คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 5 เอะอะอะไรก็จะหอมแก้ม
ตอนที่ 5
เอะอะอะไรก็จะหอมแก้ม
เสียงนาฬิกาปลุกดังเวลาเดิม ผมควานหามือถือมาเพื่อกดปิด แต่แล้วเสียงปลุกก็หยุดลงก่อนจะหามือถือของตัวเองเจอ เมื่อลืมตาขึ้นก็พบกับดวงตาเรียวเล็กอันดำคล้ำของน้องชายตัวโตกำลังมองอยู่
“เป็นไงบ้าง”
“ง่วง”
“ไม่ใช่คำตอบนี้” เรนนี่ที่นั่งอยู่ข้างกันขมวดคิ้วใส่ ยกมือแตะหน้าผากผมเพื่อวัดไข้ ก็แค่เสาไม้เบาๆ หล่นใส่หัวผมไม่อาการหนักถึงขั้นไข้ขึ้นหรอกน่า หัวก็ไม่โนแผลก็ไม่มี แถมเมื่อคืนยังมีเด็กดีคอยประคบเย็นให้อีก
“สบายดีแล้ว ไม่เจ็บไม่ปวดใดๆ ทั้งสิ้น” ผมดันตัวลุกขึ้นนั่ง จำได้ว่าเมื่อคืนเรนนี่โผล่มาดูอาการให้ทุกยี่สิบนาทีอย่างที่ว่า ผมเองก็หลับๆ ตื่นๆ แต่ไม่มีสติเหลือพอจะจดจำว่าเรนนี่เข้ามานอนด้วยกันตอนไหน
“แน่นะ”
“แน่ดิ เนียนกริบเหมือนเดิม” หันข้างโชว์ด้านที่โดนกระแทกให้ดู เนียนกริบอย่างที่บอกไปจริงๆ
....หรือเปล่าก็ไม่รู้ขอโม้ไว้ก่อน
ผมยิ้มให้เรนนี่ คนมองก็ทำหน้านิ่งใส่ ก่อนจะใช้นิ้วจิ้มบริเวณที่โดนเสาไม้หล่นใส่เมื่อคืนจนเผลอสะดุ้ง
“โอ๊ย!”
แต่จริงๆ ก็ไม่ได้เจ็บเท่าไรหรอก
“ไหนบอกไม่เป็นไรแล้ว”
“แกล้งทำหรอก มันยังช้ำอยู่มั้ย”
“นิดหน่อย ดูดีกว่าเมื่อวานเยอะ”
“งั้นก็หายสนิทแล้ว”
ผมยืนยันอีกครั้งว่าไม่เป็นอะไร เดิมทีอาการไม่ได้หนักมากอยู่แล้วแถมได้คนดูแลดีขนาดนี้อีกมีหรือจะไม่หาย ห่วงก็แต่คุณหมอจำเป็นนี่แหละ ไม่รู้เมื่อคืนได้นอนกี่โมงตาถึงบวมแบบนี้
“เรนได้นอนบ้างหรือยัง”
“นอนแล้ว”
“กี่โมง”
“ตีห้า”
ผมทำหน้าจ๋อยใส่ ถ้าไม่ต้องเข้ามาดูอาการผมบ่อยๆ มีสมาธิกับการทำงานยาวๆ คงไม่กินเวลามากขนาดนี้ รู้สึกผิดอีกแล้ว
“ขอโทษนะ”
“ขอโทษทำไม”
“ที่ทำให้เรนไม่ได้นอน”
“ตอนเรนไม่สบายลี่ก็ไม่ได้นอนเหมือนกัน ถือว่าสลับกันดูแล”
ฟังแล้วตื้นตันใจอยากจับมาหอมแก้มซ้ายขวา จำได้ว่าเมื่อคืนยังไม่ได้จุ๊บๆ แก้มง้อเลย
ผมแปลงร่างเป็นแมวทิ้งตัวใส่น้องชาย ความน่ารักของเรนนี่ทำให้หัวใจผมฟูฟ่องรับยามเช้าที่อาจไม่ได้สดใสที่สุดในชีวิต แต่ยังมีสายรุ้งพาดผ่านให้ยิ้มออกได้เมื่อมองมัน
