ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ✿ 8 วัน 7 คืน ✿

    ลำดับตอนที่ #5 : คืนที่ 2

    • อัปเดตล่าสุด 1 เม.ย. 60




    คืนที่ 2

     

                มีแต่ก้าน

                ผมไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกตอนนี้ยังไงดี หนาว เคว้งคว้าง หว่าเว้ ลมพัดแรงจนผมเสียทรง ได้แต่กระชับเสื้อหนาวแล้วถอนหายใจยาวๆ

                แห้วอีกแล้ว ไม่สมหวังอีกแล้ว แม้แต่ที่แม่น้ำเมกุโระก็ไม่มีซากุระบานสักดอก

                ผมหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเก็บภาพความช้ำใจอย่างปลงตก ก้านของต้นซากุระกับโคมไฟสีชมพูที่ประดับไปตามความยาวของแม่น้ำ มองดูแล้วเหงาจับใจ

                "ไปไหนต่อดี" ยืนเท้าขอบสะพานเอ่ยถามอย่างหมดแรง อุตส่าห์เดินลงเนินจากสถานีรถไฟมาตั้งไกล ถึงจะพอรู้ชะตากรรมจากตอนกลางวันมาแล้วก็เถอะ แต่ก้านโล้นๆ ไม่มีดอกใบผสมแบบนี้มันไม่โหดร้ายไปหน่อยเหรอ

                "กินข้าว" ส่วนไอ้น้องคนนี้ก็ชวนกินตลอด ไม่ได้สลดตามผมเลย

                "โอเค งั้นไปชินจูกุกัน"

     

                ชินจูกุเป็นอีกย่านช็อปปิ้งที่มีชื่อเสียง ใครมาเที่ยวโตเกียวต้องมาที่นี่เพราะมีครบทุกอย่าง และด้วยความกว้างขวางของมันผมเลยไม่ค่อยช่ำชองย่านนี้เท่าไร เคยไปร้านไหนก็จะอยู่แค่แถบนั้น ร้านอาหารที่เคยไปกินก็จำไม่ได้ ร้านไหนดังก็ไม่รู้ เรียกว่าผมไร้ประโยชน์สำหรับย่านนี้ก็ว่าได้

                "แบร์อยากกินไร"

                "จริงๆ อยากกินแค่ซูชิ"

                "อย่างอื่นๆ" ผมส่ายหน้าใส่

                เราตกลงกันไว้แล้วว่าจะไปกินซูชิวันพรุ่งนี้ อีกอย่างผมกินของดิบไม่เป็น เกิดมากินซูชินับครั้งได้และไม่เคยกินที่ญี่ปุ่น โดนพ่อแม่พี่น้องบ่นเรื่องนี้มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน แต่ครั้งนี้น้องหมีขอร้องอ้อนวอนเลยจะพาไป ถือซะว่าเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ของผมด้วย กลับไปจะได้ไม่โดนใครว่าว่ามาเสียเที่ยวอีก

                "งั้นกินอะไรก็ได้ แต่พี่อินพาแบร์ไปที่ที่หนึ่งหน่อยดิ" ขอเสียงอ่อนเสียงหวานแล้วยิ้มจนตาหยี แปลงร่างเป็นลูกหมีกัมมี่แบร์ น่าจับใส่ปากแล้วเคี้ยวๆ กลืน

                "อะไร" บอกก่อนว่าผมไม่ค่อยไว้ใจคำขอน้องมันเท่าไร จากรอยยิ้มอันมีเลศนัยนั่น ถ้าเป็นที่ไม่ดีไม่พาไปนะเว้ย ชินจูกุยิ่งขึ้นชื่ออะไรแบบนี้อยู่

                "เซ็กช็อป"

     

                หลังจากเต็มส่วนว่างในท้องด้วยชาบูชุดใหญ่น้องหมีก็ดูจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ยิ้มหน้าระรื่นชวนผมคุยไม่หยุด เรื่องคุยก็ไม่พ้นร้านที่เรากำลังมุ่งหน้าไป

                กล้าขอมาผมก็กล้าพาไป

                "เพื่อนมันฝากซื้อถุงยาง 0.01 พี่อินเคยเห็นป่ะ"

                "เคย" มันก็มีหมดนั่นแหละ 0.01 0.02 แบบเรืองแสงได้ หรือแบบผิวขรุขระ ทำมาเป็นบอกว่าเพื่อนฝากซื้อ จริงๆ แล้วคงซื้อไปใช้นั่นมากกว่ามั้ง

