ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    แค่อยากเกิดใหม่

    ลำดับตอนที่ #8 : ตอนที่ 7

    • อัปเดตล่าสุด 28 ธ.ค. 63


    ตอนที่ 7

     

                    อาการของโฟทิสดีขึ้นมากหลังพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลไม่กี่วัน ขณะที่ผู้กระทำผิดทั้งหมดถูกจับกุมตัว การทำร้ายร่างกายโดยเจตนาเป็นคดีอาญาไม่สามารถยอมความได้ ตำรวจรวบรวมหลักฐานทำสำนวนส่งอัยการสั่งฟ้อง ส่วนผู้ต้องหาถูกฝากขังรอวันขึ้นศาลต่อไป

                    หลังจากออกจากโรงพยาบาลคนหน้าเบื่อโลกก็กลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติ ตอนกลางวันไปเรียนตกกลางคืนไปทำงานตามวันของตัวเอง เพียงแต่งดกิจกรรมที่เคยทำหลังเลิกงานไปก่อน มีเคียร์คอยคุ้มกันอยู่ไม่ห่างและสอนวิธีใช้พลังบ้าๆ ที่ติดตัวมาทั้งที่ไม่อยากได้ ควบคุมการปิดเปิดประตูนรกและเรียนรู้กฎระเบียบข้อห้ามซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ต้องใช้ความจำมากนัก แต่ต้องใช้จินตนาการค่อนข้างสูงทีเดียว

                    ในเมื่อโฟทิสไม่เคยไปนรกแล้วจะรู้ได้ยังไงว่าตรงไหนควรเปิดประตูตรงไหนไม่ควรเปิด แต่ทางที่ดีก็อย่าไปเปิดมันเลยดีกว่า

                    “ทำไมมนุษย์ถึงเปิดประตูนรกได้ มันมีประโยชน์ยังไง” ถามออกไปอย่างไม่ชอบใจ นึกหงุดหงิดกับทุกสิ่งที่ตัวเองเป็น

                    เวลานี้เที่ยงคืนกว่า ในห้องเล็กๆ ของอะพาร์ตเมนต์ที่สองพี่น้องอาศัยอยู่เคียร์รับหน้าที่เป็นคุณครูรอบดึกกางแผนที่ในนรกและชี้ให้ดูว่าจุดไหนเป็นยังไง และสามารถเปิดประตูตรงไหนได้บ้าง แต่นักเรียนของเขากลับไม่ตั้งใจเรียนเท่าไร

                    “คงมีประโยชน์ถ้าคิดจะผันตัวมาช่วยงานของโลกหลังความตาย อย่างเช่นเป็นผู้ช่วยสุนัขล่าวิญญาณ”

                    “ไม่เอาอ่ะ” การตอบปฏิเสธแบบไม่คิดทำเอาเคียร์ถอนหายใจ

                    “ก็ไม่ได้อยากให้มาช่วยหรอก เด็กแบบนี้น่ะ”

                    “เปิดเผยตัวแล้วเอาใหญ่เลยนะคุณหมานรก”

                    เพราะแต่ก่อนต้องปิดบังตัวตนเคียร์จึงยอมอ่อนข้อให้โฟทิสเสมอมา ทำตัวเป็นรุ่นพี่แสนดีตามมาเฝ้าตามมาดูแล สร้างความฉงนสงสัยให้กับโฟทิสยิ่งนักว่ารุ่นพี่คนนี้ไม่เข้าเรียนกับเขาบ้างหรือไง กระทั่งได้รู้ความจริง

                    “เคารพกันบ้าง ตามดูแลมาตั้งนานเนี่ย”

                    “เพิ่งรู้จักกันในฐานะรุ่นพี่แค่ไม่กี่เดือนแถมเกือบได้นอนด้วยกันนะ จะเอาอะไรมาเคารพ”

                    เคียร์รีบลุกมาปิดปากโฟทิสไว้แต่ช้าไปเมื่อคำพูดของน้องชายเข้าหูของพี่สาวเต็มๆ โพลาริสเหล่มอง หากอยู่ในสถานการณ์ปกติเธอก็อยากจะโวยวายอยู่หรอก แต่เพราะตอนนี้มีเรื่องอื่นให้เครียดกว่าการรู้ว่าเคียร์เคยคิดจะมีเซ็กซ์กับน้องชายตัวเอง