“วันนี้ตรวจแบบตอนบ่ายใช่มั้ย”
“ครับ ตอนเช้าเรียนโครงสร้าง”
“งั้นเรนนอนต่อก่อนก็ได้นะแล้วค่อยนั่งวินไป หรือจะไปพร้อมพี่”
“ไปพร้อมกันก็ได้ แต่ไม่ต้องทำข้าวเช้านะ ลงไปกินป้าตามสั่งด้วยกัน”
“โอเค งั้นพี่ไปอาบน้ำก่อนนะ” เงยหน้าส่งยิ้มให้เจ้าเด็กขี้กังวลก่อนลุกออกจากเตียงอย่างเชื่องช้า เหตุผลข้อแรกคือใจยังอยากนอนต่อ ส่วนอีกข้อคือไม่อยากลุกเร็วจนหน้ามืดทำน้องเป็นห่วงมากกว่าเดิม
ร้านข้าวร้านเดิมที่ผมมานั่งกินกับสกายเมื่ออาทิตย์ก่อน วันไหนไม่มีเวลาทำข้าวเช้าผมมักชวนเรนนี่มานั่งกินด้วยกัน ทำงานหนัก นอนน้อย ตื่นมาด้วยความรู้สึกไม่อยากอาหารแค่ไหนก็ต้องกินข้าวเช้า ผู้ที่ผ่านประสบการณ์เป็นลมตกวินมอเตอร์ไซค์มาแล้วอย่างผมไม่อยากให้เกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอยกับน้องชายสุดที่รักอีก
เป็นคนที่มีแต่เรื่องเจ็บตัวจริงๆ เลยตัวผมเนี่ย
เราสั่งเมนูง่ายๆ เหมือนกันอย่างข้าวผัดหมู ตักข้าวเข้าปากด้วยความรู้สึกเหมือนมีเมฆครึ้มลอยอยู่เหนือหัว คิดแล้วก็อยากล้มตัวนอนอีกสักสองสามชั่วโมง นอนไม่พอทีไรเหมือนความสดใสถูกพรากไปจากชีวิตทุกที ไม่ต่างกับเด็กตัวโตที่ตักข้าวกินเหมือนไม่รับรสชาติของมันนัก ในทางทฤษฎีผมอาจบอกได้ว่าก็เรนนี่ไงคือความสดใสของชีวิต แต่ในทางปฏิบัติร่างกายเป็นผู้ตัดสิน
เช้านี้เราต้องเป็นลูกค้าที่ดูหมดอาลัยตายอยากมากแน่ๆ
“ลี่จะไปตัดแว่นใหม่วันไหน”
เรียกแบบไม่มีพี่นำหน้าอีกแล้ว แต่เวลานี้ผมขี้เกียจจะแก้สุดๆ ขอช่างมันไปก่อนแล้วกัน
“ยังไม่รู้เลย จริงๆ ใส่อันนี้ไปก่อนก็ได้” แว่นอันเก่าที่ผมใส่อยู่ค่าสายตาต่างกันนิดหน่อย สิ่งเดียวที่ผมไม่ถูกใจคือกรอบแว่นทรงเหลี่ยม แม้ผมจะเคยชอบมันเมื่อหลายปีก่อน แต่ตอนนี้ผมผูกพันกับแว่นทรงกลมโตๆ มากกว่า
“พอกลับมาใส่อันนี้แล้วดูแปลกตาไปเลย”
“ตลกเหรอ”
“แปลกตา หมายถึงมองแล้วไม่ชิน”
“นึกว่าดูตลก จะได้ไม่ใส่” แม้ไม่มีแว่นผมก็ยังใช้ชีวิตได้อย่างไม่มีปัญหา แต่เพื่อความคมชัดเลยชอบใส่ไว้ตลอด โดยเฉพาะเวลาทำงานและตอนขับรถที่ต้องใช้สายตาเป็นพิเศษ