                "ไปบ่อยอ่ะดิ" น้องมันชี้หน้าทำท่าล้อ แต่ผมไม่อายไง

                "ก็ใช่"

                "แหน่ะๆ ไปซื้อไร"

                "เยอะแยะ อยากได้อะไรก็บอก เดี๋ยวแนะนำให้"

                "เห็นหน้าซื่อๆ แต่ร้ายนะครับ ขอคาราวะอาจารย์"

                น้องหมีทำท่าโอเวอร์แอคติ้งจนต้องส่ายหน้าใส่ เล่นใหญ่ไปไหม แล้วอย่างผมเนี่ยนะหน้าซื่อ อีกอย่างไอ้ของพวกนี้มันก็เป็นเรื่องปกติ ร้านนี้มาแถวนี้ทีไรก็แวะ ไม่ได้ซื้อทุกครั้งแต่มันมีอะไรแปลกตาให้ดูเยอะดี หรือบางทีซื้อเก็บไว้เล่นคนเดียวก็ไม่เสียหาย

                เดินยังไม่ทันถึงหน้าร้านเสียงเพลงไทยลูกทุ่งก็ดังลอยมา น้องหมีทำหน้าเหลอหลาเลิกคิ้วสูง ผมเลยช่วงสงเคราะห์ชี้หน้าร้านให้ดู

                "เปิดเพลงไทยด้วย เห็นหมีหนูมั้ย เห็นหมีหนูมั้ย" พูดอย่างเดียวไม่พอมียังดัดเสียงร้องแถมเต้นได้กวนบาทาสุดๆ นี่ถ้าไม่เห็นว่าเป็นน้องผมเตะเสยปลายคางไปแล้ว ถ้าเตะถึงน่ะนะ

                ร้านที่ผมพามานี้ชอบเปิดเพลงไทยเป็นประจำ หน้าร้านแขวนพวกชุดคอสเพลย์ไว้ ดูไปแล้วก็คล้ายร้านขายชุดนักเรียนที่เมืองไทย แต่พอเดินเข้าไปก็เจอชั้นวางขายถุงยางอยู่ทางซ้ายมือก่อนเลย

                "อยากได้แบบไหนก็เลือกเลย"

                "โอ้โห"

                ผมกอดอกยืนมองน้องหมีมันหยิบถุงยางกล่องหนึ่งขึ้นมา พลิกหน้าพลิกหลังแล้วก็หันมายิ้มให้ ถูกใจล่ะสิ ก็ทั้งชั้นสูงท่วมหัวน่ะ ถุงยางหมดเลย

                "อะไรอ่ะ อ่านไม่ออก" หัวเราะแฮะๆ จับกล่องถุงยางด้วยสองมือยื่นมาให้ผมดูอย่างกับเป็นพรีเซ็นเตอร์

                "เรืองแสง แบบแท่งไฟอ่ะ"

                "เออ เจ๋ง" พึมพำกับเจ้ากล่องนั้นแล้วน้องมันก็ถือไว้เลย ไหนบอกเพื่อนฝากซื้อ 0.01 ไง สงสัยเก็บไว้ใช้เองหมดชัวร์

                0.01 0.02 เรืองแสง ผิวขรุขระ ลายน่ารัก ผมเห็นน้องมันหยิบมาหมดเลยอาสาไปเอาตะกร้ามาให้ใส่ก่อนเดินวนไปโซนอีก น้องหมีมันจับดูของทุกชิ้นที่แปลกๆ ชุดคอสเพลย์ก็ดูอยู่นานโดยเฉพาะชุดคุณพยาบาลรัดติ้ว แบบนี้มันต้องแซวสักหน่อย

                "ซื้อไปให้แฟนใส่ดิ"

                "ใส่ไม่ได้หรอก"

                "ทำไม แฟนอ้วนอ่ะดิ"

                "เพราะแฟนไม่มีต่างหาก"

                "อย่ามาอำ" แฟนไม่มีอะไร เมื่อสองเดือนก่อนยังขึ้นสถานะกำลังคบหาอยู่เลย ถึงผมจะไม่เคยเห็นหน้าแฟนน้องมันก็เถอะ

                "ไม่มีครับ เลิกแล้ว" หันมาตอบด้วยหน้านิ่งๆ จนผมรู้สึกผิด แต่มันเพิ่งสองเดือนเองนะ ทำไมถึงเลิกกันเร็วจัง

