คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่ 5
ตอนที่ 5
วันนี้ไม่มีเรียน โฟทิสที่วางแผนหาทางไปเกิดให้ลักซ์จึงได้ทำการนัดแนะเพื่อนร่วมกลุ่มขอไปเที่ยวเล่นที่บ้าน เพราะรู้มาว่าพี่สาวของเพื่อนสนิทคนนี้เพิ่งแต่งงานได้ไม่นาน สามีย้ายมาอยู่ด้วยกันแน่นอนว่าต้องมีกิจกรรมเพื่อปั้มทายาทกันบ้าง ที่สำคัญบ้านเพื่อนคนนี้ค่อนข้างมีฐานะ เหมาะแก่การไปเกิดเพื่อมีชีวิตที่ดีในอนาคต
บ่ายโมงตรงตามเวลานัดหมายโฟทิสกับลักซ์ก็มายืนอยู่หน้าบ้านหลังใหญ่ รั้วสูงท่วมหัวบรรยากาศภายในร่มรื่น ทางจากหน้าประตูรั้วทอดยาวไปกว่าจะถึงหน้าบ้านคาดคะเนด้วยสายตาราวยี่สิบเมตรเห็นจะได้ โฟทิสเคยมาที่นี่สองสามครั้ง ทั้งนัดมาทำงานและเที่ยวเล่นปกติ เป็นเพื่อนที่นับว่าสนิทกันที่สุดในสาขา หรืออาจจะเป็นเพราะไม่มีใครอยากคบเขาทั้งสองเท่าไรก็ได้
สำหรับโฟทิสแค่กดกริ่งหน้าบ้านประตูรั้วขนาดใหญ่ก็ยินดีเปิดต้อนรับ ผิดกับลักซ์ที่มีด่านเจ้าที่ต้องผ่านอีกชั้น การจะเข้าไปข้างในได้ต้องให้เจ้าของบ้านอนุญาตเท่าก่อน หากเข้าได้หนึ่งครั้งก็จะเข้าออกได้ตลอดไป
เมื่อกดกริ่งเรียกท่านเจ้าที่ที่เห็นว่ามีวิญญาณเร่ร่อนไม่น่าไว้ใจพยายามจะบุกรุกพื้นที่ที่ปกปักรักษาอยู่ก็ออกมายืนขวางทำหน้าถมึงทึง หากลักซ์ก้าวล้ำเข้าไปในเขตบ้านแม้แต่ก้าวเดียวรับรองโดนดีดกระเด็นออกมาแน่
โฟทิสไลน์บอกเพื่อนมาว่าถึงแล้ว เพราะข้อตกลงบางอย่างที่ทำด้วยกันไว้เจ้าของบ้านจึงต้องมาเปิดประตูให้เองแทนที่จะให้แม่บ้านเป็นคนมาต้อนรับ
“เข้ามาเลยโฟ ลักซ์ด้วยนะ” แจ็คกี้เอ่ยด้วยรอยยิ้ม ยืนหลบให้โฟทิสกับลักซ์ก้าวเข้ามาในบ้านอย่างง่ายดาย ท่านเจ้าที่ที่ตีหน้ายักษ์ใส่ในทีแรกก็หายตัวไปแล้วเช่นกัน
ลักซ์มองกลับไปหน้าประตูรั้วที่ปิดลง แปลกใจไม่น้อยว่าโฟทิสไปพูดอะไรกับเพื่อนไว้เรื่องถึงได้จบง่ายเหมือนไม่ต้องพยายามอะไรแบบนี้ กระทั่งได้ยินชื่อตัวเองจากปากแจ็คกี้อีกครั้งลักซ์ถึงได้หันไปมองทั้งสองคนที่เดินนำหน้า
“ไหนล่ะลักซ์”
“นี่ไง น่ารักใช่มั้ย”
“ขอบคุณนะ” แจ็คกี้รับโมเดลแมวสีส้มมาแล้วยิ้มกว้าง หนึ่งในของสะสมชอบมากที่สุด
