ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Dream of Me อยากให้เธอฝันยามหนุน

    ลำดับตอนที่ #7 : ฝันครั้งที่ 6

    • อัปเดตล่าสุด 15 ก.พ. 61




    ฝันครั้งที่ 6

     

                รถตู้โดยสารจอดหน้าตลาดที่เกือบจะเป็นป้ายสุดท้ายของเส้นทางเดินรถ ชายหนุ่มผู้มีรอยยิ้มสดใสเป็นเอกลักษณ์กับผู้โดยสารอีกหลายคนทยอยกันจ่ายเงินกับคนขับก่อนลงจากรถ มองขวาซ้ายเจอช่วงจังหวะรถว่างก็ข้ามถนนมาอีกฝั่ง เพื่อนยกยิ้มจนโชว์แก้มบุ๋มข้างขวาเมื่อเห็นชายร่างสูงใหญ่ยืนอยู่หน้าเซเว่น

                วันนี้เพื่อนนัดหลงมาเจอกันที่ตลาด พอมีเวลาว่างหลังเลิกงานเลยอยากหาเรื่องมาเจอกัน แค่เดินเล่นที่ตลาดไม่กี่นาทีก็ยังดี

                หลงหันมาเห็นเพื่อนก่อนจะทันเดินไปถึงตัว ทำเพียงแค่พยักหน้าให้ทั้งสองคนก็เดินเคียงคู่กันไปยังทางเข้าด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ผ่านศาลเจ้าประจำตลาดกับวินรถพ่วงข้างมอเตอร์ไซด์ที่กำลังต่อคิวจอดรอรับผู้โดยสาร

                "จะซื้ออะไรบ้าง" เพื่อนถามตอนพวกเขาเดินผ่านมาได้ไม่กี่ร้าน ก่อนหน้านี้หลงบอกว่าจะแวะซื้อของให้แม่เขาเลยถือโอกาสแวะมาหาแล้วก็หาอะไรกินไปด้วย

                "แม่ฝากซื้อต้มเลือดหมู แล้วเพื่อนอยากกินอะไร"

                "ไม่รู้ดิ เดินๆ ไปก่อนก็ได้"

                หลงพยักหน้ารับแล้วเดินไปตามทางเรื่อยๆ อย่างไม่เร่งรีบ เขาซื้อของไม่มากเพราะคิดไว้แล้วว่าจะซื้ออะไรบ้าง ผิดกับอีกคนที่เจอร้านไหนน่ากินก็แวะ ซื้อย่างนิดอย่างหน่อยจนเต็มมือ มองอะไรก็บอกว่าน่ากินไปหมด ไม่รู้ว่าหิวโซมาจากไหน หรือการทำงานวันนี้มันหนักจนเผาผลาญพลังงานจนหมด

                "ซื้อไปเนี่ยกินหมดเหรอ"

                "ไม่น่าจะเหลือ" เพื่อนตอบด้วยความภาคภูมิใจแล้วยิ้มแฉ่ง

                "เอาไปซ่อนไว้ไหนหมด" มองหุ่นคนผอมสูงตัวบางแล้วหลงก็ได้แต่นึกสงสัย ถ้าลองเอาสายวัดมาวัดจะได้รอบเอวเท่าไรกัน สามสิบนิ้ว ไม่ล่ะมั้ง อาจจะแค่ยี่สิบห้า

                "ไม่รู้ดิ คงไปอ้วนตอนแก่มั้ง"

                "ตอนนี้ยังไม่แก่อีกเหรอ"

                "ใจเย็น เพิ่งยี่สิบหก หลงแก่กว่าอีก"

                "แค่สี่เดือน"

                "นั่นแหละ อยากกินอะไรก็กินๆ ไปเถอะ" เพื่อนว่าอย่างไม่ใส่ใจก่อนจิ้มลูกชิ้นที่เพิ่งซื้อมาใส่ปากแล้วแบ่งให้หลงงับอีกลูกที่เหลืออยู่ไปกิน

