คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ฝันครั้งที่ 7
ฝันครั้งที่ 7
เหมือนกับว่าเหตุการณ์นี้มันเคยเกิดขึ้นมาก่อน
เสียงโทรศัพท์ของหลงดังขึ้นเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วพร้อมกับคำขอที่ทำให้รู้สึกสับสนอยู่หน่อยๆ
เพื่อนโทรมาหาเขาก่อนเลิกงานราวสิบนาที
น้ำเสียงฟังดูเกรงใจกับเสียงหัวเราะแห้งๆ ทำให้ไม่กล้าเอ่ยปฏิเสธ เมื่อถูกขอว่า...
'มาอยู่เป็นเพื่อนหน่อย
เข้าบ้านไม่ได้ ต้องรอแม่กลับบ้านตอนสองทุ่ม'
เพราะเหตุนี้ทำให้หลงมีตัวเลือกอยู่สองทาง
คือหนึ่ง นัดเจอกันที่ตลาดหรือห้างแถวบ้าน เดินเล่นกินข้าวเย็นฆ่าเวลา และสอง
ไปหาเพื่อนที่หมู่บ้าน ที่นั่นมีสวนให้นั่งเล่น อยู่รอเป็นเพื่อนจนกว่าแม่ของเพื่อนจะกลับมา
จากสองข้อนี้ตัวเลือกที่หนึ่งดูจะเป็นอะไรที่น่าสนใจกว่า
แต่หลงเบื่อแล้ว ทุกวันนี้เมื่อไรที่เพื่อนเลิกงานเร็วก็มักจะชวนเขาไปเดินเล่นที่ตลาดก่อนกลับบ้านเป็นประจำ
นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงได้มาจอดรถอยู่ที่หน้าสวนในหมู่บ้านของเพื่อนแบบนี้
สวนที่ว่าไม่ได้ถูกจัดตบแต่งจนสวยงามอะไรนัก
แค่สวนหญ้าธรรมดาที่ด้านหัวและท้ายสวนเป็นบ้านคน มีถนนเส้นเล็กๆ
สำหรับสัญจรในหมู่บ้านตัดผ่าน แถมข้างๆ ยังเป็นทุ่งนา เรียกได้ว่าเป็นจุดที่เงียบที่สุดและสัมผัสกับความร่มรื่นของธรรมชาติได้อย่างเต็มที่เลยก็ว่าได้
ดับเครื่องยนต์ลงจากรถหลงก็เดินไปหาคนที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้นหญ้าริมบ่อเลี้ยงปลาคาร์ฟกับเต่า
หลงนั่งลงข้างเพื่อน เจ้าของแววตาสุกใสหันมายิ้มให้พร้อมเอ่ยขอบคุณ
"ขอบคุณที่มานะ"
"ไม่เป็นไร"
มันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่พวกเขาต้องมาเจอกัน
เพียงแค่วันนี้เปลี่ยนสถานที่เท่านั้นเอง
"แล้วไปทำยังไงถึงเข้าบ้านไม่ได้"
หลงถามถึงสาเหตุเพราะเขายังไม่ได้คุยถึงรายละเอียดเรื่องนี้
เพียงแค่ถูกขอให้มาก็ยอมมาอย่างง่ายดาย
"ลืมไว้ในบ้าน"
