล้วแก้มัดเชือกให้ชายหนุ่ม ด้วยความเห็นใจว่าเจ้าตัวดูจะหิวจัด ใบหน้าขาวซีดที่ดูซูบผอม และร่างโทรมๆ คงจะพอเดาได้ว่าอดอยากสักแค่ไหน พอร่างของชายหนุ่มเป็นอิสระ เจ้าตัวก็ยิ้มขึ้นมาทันใด

    “แล้วข้อแลกเปลี่ยนล่ะ?”

    “เดี๋ยวบอกน่า...มากินข้าวกันก่อนเด๊ะ....กินคนเดียวไม่สนุก...”

    ว่าแล้วก็งับหมั่นโถวไปคำหนึ่ง มือน้อยส่งหมั่นโถวอีกลูกให้ชายหนุ่ม เมื่อสังเกตเห็นความลังเลของผู้มาเยือน

    “เอ่อ....ไม่เกรงใจล่ะนะ...”

    “เออ.....”

    “จะกินแล้วนะคร้าบบบบบบบบบบบ”


    /*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*

    มือที่จับส้อมสั่นระริก เนตรเบิกโพลง มองการกระทำทุกอย่างของร่างสูงด้วยความตกใจ มือหนารีบขยับมายังสิ่งห่วงห้ามของเด็กชาย ทว่ามีหรือที่เจ้าตัวจะยินยอม

    “ม๊ายยยยย ห้ามแตะต้องนะเฟ้ยยยยยย”

    ว่าแล้วก็รีบลุกขึ้น ปกป้องสิ่งหวงแหนที่เก็บรักษาเอาไว้ ไม่ให้ชายหนุ่มได้ครอบครอง

    “หวา~~~!”

    กระต่ายน้อยรีบวิ่งไปรอบๆห้อง เพราะดูเหมือนร่างสูงจะไม่เลิกราง่ายๆ หัวน้อยๆสั่นไปมาอย่างบ้าคลั่ง น้ำตาคลอเบ้าเมื่อนึกถึงความเลวร้ายของชายหนุ่ม

    ......ไม่น่าปล่อยเลย แง~~~~!

    “ฮ่ะๆๆ โอย...ผมล้อเล่นน่า.......ไม่คิดจะทำแบบนั้นสักหน่อย.....”

    ชายหนุ่มหัวเราะ มองกระต่ายน้อยที่หลบไปอยู่มุมห้อง ทำท่าจะโดดออกนอกหน้าต่างเสียด้วยซ้ำ

    “ก็นายฉวยโอกาสทำไมเล่า~! โถ่~~~! ซาลาเปาไส้ถั่วแดงลูกสุดท้าย ถ้ายังโดนนายฟาดเรียบอีกล่ะก็....ฮึ้ยยย ไม่ยอมเฟ้ย~!”

    กระต่ายหวงซาลาเปาขู่แง่งๆ ใบหน้าคมบิดเบี้ยวเพราะความขำ กระต่ายน้อยเต้นเหยงๆ มือกอดเข่งซาลาเปาอย่างหวงแหนราวลูกน้อยแรกเกิดไม่ปาน มองสภาพห้องที่มีแต่เข่งติ่มซำ แต่อาหารที่อยู่ข้างในตกไปอยู่ในกระเพาะของชายหนุ่มเกิน 90 %

    “งั้นก็ทานให้หมดสิครับ”

    “เออ..”

    ว่าแล้วก็เคี้ยวตุ้ยๆ อย่างรวดเร็ว ด้วยกลัวจะโดนแย่งของกิน หัวขโมยหัวเราะกับท่าทีไร้เดียงสาของเด็กชาย แก้มพองเพราะเคี้ยวซาลาเปาเต็มๆ ค่อยๆกลืนลงไป แล้วนั่งลงตรงหน้าหัวขโมยที่อิ่มแปล้เรียบร้อย

    “ลุง.....เลี้ยงข้าวแล้วนะ....มีเรื่องให้ช่วยหน่อยอ่ะ..ฟาดไปเยอะถ้าไม่ช่วย จับส่งตำรวจเลย ฮึ้ย~!”

    “เรื่องอะไรล่ะ?”

    “ก็อยากให้เล่าเรื่องโลกภายนอกให้ฟังมาซักเรื่องน่ะ อ่านหนังสือไม่เห็นจะรู้เรื่อง ไหนๆก็มาแล้ว เล่าให้ฟังน่าจะสนุกกว่าเยอะ~!”

    “เหรอ?” ชายหนุ่มเอ่ย “แล้วถ้าไม่สนุกล่ะ?”

    ยิ้มหวานๆส่ง ทว่ามีประกายเจ้าเล่ห์แฝงเร้น

    “งั้นไปล้วงคออาเจียนซะ กับข้าวที่ให้กิน ไม่ต้องได้ย่อยแล้ว เอาไปให้หมาจรจัดแถวนี้ดูจะสมกับพลังงานของอาหารหน่อย....ฮ่ะๆๆ”


    ร่างสูงเหงื่อตก ชักสงสัยแล้วว่าใครสั่งใครสอนให้ฉลาดแกงโกงแบบนี้ (จริงๆปู่ไม่ได้สอนนะ แต่เจ้าตัวรู้เอง)

    “เอ่อ...งั้นเล่าเรื่อง.......”

    “เล่าสิๆ”

    ราวี่ลงไปนอนกับพื้น เอาหมอนหนุนตัว แล้วมองผู้เล่า


    /*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*

    “เอ๋......จะไปแล้วเหรอ?........”

    นาฬิกาโบราณบอกเวลาบ่ายสองโมงแล้ว ชายหนุ่มหลังจากเล่าจบก็ลุกขึ้น ร่างเล็กมองอย่างสงสัย ก่อนจะเอ่ยถาม

    “ครับ....แล้วเจอกันนะ...”

    “เอ้อ! คุยกันตั้งนาน ไม่เห็นบอกชื่อกันเลย....”

    เด็กชายยันกายลุกขึ้น เดินเข้าหาร่างที่ปีนหน้าต่างกลับ

    “อ่อ ฉันชื่อ ทิกี้ มิกส์....”

    “ผมชื่อราวี่ เอ้อ.....จะได้เจอกันอีกมั้ย?”

    ร่างสูงหัวเราะ ขยี้ผมสีประหลาดของเด็กน้อย

    “ตราบใดที่ฉันยังไม่ตายน่ะ”


    “เหรอ....” ร่างเล็กถอนหายใจเฮือกใหญ่ เกยคางกับขอบหน้าต่างเหมือนผิดหวังบางอย่าง

    “วันหลังจะมาเล่าเรื่องให้ฟังอีกมั้ย?”

    “ฮื่อ.....แล้วเลี้ยงข้าวฉันอีกนะ ราวี่......”

    รอยยิ้ม จากชายหนุ่มผู้บุกรุก เรียกความสุขก่อเกิดแก่จิตใจ เด็กชายยิ้ม โบกมือลาร่างที่กระโดดออกจากหน้าต่าง แล้วเดินจากไป

    “แล้วจะได้เจอกันอีกเมื่อไหร่นะ........”


    รอยยิ้มแต่งแต้มบนใบหน้าหวาน เอ่ยราวกับกระซิบให้สายลม ได้โปรดดลบันดาลให้คนผู้นั้นหวนกลับมา เพื่อที่จะเป็นอีกคนที่สร้างความสุขแก่เขา.....


    +ติดตามตอนต่อไป+

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×