                    โฟทิสผลักเคียร์ออก รู้สึกหงุดหงิดกับทุกสิ่งรอบตัว ลักซ์เองก็หายไปเลยตั้งแต่เขาออกจากโรงพยาบาล ถามใครก็ไม่มีใครตอบได้ กระทั่งเคียร์ที่ถูกสั่งให้คุ้มครองลักซ์ก็ยังไม่รู้เรื่อง

                    “สรุปไม่รู้จริงเหรอว่าลักซ์หายไปไหน”

                    “คงกลับไปอยู่ที่โรงแรมแล้วมั้ง” ตอบออกไปส่งๆ เคียร์ไม่ได้สนใจนักว่าวิญญาณดวงนั้นจะเป็นยังไง ถึงจะถูกสั่งให้คุ้มครองแต่หน้าที่หลักของเขาคือการดูแลมนุษย์ไม่ให้ถูกวิญญาณทำร้าย ไม่อย่างนั้นพวกเขาต้องโดนผู้ปกครองสูงสุดของนรถลงโทษกันเรียงคน

                    ได้ฟังคำตอบที่หาความจริงใจไม่ได้โฟทิสก็ลุกขึ้นเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมข้าวของ สร้างความงงงวยให้กับเคียร์และโพลาริสที่ไม่รู้ว่าเด็กดื้อคนนี้เกิดคึกอะไรขึ้นมาอีก

                    “จะไปไหน” โพลาริสมุ่นคิ้วถาม

                    “ไปหาลักซ์ที่โรงแรม”

                    “จะไปทำไมอันตราย” เคียร์รีบค้าน ช่วงนี้เขาไม่อยากให้โฟทิสออกไปไหนมาไหนโดยไม่จำเป็นจนกว่าจะจับวิญญาณร้ายได้

                    “นายมีหน้าที่คุ้มครองนะเคียร์ไม่ใช่ออกคำสั่ง”

                    “ไม่มีพี่นำหน้าแล้วนะ”

                    “ถ้าจะเรียกคงต้องเรียกลุงเคียร์มากกว่ามั้ง”

                    คนถูกประชดประชันถอนหายใจดังเฮือก สบตากับโพลาริสที่ไม่สามารถห้ามน้องชายผู้ดื้อด้านหัวแข็งคนนี้ได้เช่นกัน จะบังคับให้โฟทิสอยู่แต่ในห้องก็คงเป็นไปไม่ได้ พวกเขาไม่รู้ว่าจะจับวิญญาณร้ายได้เมื่อไร คำว่าเร็วที่สุดไม่ได้หมายความว่าจะสิ้นสุดภายในวันสองวันนี้

                    เพราะเป็นฝ่ายละเลยลักซ์ก่อนทั้งที่ให้สัญญากันไว้เคียร์จึงยอมรับผิดโดยไม่คิดมีปากเสียงอีก ตามโฟทิสออกจากบ้านไปยังโรงแรมที่วิญญาณดวงนั้นเคยวนเวียน เว้นระยะห่างไม่ให้วิญญาณดวงอื่นสงสัยหรือไปเตะตาวิญญาณร้ายที่กำลังตามล่าเข้า ระหว่างทางก็เจอสุนัขวิญญาณกำลังออกลาดตระเวน คุมเข้มเพื่อรักษาความปลอดภัยให้แก่มนุษย์ผู้ตกเป็นเป้าหมาย

                    โฟทิสหยุดยืนรออยู่หน้าโรงแรมเหมือนครั้งก่อนที่เคยมาตามหาลักซ์ ให้เวลากับตัวเองสิบนาทีทว่าผ่านไปแล้วยี่สิบนาทีก็ยังไม่เห็นวี่แววของวิญญาณที่อยากเจอ เกิดความสงสัยและร้อนใจจนอยากสอบถามวิญญาณที่ผ่านไปมาแต่ก็ไม่อยากหาเรื่องใส่ตัว สุดท้ายเลยต้องส่งสายตาขอความช่วยเหลือจากเคียร์ที่ตามดูเขาอยู่ห่างๆ