"ออกจากบ้านแต่ไม่เอากุญแจมาด้วยเนี่ยนะ"
"อืม"
"ดีจริงๆ"
"ก็มันลืม ให้ทำไง"
"ก็ทำอย่างนี้ไง นั่งรอ"
เพื่อนหัวเราะ
ไม่ได้คิดว่าการลืมกุญแจบ้านเป็นเรื่องตลกแต่ขำเพราะการแดกดันของหลงมากกว่า
เขาผิดจริงๆ ผิดไปแล้ว
"ขอโทษ"
"ยังไม่ได้ว่าอะไรเลย"
"เมื่อกี้เพิ่งว่า"
"ว่าที่ไหน พูดความจริง"
เพื่อนเถียงไม่ออก
ขอบคุณไปแล้ว ขอโทษไปแล้ว รอบนี้เลยเงียบใส่ หันไปสนใจเจ้าเต่าที่เกาะอยู่บนก้อนหินแล้วโผล่หัวมาแอบฟังพวกเขาคุยกันแทน
แม้จะอยู่ในตัวกรุงเทพฯ
แต่ที่นี่คือขอบชายแดน ความเจริญยังไม่รุดหน้าเต็มที่ ตึกสูงก็ไม่มี
บรรยากาศจึงเหมือนต่างจังหวัดมากกว่าเมืองหลวง มีทุ่งนา มีต้นไม้ มีสายลมเย็นๆ หากฟ้ามืดสนิทบางคืนยังมองเห็นดาวด้วยซ้ำ
หลงเกิดและโตที่นี่เขาจึงชอบที่นี่ ชอบมันมากๆ
และคิดว่าคนที่ย้ายมาอยู่ตอนเรียนมัธยมอย่างเพื่อนจะชอบที่นี่ด้วย
"แล้วทำไงอะ"
"ทำอะไร"
อยู่ๆ
เพื่อนก็ถามขึ้นมาจนหลงตามไม่ทัน ไอ้นิสัยชอบพูดลอยๆ
ไม่มีเกริ่นนำนี่แก้ไม่หายจริงๆ สินะ
"ไม่ได้ไปเดินตลาดหลงไม่เบื่อเหรอ" คนถามเอียงคอมอง
ดวงตาเป็นประกายเต็มไปด้วยความสงสัย
แต่เชื่อเถอะว่าการเดินตลาดไม่ได้ทำให้หลงหายเบื่อสักเท่าไร
"เดินตลาดใช่ว่าจะหายเบื่อ"
"แสดงว่าที่ชวนไปเดินบ่อยๆ นี่เบื่อเหรอ"
"แล้วคิดว่าไง"
ความมั่นใจหายวับไปจากแววตาคู่นั้น
หลงนึกขำจนหลุดยิ้ม เพื่อนต้องใช้ความกล้าแค่ไหนกับแปดปีที่ผ่านมา
ต้องพยายามขนาดไหน
ต้องทุกข์ทรมานเท่าไรกับความรู้สึกที่ไม่สมหวังและรักที่โดนปฏิเสธ ถามว่าตอนนี้เขายอมรับได้งั้นเหรอ
แน่นอนว่าคำตอบคือยัง แต่เขาไม่คิดจะทำร้ายหรือตัดความหวังอย่างครั้งก่อน
แค่อยากให้เพื่อนรู้ว่าเขากำลังค่อยๆ เปิดใจ ให้ลองพยายามดูอีกสักนิด
อีกไม่นานสิ่งที่อยู่ในใจเขาอาจจะชัดเจนขึ้นมาก็ได้
เวลาได้อยู่กับเพื่อนที่ชื่อเพื่อน
ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะมีคำว่า 'เบื่อ' แวบขึ้นมาในความคิดของเขา
"ไม่เคยเบื่อเลยต่างหาก"
ม.
