คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : +Trust you + ตอนที่ 1 ฝนตก
รีไรท์กระหน่ำวินเทอร์เซล 5555+ พอดีว่าเกิดคึกก็เลยตัดสินใจรีไรท์ รอสักนิดเดี๋ยวตอนใหม่จะมาพร้อมกับการรีไรท์ครั้งนี้ครับผม~!
+Trust you + ตอนที่1 วันฝนตก
.
.
.
.
จะมีใครสักคนไหม.....ที่สามารถวางใจและเชื่อมั่น
จะมีใครสักคนไหม....ที่จะปกป้องเรา...ด้วยความอ่อนโยน
จะมีใครสักคนไหม....ที่ไม่ลวงหลอก....
จะมีใครสักคนไหม....ที่จะ “รัก” เรา โดยมิได้มองแต่ภายนอก..
.......................จะมีใครสักคนไหม?...............
ค่ำคืนแห่งความมืดปกคลุมน่านฟ้า ท่ามกลางเมืองแวดล้อมไปด้วยป่าคอนกรีต แสงสีของหลอดนีออนล่อลองเหล่าปุถุชน
ให้ลุ่มหลง เช่นแมงเม่าหลงแสงไฟ ตึกระฟ้าสูงอันเป็นสถานที่ของผู้คนในวัยทำงานใช้ชีวิตไปกับการทำงานเพื่อการมีเงินตราไว้ใช้สนองความต้องการที่แตกต่างของแต่ละคน สภาพของคนร่ำรวยผู้โอ้อวดตนในฐานะคนกระเป๋าหนัก หากแต่ภายในเมืองอันวุ่นวายนี้กลับมีกลุ่มคนที่ต้องเผชิญหน้ากับชะตากรรมที่โหดร้าย
.
สายฝนเย็นยะเยือกตกลงสู่พื้นคอนกรีตเป็นห่าใหญ่ มรสุมพัดผ่าน่านฟ้าเมืองหลวง อุณหภูมิอันหนาวเย็นสร้าง
ความเหน็บหนาวให้แก่หลายร่าง....ที่ตรงนั้น บนสวนสาธารณะ แสงหลอดไฟที่ตั้งอยู่ตลอดทางเดินของสวน ร่างบอบบางของบุคคลผู้หนึ่ง เรือนผมสีทองที่เปียกลู่ตามหยดน้ำฝนที่เกาะพรมไปทั่ว รูปร่างระหงบอบบางในชุดเสื้อแขนยาวสีดำที่แนบเนื้อเพราะสายฝนกับการเกงยีนต์เก่าๆ หากเพียงแต่หน้าอกอันแบนราบเท่านั้นที่สามารถระบุได้ว่าร่างนั้นเป็นชาย ร่างนั้นวิ่งไปตามทางเดินด้วยความรีบร้อนเหมือนหนีอะไรบางอย่าง
“อ๊ะ!!!”
เขาสะดุดหกล้มระหว่างทาง หลังจากที่เท้าเจ้ากรรมสะดุดก้อนหินกลางทาง จนร่างล้มขมำยังแอ่งน้ำฝน ดวงหน้าขาวเกาะพราวด้วยหยาดพิรุณ เหนื่อยหอบหายใจแทนรวยริน กายสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัวและความเหน็บหนาว ไม่ทันได้หยุดพักหอบหายใจ ร่างบางก็ถูกกลุ่มคนอันเป็นชายหนุ่มล้วนเข้ารวบตัวร่างบางอย่างง่ายดาย
“จับจนได้! แสบดีนักนะ หนีหนี้ฉันนมาตั้งหลายเดือน....หนึ่งหมื่นเจนี่ คิดว่าชั้นจะปล่อยให้รอดนะ...คนสวย”
“แต่...ฉันบอกแล้วไงว่าจะคืนให้ ตอนนี้ฉันไม่มีเงิน.....ฉันหาเงินรักษาน้องชาย.....ขอร้องล่ะ...ปล่อยฉันไปก่อนเถอะ...แล้วฉันจะหาเงินมาใช้หนี้ แค่กๆ....”
เด็กหนุ่มพยายามดิ้นรน แก้มเนียนแดงระเรื่อเพราะหนาวจากเม็ดฝน และจากอาการไข้ที่รุมเร้า
“คิดว่าพวกเราเป็นใคร.....ห๊า!....”