                เพื่อนคนนี้กินเก่งมาตั้งแต่สมัยเรียนข้อนี้หลงรู้ดี แต่กินเท่าไรก็ไม่ยักอ้วน ผิดกับเขาที่กินนิดหน่อยก็อ้วนเอาๆ ต้องคอยควบคุมน้ำหนักและออกกำลังกาย จากคนอ้วนร่วมร้อยกิโลลดได้หุ่นขนาดนี้ก็นับว่าดีมากแล้ว

                "เออว่าจะถาม หลงลดน้ำหนักยังไงถึงได้ผอมขนาดนี้" คนถามดูสงสัยจริงจัง ตั้งแต่กลับมาเจอหลงเพื่อนยังไม่รู้เลยว่าอะไรทำให้คนคนนี้เปลี่ยนใจหันกลับมาดูแลตัวเอง แล้วทำยังไงถึงได้เปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้

                "ก็ค่อยๆ ลด ออกกำลังกาย ควบคุมอาหาร ประมาณนั้น"

                "ออกกำลังกายที่สวนหน้าบ้านน่ะนะ"

                "ที่นั่นไม่ค่อยได้ใช้หรอก มีเข้าฟิสเนตบ้าง หรือไม่ก็ไปเตะบอลกับพวกไอ้เล็ก" หลงส่ายหน้า สวนหน้าบ้านเขาไม่กว้างแต่ยาวเลียบไปกับถนนใหญ่ร่วมกิโล ไม่มีเครื่องเล่นมีแต่ลู่วิ่งอย่างเดียว แถมคนยังใช้เยอะอีกด้วย

                "ยังเล่นกีฬาเก่งเหมือนเดิมสินะ"

                "ก็คงประมาณนั้น"

                กีฬาเป็นอีกเรื่องที่หลงยืดอกยอมรับได้อย่างภาคภูมิใจ ถึงสมัยก่อนเขาจะตัวอ้วนใหญ่ผิดกับอีกคนที่หุ่นดูเป็นนักกีฬามากกว่า

                "วันหลังนัดกันไปเตะบอลบ้างดิ" พูดถึงเรื่องกีฬาเพื่อนเองก็ชักอยากออกกำลังกายบ้างเหมือนกัน

                "จะดีเหรอ"

                "ทำไมอะ"

                หลงเหล่มองคล้ายจะถาม เพื่อนไม่รู้จริงเหรอว่าที่เขาถามหมายถึงอะไร

                ก็เพื่อนที่ชื่อเพื่อนคนนี้น่ะ เรื่องกีฬาไม่เอาไหนเสียเลย

     

                . 5 เทอม 2

                แฮนด์บอลเป็นกีฬาที่ถูกกำหนดให้เรียนในระดับชั้น ม.5 เทอม 1 มีการจัดแข่งขันระหว่างห้องเพื่อเก็บคะแนนโดยแบ่งเป็นทีมชายหญิง และทีม ม.5/1 ได้วางตัวนักกีฬาตัวจริงไว้แล้วเรียบร้อย

                "พี่เพื่อนไม่ลงเหรอ"

                "ทำไมพี่เพื่อนไม่ได้เล่น"

                "อยากดูพี่เพื่อนอะ"

                อดกรี๊ดพี่เพื่อนเลย เซ็ง"

                เสียงบ่นของสาวๆ รุ่นน้องดังกันระงมเมื่อถึงวันแข่งแฮนด์บอลระหว่าง ม. 5/1 กับ ม.5/4 เพราะรุ่นพี่คนโปรดที่อยากเห็นในมาดนักกีฬาดันนั่งเป็นตัวสำรองอยู่ข้างสนาม แม้จะอยู่ในชุดนักกีฬาสุดเท่ให้พอกรี๊ดได้อยู่บ้างแต่มันก็ไม่สมใจเท่าได้เห็นลงเล่นในสนามอยู่ดี