                    ทันทีที่สบตาเคียร์ก็รู้ได้ทันทีว่าโฟทิสต้องการอะไร เขาที่อยู่ในร่างสุนัขกระโดดขึ้นไปบนดาดฟ้าของโรงแรมก่อนไล่หาวิญญาณเจ้าปัญหาทุกชั้นระหว่างนั้นก็คอยสังเกตสิ่งผิดปกติไปด้วย ก่อนหน้านี้ลักซ์เคยบอกว่าเจอวิญญาณแปลกๆ ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นวิญญาณร้ายที่หลบหนีที่นี่ แต่เคียรก็ไม่พบทั้งสิ่งแปลกปลอมใดรวมถึงวิญญาณที่ตามหา

                    กลับสู่ร่างคนเดินออกมาวิญญาณที่เห็นเคียร์ก็พากันแตกกระเจิงกันไปคนละทิศ เขาส่งสายตาข่มขู่วิญญาณเหล่านั้นไม่ให้เข้ามาขวางระหว่างการปฏิบัติหน้าที่

                    “ทำอะไรยุ่งยากจริง” โฟทิสบ่นเมื่อเคียร์หยุดยืนอยู่ตรงหน้า ดูก็รู้ว่าวิญญาณพวกนี้กลัวสุนัขล่าวิญญาณจนไม่กล้าเข้ามายุ่มย่ามยังจะต้องทำตัวหลบๆ ซ่อนๆ คอยอยู่ห่างๆ เขาไปทำไม

                    “พวกวิญญาณมักเข้าใจว่าหมานรกมีความจำเป็นต้องคุยกับมนุษย์”

                    “ก็คุยกันไปตลอดทางเลยสิ”

                    “แต่ทำตัวสนิทเกินไปก็ไม่ดีไง ปากต่อปากยิ่งเป็นปากผีแล้วด้วย โฟคงไม่อยากให้วิญญาณมาสนใจตัวเองเยอะๆ ใช่มั้ย”

                    เป็นความจริงที่เถียงไม่ออก สุนัขล่าวิญญาณทำตัวกลมกลืนไปกับพวกมนุษย์บ้างเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าหากสนิทสนมมากไปจนผิดสังเกตอาจกลายเป็นที่ซุบซิบนินทาของเหล่าวิญญาณและมนุษย์คนนั้นก็จะถูกเพ็งเล็ง พากันเดาสุ่มไปก่อนว่าคนคนนั้นอาจจะมองเห็นวิญญาณหรือมีความพิเศษอะไรบางอย่าง ที่ผ่านมาเคียร์เลยทำตัวสนิทสนมกับโฟทิสเฉพาะที่มหาวิทยาลัยซึ่งมีแค่เอมี่กับวิญญาณเร่ร่อนที่นานๆ จะผ่านมาสักทีเท่านั้น

                    “แล้วแบบนี้จะไปหาลักซ์จากที่ไหน”

                    “ไม่รู้แล้ว”

                    โฟทิสขมวดคิ้วอย่างใช้ความคิด เขาไม่รู้ว่าลักซ์จะไปอยู่ที่ไหนได้บ้าง แต่ในเวลาที่มีวิญญาณร้ายออกอาละวาดเช่นนี้สิ่งที่คิดได้กลับมีแต่ด้านลบ 

                    “ไม่ใช่ว่าโดนกินไปแล้วนะ”

                    “ไม่หรอก ถ้ามีวิญญาณหายไปพวกพี่ต้องรู้”

                    “แล้วทำไมถึงไม่รู้ว่าลักซ์ไปไหน”

                    “โอเคๆ”