ชายหนุ่มร่างสูงขู่เข็ญ มือใหญ่ซึ่งจับต้นแขนเล็กของร่างบางหันไปเชยคางของเขา
“อึก....แต่ว่า....ฉัน.....”
“ถ้าอย่างงั้นใช้อย่างอื่นแลกดีมั้ยล่ะ....”
“อะ...อะไร?”
“นายก็น่าจะรู้ดีนี่นา”
มือหยาบกร้านลูบไล้ร่างบางที่พยายามขัดขืน จูบพรมไปทั่วแก้มเนียนใสที่เปื้อนละอองฝน แม้สายฝนจะโปรยปรายใส่ร่างบนถนนหากแต่ก็ไม่ได้ทำให้บรรยากาศที่คุกรุ่นเย็นขึ้นได้
เนตรราวมรกตสะท้อนภาพตรงหน้า ราวกับบางสิ่งดลจิตให้หวนคิดถึงความทรงจำอันเลวได้ ได้แต่ปล่อยให้ความโศกเศร้ากัดกินดวงจิตที่บอบช้ำ กายสั่นสะท้าน กัดริมฝีปากแน่นด้วยความสมเพสในกายซึ่งไร้ความเข้มแข็ง ได้แต่ปล่อยให้ถูกกระทำอยู่ร่ำไป..
.............สำหรับโลกนี้แล้ว....สิ่งที่แข็งแกร่งจะอยู่รอดเสมอ.....อยู่รอดบนเศษกองซากศพของสิ่งที่อ่อนแอกว่า...
....เรานี่ช่าง.....อ่อนแอ....น่าสมเพส.....เสียจริง....
หยาดชลเนตรอาบไหลดวงเนตรคละกับหยาดฝนที่ถาโถมให้แทงทิ่มเรือนร่างบาง ในขณะที่กายถูกระรานจากบุรุษอันน่ารังเกียจ จากใบหน้าเลื่อนลงมายังซอกคอขาว มิได้เกรงอายแก่ฟ้าดินใดทั้งสิ้น...
..........คนอ่อนแอย่อมเป็นเหยื่อคนเข้มแข็ง......ก็เท่านั้น....
!!
“ถ้าไม่มีเงิน...ชั้นจะจ่ายให้แทนดีมั้ยล่ะ?”
ชายวัยกลางคนผู้ซึ่งแต่งตัวดูมีฐานะเดินก้าวออกมาจากรถลีมูซีนคันหรู อีกคนคือผู้ติดตามซึ่งถือร่มคันสีดำป้องกันสายฝนที่จะโดนตัวผู้เป็นนาย ทั้งสองร่างสวมสูทราคาแพงที่เข้ากับหน้าตาที่ดูดีไม่แก่เกินวัย ต่างจากชายฉกรรจ์สามคนที่รวบตัวร่างบาง เสื้อผ้าสกปรกมอมแมมแสดงฐานะของคนจรจัดและบาดแผลตามใบหน้าที่แสนอัปลักษณ์
เด็กหนุ่มได้รับฟังเสียงถึงกับดีใจ หากแต่ก็มีความหวาดกลัวไม่น้อย
“แกแน่ใจรึไงวะ!”
หนึ่งในชายฉกรรจ์ตะโกนถามกลางสายฝน
“ใช่ เอาไปสิ เงินหมื่นเจนี่ตามที่ขอไว้ไง”
มือหยาบยื่นธนบัตรหนึ่งใบใหม่เอี่ยม ไม่ทันได้เอ่ยอะไรชายจรจัดทั้งสามปล่อยตัวเด็กหนุ่มแล้วรับเงินนั่นเอาไว้
“จะเอามันไปต้มยำทำแกงก็เชิญเล้ย!”
