คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 3
ตอนที่ 3
แม้จะนอนน้อยจนโทรมไปบ้าง แม้จะชอบทำหน้าตาเบื่อโลก แต่ก็ใช่ว่าโฟทิสจะไม่มีคนคบหาสมาคมด้วย นอกจากอดีตเพื่อนร่วมสาขาที่กลายเป็นผีซึ่งชอบตามมาวอแวทุกครั้งที่เจอแล้ว ก็ยังมีรุ่นพี่ที่รู้จักกันที่บาร์ซึ่งเขาทั้งคู่ทำงานอยู่อีกคน แล้วก็ดันบังเอิญเรียนอยู่ที่เดียวกันอีก
“ไปก่อนนะ” ผีสาวบอกลาทั้งที่เพิ่งเจอหน้า ใจอยากรั้งไว้แต่ก็ต้องปล่อยตัวไปเมื่อรุ่นพี่คนนั้นกำลังเดินตรงมาหา
โฟทิสถอนหายใจเบาๆ ทำหน้าเบื่อโลกใส่นักร้องพาร์ทไทม์ของบาร์ที่ยืนยิ้มให้ นึกขัดใจกับทุกคนที่ทำให้แผนที่วางไว้พังหมด แล้วก็ไม่เข้าใจด้วยว่าทำไมเอมี่ถึงหนีทุกครั้งที่เคียร์โผล่มาทั้งที่รุ่นพี่จอมกวนประสาทคนนี้ไม่น่าจะมองเห็นเธอสักหน่อย
“แค่นี้ถอนหายใจใส่”
“มีอะไรครับ”
“แวะมาทักทาย”
“พี่เรียนแถวนี้เหรอ”
“เปล่า”
ไม่มีเด็กสถาปัตย์ที่ไหนมาเดินอยู่แถวคณะบัญชีหรอก คณะก็อยู่กันคนละฝั่งถนน หรือจะบอกว่ารุ่นพี่คนนี้เลือกวิชาเสรีเป็นวิชาของคณะบัญชีก็ไม่น่าใช่ ทางเดียวที่โฟทิสคิดได้ก็มีแค่มาบ่นเขาเท่านั้น
ว่างนักหรือไงก็ไม่รู้
“ไหนบอกไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัวไง”
“ได้นอนบ้างหรือเปล่า”
“พี่โพลฟ้องเหรอ”
“ดูด้วยตาก็รู้ไม่ต้องรอให้พี่ดาวฟ้องหรอก”
ที่ว่ารู้จักกันดีเป็นเพราะเคียร์รู้จักกับโพลาริสหรือดาวเหนือพี่สาวของโฟทิส คนน้องนั้นเข้าใจว่าเขาเคยเจอพี่สาวตอนพาไปส่งที่ห้องหลังเลิกงาน แต่นั่นไม่ใช่ครั้งแรกที่เคียร์ได้กับโพลาริส
“งั้นผมไปนะได้เวลาเรียนแล้ว” ทำเป็นมองนาฬิกาเพื่อตัดจบบทสนทนา จะว่าไปแล้วเคียร์ก็เหมือนสายสืบของโพลาริส คอยรายงานความเคลื่อนไหวที่โฟทิสไม่รู้ว่าสองคนนี้แอบไปคุยกับลับหลังเรื่องอะไรบ้าง หรือแอบกุ๊กกิ๊กกันอยู่อันนี้ก็ไม่แน่ใจ
“เลิกเรียนก็กลับบ้านไปนอนซะนะ”
“ยุ่งจริงๆ”
เคียร์หัวเราะเมื่อถูกว่า โบกมือให้คนหน้าเบื่อโลกจนเดินหายเข้าไปในอาคารถึงได้หันมองอีกทางซึ่งมีวิญญาณของนักศึกษาสาวแอบหลบมุมอยู่ เพียงแค่กวักมือเรียกเอมี่ก็เดินมาหาอย่างว่าง่าย
“ไม่ได้พูดอะไรเลยนะ” เธอชิงบอกก่อน
“ก็ยังไม่ได้ว่าอะไรเลย”
“จะไม่บอกจริงเหรอ”
“อย่าให้รู้ดีกว่า จริงๆ โฟก็ไม่ได้อยากคุยกับเธอไม่ใช่เหรอ”
“พูดจาโหดร้ายจัง”
“จะโหดกว่านี้อีกถ้าถึงกำหนดแล้วเธอยังหาทางไปเกิดไม่ได้”
“อย่ากดดันกันสิ” ว่าหน้างอ เพราะหนทางไปเกิดใหม่มีแค่ทางเดียวที่เอมี่ยังทำใจให้ชินไม่ได้ถึงได้เลือกที่จะเป็นวิญญาณลอยไปลอยมาอยู่แบบนี้
“ใช้เวลาหมดไปครึ่งหนึ่งแล้วนะ”
“รู้แล้วค่ะ”
เคียร์ยิ้มให้เอมี่ที่ยังทำหน้างอไม่เลิก ไม่ต้องคอยสนใจด้วยว่าคนอื่นจะมองแปลกๆ ที่เห็นเขาพูดคนเดียว เพราะในเวลานี้ไม่มีใครบอกเห็นเขาทั้งนั้น
“งั้นผมไปทำงานก่อนนะ”
“ตัดโมเหรอ” เอมี่ต้องรีบหุบยิ้มทันทีเมื่อถูกเคียร์มองตาขวางใส่ กับเธอเนี่ยยอมอ่อนให้ไม่ได้เลย
“เธอก็อย่าไปวุ่นวายกับโฟมากล่ะ ไม่งั้น...”