                    สุดท้ายเคียร์ก็ยอมแพ้ เป็นไปไม่ได้เลยที่ยมทูตกับสุนัขล่าวิญญาณจะไม่รู้ว่าวิญญาณในความดูแลหายไปไหนไม่อย่างนั้นเขาคงไม่สามารถตามเก็บวิญญาณที่ถึงกำเนิดเวลาได้ แต่เพราะมันต้องใช้พลังในการค้นหาสักหน่อยและไม่อยากให้โฟทิสอยู่ติดกับลักซ์จนเกินไปถึงได้ทำเป็นลีลาอยู่แบบนี้

                    เคียร์หลับตาใช้พลังค้นหาวิญญาณ ไม่นานนักสัญญาณของลักซ์ก็ปรากฏให้เห็น ขึ้นตำแหน่งที่ตั้งเหมือนเวลาค้นหาในกูเกิลแมพแถมบอกเส้นทางให้เสร็จสรรพ เป็นนวัตกรรมของโลกหลังความตายที่พัฒนาขึ้นตามยุคสมัย

                    “เขากลับไปที่บ้าน”

                    “ก็รู้นี่”

                    “อย่าประชดนักเลย”

                    “งั้นทำไมถึงไม่รู้ล่ะว่าวิญญาณร้ายซ่อนตัวอยู่ที่ไหน” หากสามารถค้นหาวิญญาณได้แล้วเพราะเหตุใดถึงไม่สามารถค้นหาวิญญาณร้ายได้

                    “เพราะมันไม่มีรูปร่างน่ะสิ มันถูกทำลายจนดวงวิญญาณกระจัดกระจายสลายไป พลังวิญญาณมันอ่อนมากจนไม่สามารถตรวจจับได้” 

                    “แล้วจะมองเห็นมันได้เมื่อไร”

                    “เมื่อดวงจิตมันกลับมารวมกันอีกครั้ง แต่สำหรับตอนนี้มันน่าจะแข็งแกร่งขึ้นจนสามารถซ่อนพลังวิญญาณได้แล้ว”

                    เป็นเพียงการคาดเดาที่ยังไม่รู้แน่ชัด ทางทีมพัฒนากำลังเร่งปรับปรุงระบบที่มีอยู่ แต่เป็นการยากที่จะจับสัญญาณที่อ่อนแรงจากดวงวิญญาณที่กระจัดกระจายซึ่งเคยถูกเคียวยมทูตตัดขาดจนเหมือนสลายหายไปได้ หากดวงจิตของวิญญาณร้ายดวงนั้นกลับมารวมตัวจนเป็นรูปเป็นร่างเมื่อไรพวกเขาต้องจับสัญญาณมันได้แน่

                    เมื่อวันนั้นมาถึงมันถูกลากลงนรกและรับโทษที่ได้ก่อเอาไว้

                    

                    บ้านคือสถานที่ที่ลักซ์กลับมา วิญญาณหนุ่มนั่งอยู่หน้าประตูรั้วขนาดใหญ่มานานหลายชั่วโมง คุยกับท่านเจ้าที่ประจำบ้านโดยไม่คิดจะเข้าไปข้างในแม้เขาจะได้สิทธิ์นั้นโดยไม่ต้องขาอนุญาตก็ตาม

                    ลักซ์ได้ฟังเรื่องราวต่างๆ ของครอบครัวจากท่านเจ้าที่ในระยะเวลาหลายเดือนที่เขาออกจากบ้านมา ทุกคนสบายดีแม้ไม่มีเขาอยู่ สำหรับลักซ์แล้วเป็นเรื่องน่าดีใจที่ความเศร้าชั่วครู่ชั่วคราวนั้นไม่ได้พรากความสุขจากครอบครัวไปมากนัก ทั้งยังมีข่าวดีว่าบ้านหลังนี้กำลังจะมีสมาชิกใหม่

                    “ถ้าลักซ์ยังอยู่ที่นี่คงได้เกิดเป็นคุณโฬมอีก” ท่านเจ้าที่ที่อยู่ในชุดลำลองสบายๆ บอก

                    “ผมคงไม่มีวาสนามั้งครับ”