5 เทอม 1
(มึงอยู่ไหนวะหลง)
เสียงร้อนรนของเล็กดังผ่านสายทันทีที่หลงกดรับโทรศัพท์ เขากำลังจะออกจากโรงเรียนหลังจากแวะไปส่งงานที่ห้องพักครู
ส่วนเพื่อนๆ แยกย้ายกันกลับบ้านไปตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงก่อน
"กำลังจะกลับ"
(ยังไม่ออกจากโรงเรียนใช่ป้ะ)
"อืม กำลังจะออก"
(เออ
มึงอยู่รอไอ้เพื่อนแป๊บนึง มันกำลังวิ่งกลับไปโรงเรียน)
"ทำไมวะ"
(กุญแจบ้านมันหาย)
หลงคุยกับเล็กอีกต่อนิดหน่อย
ยังไม่ทันได้ถามอะไรมากเพื่อนก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้าโรงเรียนมา
พอเห็นหลงนั่งรอที่ม้านั่งใกล้ๆ ทางเข้าก็เดินยิ้มเข้ามาหาทั้งที่อกยังขยับขึ้นลงเป็นจังหวะถี่
"หลงยังไม่กลับเหรอ"
คำทักทายนี้ทำให้หลงนึกแปลกใจอยู่ไม่น้อย
ก็ในเมื่อเล็กบอกให้เขารอเพื่อนอยู่แต่ดันโดนถามแบบนี้ หรือสองคนนั้นไม่ได้คุยกัน
เป็นเล็กคนเดียวที่โทรมาไหว้วานให้เขาช่วย
"ก็อยู่รอช่วยหากุญแจ"
"เฮ้ย! รู้ได้ไง" เพื่อนถามเสียงสูงด้วยความแปลกใจ
แล้วก็เป็นอย่างที่หลงคิดไว้
"เล็กบอกมา"
"อ๋อ"
"แล้วไปทำหายที่ไหน"
"คิดว่าคงเป็นห้องเรียน หรือไม่ก็ที่ชมรม"
"ไป
เดี๋ยวช่วยหา"
เพื่อนยิ้มกว้างพยักหน้ารับตอนหลงลุกมาหา
ทั้งคู่เดินเลียบไปตามทางหน้าตึกเพื่อผ่านไปยังห้องเรียนที่อยู่เลยไปอีกอาคาร
ตอนนี้ห้าโมงครึ่งแล้ว
มีนักเรียนเหลืออยู่แค่ไม่กี่คน บรรยากาศในโรงเรียนเลยค่อนข้างเงียบเหงา ทำให้เสียงของคนทั้งสองที่กำลังเดินขึ้นบันไดดังก้องไปทั่วบริเวณแม้จะใช้เสียงปกติในการพูดคุยก็ตาม
"แล้วหลงไม่รีบกลับบ้านเหรอ"
"ไม่อะ"
"ทำไมวันนี้อยู่เย็นจัง"
"แดดมันร้อนจี้เกียจกลับเร็วเลยนั่งทำการบ้านเลขรอ"
"ทำเสร็จแล้วเหรอ"
"อืม"
"ขอดูบ้างดิ"
"ส่งไปแล้ว"
"อ่าว"
"ไม่ต้องดูหรอกมั้ง ง่ายๆ"
เพื่อนยิ้มรับคำบอก
หลงไม่ได้ยอและไม่ได้คิดว่าตัวเองเก่ง
แต่ถ้าจะพูดถึงคนเก่งจริงก็คงเป็นเพื่อนคนนี้นี่แหละ ผลการเรียนอยู่ในอันดับต้นๆ
ของห้อง การบ้านเลขแค่นั้นอย่างเพื่อนไม่จำเป็นต้องดูของเขาเลยสักนิด
ห้อง ม.5/1 อยู่ห้องแรกเมื่อขึ้นบันไดมาถึงชั้นสาม
ทั้งสองถอดรองเท้าไว้หน้าห้องก่อนเข้าไปด้านใน เพื่อนก้มๆ เงยๆ