                กีฬาแฮนด์บอลมีนักกีฬาตัวจริงทั้งหมดเจ็ดคน สมาชิกกลุ่มหลังห้องข้างหน้าต่างติดตัวจริงสามคนคือเล็ก เต้ย และหลงเป็นผู้รักษาประตู ด้วยสัดส่วนที่เพื่อนๆ คิดว่าน่าจะป้องกันลูกได้ดี รวมถึงทักษะกีฬาที่ไม่เป็นสองรองใครแม้ร่างกายจะอ้วนท้วมดูเชื่องช้าก็ตาม

                การแข่งขันนัดนี้จัดขึ้นหลังเลิกเรียนจึงมีนักเรียนรอดูอยู่เป็นจำนวนมาก หลังจากให้กำลังใจเรียกความฮึกเหิมกันเรียบร้อยก็ได้เวลาลงสนาม เพื่อนยิ้มสดใสบอกคำว่า 'สู้ตาย' กับทุกคน แต่หลงกลับได้คำที่พิเศษกว่านั้น

                "กันให้ได้ทุกลูกนะ"

                "ยากไป"

                เพื่อนหัวเราะเบาๆ เมื่อได้ฟังหลงตอบกลับมา เพราะคำขอของเขามันยากไปจริงๆ

                "งั้นชนะให้ได้ก็พอ"

                หลงยิ้มแล้วพยักหน้ารับก่อนเดินลงสนามตามเพื่อนๆ ไป คล้ายกับว่าเพื่อนกับเขาเริ่มใกล้กันเข้ามาอีกนิด แบบนี้คงเรียกว่าสนิทกันกว่าเดิมได้แล้วล่ะมั้ง

                การแข่งขันระหว่างห้องหนึ่งกับห้องสี่เป็นไปอย่างสูสี ผลัดกันรุกผลัดกันไล่ กระทั่งจบครึ่งแรกห้องหนึ่งทำแต้มนำไปได้นิดหน่อย นักกีฬาเดินมาพักข้างสนามและมีการพูดคุยถึงเรื่องเปลี่ยนตัว

                "ครึ่งหลังมึงลงนะ ให้ไอ้เอกพักก่อน" กัปตันทีมว่าพร้อมชี้ไปที่เพื่อนซึ่งกำลังช่วยพัดวีให้นักกีฬา แต่ประโยคนั้นกลับทำให้หลายคนแตกตื่น

                "เอาจริงเหรอวะ" เล็กถามอย่างไม่เชื่อหูตัวเองนัก เพื่อนคนนี้ขึ้นชื่อนักเรื่องกีฬา ที่ต้องลงตัวสำรองเพราะประชากรชายในห้องที่พอจะพึ่งพาได้มีอยู่เท่านี้

                "สักห้านาทีก็พอ มันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นมั้ยวะ น้องสาวกูมันร้องอยากเห็น ลงไปวิ่งเรียกเสียงกรี๊ดปั่นประสาทไอ้ห้องสี่มันไง ตอนนี้นำอยู่ไม่เป็นไรหรอก"

                ทุกคนมองหน้ากันไปมา รู้ดีด้วยว่ากัปตันมันโดนน้องสาวตื้อมาอีกที แล้วก็รู้ดีด้วยว่าพี่เพื่อนของน้องๆ นั้นเล่นกีฬาได้เลิศเลอขนาดไหน

                เลิศเลอขนาดที่ว่าถ้าลงแล้วไม่แพ้นั่นถือเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ได้เลย

                "จะให้ลงจริงดิ" ขนาดเจ้าของชื่อยังไม่มีความมั่นใจในตัวเองเลยด้วยซ้ำ

                "เออ ถ้าคิดว่าไม่ไหวลงไปวิ่งสักสองสามนาทีก็ได้ มึงแค่ส่งลูกให้แม่นๆ ก็พอ มีไอ้เล็กคอยช่วยอยู่ น่าจะโอเค"

                และแล้วการพูดคุยตกลงเพื่อเปลี่ยนตัวผู้เล่นก็จบลงเพียงเท่านี้ หลังจากหมดเวลาพักสิบนาทีเกมการแข่งขันก็ดำเนินต่อ พร้อมกับเสียงกองเชียร์ของสาวๆ ที่ดูคึกคักขึ้นถนัดตา

                "พี่เพื่อนนนน!!~"

                "สู้ๆ นะคะพี่เพื่อน"

                "กรี๊ดดดด!!~"

                เสียงเชียร์จากรุ่นน้องสาวๆ ดังมาจากมุมหนึ่งของสนาม ความจริงใช่ว่าโรงเรียนนี้ไม่มีรุ่นพี่หน้าตาดี รุ่นพี่เท่ๆ ที่เป็นที่นิยมคนอื่น แต่ถ้าหากพูดถึงรุ่นพี่ ม.5 คนที่หลายคนนึกถึงก็คือ...