                    ลักซ์ไม่เสียใจเลยที่พลาดโอกาสสำคัญนี้ไป กลับกันเขารู้สึกดีกว่าเสียอีกที่เลือกทิ้งโอกาสนี้ ไม่ใช่ว่าไม่รักครอบครัว แต่เพราะความผูกพันที่มีน้อยนิดไม่สามารถรั้งความรู้สึกของเขาเอาไว้ได้ สายใยครอบครัวที่มีช่างเปราะบาง ไม่ว่าจะกับแม่แท้ๆ หรือครอบครัวใหม่ของพ่อ หากได้เกิดใหม่อีกครั้งเขาขอไปผจญภัยในโลกหน้าที่แตกต่างออกไปจะดีกว่า หวังว่าศาลผู้ตัดสินคงไม่ใจร้ายกับคนที่พอมีความดีติดตัวอย่างเขานัก

                    “หรือบางทีอาจจะเป็นโชคดีของเธอก็ได้”

                    “คุณไม่ควรพูดแบบนี้เลยนะ”

                    “เพราะฉันรู้เห็นมาตลอดไงถึงพูดได้”

                    ผู้คุมกฎและวิญญาณหนุ่มหัวเราะด้วยกัน ครอบครัวนี้ไม่ใกล้เคียงกับคำว่าโหดร้ายแต่ก็ห่างไกลจากความสุขสำหรับลักซ์ กับคนที่รู้เห็นทุกอย่างมาตลอดนั้นย่อมรู้ดี

                    คงไม่มีใครอยากเกิดใหม่ในสถานที่ที่ทำให้ตัวเองไร้ตัวตน

                    เพราะเจ้าที่ไม่มีหน้าที่อื่นพิเศษนอกการจากปกป้องผู้อยู่อาศัยให้ปลอดภัยจากภยันตรายที่มองไม่เห็นจึงมีเวลาว่างถมเถสามารถนั่งคุยเล่นกับลักซ์ได้ทั้งวัน ด้วยความเอ็นดูตั้งแต่ครั้งยังมีชีวิต และความสงสารเมื่อสิ้นลมหายใจกลายเป็นวิญญาณ

     

                    ริมฝีปากยกยิ้มเมื่อเห็นร่างที่คุ้นตานั่งอยู่หน้าประตูรั้วของบ้านหลังใหญ่ อีกฝ่ายเองก็รู้ตัวว่ามีแขกมาเยือนถึงได้หันมามองด้วยสีหน้าแปลกใจ ลักซ์ลุกขึ้นขณะที่โฟทิสก้าวเดินเข้าไปหา เมื่อคนหน้าเบื่อโลกหยุดยืนอยู่ตรงหน้าสุนัขล่าวิญญาณก็ปรากฏตัวออกมาทำเอาทั้งลักซ์และท่านเจ้าที่ตกใจพากันถอยหลังกรูด

                    “เคียร์” โฟทิสใช้เสียงเหมือนคุณครูกำลังดุนักเรียน เคียร์คืนร่างกลับมาเป็นมนุษย์ก่อนจะยิ้มอย่างชอบใจที่แกล้งเป้าหมายได้สำเร็จ

                    “ท่านทำข้าตกใจ” ท่านเจ้าที่ว่า

                    “หยอกเล่นเอง”

                    “ว่าแต่มีธุระอะไรกันเหรอ” ถามด้วยความสงสัย ท่านเจ้าที่มองโฟทิสกับเคียร์สลับกัน ไม่บ่อยนักที่ได้เห็นมนุษย์กับสุนัขล่าวิญญาณอยู่ด้วยกันอย่างสนิทสนมเหมือนคู่นี้

                    “นายคนนี้มีธุระกับลักซ์นิดหน่อย” เคียร์ตอบพร้อมบุ้ยปากไปทางโฟทิส

                    “ธุระกับผมเหรอ” ลักซ์เบิกตาถามกลับ ดีใจไปล่วงหน้าแม้ไม่รู้ว่าธุระที่ว่านั้นดีหรือร้าย

                    โฟทิสเหล่มองเคียร์แล้วแยกเขี้ยวใส่ในใจ การมาครั้งนี้จะเรียกว่าธุระก็ไม่ถูกนักเพราะเขาแค่อยากมาเจอ สงสัยและใคร่รู้ว่าวิญญาณที่บอกให้อยู่ด้วยกันนั้นหายไปไหน หรือจะเรียกว่าเป็นห่วงก็ได้ แต่จะให้พูดออกไปตรงๆ ก็ไม่กล้าพอ