เห็นเพื่อนมีความสุขกับของเล็กๆ น้อยๆ ที่มอบให้แต่โฟทิสไม่ได้รู้สึกสบายใจนักที่ต้องใช้กลวิธีหลอกล่อแจ็คกี้เพื่อให้ลักซ์ได้เข้ามาที่นี่ เพราะเป็นคนหัวอ่อนตามใครไม่ค่อยทัน ได้คนที่พร้อมพุ่งใส่ทุกอย่างหากเห็นว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ถูกต้องอย่างโฟทิสช่วยไว้ตั้งแต่อยู่ปีหนึ่งเลยคบกันเป็นเพื่อนมาจนถึงตอนนี้ จึงกลายเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเขาถึงดูเหมือนคนแปลกแยกไม่มีค่อยมีใครคบค้าสมาคมนัก
กลอุบายตุ๊กตาชื่อลักซ์ที่โฟทิสขอให้แจ็คกี้เรียกชื่อเพื่อแลกกับโมเดลนั้นผ่านพ้นมาอย่างสวยงาม เดิมทีโฟทิสก็ไม่มั่นใจนักว่ามันจะใช้ได้ผล ทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของท่านเจ้าที่ หากไม่รู้ว่าแท้จริงลักซ์ที่ว่าคือตุ๊กตา ลักซ์ที่แจ็คกี้เรียกย่อมเป็นใครไปไม่ได้นอกจากวิญญาณที่ตามติดมาด้วย
“คิดได้ไงครับเนี่ย”
โฟทิสอมยิ้ม เขาจะคิดเสียว่ามันเป็นคำชมแล้วกัน
เพราะบ้านของแจ็คกี้ไม่ต่างกับรีสอร์ตดีๆ การได้มาที่นี่จึงเหมือนได้มาพักผ่อน พื้นที่บริเวณสระน้ำข้างบ้านถูกจับจองเหมือนทุกครั้ง อาหารการกินเพียบพร้อมมีแม่บ้านคอยดูแล อยากได้อะไรแค่ส่งเสียงเรียกทุกอย่างถูกจะประเคนให้ตรงหน้า คนในบ้านอยู่กันเป็นสัดส่วนมีพื้นที่ของตัวเอง มาหาแต่ละครั้งแม้คนในครอบครัวจะอยู่บ้านแต่โฟทิสกลับไม่ค่อยได้เจอนัก
ตามที่ตกลงกันไว้โฟทิสจะทิ้งลักซ์ไว้ที่นี่ให้หาทางเกิดใหม่เอาเอง ไม่เกินคืนสองคืนหรืออย่างมากหนึ่งสัปดาห์ลักซ์น่าจะไปเกิดได้สำเร็จ บ้านหลังนี้ไม่มีวิญญาณดวงอื่นเท่ากับว่าไม่มีคู่แข่ง หากพลาดก็ต้องโทษฝีมือไม่เอาไหนของตัวเองล้วนๆ
ใช้เวลาอยู่ที่บ้านใหญ่หลังนี้หลายชั่วโมงก็ถึงเวลาที่ต้องกลับ โฟทิสทิ้งให้ลักซ์อยู่ที่นี่ หรืออาจจะเรียกว่าเป็นการจากลาตลอดกาลหากลักซ์ไปเกิดใหม่ได้สำเร็จ
การจากลาที่ไม่ได้เอ่ยคำลา
ขึ้นแท็กซี่มาลงหน้าปากซอยของอะพาร์ตเมนต์ ท่ามกลางผู้คนที่เดินขวักไขว่โฟทิสรับรู้ได้ถึงอะไรบางอย่างที่ให้ความรู้สึกไม่ดีนัก บางอย่างที่ดูโหยกระหาย ปองร้าย และอยากทำลาย บางอย่างที่เขามองไม่เห็นและทำให้เกิดความกลัว