                "พี่เพื่อนสู้เขานะค้าาา!~"

                เสียงหัวเราะครื้นดังมาจากกลุ่มนักกีฬา ทั้งคนถูกเรียก ทั้งคนที่มองดูอยู่ ไม่มีใครคิดว่ามันเป็นเรื่องน่าหมั่นไส้ที่เพื่อนถูกเชียร์ออกนอกหน้า แต่เพราะทุกคนคือเพื่อนกันจึงเข้าใจ และคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคือสีสันของวัยมัธยม

                เพื่อนหันไปส่งยิ้มให้กลุ่มกองเชียร์ก่อนเสียงนกหวีดเริ่มการแข่งขันจะดังขึ้น ห้องสี่เป็นฝ่ายบุกก่อน ดูเชิงกันอยู่สักพักสุดท้ายก็โดนหนึ่งบุกกลับ เล็กแย่งบอลมาได้แล้วส่งให้เพื่อนร่วมทีม ทุกเล่นกันได้อย่างเข้าขายกเว้นก็แต่คนที่ทุกคนเป็นห่วงที่สุด

                "เพื่อน!" เต้ยตะโกนเรียกก่อนส่งบอลมาให้

                ร่างสูงติดผอมไปนิดวิ่งสุดแรงเพื่อคว้าบอลเอาไว้ แต่เหมือนจะกะจังหวะผิดไปนิดบอลเลยเด้งผ่านมือไป เพื่อนรีบหมุนตัวกลับยืดมือไปสุดแขนแล้วคว้ามันไว้ได้ในที่สุดท่ามกลางเสียงเชียร์จากสาวๆ รุ่นน้อง

                ม. 5/1 รอดตัวไปได้ในวิกฤตครั้งแรก

                เกมยังดำเนินต่อไปโดยที่ห้องหนึ่งยังสามารถเป็นผู้คุมเกมไว้ได้ นั่นอาจเป็นเพราะจุดอ่อนของทีมไม่ได้ครองบอลเท่าไรนัก และอีกหนึ่งนาทีจะหมดเวลาห้านาที ช่วงเวลาที่จะได้ชื่นชมพี่เพื่อนในลุคนักกีฬาของสาวๆ

                หลังจากเปิดเกมรุกได้ไม่นานห้องหนึ่งต้องเป็นฝ่ายเล่นเกมรับบ้าง ห้องสี่พาบอลมาใกล้หน้าประตู หลงตั้งท่ารอรับ แต่ในจังหวะที่ไม่มีใครคาดฝัน บอลถูกขว้างไปข้างหน้าเพื่อส่งต่อให้ผู้ทำประตู ด้วยความที่อยู่ใกล้ที่สุดรวมถึงไฟในหัวใจที่กำลังลุกโชนเพื่อนจึงพุ่งตัวตรงไปทางบอลลูกนั้น ตั้งใจจะปัดมันทิ้งเพื่อตัดโอกาสการทำประตูโดยลืมนึกไปว่าความสามารถด้านกีฬาของตัวเองนั้นต่ำเตี้ยแค่ไหน

                ตุบ!

                ทั้งสนามเงียบกริบเมื่อทุกคนต่างอ้าปากค้าง แม้กระทั่งสาวๆ ยังยกมือขึ้นปิดปากไม่กล้าส่งเสียง ลูกที่ถูกขว้างเข้าประตูตกลงพื้นไล่เลี่ยกับร่างผอมสูงที่ไถลราบไปกับพื้นเช่นกัน จนเมื่อตั้งสติได้เพื่อนๆ ถึงได้เดินเข้ามาดูอาการ

                "ไอ้เพื่อน!"