“ถูกลากลงนรกก่อนกำหนดแน่” ตอบในสิ่งที่เคียร์มักพูดกับเธอเป็นประจำ ห้ามเกาะติดโฟทิส ห้ามให้วิญญาณตนอื่นรู้ว่าโฟทิสมองเห็นวิญญาณได้เด็ดขาด
“แต่จับตาดูห่างๆ ได้ไม่ว่า”
“ค่า คุณหมานรก”
“เอมี่ ถ้าถึงเวลาแล้วเธอยังไปเกิดไม่ได้ละก็...”
“กลัวจัง” ขัดขึ้นทั้งที่เคียร์ยังพูดไม่จบก่อนจะรีบวิ่งหนีไป
มองตามเอมี่แล้วก็ได้แต่ส่ายหน้า เอาแต่ลอยไปลอยมา วนเวียนอยู่สามที่ ไม่อยู่ที่บ้านก็มามหา’ลัย หรือไม่ก็เดินเที่ยวห้างฯ ใช้เวลาหกเดือนที่ผ่านมาให้เสียไปอย่างเปล่าประโยชน์ ถ้าไม่อยากได้รับสิทธิ์ไปเกิดก็ควรบอกกันตั้งแต่แรก เขาจะได้พาไปรับคำพิพากษาให้จบเรื่องจบราวไป
ไม่มีงาน ไม่มีนัด และไม่มีธุระที่ต้องมาที่โรงแรมแห่งนี้ ทว่าเมื่อเลิกเรียนโฟทิสก็มุ่งหน้ามาที่นี่เพราะไม่สามารถปล่อยให้ตัวเองทนข้องใจกับเรื่องที่สงสัยได้ แต่ครั้นจะให้เช่าห้องคนเดียวก็รู้สึกว่าสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ คิดแล้วก็นึกหงุดหงิดขึ้นมาที่เอมี่ดันไม่โผล่มาเจอในเวลาที่ต้องการเสียนี่ จะให้ไปตามตัวก็ไม่รู้ว่าเธออยู่ไหนเสียด้วย
โฟทิสเงยหน้ามองชั้นบนของโรงแรมอย่างชั่งใจ ก่อนหันมองโดยรอบซึ่งมีวิญญาณหน้าไม่คุ้นเดินอยู่อีกคน แต่ด้วยความไม่อยากทำความรู้จักกับผีตนอื่นเพิ่มเลยทำได้เพียงนิ่งเฉย และคาดเดาเอาเองว่าผีที่รู้จักกันแล้วอย่างลักซ์จะสังเกตเห็นเขาหรือไม่
เอาเป็นว่าจะให้เวลาสักสิบนาที
ยืนเล่นมือถือรอหน้าโรงแรม ตอบแชตจากพี่สาวที่ส่งมาบอกว่าคืนนี้ให้กลับไปนอนที่ห้อง ดักทางเหมือนกลัวว่าน้องชายคนนี้จะหาเรื่องลดเวลานอนตัวเองอีก ถ้าคืนนี้ยังไม่ยอมพักผ่อนให้เต็มที่จากคนหน้าเบื่อโลกอาจจะต้องลาโลกไปเลยก็ได้
โพลาริสขู่โฟทิสมาแบบนั้น
เงยหน้าขึ้นจากหน้าจอมือถืออีกทีก็เจอคนที่ตั้งใจมาหา ไม่ใช่สิ ต้องเรียกว่าผีหรือวิญญาณจะเหมาะกว่า
ลักซ์ยิ้มกว้างให้ ผิดกับโฟทิสที่ยังคงสีหน้าเรียบนิ่งไม่เปลี่ยนแปลง หากผีที่ยืนยิ้มอยู่เอ่ยคำที่ฟังไม่เข้าหูขึ้นมาเมื่อไรเขาก็พร้อมจะหันหลังกลับในทันที
อย่างเช่นการแซว
“วันนี้มาคนเดียวเหรอครับ”
แต่นับว่าการทักทายนี้ยังไม่ระคายหูมากนัก