โฟทิสยืนนิ่งอยู่กับที่ ไม่พยายามมองหาสิ่งนั้นเพราะรู้ดีว่าหากแสดงตัวออกไปว่ารับรู้ได้อาจจะเกิดผลร้ายตามมา สิ่งนั้นที่ไม่ใช่มนุษย์และไม่ใช่วิญญาณที่รอไปเกิด แล้วสิ่งที่มีพลังมากขนาดนี้คืออะไรกัน
วิญญาณร้ายอย่างนั้นเหรอ
หากเป็นวิญญาณร้ายจริงคงถูกสุนัขล่าวิญญาณลากไปลงนรกเร็วๆ นี้ ไม่ใช่เรื่องที่ควรเป็นกังวล
“โฟ”
เจ้าของชื่อสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อมีมือมาแตะที่ไหล่ โฟทิสรีบหันกลับไปมองก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ เมื่อเห็นว่าเป็นพี่สาวของตัวเอง
“มายืนทำอะไรตรงนี้”
“เพิ่งมาถึง”
“แล้วลักซ์ล่ะ” ถามพลางมองหาวิญญาณหนุ่มที่ออกไปด้วยกันเมื่อช่วงเที่ยง
“ทิ้งไว้ที่บ้านแจ็คกี้แล้ว เดี๋ยวก็คงหาทางไปเกิดได้”
“ดีแล้ว” โพลาริสยิ้มออกมาอย่างโล่งใจ
“พี่ออกมาหาอะไรกินเหรอ”
“ใช่ งั้นไปกินข้าวด้วยกันเลยมั้ย”
โฟทิสพยักหน้ารับ ออกเดินไปพร้อมกับพี่สาวแต่ความรู้สึกแย่ๆ ของพลังบางอย่างยังคงหลงเหลือ มันทำให้เขารู้สึกหวาดหวั่นใจอย่างบอกไม่ถูก สัญชาตญาณที่มีมาแต่กำเนิดกำลังบอกว่าเจ้าสิ่งนั้นคือตัวอันตราย
แผนสำเร็จอย่างที่วางไว้ คู่แต่งงานใหม่ร้อนรักกันทุกคืน เป็นโอกาสดีที่จะได้มาเกิดในครอบครัวซึ่งเพียบพร้อมทุกด้าน ทว่าลักซ์กลับทำเพียงยืนมอง ก่อนจะเดินจากมาปล่อยให้โอกาสในคืนนี้หลุดมือไปอย่างน่าเสียดาย
เมื่อคิดว่าตัวตนนี้ต้องหายไปจากโลกนี้จริงๆ แล้วรู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก
ออกไปยืนชมวิวที่ระเบียงคนเดียวเหมือนตอนที่ยังวนเวียนอยู่ในโรงแรม วิวเปลี่ยนแต่ความรู้สึกเดียวดายยังคงอยู่ นึกแปลกใจไม่น้อยกับช่วงเวลาสั้นๆ ที่มีคนพูดคุยด้วย ช่วงเวลาที่สามารถเปลี่ยนความรู้สึกของเขาได้มากถึงเพียงนี้
อยู่ๆ ก็ไม่อยากไปเกิดใหม่แล้วเสียอย่างนั้น
หากโฟทิสรู้เขาคงถูกกลอกตาใส่อีกแน่
“อยากคุยกันอีกจัง”
หันมองที่ข้างกายซึ่งว่างเปล่า คิดดูแล้วครอบครัวนี้คงไม่เหมาะกับเขาสักเท่าไร หากวิญญาณที่ได้โอกาสละทิ้งซึ่งโอกาส สุดท้ายแล้วนรกก็จะส่งคนที่ชดใช้เวรกรรมหมดแล้วมาเกิดอยู่ดี
“วันนี้โฟไปทำงานนี่นา” มองท้องฟ้าดำมืดพลางนับวันอยู่ในใจ โฟทิสทำงานทุกคืนวันศุกร์ถึงวันอาทิตย์ วันที่คนหน้าเบื่อโลกมักควงใครอีกไปนอนที่โรงแรมด้วยเสมอ