ว่าแล้วก็เผ่นหนีไปไกลหลายกิโลเมตรโดยไม่ได้บอกกล่าว อีกฟากของถนนคือร่างของเด็กหนุ่มซึ่งเดินมาหาชายคนนั้นด้วยแววตาที่แสนเศร้า
“ผมขอบคุณมากนะครับ จะให้...ผมทำอะไรตอบแทนท่านก็ได้นะครับ...แต่ว่าตอนนี้ผมไม่มีเงินหรอกฮะ ผมเป็นเด็กกำพร้าพ่อแม่เมื่อไม่กี่ปีแล้วยังต้องดูแลน้องชายบุญธรรมที่ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ แล้วผมต้องจ่ายค่าเทอมโรงเรียนม.ปลายด้วยครับ”
เด็กหนุ่มบอกชายแก่ด้วยใบหน้าที่เศร้าหมอง ชายผู้มีพระคุณยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ มองเรือนร่างบอบบางกลางสายฝน หากชุดที่สวมใส่จะเป็นชุดๆบางคงจะเจริญตากว่านี้ อกอันแบนราบแสดงถึงเพศที่แท้จริง มากกว่าดวงหน้าหวานกอปรกับเรือนผมสีอ่อนซึ่งเข้ากันได้ดีกับเนตรมรกต
“นึกว่าเธอจะเป็นผู้หญิงแล้วซะอีก...ไม่เป็นไรๆ....ไปกับชั้นเถอะ...”
“ตะ...แต่ว่า....”
“เธอห่วงน้องชายของเธอเหรอ?”
“อ่ะ....ครับ...แต่ว่าเขาได้คุณป้าข้างบ้านมาช่วยดูแล....แต่ว่าไม่บอกน้องจะ.....”
“ไม่เป็นไรน่า ไปแค่คืนเดียวจะเป็นไรไป อีกอย่างเธอบอกแล้วไม่ใช่รึไงว่าจะตอบแทนชั้นไง”
เด็กหนุ่มอึกอัก ในเมื่อเขาเป็นคนพูดไว้แล้ว ย่อมจะถอนคำพูดไม่ได้เด็ดขาด อีกอย่างถ้าเขาถูกจับตัว มีหวังอาจเจอเรื่องที่ไม่อยากเจอก็ได้
“ก็...ก็ได้ครับ...แต่.....”
“ไม่ต้องแต่น่า....ว่าแต่เธอชื่ออะไรล่ะ?”
ชายร่ำรวยเอ่ยถามเด็กหนุ่ม ตามองไปทั่วเรือนร่างระหง ราวกับจะกระทำด้วยสายตา เพียงแต่เด็ดหนุ่มไม่อาจเห็นเห็น
“คะ...คุราปิก้า...ครับ”
เด็กหนุ่มตอบเสียงสั่น อากาศหนาวกัดกินความอบอุ่น
“ชื่อเพราะนะ...จริงสิท่าทางจะหนาวมากแล้ว ขึ้นรถไปกันเถอะ”
สิ้นเสียง..ทั้งสามร่างเดินขึ้นรถคันงาม ไม่กี่อึดใจ รถก็วิ่งฉิวตัดม่านฝนไปสู่จุดหมาย
#+#+#+#+#+#+#+#+#+#+#+#+#+#
.......โลกานี้ช่างแสนโหดร้าย.......
............จะมีไหม....ใครสักคน.....ที่ไม่ลวงหลอก.....
ดวงตาสีมรกตกระพริบเพื่อปรับแสง ภาพที่สะท้อนบนเรตินาใสคือภาพของห้องๆหนึ่งซึ่งหรูหรา ข้าวของฟุ่มเฟือยวางอย่างได้รสนิยม ร่างบางขยับตัวเล็กน้อย พบว่าผิวกายที่เย็นเฉียบกลับมาอบอุ่นด้วยเครื่องทำความร้อน ร่างที่นอนอยู่บนเตียงนั้นรู้สึกอบอุ่น แต่สมองไม่อาจสั่งการให้อยู่นั่งเฉยได้ เด็กหนุ่มลุกพรวดขึ้นด้วยความตกใจ เมื่อมองไปทั่วร่างซึ่งเปลือยเปล่าไร้อาภรณ์ปกปิดร่าง อีกฟากของห้องคือเสียงฮัมเพลงของชายวัยกลางคนผู้พาเขามายังที่แห่งนี้ หยาดน้ำจากฝักบัวกระทบกับกระเบื้อง
ราวภาพยนตร์ที่ฉายซ้ำๆไปมา....มือกุมศีรษะที่ราวกับจะระเบิด
.เสียงกรีดร้องในยามวันที่แสนเหน็บหนาว.....เสียงหรรษาของกลุ่มคน.....
...............สีชาด......ที่ตัดกับบางอย่าง.....
‘ต้องหนี....เราจะอยู่ที่นี่ไม่ได้เด็ดขาด!’