                "ขอโทษนะ อินไม่รู้"

                "เฮ้ย! อย่าทำหน้างั้น ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย มันไม่ใช่ก็ต้องเลิกนั่นแหละ"

                "ตอนนี้โอเคแล้วใช่มั้ย"

                "ท่าทางแบร์เหมือนคนอกหักขนาดนั้นเลยเหรอ"

                "ไม่อ่ะ" ไม่เหมือนเลย ไม่เหมือนเลยสักนิด ถ้าดูออกผมคงไม่เด๋อถามคำถามแบบนั้นออกไปหรอก

                "งั้นก็เลิกทำหน้าสลด อยู่กับพี่อินตอนนี้แบร์มีความสุขดี" น้องมียกยิ้มบางๆ  มันดูไม่เสแสร้งว่าโอเคผมเลยอุ่นใจที่จะยิ้มตอบกลับไป

                ความสบายใจกลับมาพร้อมๆ กับเสียงดังตุ้บในตะกร้าที่น้องหมีถืออยู่ มองตามไปก็เห็นชุดนางพยาบาลวางอยู่ในนั้น ตอนนี้ผมเชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์เลยว่าน้องมันคงโอเคมากๆ

                "อย่าบอกนะว่าเพื่อนฝากซื้ออีก"

                "เปล่า ใช้เอง"

                ไดแต่แสยะยิ้มตอนฟังคำตอบ ไม่คิดมันแล้วปวดหัว จะใช้เองหรือเอาไปให้คนอื่นใช้ก็เรื่องของมันแล้วกัน

                เดินวนชั้นหนึ่งเสร็จเราก็ลงชั้นใต้ดิน เดินดูกันไปเรื่อยเปื่อยจนน้องหมีไปเจอของน่าสนใจเข้า น้องมันยืนมองนิ่งๆ อยู่สักพักก่อนเดินถอยออกมา ไม่ถามไม่พูดอะไรอย่างทุกที ซึ่งมันน่าแปลก

                "รู้มั้ยมันใช้ทำอะไร"

                น้องหมีพยักหน้ารับแล้วถามผมกลับ

                "แล้วพี่อินรู้มั้ย"

                "รู้ดิ"

                เรามองหน้ากันนิ่งๆ เพราะต่างคนต่างรู้ว่าไอ้นั่นมันคืออะไร แต่ผมกลับรู้สึกว่าบรรยากาศมันแปลกๆ เราควรจะเฮฮากันกว่านี้นะ หรือไม่ก็พูดเล่นกันเหมือนตอนดูของอย่างอื่น

                "อยากลองหรือไง" ผมแกล้งถาม

                "อยากลองให้คนอื่นมากกว่า" น้องหมียักไหล่มองตาผมกลับ

                อยู่ๆ ผมก็รู้สึกใจหายแวบ จะไม่ตกใจเลยถ้าของที่ว่านั่นมันไม่ได้เอาไว้ใช้สำหรับช่องทางข้างหลังของผู้ชาย แล้วไอ้สีหน้าจริงจังนี่หมายความว่ายังไง มองกันแบบนี้คนอื่นที่ว่าคงไม่ได้หมายถึงผมใช่มั้ย

                "ทำหน้าระแวงจัง ล้อเล่น" ว่าแล้วก็หัวเราะกลบเกลื่อน

                "มุกคุณน้องจะตลกไปแล้วนะครับ"

                "พี่อินไม่ชอบอะไรแบบนี้เหรอ แบร์หมายถึง พวกเกย์" น้องหมีดูลังเลที่จะถาม สีหน้าก็ดูลุ้นกับคำตอบ

                ผมไม่เข้าใจหรอกว่าอยู่ๆ ทำไมน้องหมีถึงถามอะไรแบบนี้ หรืออาจเป็นเพราะท่าทางระแวงที่ผมแสดงออกไป แต่ผมเป็นพวกความคิดเปิดกว้างอยู่แล้ว ใครจะชอบอะไรหรือเป็นแบบไหนมันก็เรื่องของเขา พวกรักร่วมเพศก็ด้วย ผมน่ะรับได้ เมื่อกี้แค่ตกใจที่น้องมันทำหน้าจริงจังเฉยๆ

                "เปล่า"