ยกยิ้มกับตัวเองเมื่อคิดแผนเซอร์ไพรส์โฟทิสได้ เตรียมใจไว้แล้วว่าต้องโดนด่าแน่ๆ แต่ลักซ์จะรับคำด่านั้นด้วยรอยยิ้ม
ขอแค่ได้พูดคุยกันอีกครั้งก็พอ
โฟทิสต้องพาใครสักคนมาที่โรงแรมในคืนนี้ทว่าลักซ์เดาผิด เขารอที่ล็อบบี้ช่วงเวลาผับบาร์ปิด รอจนผ่านมาร่วมชั่วโมงก็ยังไม่เห็นคนหน้าเบื่อโลกเดินเข้ามากับใครสักคนที่เป็นผู้โชคดีในคืนนี้ รอจนคิดว่าอาจจะรอดพ้นสายตาขึ้นไปเปิดห้องกันแล้วก็ได้แต่เดินดูจนครบทุกห้องกลับไม่เห็นคนที่กำลังรอ
หรือว่าคืนนี้จะเปลี่ยนโรงแรม
คิดมาถึงตรงนี้ก็จ๋อยสนิท เกิดอาการลังเลว่าควรกลับบ้านแจ็คกี้หรือห้องของโฟทิสดี แต่เมื่อลองถามใจตัวเองอีกที คำตอบนั้นมันก็ชัดเจนอยู่แล้ว
โดนบ่นหูชา
โฟทิสถอนหายใจดังเฮือกเมื่อตื่นมาแล้วเจอลักซ์นั่งกอดเข่าสัปหงกอยู่ข้างที่นอน ตกใจโวยวายเสียงดังลั่นจนโพลาริสตื่นขึ้นมานั่งขมวดคิ้วฟังน้องชายบ่นวิญญาณอยู่เกือบครึ่งชั่วโมง
ความช่วยเหลือถูกปฏิเสธแบบนี้ไม่โมโหได้ยังไงไหว
“คืนนี้กลับแน่นอนสัญญาเลย วันนี้โฟหยุดนี่ขออยู่คุยด้วยหนึ่งวัน”
“ไม่อยากคุย” เพราะยังโมโหเลยหันหน้าหนี อุตส่าห์หาโอกาสดีๆ ให้ทั้งทีกลับทำเป็นเอ้อระเหยสบายใจ โดนตัดหน้าขึ้นมาละก็เขาไม่ขอยื่นมือเข้าไปช่วยเป็นครั้งที่สอง
“มันใจหายนะครับ”
“ยังมีห่วงเหรอ” เป็นโพลาริสที่ถามขึ้นมาแทน เธอเองก็เชียร์ให้ลักซ์ได้ไปเกิดเร็วๆ เพื่อให้อีกฝ่ายเลิกตามติดน้องชาย พอมาเจอสถานการณ์แบบนี้ชักเริ่มจะเครียดเหมือนกัน
“เปล่าครับ คือ...ผมยังอยากคุยกับโฟต่อน่ะ”
“บอกแล้วไงว่าไม่ชอบคุยกับผีขนาดนั้น”
คำตอบของโฟทิสทำเอาลักซ์ยิ้มแหย ฟังคำนี้มาตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน แต่เขาก็ยังอยากคุยกับคนหน้าเบื่อโลกอยู่ดี
เหล่มองลักซ์ที่หน้าเจื่อนลงเรื่อยๆ โฟทิสก็ถอนหายใจออกมา
“ถ้ารอบนี้ไปเกิดไม่ได้ก็ไม่รู้จะช่วยยังไงแล้วนะ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมอยู่คุยกับโฟจนกว่าจะครบกำหนดเลยก็ได้”
“ตลก”
“พูดจริงครับ”