ดวงหน้าซีดเผือดผวา ร่างพยายามก้าวเดินเพื่อหาทางหนี แต่สติเริ่มเรือนราง เพราะอุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้น สมองหนักอึ้งไม่อาจทำงานได้ดังเดิม หอบหายใจสั่นสะท้าน ดวงตาปรือด้วยความอยากพักผ่อนเต็มทน ไม่ทันไรร่างนั้นก็ทรุดลงเตียงนุ่ม ใบหน้าซบลงกับผ้าปูที่นอน พร้อมๆกับที่ประตูสีดำขลับเปิดออก นั่นคือร่างของชายวัยกลางคนซึ่งร่างนั้นปกปิดด้วยผ้าขนหนูสีขาวโอบรอบท่อนล่างเท่านั้น
“ทำแบบนั้นก็ยิ่งน่าหม่ำน่ะสิ....ชั้นเป็นคนประเภทใจร้อนซะด้วย ไม่เป็นไรๆเด็กน้อย...ไม่ต้องห่วงนะ...เดี๋ยวป๋าจะให้ทุกอย่างที่เธอต้องการ...”
...................ไม่มีใครที่น่าเชื่อถือ......ได้นอกจากตัวเองอีกแล้วหรือ.....
ว่าแล้วคนบ้ากามเข้าประชิดร่างบาง ร่างที่แก่วัยนั่งลงข้างๆเด็กหนุ่ม มือสากลูบไล้ผิวกายอันอ่อนนุ่ม ริมฝีปากซีดจูบพรมซอกคอของร่างที่สั่นเทา เขาไม่อาจจะต่อต้านการกระทำที่ผิดหลักศีลธรรมนี้ได้ อีกอย่างสภาพที่เป็นไข้แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ขัดขืน คงได้แต่ปล่อยหยดน้ำตาไหลอาบแก้มเนียนเท่านั้น
...........คนโง่.......เป็นเหยื่อของคนฉลาดเสมอ.....
.........และคนโง่....ก็ได้แต่น่าสมเพสอยู่ร่ำไป.....
ปล่อยให้น้ำตาหลั่งไหล แด่ตนผู้โง่เขลา นอนแน่นิ่งราวกับไร้สติ ประหนึ่งตุ๊กตาไร้จิตวิญญาณที่ถูกกระทำรุนแรง เมื่อเก่าผุพังยามใด ย่อมถูกปาทิ้งไร้เยื่อใย
........ก็แค่....ขยะ......
“อาครับ....ผ่านไปสองวันแล้วอายังไม่มาทำงานที่บริษัทอีกเหรอครับ”
.......ขยะ......ไร้ค่า...
จู่เสียงทุ้มต่ำเรียบๆดังขึ้นมาจากประตูที่ถูกเปิด สร้างความตกใจให้แก่สองร่างไม่น้อย รัตติกาลราวกับประดับบนร่างของผู้เยือน หากแม้แทบไร้สติ กลับมองเห็นได้เลือนราง เมื่อสติถูกกระชากให้หันเหความสนใจมายังอีกร่าง เปลือกตาที่ค่อยๆปิดลงกลับค่อยๆเบิกเนตรขึ้น มองยังบุรุษผู้นั้น สูทราคาแพงเข้ากับสีรัตติกาลบนเรือนผม หากแม้เนตรที่ราวกับไข่มุกสีดำก็ยังคมเข้ม ทรงเสน่ห์ แฝงความล้ำลึกไว้ราวกับอัญมณีใต้ทะเลลึก
.......อย่ามาให้ความหวังกับขยะ....ถึงจะคุ้ยถัง...มันก็เจอแต่ขยะนั่นแหละ...
“ตอนนี้อาไม่ว่าง”
เนตรสีไพรปรือเชื่อมเหม่อลอยค่อยๆเพ่งจุดสนใจไปยังร่างที่กำลังกระทำหยาบช้ากับกายตน
“ไม่ยักรู้ว่าอาชอบผู้ชายด้วยกันเหรอครับเนี่ย”
กายเปลือยเปล่า ถ้ามิได้มองก็ไม่รู้ถึงเพศที่แท้จริง ความโกรธาจากสาเหตุใหญ่ที่ว่า คนกำลังสนุกๆตรงหน้าหนีงานมากระหนุงกระหนิงกับหญ้าอ่อน แถมยังดูน่ารักเข้าตากรรมการ เส้นเลือดบนขมับจึงกระตุกเข้าให้
ก็นิดหน่อย....ไม่เอาน่า...อยู่เฉยๆนะ....คุราจัง...”