                น้องหมียิ้มจนตาหยีตอนได้ฟังคำตอบ ยิ่งทำให้ผมไม่เข้าใจไปกันใหญ่ อะไรจะอารมณ์ดีขนาดนั้น

                "แล้วจะซื้ออะไรอีกมั้ย"

                น้องหมีก้มดูของในตะกร้าแล้วส่ายหน้า ผมว่าก็ควรพอได้แล้วล่ะ คงจะพอใช้ไปอีกนาน

                "ไปจ่ายตังค์"

                ผมดันหลังน้องหมีให้เดินกลับขึ้นไปข้างบน จ่ายเงินให้เสร็จๆ จะได้กลับโรงแรมสักที ดูนาฬิกาแล้วเราใช้เวลาอยู่ที่นี่นานกว่าที่แม่น้ำเมกุโระซะอีก พูดถึงแล้วก็ช้ำใจ

     

                เรากลับมาถึงสถานีอิเคะบุคุโระราวๆ สามทุ่มพร้อมถุงหิ้วสีดำที่บรรจุของจากเซ็กช็อปมาเต็มถุง เป็นของน้องหมีล้วนๆ ไม่มีของผมปนแม้แต่อย่างเดียว คนซื้อก็ท่าทางอารมณ์ที่ได้ของถูกใจ ผมล่ะอยากเห็นคนที่น้องมันจะเอาไปใช้ด้วยจริงๆ

                ที่สถานียังคงคึกคักแม้จะดึกแล้วก็ตาม มนุษย์เงินเดือนในชุดสีเข้มเดินสวนกลับไปมาอย่างรีบเร่ง ร้านค้าร้านขนมเริ่มทยอยปิดกันไปบ้างแล้ว ผมเองก็ง่วงแล้วด้วย ขาก็เริ่มปวด วันนี้เดินมาทั้งวันอยากรีบกลับไปอาบน้ำเอาขาแช่น้ำอุ่นทายาแล้วนอน เพราะพรุ่งนี้ยังต้องเดินกันอีกไกล

                "พี่อินๆ"

                คิดว่าอยากรีบกลับไปนอนแต่แล้วก็มีคนขัด ตัวผมแทบจะเซไปตามแรงดึงจากเพื่อนร่วมทริป ถ้าเหตุที่ทำให้ต้องเสียเวลาพักผ่อนเพิ่มขึ้นดีไม่พอนะผมจะปลดน้องมันออกจากการเป็นลัคกี้แบร์ตอนนี้เลย

                "อะไร"

                "กินอันนั้นกันมั้ย"

                ชวนกินอีกแล้ว ชาบูชุดใหญ่ที่เพิ่งกินมาไม่ถึงสองชั่วโมงเอาไปยัดไว้ไหนหมด

                "พี่อินรอแป๊บนึง"

                ถามแล้วก็ไม่ต้องรอให้ผมตอบน้องมันก็จัดการวิ่งไปซื้อมาเรียบร้อย เป็นวาราบิโมจิกลองใหญ่ที่ผมว่ายังไงคืนนี้ก็คงกินไม่หมด แต่ถ้าเป็นน้องหมีกินก็คงไม่แน่เหมือนกัน

               

                เดินกลับมาถึงห้องผมก็ทิ้งตัวลงบนเตียงเป็นอย่างแรก แต่นอนนานไม่ได้เดี๋ยวจะเพลินแล้วหลับไปก่อนเลยต้องเด้งตัวขึ้นจากที่นอนหยิบผ้าเช็ดตัวเพื่อไปอาบน้ำ ส่วนน้องหมีเข้ามุมจัดของที่กองรกไว้จนไม่มีที่จะวาง แค่วันที่สองก็ช็อปหนักจัดเต็ม กระเป๋าเดินทางที่เอามาแค่ใบเดียวไม่พอใส่แน่ๆ

                จัดการตัวเองเสร็จผมก็ไล่น้องหมีเข้าไปอาบน้ำต่อ น่าแปลกตรงที่ของทุกอย่างถูกยัดเก็บใส่กระเป๋าแล้วเป็นที่เรียบร้อย สิริรวมเวลาที่ผมอาบน้ำกับน้องมันเก็บของไม่ถึงสิบนาที แถมเตียงฝั่งน้องมันยังดูเป็นระเบียบกว่าฝั่งที่ของน้อยกว่าซะอีก ดูสะอาดเรียบร้อยกว่าตอนเด็กๆ ขึ้นเยอะเลย