ถามว่าลักซ์น่ารำคาญขนาดนั้นไหมโฟทิสตอบได้ทันทีเลยว่าไม่ เขาไม่ได้รู้สึกรำคาญมากมายไม่อย่างนั้นคงไม่พาตัวเองเข้ามาพัวพันและหาวิธีช่วย แต่มันดีจริงๆ น่ะเหรอที่ลักซ์จะยอมทิ้งโอกาสไปเกิดเพื่อแค่อยู่กับมนุษย์ที่มองเห็นวิญญาณและสามารถพูดคุยด้วยได้
“ลักซ์”
เจ้าของชื่อนั่งหลังตรงเตรียมตั้งใจฟัง หรือจะบอกว่าเตรียมรับคำบ่นก็ไม่เชิง
“โอกาสดีๆ แบบนี้ไม่ได้หาได้ง่ายๆ นะ การไปเกิดคือจุดประสงค์ของนายไม่ใช่เหรอ แล้วจะมาทิ้งไปง่ายๆ แบบนี้ได้ไง”
ลักซ์สบตาคนตรงหน้า เขาเข้าใจความหวังดีและรู้สึกขอบคุณที่โฟทิสยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ การตัดสินใจคือจุดที่ยากที่สุด หากพลาดแล้วอาจไม่มีโอกาสได้แก้ตัว แต่ถ้าหากพลาดในสิ่งที่ยินดีเลือกเขาก็พร้อมจะยอมรับมัน
“สำหรับผม การได้เจอโฟคือโอกาสที่ไม่ควรปล่อยไปง่ายๆ เหมือนกัน”
คนหน้าเบื่อโลกที่ทำหน้าหงุดหงิดใส่วันนั้นกลายเป็นคนที่มอบโอกาสไปเกิดใหม่ให้ ลักซ์อยากทำความรู้จักและเรียนรู้ผู้ชายคนนี้ให้มากกว่านี้
“แล้วแต่แล้วกัน”
“ครับ”
ลักซ์ยิ้มกว้างแม้โฟทิสดูไม่ได้ยินดีด้วยนักที่เขาตัดสินใจแบบนี้ เช่นเดียวกับโพลาริสที่ยังขมวดคิ้วแน่นกับปัญหาที่อาจจะตามมาภายหลัง
ไม่สิ ต้องบอกว่าเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นแน่ๆ จะช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น
คืนนี้โฟทิสต้องออกไปทำงาน ส่วนลักซ์นั้นกลับมาที่บ้านของแจ็คกี้ตั้งแต่ช่วงเย็น นั่งเฝ้าลูกชายคนเล็กของบ้านเล่นเกมอยู่ในห้องนอนที่แบ่งไว้เป็นสัดส่วนตามประสาบ้านคนมีฐานะ ลักซ์มักทำแบบนี้ทุกคืนก่อนย้ายไปยังห้องของพี่สาวของแจ็คกี้ช่วงดึก มองดูตั้งแต่คนทั้งสองอาบน้ำเสร็จ แต่เมื่อเริ่มเข้าด้ายเข้าเข็มเขากลับเลือกที่จะทิ้งโอกาสและเดินออกไปที่ระเบียงอีกครั้ง
สงสัยคงต้องล้มเลิกความคิดที่จะไปเกิดใหม่แล้วยอมถูกลากลงนรกไปใช้กรรมอันน้อยนิดเสียล่ะมั้ง
ยิ้มให้พระจันทร์ที่เห็นแสงเพียงรำไรก่อนเดินกลับเข้ามาในห้อง ลักซ์เพียงเหลือบมองคนทั้งคู่ที่กำลังร่วมรักกันบนเตียง เห็นซองถุงยางที่ถูกทิ้งอยู่ก็ได้แต่นึกขำอยู่ในใจ คืนนี้มีข้ออ้างให้กลับไปหาโดยไม่ถูกบ่นแล้ว