                "เป็นไงบ้างวะ"

                "เขาให้ปัดบอลไม่ใช่ปัดอากาศ ลุกไหวมั้ยมึง"

                "หน้าเสียโฉมป้ะวะ"

                ทุกคนต่างถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงขณะที่เพื่อนค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้นนั่ง ปัดเศษฝุ่นที่ติดตามร่างกายออกก่อนยิ้มเขินที่ดันมาโชว์ห่วยกลางสนามแบบนี้

                "กู...ไม่เป็นไร"

                "งั้นก็ลุก ไปพัก เอาไอ้เอกลงต่อ"

                เพื่อนลุกขึ้นตามแรงพยุงจากเพื่อนๆ ปัดฝุ่นตามเสื้อผ้าอีกรอบ เขายังยิ้มเขินไม่กล้ามองรอบสนามหากแต่มองไปยังหลงที่เอาแต่ยืนขมวดคิ้วตั้งแต่วิ่งมาดูอาการ

                หลงไม่ได้เอ่ยปากถามและเพื่อนไม่ได้พูดอะไรออกมา เขายังยิ้ม ยิ้มให้รู้ว่าไม่เป็นอะไร ยิ้มให้รู้ว่าเขาปลอดภัย แค่ล้มหน้ากระแทกนิดหน่อยมันไม่เจ็บสักเท่าไรหรอก

                คนเจ็บนั่งพักอยู่ข้างสนามโดยมีสาวๆ ล้อมหน้าล้อมหลัง เห็นหน้าตายังยิ้มแย้มสดใสเพื่อนๆ ก็หายห่วง มีแรงฮึดกลับมาเล่นได้เต็มที่ ผู้รักษาประตูอย่างหลงเองก็โชว์ฟอร์มได้เยี่ยม รักษาสัญญาที่ได้ให้ไว้ และรักษารอยยิ้มนั้นให้สว่างสดใสได้ดังเดิม

                สุดท้ายห้อง ม.5/1 ก็สามารถเอาชนะ ม.5/4 ได้อย่างขาดลอย

     

     

                "ไม่ต้องเล่นหรอกกีฬาน่ะ เดี๋ยวก็เจ็บตัวอีก" อดีตที่ติดอยู่ในความทรงจำทำให้หลงบอกออกไปแบบนั้น ให้ทำตัวปวกเปียกแบบนี้ต่อไปนั่นดีแล้ว หรือถ้าอยากออกกำลังกายให้เขาพาไปเล่นที่ฟิตเนตก็ได้ แต่ออกห่างมันเถอะจากกีฬาน่ะ

                "ตอนนี้อาจจะเก่งขึ้นแล้วก็ได้นะ"

                "อาจจะ?"

                "ก็อาจจะไง"

                "ตอนเรียนมหา'ลัยเป็นนักกีฬาเหรอ"

                "เปล่า"

                "แล้วทำอะไรกับเขาบ้าง"

                เพื่อนส่ายหน้าแล้วยิ้ม ประสบการณ์ช่วงเรียนมหาวิทยาลัยของเขาไม่ได้น่าจดจำสักเท่าไร ไม่ใช่ว่าสังคมไม่ดี แต่ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเพราะตัวเขาเอง ทำไว้เองรับกรรมเอง ถึงอย่างนั้นหลังจากผ่านช่วงปีหนึ่งมาได้เส้นทางที่เคยมืดมนก็เริ่มสว่างมากขึ้น

                "เล่าให้ฟังได้มั้ย" หลงถามขึ้นมาลอยๆ เขาอยากรู้แต่ไม่อยากบังคับ

                ตั้งแต่กลับมาเจอกันในรอบแปดปีเรื่องราวในอดีตไม่ได้ถูกหยิบขึ้นมาพูดถึงบ่อยนัก ช่วงที่หายไปเป็นยังไง เกิดอะไรขึ้น หลงได้แต่คิดอยู่ในภวังค์ของตัวเอง คาดเดาไปต่างๆ นานา แต่ตอนนี้เขาควรจะรู้ได้แล้ว รู้...และทำสิ่งที่มันเลือนลางให้ชัดเจนขึ้นมาเสียที