หาอยู่ที่โต๊ะของตัวเอง ส่วนหลงช่วยเดินดูรอบห้อง แต่หาเท่าไรก็ไม่เจอสักที
"อาจจะหล่นที่ห้องชมรมมั้ง"
วันนี้คาบชมรมเป็นวิชาสุดท้ายของตาราง
เพื่อนเก็บกระเป๋าไปอยู่ที่นั่นจนกระทั่งเลิกเรียน ทั้งสองจึงออกจากห้อง ม.5/1
เดินลงจากอาคารเพื่อไปยังชมรมดนตรีสากลที่อยู่อีกตึก
ห้องดนตรีตั้งอยู่ชั้นล่างติดกับห้องศิลปะ
เย็นป่านนี้แล้วเพื่อนไม่แน่ใจอาจารย์จะกลับไปหรือยัง
เลยลองเลื่อนประตูกระจกออกเล็กน้อยแล้วยื่นหน้าเข้าไปดู
โชคดีที่มันยังเปิดได้และอาจารย์พิชัย ชายสูงอายุร่างใหญ่ยังคงอยู่ในห้อง
"ยังไม่กลับบ้านอีกเหรอญาณากร"
อาจารย์พิชัยละสายตาจากงานบนโต๊ะแล้วเอ่ยถาม เพื่อนรีบยกมือไหว้ก่อนตอบ
"กลับแล้วครับครูแต่ลืมของ ไม่รู้ทำตกไว้ที่นี่หรือเปล่า"
"ลืมอะไร"
"กุญแจบ้านครับ"
"เข้ามาหาสิ"
ได้รับคำอนุญาตเพื่อนก็พยักหน้าให้หลงก่อนถอดรองเท้าเดินนำเข้าไป
หนุ่มอ้วนยกมือไหว้อาจารย์อาวุโสที่ไม่ค่อยคุ้นเคยนักเพราะเขาไม่ได้อยู่ชมรมดนตรีเหมือนเพื่อน
อีกทั้งยังไม่ค่อยสันทัดเรื่องพวกนี้เท่าไรนัก
ในห้องดนตรีเป็นห้องโล่งๆ
ที่มีตู้เก็บเครื่องดนตรีวางชิดมุม คีย์บอร์ด กลองประเภทต่างๆ
พวกเครื่องสีเครื่องเป่าที่วงโยธวาทิตใช้เล่นตอนเข้าแถวหน้าเสาธง รวมถึงกีตาร์หลายตัวที่แขวนบนผนัง
ทั้งสองคนช่วยกันหาจนรอบห้องโดยมีอาจารย์คอยร้องถามความคืบหน้าเป็นระยะ
แต่สุดท้ายก็ยังหาไม่เจอ ได้แต่เดินหน้านิ่วคิ้วขมวดบอกลาอาจารย์พิชัยแล้วเดินจากมาอย่างหมดความหวัง
"จะเอาไงต่อ"
"คงต้องรอแม่เลิกงานตอนสองทุ่ม"
"สองทุ่มเลยเหรอ แล้วจะไปอยู่ไหน"
"เดินเล่นในตลาดมั้ง ตอนแรกว่าจะเข้าร้านเกมแต่ตังค์เหลือไม่พอ"
หลงพยักหน้ารับ
กว่าจะถึงสองทุ่มไม่ใช่ช่วงเวลาสั้นๆ
มันควรจะมีทางเลือกที่ดีกว่านี้นอกจากเดินเล่นในตลาดทั้งที่ไม่มีเงินติดตัว
หลงพยายามคิดหาทางช่วยที่จะไม่ทำให้เพื่อนลำบาก พวกเขาเดินออกจากโรงเรียน
ผ่านลานกิจกรรมกว้างๆ ที่มีของเล่นเด็ก มีเก้าอี้ให้นั่ง มีของกินขายนิดหน่อย
และมีคนเต้นแอโรบิค
"นั่งรอที่นี่ก่อนมั้ย" หลงชี้นิ้วไปยังม้านั่งใกล้ๆ ลานเด็กเล่น