ตอนเป็นคนเที่ยวไม่บ่อย พอเป็นผีเลยกล้าๆ กลัวๆ ที่จะก้าวเข้าไปในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยเพียงคนเดียว ยืนสบตากับคุณเจ้าที่ในชุดเหมือนพนักงานร้านเป๊ะๆ ทำหน้าที่คอยตรวจบัตรในโลกวิญญาณแล้วก็ยิ้มแหยให้ ขัดเขินอยู่ไม่น้อยแต่สุดท้ายก็เดินหน้าเข้าไปหาคุณเจ้าที่ที่ยิ้มแย้มเชิญชวน
“มาครั้งแรกเหรอ”
“ครับ”
“เหงาๆ หน่อยนะ ที่นี่ไม่ค่อยมีวิญญาณมาเท่าไร แต่ยังไงก็เที่ยวให้สนุก”
“ขอบคุณครับ”
การผ่านด่านตรวจของโลกวิญญาณไม่มีอะไรมาก เจ้าหน้าที่ของโลกหลังความตายสามารถมองเห็นประวัติของวิญญาณทุกดวงได้ด้วยตาเปล่า ไม่ต้องยื่นบัตรไม่ต้องพิจารณาหน้าตาให้ยุ่งยากมากความ
แม้จะตายแล้วแต่ลักซ์กลับรู้สึกใจเต้นเมื่อเดินเข้ามาด้านใน ได้ยินเสียงดนตรีเปิดคลอเบาๆ กับผู้คนที่ดูสนุกสนานกับการดื่มกิน เขากวาดตามองไปรอบร้าน มีแค่มนุษย์มาเที่ยวอย่างที่ท่านเจ้าที่ว่า และถึงแม้จะเป็นบาร์สำหรับผู้ชายแต่ก็มีลูกค้าผู้หญิงอยู่ไม่น้อยเลย
บาร์แห่งนี้เหมาะแก่การนั่งกินบรรยากาศ จิบเครื่องดื่มและพูดคุยกับเพื่อนฝูง มีทั้งโต๊ะสำหรับลูกค้าที่มาเป็นกลุ่มหรือจะเลือกนั่งที่เคาน์เตอร์บาร์ก็ได้เช่นกัน ซึ่งที่ตรงนั้นดูเหมือนจะได้รับความสนใจเป็นพิเศษ
ลักซ์ยิ้มกว้างเมื่อเห็นบาร์เทนเดอร์หน้านิ่ง โฟทิสที่อยู่ในเครื่องแบบของร้านให้ความรู้สึกแตกต่างจากปกติอยู่ไม่น้อย ทั้งมีเสน่ห์และน่าหลงใหล ใบหน้าเรียบนิ่งที่ดูเย่อหยิ่งนิดๆ นั้นกลายเป็นที่วางสายตาของใครหลายคน คล้ายกับเครื่องดื่มสีสวยรสชาติหอมหวานน่าลิ้มลอง จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงมีคนเข้าหามากมายนัก ไม้เว้นกระทั่งผีอย่างเขา แม้จุดประสงค์ของการเข้าหาจะต่างกันอยู่เล็กน้อยก็ตาม
วิญญาณที่ไม่มีใครมองเห็นทำเพียงมองดูอยู่ห่างๆ มองคนหน้าเบื่อโลกที่ดูสดใสขึ้นมายามทำงาน บ้างยิ้มแย้มบ้างเล่นหูเล่นตาจนชักรู้สึกอิจฉาลูกค้าเหล่านั้น หากมีโอกาสเขาก็อยากเข้าหาในฐานะลูกค้าและสั่งเครื่องดื่มสักแก้วกับบาร์เทนเดอร์โฟทิสเหมือนกัน แต่ดูเหมือนโอกาสนี้จะเลือนรางกว่าการไปเกิดใหม่เสียอีก
ตรงเคาน์เตอร์บาร์มีคนแวะเวียนเข้าไปหาไม่ขาดสาย มีลูกค้าคนหนึ่งที่ลักซ์จำได้ หนุ่มแว่นที่เคยควงโฟทิสเข้าโรงแรมเมื่อสัปดาห์ก่อน เขาคนนั้นปักหลักอยู่ที่เคาน์เตอร์บาร์นานทีเดียว นานจนดูเหมือนว่าจะทำให้คนหน้าเบื่อโลกเกิดอาการหงุดหงิดขึ้นมา