                หลังจากน้องหมีอาบน้ำเสร็จผมก็เข้าไปเปิดน้ำอุ่นใส่อ่างแล้วเรียกน้องมันมานั่งแช่ขาด้วยกัน แต่ทำไมตอนลุกวางถึงไม่วางขนมในมือก่อน จะเอาเข้าไปกินในห้องน้ำด้วยหรือไง

                "หยุดกินก่อน"

                "อร่อยนะ พี่อินกินด้วยกันดิ" ไม่ฟังแถมยังมีหน้ามาชวนกินอีก

                แล้วยังไงล่ะทีนี้ ผมก็ต้องปล่อยเลยตามเลยในเมื่อน้องมันถือเข้ามาแล้ว คือบ้านไหนเขาสอนให้เอาของกินมากินในห้องน้ำวะ

                ห้องน้ำแบบสำเร็จรูปที่ว่าเล็กอยู่แล้วยิ่งเล็กไปกันใหญ่มีผู้ชายสองคนเข้ามาพร้อมกัน ผมกับน้องหมีนั่งบนขอบอ่างหันหน้าเข้าหากำแพง หย่อนเท้าแช่ไว้ในน้ำอุ่นเพื่อบรรเทาอาการเมื่อล้าจากการเดินมาทั้งวัน

                นั่งกันเงียบๆ ได้ไม่ถึงสิบวินาทีน้องหมีก็ใช้แขนข้างที่ถือวาราบิโมจิไว้อยู่มาถูแขนผมเป็นการชวนกินรอบที่สอง แต่ผมเพิ่งแปรงฟันไปไง

                "ช่วยกินหน่อย"

                "ไม่เอาอ่ะ"

                "อร่อยนะ"

                "รู้"

                "อ่ะเร็ว อ้าปาก อ้าม" ไม่พูดเปล่ายังหยิบไอ้ก้อนโมจิยื่นๆ มาจ่อปากกันอีก

                เฮ้อ! นี่ผมอยู่กับเด็กประถมหรือไงวะ

                สุดท้ายก็อ้าปากงับไว้ คนป้อนก็ยิ้มได้ใจหยิบใส่ปากตัวเองเสร็จเลยทำท่าจะหยิบชิ้นต่อไปให้ผมต่อจนต้องยกมือห้าม ได้ทีล่ะเอาใหญ่

                "หยุด"

                "ไม่กินแล้วเหรอ"

                "ไม่ต้องป้อน จะกินเดี๋ยวหยิบเอง"

                น้องหมียิ้มตาปิดมาให้ก่อนส่งโมจิชิ้นที่ถืออยู่เข้าปากตัวเอง ดูเป็นคนอารมณ์ดีกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ จริงๆ

                "พี่อิน รู้ตัวป่ะว่าเวลาเอาผมหน้าม้าลงกับเวลาเช็ตผมขึ้นหน้าจะเปลี่ยน"

                "เหรอ" ทำทีเป็นจับผมหน้าม้าชื้นๆ ของตัวเองแล้วตอบรับไปงั้น หน้าตาตัวเองทำไมจะไม่รู้ ทรงผมมันช่วยเปลี่ยนหน้าตาคนได้จริงๆ ก็ไม่ได้อยากจะชมตัวเท่าไร แต่อย่างผมเวลาผมยาวแล้วไว้หน้าม้าหน้าจะเด็กลงดูหน่อมแน้มขึ้น เวลาไว้ผมสั้นหรือเช็ตผมข้างหน้าขึ้นจะหล่อแบบผู้ใหญ่

                "อย่างตอนนี้ดูน่ารักกว่าตอนกลางวัน" ชี้หน้าแล้วบอกด้วยสีหน้านิ่งๆ

                "ขอบคุณ" ผมจะถือว่ามันคือคำชมแล้วกัน

                เรานั่งแช่เท้ากันจนกินวาราบิโมจิหมดทั้งกล่องถึงได้ออกมาจากห้องน้ำกัน เช็ดเท้าทายาแล้วเข้านอน แต่หมายถึงผมคนเดียวนะ เพราะน้องหมีมันยังวุ่นวายอยู่กับกล้องถ่ายรูปของตัวเองอยู่เลย

                "ปิดไฟมั้ย" คนที่ยังไม่นอนร้องถาม

                "ไม่เป็นไรนอนได้" ผมเป็นพวกหลับง่ายอยู่แล้ว นอนบนรถจนชิน จะแสงไฟหรือเสียงดังถ้าง่วงยังไงมันก็หลับ