“ลี่ใส่แบบไหนก็เหมาะนั่นแหละ”
“พอไม่ทักแล้วเรียกใหญ่เลยนะ”
เรนนี่ขำแบบลมออกจมูกทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ พอไม่มีว่าคำว่า ‘พี่’ ก็เหมือนคำนั้นหายไปจากหน่วยความจำเป็นที่เรียบร้อย เรียกชื่อเฉยๆ จนติดปาก จริงๆ ผมไม่มีปัญหากับประเด็นนี้นักหรอก แต่ที่ชอบให้เรนนี่เรียกพี่ลี่เพราะมันให้ความรู้สึกออดอ้อนมากกว่า ลองนึกภาพเวลาน้องเรียกพี่อย่างนู้นพี่อย่างนี้สิ มันน่ารักจะตายไป
กินไปคุยไปแบบเอ้อระเหยเล่นเอาเกือบสาย ผมเข้าไปส่งเรนนี่ถึงหน้าคณะก่อนตรงไปทำงาน ตอนกำลังจะเลี้ยวออกจากมหา’ลัยเห็นน้องตัวหดนั่งวินเข้าสวนเข้ามาพอดี หอบข้าวของพะรุงพะรังสะพายกระเป๋าใบใหม่ จะว่าไปแล้วน้องเขาก็น่ารักอยู่เหมือนกัน
ผมเป็นพวกชอบคนน่ารัก แต่คนนน่ารักของผมมักตัวโตเท่าบ้าน เพราะถ้ายิ่งน่ารักตัวก็จะยิ่งใหญ่ยังไงเล่า
การทำงานวันนี้ผ่านไปอย่างราบรื่นแม้จะถูกหลายคนทักว่าไม่สดใสเหมือนอย่างเคย พอผมเล่าว่าเมื่อคืนไปเจออะไรมาทุกคนต่างรุมเป็นห่วง พี่กอล์ฟถึงขนาดเสนอว่าถ้าไม่ไหวก็ให้กลับบ้านไปก่อน ทั้งที่ผมแค่ดูง่วงเหงาหาวนอนเพราะนอนหลับไม่สนิทเท่านั้นเอง
นอกจากที่ทำงานแล้วกลุ่มที่ดูจะเป็นห่วงผมมากคือเพื่อนๆ พี่ๆ ที่นัดกันไปต่อเมื่อคืน เล่นใหญ่เว่อร์วังอลังการจนผมไม่กล้าบอกเลยว่าเหตุเกิดจากรุ่นน้องร่วมคณะ แม้ความเล่นใหญ่ของทุกคนจะเป็นเพียงการแสดงก็ตาม วันนี้ก็ทักมาถามอาการจนมือถือผมสั่นแทบไม่ได้พัก ต้องโพสต์ลงเฟซบุ๊กอัปเดตว่าตอนนี้ปลอดภัยดีแล้วทุกคนถึงสงบลง
ซัดกระหน่ำอย่างกับพายุเลยคนพวกนี้
หลังเลิกงานก็แวะซูเปอร์ซื้อของอย่างเคย เย็นนี้จะทำเมนูต้มจืดตำลึงเลือดหมูที่เรนนี่ขอมาเมื่อวาน หยิบของที่ต้องใช้ใส่รถเข็น จ่ายเงินเรียบร้อยก่อนแวะร้านไอศกรีมโมจิที่อยู่ข้างๆ ร้านชูครีม ซื้อของโปรดผมเป็นของหวานล้างปากสำหรับมื้อเย็น
กลับถึงบ้านเตรียมวัตถุดิบและอุปกรณ์ ตำกระเทียม พริกไทยดำ และผักชีไปพลางเปิดสูตรดูไปพลางเพราะเมนูนี้ผมจำสูตรได้ไม่แม่นเท่าไรจึงต้องการความชัวร์ ตอนที่กำลังอ่านขั้นตอนต่อไปอยู่นั้นไลน์จากเรนนี่ก็แจ้งเตือนขึ้นมา