นายแว่นคนนั้นต้องพูดอะไรไม่เข้าหูโฟทิสอยู่แน่ๆ
ลักซ์อยากเดินเข้าไปดูว่าทั้งคู่คุยอะไรกันแต่ก็กลัวว่าจะทำให้โฟทิสหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิม สายตาเขาจับจ้องอยู่ที่หนุ่มแว่นคนนั้นไม่ละไปไหนกระทั่งเขาคนนั้นเดินจากไป ทันใดนั้นโฟทิสก็ถอนหายใจออกมา
เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่านะ
ทั้งที่วันนี้มีงานที่ร้านแต่เคียร์ต้องยื่นใบลายาวเพราะได้รับแจ้งว่ามีวิญญาณร้ายปรากฏตัวในเขตพื้นที่รับผิดชอบ เขาออกตามล่ามันตั้งแต่สองวันก่อนทว่ากลับไม่พบ ซ่อนตัวได้โดยไม่ปล่อยพลังวิญญาณให้หมานรกตามจับได้แบบนี้นับว่าเป็นวิญญาณร้ายที่มีพลังแกร่งกล้าทีเดียว
วิญญาณร้ายที่พวกเขาเหล่าสุนัขล่าวิญญาณยังไม่แน่ใจว่ามันใช่ตัวเดียวกับที่พวกเขาพยายามตามหาอยู่หรือเปล่า
“เคียร์ ได้ยินมั้ย”
เสียงหนึ่งดังขึ้นในหัวขณะที่เคียร์ซึ่งอยู่ในร่างสุนัขกำลังเดินลัดเลาะไปตามซอกซอยที่วิญญาณร้ายน่าจะไปแอบซ่อนตัว
“ว่าไงไนเจล”
“ฉันเพิ่งได้รับข่าวจากเอลตันมาเรื่องวิญญาณร้ายที่ปรากฏตัว”
ขาที่ก้าวเดินชะลอฝีเท้าลง เคียร์รับรู้ได้ถึงพลังงานมหาศาลที่บ่งบอกว่าแถวนี้มีบางสิ่งบางอย่างไม่น่าไว้ใจ
“สรุปว่ายังไง”
“มันคือตัวที่เคยออกมาเมื่อสิบเอ็ดปีก่อน”
“ในที่สุดก็โผล่หัวออกมา”
“เคียร์”
เสียงที่ดังในหัวฟังดูเคร่งเครียด เจ้าของชื่อหยุดก้าวขณะหันมองก้อนพลังที่วิญญาณธรรมดาไม่สามารถสร้างมันขึ้นมาได้ หรือแม้กระทั่งวิญญาณร้ายตนไหนก็ยากที่จะสร้างมันมาได้เช่นกัน
นอกเสียจาก...
“ระวังด้วย ดัฟฟ์ยังอยู่ในตัวมัน”
มันคือวิญญาณร้ายที่มีพลังแกร่งกล้าจนสามารถเอาชีวิตของสุนัขล่าวิญญาณเมื่อสิบเอ็ดปีก่อนไปได้
“ไนเจล ขอกำเสริมด่วน”
เคียร์รีบกระโดดเข้าไปหาก้อนพลังนั้นเพื่อไม่ให้มันหนีไปไหนรอด โดยหารู้ไม่ว่านั่นเป็นเพียงตัวล่อ เมื่อสองเท้าตะปบโดนกลุ่มก้อนสีดำนั้นมันก็สลายหายไป ไม่หลงเหลือสิ่งใดเหมือนไม่เคยมีตัวตนอยู่
“ช่วยด้วยครับช่วยด้วย! ใครก็ได้ ตรงมีคนถูกรุม ใครก็ได้ช่วยที!”