“อึก...”
“ปล่อยเด็กคนนั้นไปก่อนดีกว่านะฮะ เพราะดูเหมือนเค้าจะไม่ชอบใจเท่าไหร่ อีกอย่างผมจะรายงานพ่อ ให้พ่อย้ายตำแหน่งอาไปเป็นพนักงานบริษัทแทนดีมั้ยครับ?”
“แกนี่พูดไปรู้เรื่องรึไงวะ!”
ผู้เป็นอาลุกขึ้นสวมเสื้อคลุมอาบน้ำแล้วยืนประจันหน้ากับชายหนุ่มผู้เป็นหลาน กายบางสั่งการตนให้ลุกขึ้นดึงผ้าห่มขึ้นคลุมกาย เนตรที่ใกล้จะปิดสนิท มองยังสองร่างที่ความเห็นไม่ลงรอย กายสั่นด้วยพิษไข้พยายามคุมสติของตนเอาไว้
“อานั่นแหละที่พูดไม่รู้เรื่อง”
เสียงเรียบแต่เด็ดขาดสร้างโทสะแก่ชายสูงวัยกว่า กำปั้นเหวี่ยงใส่ร่างสูงหมายให้เขาล้มลง หากแต่ไร้ผล เมื่อหลานชายหลบได้อย่างไม่ยากเย็น และใช้มือฟันเข้าที่หลังคอของอาจนเขาสลบไปทันที เนตรไพรเบิกโพลงด้วยความทึ่ง ทั้งความเร็วและพลังนี้ไม่เคยเห็นมาก่อน จนเผลออดชื่นชมไม่ได้
“ไม่ต้องห่วงหรอก เค้าแค่สลบไปเท่านั้นเอง”
ร่างสูงก้าวไปยังร่างของเด็กหนุ่มบนเตียง ดวงตาสีมรกตสบกับดวงตาสีนิลเข้าโดยบังเอิญ ดวงแก้วทั้งสองคู่ราวกับจ้องหาเพื่ออ่านจิตใจอีกฝ่ายทว่าสติที่เริ่มเลือนรางชักพาให้เขาสู่ห้วงนิทราในไม่ช้า
“นายชื่ออะไร?”
“ผมชื่อคุราปิก้าฮะ....”
“เป็นไข้นี่นา พักที่นี่ซักพักดีมั้ย?”
..
.
มือหยาบกร้านสัมผัสหน้าผากมนซึ่งร้อนรุ่มขากพิษไข้ เนตรหรี่ลงด้วยความที่ยังไม่ไว้ใจคนตรงหน้า
“ตะ...แต่...”
คุราปิก้าพยายามเอ่ยขึ้น ภาพข้างหน้าดูมัวๆเหมือนมองกระจกฝ้าไม่ปาน
.....จะมาสลบตอนนี้...ไม่ได้....เด็ด...ขาด
ความมืดเข้าปกคลุม ใบหน้าซบลงกับเตียง เสียงหายใจบ่งบอกถึงการมีชีวิต ผู้เฝ้ามองเหตุการณ์ถอนหายใจ หยิบเสื้อเชิ้ตตัวหนึ่งแล้วสวมให้ร่างบางอย่างเบามือ อุ้มกายร้อนรุ่มแล้วหันไปลากร่างไร้สติของคุณอา ไปไว้ข้างนอกเพื่อให้ลูกน้องซึ่งอยู่ด้านนอกจัดการนำไปพักที่อีกห้อง
มือซีดสัมผัสดวงหน้าหวานยามนิทรา เส้นเกศาสีดั่งแสงตะวัน ห่มผ้าห่มให้ แล้วจู่ๆรอยยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้า
............พระเจ้า....บอกผมหน่อยได้ไหม.......การปกป้อง......คืออะไร......
..........ถ้านี่.....คือการปกป้องล่ะก็......ผมก็อยากจะปกป้องใครสักคนไว้....ในอ้อมกอด.......
......แล้วถ้าเป็นเด็กคนนี้ล่ะ......ท่านจะยอมให้ผมปกป้องไหม?.........
................
...
+ติดตามตอนต่อไป+
ความคิดเห็น