'อาจารย์ไปธุระเพิ่งกลับมา'
'เพิ่งได้เริ่มตรวจแบบต่อ'
'ไม่รู้จะเสร็จกี่โมง'
ผมอ่านทีละข้อความที่ถูกส่งมา ปัญหาแบบนี้มีประจำทุกปี อาจารย์งานยุ่งมาก นักศึกษาก็ต้องรอไปก่อน
เดินไปล้างมือเพื่อตอบไลน์ ดูจากสถานการณ์แล้วน่าจะยาว เวลานี้เกือบสองทุ่มแล้ว มีโอกาสลากยาวไปยันเที่ยงคืน
'กินข้างหรือยัง'
แต่ที่ห่วงที่สุดก็เรื่องปากท้องของน้องชายนี่แหละ
'กินแล้ว ลี่ไม่ต้องทำกับข้าวแล้วก็ได้นะ ทันมั้ย เรนก็ลืมบอก'
'ทันๆ'
มองวัตถุดิบทุกอย่างที่เตรียมไว้หมดแล้วก็ได้แต่ทำหน้าจ๋อย มันยังเก็บไว้ทำต่อพรุ่งนี้ได้ แต่ก็ยังจ๋อยอยู่ดี
'งั้นถ้าเรนตรวจเสร็จแล้วจะบอกอีกทีนะ'
'โอเคครับ เดี๋ยวพี่ไปรับนะ'
เรนนี่ส่งสติกเกอร์บอกโอเคกลับมา วางมือถือลงแล้วผมก็เก็บวัตถุดิบที่เตรียมเสร็จแล้วใส่กล่องเข้าตู้เย็น เสียบกาต้มน้ำ แกะบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบถ้วยกินแทน ในวันที่ไม่มีเรนนี่อยู่กินข้าวเย็นด้วยกันผมก็ไม่อยากกินอะไรทั้งนั้น
เป็นนิสัยเว่อร์วังที่ติดจากเพื่อนมาอย่างแน่นอน
ผมใช้เวลาระหว่างรอเรนนี่ติดต่อมาดูหนังไปพลางคิดงานไปพลางแบบที่ไม่ค่อยมีสมาธิสักเท่าไร สุดท้ายก็ผล็อยหลับไปตอนไหนไม่รู้ ตื่นอีกทีตอนมือถือสั่นจนตกจากโต๊ะ นอกจากฟิล์มจะบิ่นแล้วอาจมีโอกาสถูกเรนนี่โกรธได้ด้วยกับนิสัยไม่ชอบเปิดเสียงมือถือของผม
ห้าทุ่มกว่าแล้ว ป่านนี้น่าจะตรวจแบบกันเสร็จแล้วมั้ง
[พี่ลี่] ทันทีที่กดรับน้ำเสียงนิ่งๆ ที่บอกว่าปลายสายรอผมมานานแค่ไหนก็เรียกชื่อให้ได้ยิน
สี่มิสคอล ตายแน่ๆ ลี่เอ๊ย
"เสร็จแล้วเหรอ เดี๋ยวพี่ออกไปรับ"
[เรนอยู่หน้าคอนโดแล้วเพื่อนแว้นมาส่ง โทรหาตั้งหลายสายทำไมเพิ่งรับเป็นอะไรหรือเปล่า ปวดหัว หน้ามืด หรือเจ็บแผล]
ใส่รัวเหมือนกลัวผมแย่งตอบ ถ้าบอกไปว่าเผลอหลับจะโดนว่าอะไรมั้ย นี่ผมไม่ได้กลัวนะ แต่รู้สึกผิดที่ปล่อยให้เรนนี่รอและทำให้เป็นห่วง
"แค่หลับเฉยๆ เรนขึ้นมายัง"
[อยู่ในลิฟต์แล้ว]
ผมหันมองไปที่ประตู ยืนตัวบิดขี้เกียจก่อนลุกจากโซฟาโดยมีเสียงเอฟเฟกตูมตามของหนังที่เปิดค้างไว้เป็นฉากหลัง เหมือนจะถูกปลุกตอนถึงไคลแม็กซ์พอดี