                    “ก็ตั้งแต่วันนั้นเล่นหายไปเลย”

                    “ผมกลัวโฟเป็นอันตรายเลยคิดว่าอยู่ห่างๆ ไว้น่าจะดีกว่า”

                    “ตกลงกันแล้วไงว่าเคียร์จะช่วยคุ้มกัน”

                    “ไม่รบกวนดีกว่าครับ” ยิ้มแหยให้คนที่ถูกเอ่ยถึง ดูก็รู้ว่าเคียร์มองเขาเป็นตัวเกะกะน่ารำคาญขนาดไหน สู้อยู่ให้ห่างจากสายตาไว้จะดีกว่า

                    “ไปหาที่อื่นคุยกันดีกว่ามั้ย รวมตัวกันตรงนี้ไม่น่าจะดี” เคียร์เสนอ

                    สุนัขล่าวิญญาณ เจ้าที่ มนุษย์ และวิญญาณรอไปเกิด นับว่าเป็นการรวมตัวที่เป็นจุดสนใจมากทีเดียว

                    ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย แต่ยังไม่ทันได้เคลื่อนพลไปไหนพลังวิญญาณที่รุนแรงก็ปะทุขึ้นมา เคียร์รีบก้าวมายืนขวางโฟทิสไว้ ท่านเจ้าที่เรียกทวนซึ่งเป็นอาวุธประจำตัวออกมา ลักซ์เองก็ตั้งท่าเตรียมสู้แม้เขาไม่มีพลังอะไรไปต่อกรกับวิญญาณร้ายที่ว่าได้ก็ตาม

                    “ฉันจะตามไปดู ฝากโฟด้วย”

                    “ครับ”

                    เคียร์เปลี่ยนร่างเป็นสุนัขมุ่งหน้าไปยังจุดที่รู้สึกถึงพลังวิญญาณอันรุนแรง แจ้งข่าวให้นักล่าที่อยู่ในเขตลาดตระเวนรับรู้และออกตามหา แม้พลังนั้นจะเบาบางจนเหมือนสลายหายไปแล้วก็ตาม

                    ท่านเจ้าที่ยังไม่ลดอาวุธลงทั้งยังคอยระวังภัยให้ผู้ที่อยู่ในความคุ้มครองทั้งสอง พลังนั้นน่าสะอิดสะเอียนชวนขนลุก มันพัดมาเหมือนสายลมวูบใหญ่และหายไปคล้ายกับอยากแวะทักทาย พลังปริศนาที่ขณะนี้ถูกประกาศให้ทุกคนในโลกหลังความตายรับรู้และระมัดระวัง ไม่เช่นนั้นอาจได้กลายเป็นหนึ่งในพลังนั้นเสียเอง

                    เป็นหนึ่งเดียวกันโดยการถูกกลืนกิน

                    โฟทิสกวาดมองโดยรอบ เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกกลัวขึ้นมาจับใจ หากพลังนี้เป็นของวิญญาณร้ายที่เคยรับรู้ได้เมื่อไม่นานมานี้ก็นับว่ามันแข็งแกร่งขึ้นมาก ครั้งนั้นเขาเพียงรู้สึกเหมือนถูกมอง แต่ครั้งนี้กลับรู้สึกเหมือนจะถูกพรากลมหายใจไป

                    “มันหายไปแล้ว” ลักซ์พูดขึ้นมา เขาเองก็เป็นอีกหนึ่งในกลุ่มที่เคยพบวิญญาณร้ายดวงนั้น พูดได้อย่างเต็มปากว่ามันร้ายกาจขึ้นมากจนเทียบกับการพบเจอครั้งก่อนไม่ได้เลย

                    “ทั้งสองคนรออยู่ที่นี่กันก่อน รอให้เจ้าหมานรกกลับมาแล้วค่อยกลับ”