โฟทิสอยากตอบแต่เพราะโดนวิญญาณอีกดวงจับตามองอยู่จึงได้แต่เงียบไว้ ที่ต้องทำหน้านิ่งอีกสาเหตุหนึ่งก็เป็นเพราะแบบนี้ ทำให้ผีตนนี้เข้าใจว่าลักซ์กำลังพูดคุยด้วยโดยที่เขามองไม่เห็น
เห็นอีกฝ่ายเงียบไม่ยอมสบตากันลักซ์ก็นึกสงสัย ก้มหน้าลงมาหาขมวดคิ้วใส่ ก่อนจะรู้คำตอบเมื่อหันไปเห็นวิญญาณที่ยืนมองอยู่
“เพื่อนผมเองครับ เขามารอแฟนเลยรอเป็นเพื่อน” ชี้บอกผีตนนั้น อ้างเหตุผลที่พอจะนึกออกแม้มันจะดูไม่ค่อยได้เรื่องเท่าไร
“เป็นวิญญาณตามติดเหรอนาย”
“เพื่อนสนิทน่ะครับเลยห่วง”
“รีบๆ หาทางไปเกิดอย่าเสียเวลาตามติดคนเป็นจะดีกว่านะ มันไม่ช่วยให้นายไปเกิดได้เร็วขึ้นหรอก ถ้าเป็นพวกมองเห็นผีก็ว่าไปอย่าง”
“ครับ” ฟังจบประโยคลักซ์ก็ยิ้มแหยกลับไปให้ ต้องปิดปากให้สนิทพูดไม่ได้เด็ดขาดว่าสิ่งที่ลุงพูดมาทั้งหมดมนุษย์คนนี้ได้ยินชัดเต็มสองหู
“แต่ย่านนี้คงจะลำบากหน่อยล่ะ” วิญญาณที่ผ่านมาเห็นส่ายหน้าอย่างหมดหวัง เขาเดินจากไปโดยทิ้งท้ายไว้เพียงเท่านี้ ประโยคที่ลักซ์เห็นด้วยเป็นอย่างมาก
ถ้ายังอยู่แถวนี้คงไม่มีทางไปเกิดได้ง่ายๆ
โฟทิสยังคงเงียบระหว่างแอบฟังผีทั้งสองคุยกัน เป็นปกติที่เขามักจะได้ยินเรื่องที่ไม่อยากฟังจากเหล่าวิญญาณเป็นประจำ ทุกครั้งที่ไปไหนมาไหนคนเดียวเลยชอบเปิดเพลงใส่หูฟังเพื่อหลีกเลี่ยงการไปยุ่งเรื่องผีตนอื่นโดยไม่ได้ตั้งใจ ก้มหน้ามองพื้นเข้าไว้หลีกเลี่ยงทุกทางที่จะทำให้ความสามารถพิเศษที่ไม่อยากได้นี้ล่วงรู้ไปถึงพวกผีเหล่านั้น
รอจนวิญญาณคุณลุงเดินจากไปและแน่ใจว่าไม่มีวิญญาณอื่นอยู่รอบตัวเขาทั้งสองลักซ์ก็ยิ้มกว้างให้อีกครั้ง
“วันนี้มาคนเดียว เมื่อคืนเรายังคุยกันไม่จบเลย” โฟทิสตอบคำถามก่อนหน้านี้รวมถึงบอกจุดประสงค์ที่ทำให้เขามาอยู่ที่นี่
ทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับการไปเกิดใหม่ เขาต้องรู้ทั้งหมดภายในวันนี้ให้ได้
ผีหรือวิญญาณไม่จำเป็นต้องติดอยู่ในสถานที่ใดสถานที่หนึ่ง พวกเขาสามารถไปไหนมาไหนได้ตามใจเช่นเดียวกับมนุษย์ จะขึ้นรถลงเรือหรือโดยสารเครื่องบินก็ย่อมได้โดยไม่ต้องเสียเงินสักบาทเดียว ยกตักอย่างเช่นเอมี่ ผีนักศึกษาสาวที่ชอบอยู่มหาวิทยาลัยมากกว่าบ้าน ว่างๆ มักไปเดินเที่ยวห้างฯ หรือไม่ก็ดูหนัง