ไม่มีเสียงพูดคุยทั้งที่เรายังถือโทรศัพท์แนบหู ได้ยินเสียงลิฟต์เปิดดังเข้ามาในสาย เกิดความคิดอยากแกล้งน้องเลยตั้งใจยืนรอเฉยๆ อยู่ตรงนี้ ประตูเปิดเมื่อไรจะกระโดดกอดแล้วหอมแก้มสักทีเป็นการง้อ
เอะอะอะไรก็จะหอมแก้มน้องชายอย่างเดียวเลยนะผมเนี่ย
เสียงปลดล็อกดังขึ้นก่อนประตูจะค่อยๆ เปิดออก ผิดจากที่จินตนาการไว้นิดหน่อย เรนนี่ไม่ได้เปิดผางเข้ามาให้ผมเซอร์ไพรส์ด้วยการกระโดดเข้าใส่ คงเพราะอยู่ด้วยกันมานานละมั้งถึงได้รู้ทันไปหมด
รู้ทันจนแม้แต่ตัวก็ไม่โผล่มาให้เห็น
ผมกดวางสาย ยืนรออยู่สักพักเรนนี่ก็ไม่ยอมปรากฏตัวออกมา เล่นแผนซ้อนแผนในแบบที่ผมไม่คาดคิด
ก้าวออกจากประตูช้าๆ เพื่อเล่นตามเกมของน้องชาย หันมองด้านซ้ายไม่เจออะไร รู้แล้วว่าต้องอยู่ด้านขวาแน่ๆ แต่กลับไม่กล้าหันมอง ต้องบอกก่อนว่าผมเป็นคนกลัวผีระดับเล็กน้อย ถ้าเรนนี่คิดจะแกล้งหลอกผีขึ้นมารับรองร้องกรี๊ดแน่ๆ ในเวลาเกือบเที่ยงคืนแบบนี้ข้างห้องได้เปิดประตูออกมาด่าพอดี
ขอยืนหลับตาทำใจอีกสักพัก แผนกระโดดกอดแล้วหอมแก้มรัวๆ พังพินาศ สะกดสะใจตัวเองไว้ว่าถ้าหันไปเจออะไรก็ห้ามแหกปากร้องเด็ดขาด หลังทำใจได้แล้วก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นก่อนไปมอง และก็พบว่าอีกฝั่งนั้นก็...ว่างเปล่า
เป็นไปไม่ได้น่า แล้วใครเปิดประตู
“พี่ลี่จะยืนเหม่อหน้าห้องอีกนานมั้ย”
ผมรีบหันขวับไปตามเสียงที่ดังอยู่ด้านหลัง เรนนี่ยืนกลั้นขำอย่างสุดความสามารถ เข้าห้องไปตอนไหนทำไมผมไม่รู้ตัว!
“แกล้งพี่เหรอ”
“แล้วใครให้ไปยืนหลับตาทำหน้าเหมือนคนปวดขี้อยู่ตรงนั้นเล่า”
“หยาบคายมาก” รีบเดินเข้าห้องปิดประตู แกล้งทำหน้าบึ้งเข้าหน่อยเด็กน้อยก็ทำท่าจะเข้ามาโอ๋ ว่าแต่ผมกลายเป็นคนที่น้องต้องง้อไปได้ยังไง
“ไม่มีอาการผิดปกติอะไรใช่มั้ยวันนี้” เรนนี่ยกหลังมือแตะที่แก้มผมใกล้กับบริเวณที่โดนเสาไม้กระแทกเมื่อวาน
“ไม่มี หายสนิทแล้ว”
ผมยิ้มให้เป็นคำยืนยัน แถมยักคิ้วให้ดูอีกสองที จะว่าไปยังไม่ได้หอมแก้มเรนนี่เป็นการต้อนรับกลับห้องเลยนี่นา แต่เอาไว้หอมก่อนนอนก็ได้