                    ลักซ์กับโฟทิสยอมรับโดยไม่มีคำคัดค้าน ท่านเจ้าที่ยังไม่เก็บอาวุธและคอยสอดส่องทำตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายไว้เป็นอย่างดี

                    “โฟโอเคมั้ย”

                    “อื้ม” พยักหน้าตอบแม้แท้จริงแล้วโฟทิสไม่ได้รู้สึกดีเท่าไรก็ตาม

                    ทั้งสามยืนรออยู่ในความสงบ โฟทิสถอยหลังติดกำแพงบ้านยืนพิงเอาไว้ คอยบอกตัวเองให้ทำใจให้สงบไม่มีอะไรต้องกังวล คิดแล้วก็น่าขันที่ก่อนหน้านี้ทำตัวอวดเก่งไปเยอะ คิดมาตลอดว่าวิญญาณไร้พิษภัยและน่ารำคาญ เมื่อต้องมาเจอกับด้านที่โหดร้ายจริงๆ กลับกลายเป็นตัวถ่วงคนอื่นไปเสียอย่างนั้น

                    เห็นอาการของโฟทิสไม่ค่อยสู้ดีนักลักซ์ยิ่งเป็นห่วง คิ้วขมวดมุ่นยืนอยู่ข้างกายไม่ห่างไปไหน อยากแตะหลังลูบปลอบให้แต่วิญญาณอย่างเขาทำได้แค่ปัดผ่านตัวอีกฝ่ายไป นึกหงุดหงิดที่ตัวเองดูไร้ประโยชน์สิ้นดี

                    ‘หึ’

                    ลักซ์ละสายตาจากโฟทิสหันมองโดยรอบเมื่อได้ยินเสียงคล้ายคนกำลังหัวเราะ เสียงนั้นดังอยู่ใกล้มากจนเขาไม่แน่ใจว่ามันดังมาจากทางไหนกันแน่

                    ‘ลักซ์’

                    เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้ง ลักซ์กวาดสายตามองอย่างเป็นกังวลเมื่อท่านเจ้าที่กับโฟทิสยังนิ่งเฉยเหมือนกับว่าไม่ได้ยินเสียงที่ยังไม่รู้ที่มานั้น

                    ‘ลูก’

                    “ใคร แกอยู่ที่ไหน” ตะโกนออกมาอย่างสุดจะทน ลักซ์มองหาโดยรอบแต่กลับไม่มีสิ่งใดผิดปกติ

                    “เป็นอะไร”

                    “โฟไม่ได้ยินเหรอ”

                    “ได้ยินอะไร”

                    ผีเหงื่อแตกไม่ได้แต่ลักซ์กำลังรู้สึกว่าตัวเขาชุ่มไปด้วยเหงื่อเพราะความกังวล ไม่มีคำตอบที่อธิบายได้ให้แก่โฟทิสและท่านเจ้าที่ที่กำลังรอฟังเพราะเขาไม่รู้ว่าเสียงนั้นเป็นของใครและมาจากไหน แต่ในสถานการณ์นี้เสียงแหบแห้งนั้นจะเป็นของใครไปได้อีกหากไม่ใช่...

                    ‘จิน’

                    เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้ง ลักซ์หลับตายืนนิ่งเพื่อรับฟังว่ามันกำลังจะพูดอะไรกับเขาอีก ทว่าเสียงนั้นกลับเงียบหายไป

                    “ลักซ์” โฟทิสเอ่ยเรียก ท่าทางที่แปลกไปของลักซ์กำลังทำให้เขาเป็นห่วง

                    “เกิดอะไรขึ้น” ท่านเจ้าที่เองก็เป็นกังวลไม่แพ้กัน

                    “รอเคียร์กลับมา เราต้องหาที่ปลอดภัยเพื่อคุยเรื่องนี้”

                    ที่โล่งแจ้งแห่งนี้ไม่เหมาะสำหรับการพูดคุยเรื่องสำคัญ คำสุดท้ายที่ลักซ์ได้ยินทำให้เขาเริ่มปะติดปะต่อเรื่องได้ในระดับหนึ่ง และคิดว่ามันต้องเป็นสิ่งที่เคียร์อยากฟังแน่

     

    tbc

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×