รู้ดีว่าต่อให้ตะโกนจนเสียงแหบแห้งก็ไม่มีใครได้ยินแต่ลักซ์ก็ยังเลือกที่จะตะโกนต่อไป วิ่งวุ่นหามนุษย์คนนั้นทีคนนี้ที พยายามอ้อนวอนแต่กลับไม่มีใครฟังคำวิงวอนจากเขาเลย
ไม่มีใครฟังแม้กระทั่งผีด้วยกันเอง
“เปล่าประโยชน์น่า”
ใช่ ผีอย่างเขามันช่างเปล่าประโยชน์สิ้นดี
วิ่งกลับมาที่ตรอกมืดร่างของบาร์เทนเดอร์หนุ่มที่เคยเฉิดฉายถูกทิ้งไว้ข้างตึก ลักซ์จ้องมองไอ้แว่นสารเลวหัวเราะกับกลุ่มเพื่อนขณะเดินผ่านตัวเขาไปอย่างเคียดแค้น ตะโกนเสียงดังลั่นแล้วเหวี่ยงหมัดเข้าใส่ กำปั้นนั้นแหวกอากาศผ่านไป เหลือเพียงตัวเขาที่ยืนมองโฟทิสซึ่งถูกซ้อมจนสภาพไม่เหลือชิ้นดี
เหตุผลเพียงเพราะปฏิเสธที่จะนอนด้วยแค่นั้น
มือกำหมัดแน่นก้าวเดินเข้าไปหาคนที่นอนหมดสติ แต่ลักซ์กลับต้องชะงักเมื่อเห็นหลุมดำเป็นวงกลมเล็กๆ ใกล้จุดที่โฟทิสนั่งอยู่ ในวงกลมนั้นมีเปลวไฟสีแดงส้มลุกโชน สิ่งที่เห็นทำให้ลักซ์แทบจะลืมความโกรธแค้นเมื่อครู่ สมองเริ่มทำการปะติดประต่อเรื่องที่สงสัย แต่ยังไม่ทันได้ยันยืนกับตัวเองให้แน่ใจวงกลมที่คล้ายหลุมดำนั้นก็ปิดลงพร้อมกับการปรากฏตัวของใครอีกคน
สุนัขล่าวิญญาณที่อยู่บนชั้นดาดฟ้าของตึกกลายร่างเป็นมนุษย์เมื่อขาแตะถึงพื้น เคียร์เป็นคนทำให้วงกลมสะเก็ดไฟนั้นหายไปก่อนเข้าไปดูอาการของโฟทิสที่แน่นิ่งไป
“เกิดอะไรขึ้น”
ลักซ์เพิ่งเรียกสติกลับมาเมื่อถูกถาม เขาอ้ำอึ้งอยู่ช่วยครู่ก่อนจะสลัดเรื่องที่สงสัยทิ้งแล้วตอบออกไ
“โฟถูกลูกค้าที่ใส่แว่นซ้อมเพราะไม่ยอมไปนอนด้วย”
“อะไรกันวะเนี่ย”
“ผมพยายามช่วยแล้วครับ แต่ผม...”
“ช่างเถอะ ฉันจะพาโฟไปโรงพยาบาล นายก็กลับบ้านไปก่อนแล้วกัน”
ออกคำสั่งก่อนเคียร์จะแบกโฟทิสขึ้นหลังเดินตรงไปยังหน้าถนนใหญ่เพื่อขึ้นแท็กซี่ นึกเจ็บใจทั้งเรื่องที่ปล่อยให้วิญญาณร้ายหนีไปและเรื่องที่ปล่อยให้คนในความดูแลถูกซ้อมจนอยู่ในสภาพนี้
มองตามกระทั่งเคียร์พาโฟทิสเดินออกไปจากซอย ลักซ์ยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม แม้ใจอยากตามไปดูอาการแค่ไหนแต่ถ้ามีหมานรกอยู่ด้วยเขาก็คงโดนไล่กลับมาอยู่ดี โทษฐานที่อาจนำอันตรายมาสู่โฟทิส โทษฐานที่รู้ความลับซึ่งถูกปกป้องไว้
หลุมดำนั้น...
คือประตูนรกไม่ผิดอย่างแน่นอน
tbc
ความคิดเห็น