“หิวมั้ย เดี๋ยวพี่ต้มมาม่าให้กิน”
“กินขนมมาแล้ว ตอนนี้เรนอยากนอนมากกว่า”
เราก้าวเข้ามาตรงส่วนห้องนั่งเล่นหลังจากยืนอยู่ตรงหน้าประตูอยู่นาน เรนนี่ดูเหนื่อยล้าและง่วงซึม นอนตีห้า ตื่นเจ็ดโมง เรียนเก้าโมงที่น่าจะแอบหลับไปครึ่งคาบ ตรวจแบบตอนบ่าย อาจารย์ก็ยุ่งมากหายไปหลายชั่วโมง กลับมาอีกทีเกือบสองทุ่ม และตรวจแบบเสร็จตอนห้าทุ่มพอดี เป็นวันที่หนักหนาสาหัสสำหรับน้องตัวน้อยของผมจริงๆ
“งั้นไปนอนกัน” ผมก็พร้อมนอนแล้วเหมือนกัน
ปล่อยให้เรนนี่เดินเข้าห้องไปก่อน กดปิดทีวีที่นอนให้มันดูผมอยู่เป็นชั่วโมง ไล่ปิดไฟทุกดวงก่อนตามเข้าห้อง กระโดดขึ้นเตียงนอนมองน้องชายถอดเสื้อผ้าทีละชิ้นโยนลงตะกร้าผ้าแต่ดันลงพื้นแทน
คนมือไม่แม่นทำหน้าหงุดหงิดใส่ตัวเอง ก้มลงหยิบผ้าใส่ตะกร้าเพราะถ้าปล่อยมันกองอยู่ตรงนั้นรับรองถูกผมบ่นแน่ๆ ห้องทำงานน่ะรกได้ แต่พื้นที่อื่นต้องสะอาดเรียบร้อยโดยเฉพาะห้องนอน
“เออใช่พี่ลี่ วันนี้เรนเจอไอ้น้องร้านแว่นด้วย” พูดขึ้นตอนคว้าผ้าเช็ดตัวมาพาดไหล่ โชว์กางเกงในสีดำให้ผมดู
“น้องเขาว่าไง” เมื่อเช้าผมก็เห็นน้องเขาเหมือนกัน
“มันบอกว่าถ้าจะไปตัดแว่นใหม่ก็ให้แวะไปได้เลย น้องมันบอกคนที่ร้านไว้ให้แล้ว เรนบอกชื่อพี่ลี่ไปแล้วนะ น้องมันจะเอาไปบอกคนที่ร้านไว้ ถ้าไปแค่บอกชื่อก็พอ”
“โอเคเลย”
“ถ้าจะไปวันไหนก็บอกด้วยนะ เรนจะไปด้วย”
“ไปทำไม”
“จะไป อยากตัดแว่นใหม่เหมือนกัน” พูดจบก็สะบัดหน้าเดินหนีเข้าห้องน้ำเหมือนคนง่วงจัดจนพูดไม่รู้เรื่อง แล้วตัดแว่นใหม่อะไร ปกติไม่เคยเห็นใส่แว่น หรือจ้องคอมฯ จนสายตาเริ่มเสียแล้ว
ระหว่างรอเรนนี่อาบน้ำจะได้หอมแก้มก่อนนอนผมก็เปิดหาร้านแว่นของน้องตัวหดดู ลืมถามเรนนี่อีกแล้วว่าน้องเขาชื่ออะไร ตอนพูดให้ฟังเมื่อกี้ก็บอกแค่ว่า ‘ไอ้น้องร้านแว่น’ ดูท่าว่าน้องน้อยของผมก็คงไม่ได้ถามชื่อเหมือนกัน แบบนี้ใช้ไม่ได้เลย
นอนเล่นมือถือได้แป๊บเดียวตาก็เริ่มเจ็บและยากจะทนต่อความหนักอึ้งของเปลือกตาไหว ผมหลับตาลง พาตัวเองเข้าสู่ความดำมืด แม้มือถือยังคามืออยู่ก็ตาม
ไม่ว่าอะไรก็ต่อต้านความง่วงไม่ได้จริงๆ
tbc
ความคิดเห็น