"ก็ดีเหมือนกันแฮะ ถ้าแม่กลับจากที่ทำงานจะได้แวะรับเลย หลงก็กลับบ้านดีๆ
นะ" เพื่อนยิ้มและบอกลา แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่หลงตั้งใจไว้ บ้านเขาอยู่ใกล้
จะกลับเมื่อไรไม่มีใครว่าอะไรหรอก
"เดี๋ยวอยู่เป็นเพื่อน"
"จะดีเหรอ"
"อืม"
ไม่รอให้โดนขัดเจ้าของความคิดนี้ก็เดินนำไปยังม้านั่งตัวนั้น
จับจองที่ไว้ด้านหนึ่ง วางกระเป๋านักเรียนไว้บนพื้น
มองผู้คนที่เข้ามาใช้พื้นที่ในลานแห่งนี้ทำกิจกรรมต่างๆ
พร้อมกับเสียงของคนที่เพิ่งหย่อนตัวนั่งลงข้างๆ เอ่ยขอบคุณออกมา
"ขอบใจนะ"
"ไม่เป็นไร"
หลงหันไปมองคนที่ยังยิ้มโชว์แก้มบุ๋มข้างขวา
องค์ประกอบบนใบหน้าที่ดูดี ดวงตาเป็นประกายวิบวับเหมือนผืนน้ำที่ต้องแสงแดด
คิดไปแล้วบางทีหลงก็ชักสงสัย หากต้องอยู่ตัวคนเดียว
คนคนนี้จะยังสดใสแบบนี้อยู่ไหมนะ แต่พอคิดดูอีกที ให้เพื่อนคนนี้มีแต่ความสดใสอยู่รอบตัวนั่นแหละดีแล้ว
"เพื่อนกัน มีอะไรก็ช่วยกัน"
อย่างน้อยช่วยทำให้เพื่อนยิ้มได้เวลาเจอปัญหาก็ยังดี
ทั้งสองคนนั่งคุยเรื่องสัพเพเหระกันไปเรื่อยเปื่อยโดยไม่ได้สนใจเวลา
แต่ดูเหมือนว่าฉายาหลงหลับกำลังประสบปัญหา ดันกลายเป็นเพื่อนที่แย่งพูดได้มากกว่าเสียอย่างนั้น
เหตุเพราะพวกเขาเพิ่งรู้ว่าชอบอ่านการ์ตูนเรื่องเดียวกัน และเพื่อนคลั่งไคล้การ์ตูนเรื่องนี้มากเสียด้วย
"เออใช่ เพิ่งซื้อเล่มใหม่มา" ว่าแล้วเพื่อนก็หยิบกระเป๋านักเรียนรกๆ
ของตัวเองมาค้น เพราะเริ่มมืดบวกกับแสงสว่างที่สาดมาไม่ถึงทำให้มองเห็นของในกระเป๋าไม่ชัดเลยได้แต่ควานไปมาสะเปะสะปะ
แต่แทนที่จะเป็นหนังสือการ์ตูนที่ถูกหยิบออกมากลับกลายเป็นโลหะสีเงินที่ส่งเสียงกุ๊งกิ๊งยามกระทบกันแทน
หลงมองสิ่งที่เพื่อนถือโชว์อยู่ด้วยความงุนงง
ขณะที่เจ้าตัวก็มีสีหน้าไม่ต่างกันนัก ของที่เดินหากันจนทั่ว
แท้จริงแล้วมันซ่อนตัวอยู่ในกระเป๋ารกๆ ใบนี้
"มาได้ไง"
"หาไม่ดีล่ะสิ" หลงสรุปให้และไม่มีทางเป็นอย่างอื่นไปได้
เพราะค้นไม่ทั่วและคิดว่ามันหาย สุดท้ายเลยมานั่งกันอยู่ตรงนี้
เพื่อนหมดคำจะแก้ตัว
เขาสะเพร่าเอง หาไม่ดีเอง แถมยังทำให้เพื่อนเดือดร้อนอีก
"ขอโทษ"
"ยังไม่ได้ว่าอะไรเลย"
"งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้เลี้ยงน้ำไถ่โทษแก้วหนึ่ง"
"ไม่เป็นไร"
"ไม่ได้ ตกลงตามนี้"
คัดค้านไม่ได้หลงจำต้องพยักหน้ารับ
ลุกขึ้นสะพายกระเป๋าเตรียมตัวกลับ โชคดีแค่ไหนแล้วที่ไม่ต้องรอยันสองทุ่ม
เพื่อนรีบเก็บของใส่กระเป๋า
โดยเฉพาะกุญแจบ้านเจ้าปัญหาที่ต้องหาช่องดีๆ ใส่ไว้ หาไม่เจออีกจะยุ่งยากเอา
จัดการเรียบร้อยก็ลุกขึ้นเดินไปหาหลง เพื่อนที่โดยสารรถสายเดียวกัน
และยังเป็นครั้งแรกของพวกเขาที่ได้กลับบ้านพร้อมกันอีกด้วย
"กลับบ้านกัน"
ความทรงจำที่มีค่ามักสร้างรอยยิ้มให้ได้เสมอ
พวกเขานั่งอยู่ตรงนี้นานเท่าไรแล้วก็ไม่ได้สนใจนัก จนกระทั่งฟ้ามืด
ไฟข้างทางเปิดสว่าง หลงเหลือบมองคนที่เอาแต่นั่งจ้องหน้าเต่าในบ่อ
ก่อนมองเลยไปยังกระเป๋าสะพายที่วางอยู่ข้างตัว
"ไม่ใช่ว่าลืมไว้ในกระเป๋าอีกนะ"
คำแซวทำให้เพื่อนรีบหันขวับกลับมาแก้ตัว
"ไม่ลืม
จำได้ว่าวางไว้ในห้องนอนไม่ได้หยิบมาด้วย
"แน่ใจ"
"แน่ใจดิ"
"ลองค้นกระเป๋ายัง"
"ค้นแล้วไม่มี"
หลงไม่ได้ซักไซ้อะไรต่อ
ไม่ได้บอกตัวเองให้เชื่อหรือไม่เชื่อ
เพราะถึงจะจริงหรือไม่จริงเขาก็มานั่งอยู่ตรงนี้แล้ว
ถ้าหากมันเป็นแผนเขาก็คือคนที่ยอมเดินตามแผนตั้งแต่แรก และเขาจะไม่ยอมเสียใจกับสิ่งที่ได้ตัดสินใจทำลงไปอีก
"หรือหลงจะกลับเลยก็ได้นะ"
เงียบไปไม่ทันไรเพื่อนก็พูดขึ้นมา คงเก็บคำสิ่งที่หลงพูดไปคิด
คิดว่าเบื่อที่จะอยู่ด้วยอีกตามเคย
"ไม่ล่ะ
จะอยู่เป็นเพื่อน"
"อยู่เป็นเพื่อน..."
"อะไร"
เพราะพยางค์สุดท้ายถูกลากเสียงยาวหลงเลยเผลอตวัดเสียงถาม
เพื่อนอมยิ้มไม่ยอมตอบ บางทีก็อยากจะเล่นมุกบ้างแต่ไม่รู้ว่าคนข้างๆ อยากจะเล่นด้วยหรือเปล่า
อีกอย่างเวลาพูดเรื่องแบบนี้ทีไรมักจะโดนเงียบใส่เสมอ เขาไม่แน่ใจ
ไม่รู้เลยว่าสรุปแล้วหลงกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ ดูยินดีให้เข้าหา
พร้อมที่จะเปิดรับ แต่ก็เหมือนไม่รู้สึกจนไม่กล้าที่จะถามอะไรอีก
เพราะเขายังอยากมีความสุขแบบนี้อยู่ ยังอยากใช้เวลากับคนคนนี้
แม้จะไม่ได้อะไรตอบกลับมาก็ตาม
"ท่ามาก"
หลงยกมือขึ้นผลักหัวเพื่อนด้วยวามรู้สึกหมั่นไส้เล็กๆ