                "ชีวิตตอนเรียนมหา'ลัย"

                "มันไม่น่าฟังเท่าไรหรอก"

                "เล่ามาเถอะ อยากฟัง"

                เพื่อนอมยิ้มน้อยๆ เงยหน้าขึ้นมองฟ้าแล้วถอนหายใจออกมา ถึงอย่างนั้นใบหน้าที่สดใสแทบตลอดเวลานั้นก็ยังแต้มด้วยรอยยิ้ม

                "มันก็ลำบากนิดหน่อยนะกับการปรับตัว ตอนปีหนึ่งไม่ชอบเข้าร่วมกิจกรรมเลยโดนเพื่อนแบน ขนาดรูมเมทยังไม่เอาเลย การเรียนก็ไม่ดีได้แค่หนึ่งกว่าๆ ใช้ชีวิตอยู่คนเดียว ย่ำแย่สุดๆ แต่ก็ชินแล้ว"

                หลงรับฟังอยู่เงียบๆ หากแต่ในใจกลับรู้สึกแย่อย่างบอกไม่ถูก คนคนนี้ที่เหมาะกับความสดใสไม่ควรเจอเรื่องแบบนั้น คนที่เคยถูกผู้คนห้อมล้อมกลับต้องอยู่ตัวคนเดียว ความจริงแล้วคนที่ทำให้เกิดเหตุการณ์นั้นเป็นเพราะตัวเพื่อนเองนั้นเหรอ หรือเป็นเพราะเขากันแน่

                "แต่พอขึ้นปีสองก็เริ่มโอเคขึ้นนะ มีเพื่อนกับเขาสักที"

                เพื่อนหัวเราะเบาๆ แต่หลงไม่รู้สึกขำด้วยเลยสักนิด เขาขยับมือไปแตะหลังมือทำให้คนที่ทำตัวร่าเริงเมื่อครู่นี้เปลี่ยนสีหน้าทันที รอยยิ้มกับดวงตาสุกใสหายไปเป็นความโศกเศร้าเข้ามาแทนที่

                ปลายนิ้วยังสัมผัสที่หลังมือ สองขาหยุดนิ่ง ปล่อยให้กระแสผู้คนผ่านเลยไปโดยไม่คิดที่จะสนใจ เพื่อนเม้มปากก่อนหันมามอง เขาพลิกมือเพื่อกอบกุมสัมผัสที่คิดถึงนี้ไว้ เพียงเล็กน้อย ให้รู้สึกอบอุ่นใจขึ้นอีกสักหน่อยก็ยังดี

                สิบวินาที ไม่สิ อาจจะไม่ถึงห้าวินาทีเท่านั้นที่หลงรู้สึก ความอบอุ่นนั้นก็มลายหายไปเมื่อเพื่อนปล่อยมือออก รอยยิ้มสดใสกลับมาแต่งแต้มบนใบหน้าที่ใครๆ ต่างหลงใหลอีกครั้ง สองขาออกเดิน มือหยิบลูกชิ้นอีกไม้ที่เหลืออยู่ขึ้นมากินก่อนเอ่ยปากชวน แต่มันกลับเป็นคำที่หลงยังไม่อยากจะได้ยิน

                "กลับบ้านกันเถอะ"

     

    TBC

     

    จริงๆ เรื่องนี้เรากะจะดองยาวแล้วนะ เพราะเหลืออีกแค่ห้าตอนก็จะเขียนจบแล้ว

    วางแผนไว้ว่าจะเขียนให้จบไว้ภายในเดือนนี้ ก็ไม่รู้จะทำได้มั้ย เลยคิดว่าอยากเขียนให้จบแล้วลงทีเดียว

    แต่ก็ห่วงคนรอค่ะ ถึงจะมีน้อยมากก็ตาม เลยคิดว่าอัพต่อไปดีกว่า

    ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ เจอกันตอนหน้าค่า



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×