                พลิกตัวนอนตะแคงดึงผ้าห่มมาคลุมจนเกือบมิดหัวแล้วหลับตา ใกล้จะผล็อยหลับเต็มทีแต่เสียงเตือนจากมือถือดันดังขัดจังหวะการนอนขึ้นมาซะงั้น ผมจะไม่สนใจมันเลยถ้าดังแค่ครั้งหรือสองครั้ง แต่นี่ดังติดกันรัวๆ จนชักสงสัยแล้วว่าใครมันส่งอะไรมาเวลานี้

                เอื้อมมือไปหยิบมือถือขึ้นมาดูชื่อคนร้ายก็เด่นหราอยู่หน้าจอ

                น้องหมี ได้ส่งรูปภาพถึงคุณ

                ผมยันตัวลุกขึ้นนั่งมองไปเตียงข้างๆ น้องหมีก็รู้ตัวหันมามองแล้วยกยิ้มแหย มันน่าโมโหไหมล่ะจะหลับอยู่แล้วดันโดนกวน แต่ต้องโทษตัวเองด้วยที่ดันลืมเปิดเสียง

                "สร้างอัลบั้มก่อนส่งก็ได้นะ" แนะนำทางเลือกให้แล้วผมก็ทิ้งตัวลงนอนต่อ กดปิดเสียงโทรศัพท์ว่าจะนอนต่อเลยแต่มันก็อดไม่ได้ต้องเปิดรูปที่น้องหมีมันส่งมาให้ดูสักหน่อย ไหนๆ ก็ตาสว่างแล้ว

                รูปผมที่มีฉากหลังเป็นวิวสวยๆ หลายสิบรูปโชว์อยู่เต็มหน้าจอ เป็นรูปทีเผลอที่ผมเองก็ไม่รู้ว่าน้องมันถ่ายเอาไว้ตอนไหน ตั้งแต่ที่สถานีรถไฟ สะพานแว่นตา ในสวนกับดอกซากุระที่ยังไม่บาน ตอนเดินเล่นที่ฮาราจูกุกับศาลเจ้าเมจิ หลากหลายอิริยาบถที่เห็นแล้วก็อดยิ้มไม่ได้

                ผมมีรูปสวยๆ ไว้เปลี่ยนโปรไฟล์แล้ว

                เห็นรูปที่ตัวเองโดนแอบถ่ายผมเลยส่งรูปที่แอบถ่ายน้องมันไปให้บ้าง แต่ความสวยของรูปมันต่างกันลิบลับ ต่างกันขนาดที่ว่าคนที่อยู่ในรูปถ่ายของผมรีบคอมเมนต์ตอบกลับมาทันที

                น้องหมี : ถ่ายหน้าโคตรเด๋อ

                อิน : โทษหน้าตัวเองเถอะ

                น้องหมีส่งสติ๊กเกอร์หมีทำหน้าจ๋อยกลับมา

                อิน : พรุ่งนี้ตื่นหกโมง

                อิน : รีบนอนเลย

                น้องหมีส่งสติ๊กเกอร์หมีทำท่าโอเคกลับมา ผมเลยส่งสติ๊กเกอร์คนทำท่านอนหลับกลับไป

                มันแปลกดี ทั้งที่อยู่ในห้องกันแค่สองคนแต่กลับส่งไลน์คุยกัน ปกติผมกับเพื่อนจะทำแบบนี้กันเฉพาะตอนจะนินทาใครแล้วคนคนนั้นอยู่ใกล้ๆ แต่ตอนนี้เราไม่ได้จะนินทาใคร ก็แค่ต้องการคุยกัน คุยแบบเงียบๆ เท่านั้น

                "ฝันดี"

                เสียงเหมือนคนบ่นกับตัวเองดังขึ้นมาเบาๆ แต่เพราะห้องมันเงียบผมเลยได้ยินชัดเจน ไม่ได้ยินเสียงคนบอกฝันดีก่อนนอนแบบนี้นานแค่ไหนแล้วผมก็จำไม่ได้ คงตั้งแต่เลิกกับแฟนเมื่อปีก่อนล่ะมั้ง

                ฝันดีเหมือนกัน

     

     

    TBC.


     

    ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน เจอกันตอนหน้าค่า




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×