เป็นการกระทำที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
"เดี๋ยวนี้เล่นแรง"
"แรงตรงไหน"
"ก็ผลักหัว"
"ทำไม
ผลักไม่ได้" ว่าแล้วทำท่าจะผลักอีก
"ไม่ให้ผลัก"
เพื่อนทำท่าโยกตัวหลบฝ่ามือใหญ่ๆ ที่ยกค้างไว้
ถ้าเป็นเมื่อก่อนโดนผลักแบบนี้ล่ะก็ได้ล้มหงายหลังไปแล้วแน่ๆ หลงเป็นคนแรงเยอะ อย่างน้อยก็เยอะกว่าเขา
เลยไม่อยากเล่นอะไรที่เสี่ยงต่อการโดนทำร้ายร่างกาย
"ทำเป็นหวง"
สุดท้ายก็โดนผลักอยู่ดี
เพื่อนคว้ามือหลงเอาไว้ไม่ยอมปล่อย
เจ้าของมือก็จ้องหน้าคล้ายจะหาเรื่อง เขาไม่ได้หวงตัว
แค่อยากทำอย่างอื่นมากกว่าการเล่นผลักหัวกันแบบนี้
"ปล่อยเลย"
"แล้วถ้าไม่ปล่อยอ่ะ"
"งั้น...ก็แล้วแต่"
ไม่รู้เหตุใดถึงได้ยอมแพ้ง่ายนัก
หลงเลิกสนใจให้เพื่อนจับมือไว้แบบนั้น
ก่อนมันจะถูกวงลงบนตักแล้วกุมไว้โดยที่เจ้าตัวไม่มีท่าทีว่าจะดึงออก
ฝ่ามือใหญ่ที่ยังอบอุ่นกับท่อนแขนที่คิดถึง
ถ้ามันอวบอ้วนและนุ่มนิ่มเหมือนเมื่อแปดปีก่อนก็คงดี
ยิ่งมืดบริเวณสวนก็ยิ่งวังเวง
แม้จะมีไฟส่องสว่างแต่คนในหมู่บ้านไม่มีใครมานั่งตากยุงตากน้ำค้างในเวลาแบบนี้ หลงชวนเพื่อนไปรอในรถ
เปิดเพลงฟังนั่งคุยกันไปเรื่อยเปื่อยจนใกล้เวลาสองทุ่มแม่ของเพื่อนก็กลับมาถึง
หลงถูกชักชวนให้เข้าไปด้วยกันแต่เขาปฏิเสธ
ได้ทักทายคุณแม่นิดหน่อยแล้วรีบขอตัวกลับ โดยได้ค่าตอบแทนเป็นการเลี้ยงข้าวสักมื้อหรือหนังสักเรื่องในครั้งหน้า
แต่ก็ปฏิเสธอีก
"เบื่อกินข้าว
ไม่อยากดูหนัง"
"แล้วหลงอยากทำอะไร"
"ติดไว้ก่อน"
เพื่อนมองหลงอย่างไม่ไว้ใจนัก
ตั้งแต่สมัยเรียนหลงดูไม่ใช่คนเจ้าเล่ห์ ออกจะซื่อและเถรตรง แล้วทำไมตอนนี้ถึงได้ดูเจ้าแผนการนัก
"นึกได้แล้วจะบอก"
"เอางั้นก็ได้"
ถึงอย่างนั้นก็ยอมตอบตกลงไปอยู่ดี
หลงไม่ได้บอกลา พวกเขาไม่เคยพูดคำนั้นหรือแม้แต่การแสดงท่าทางเมื่อต้องแยกจากกัน
ทำเพียงแค่ยิ้ม เฝ้ามอง และเดินจากมา เหมือนเดิมตั้งแต่สมัยก่อนจนถึงตอนนี้
เหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนแปลง
TBC
เป็นนิยายที่มีบรรยากาศเหงาๆ เนอะเรื่องนี้
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ เจอกันตอนหน้าค่า
ความคิดเห็น