การจะพูดคุยกับผีสักตนให้เป็นเรื่องเป็นราวไม่ใช่เรื่องง่ายเมื่อโฟทิสไม่อยากให้วิญญาณเหล่านั้นรู้ว่าเขาสามารถมองเห็นวิญญาณได้ แล้วที่ใดล่ะที่พวกผีไม่ชอบไป คำตอบคือไม่มีและไม่สามารถเดาใจความชอบเหล่าผีๆ ได้เลย
“โฟจะไปไหนครับ” เดินตามอยู่นานจนมาถึงบริเวณที่ไม่มีผีตนอื่นวนเวียนอยู่ลักซ์ก็ถามขึ้นมา ยิ่งทำแบบนี้เขายิ่งดูเหมือนวิญญาณตามติดเข้าไปทุกที
“ที่ที่ไม่มีผี”
“ไม่มีหรอก”
“ที่ที่จะคุยกันได้อย่างสบายใจ”
“งั้นโรงแรม”
“ที่ที่ไม่ต้องเสียตังค์”
ลักซ์ทำหน้าคิดหนักขณะที่ขายังก้าวตามคนข้างหน้า สถานที่ที่เขานึกออกตอนนี้ก็มีแค่...
“ที่บ้านโฟ”
คนที่เดินนำหน้าอยู่หันกลับมาหาทันที หน้าตาที่ดูเบื่อโลกแสดงออกว่าไม่เห็นด้วย แต่จะมีที่ไหนอีกที่โฟทิสจะสามารถคุยกับลักซ์ได้โดยไม่ให้ผีตนอื่นเห็น ถ้าไม่ใช่ที่มหา’ลัยที่มีเอมี่ ก็มีแค่ที่พักอาศัยซึ่งมีเจ้าที่คอยปกปักรักษาทำให้วิญญาณเร่ร่อนไม่สามารถเข้าออกได้ตามใจ
“ไปที่อื่นก็ได้”
“ที่บ้านก็ได้ แต่คับแคบหน่อยนะ”
“สบายมากครับ” ลักซ์ยิ้มกว้างให้ จะแคบจะกว้างผีอย่างเขาไม่ได้สนใจนักหรอก เพราะการได้พูดคุยกับโฟทิสนั้นสำคัญกว่าเรื่องไหน
ตัดสินใจได้คนหน้าเบื่อโลกก็เดินย้อนกลับไปยังป้ายรถเมล์ รอดพ้นสถานการณ์ที่จะทำให้ความลับแตกไปอย่างฉิวเฉียดเมื่อมีวิญญาณอีกดวงเดินสวนมา ส่วนลักซ์นั้นก็ทำตัวเป็นวิญญาณตามติด จนโดนวิญญาณคุณน้าที่เดินสวนกันส่งสายดุใส่ เพราะการทำแบบนี้กับมนุษย์นั้นเป็นสิ่งไม่ดีเอาเสียเลย
เปิดประตูห้องชะโงกหน้ามองพี่สาวที่ดูเหมือนว่ากำลังดูดวงออนไลน์ให้ลูกค้าคนหนึ่งอยู่ เป็นศาสตร์ที่ใช้ความสามารถพิเศษจากครอบครัวบวกกับความรู้เรื่องการทำนายที่ศึกษาเพิ่มเติมเอาเอง กล่าวคือนอกจากแม่หมอโพลาริสจะช่วยทำนายดวงชะตาแล้ว ยังแอบฟังวิญญาณที่อาจจะตามติดลูกค้าคนนั้นอยู่เพื่อบอกเล่าเหตุการณ์อื่นๆ ด้วย ซึ่งจะว่าไปแล้วก็ไม่ต่างจากอาชีพหมอผีที่ครอบครัวประกอบกิจการอยู่นัก
โฟทิสเดินเข้ามาเงียบๆ โดยมีผีหนุ่มตามเข้ามา โพลาริสละสายตาจากหน้าจอมือถือหันมองแล้วต้องเบิกตากว้าง ชี้ไปที่ลักซ์ก่อนจะลุกขึ้นเดินดุ่มๆ เข้ามาหา
“นายเป็นใคร ทำไมปล่อยให้ผีเดินตามมาแบบนี้ล่ะโฟ” ถามด้วยความเป็นห่วงแต่น้องชายกลับทำหน้าเบื่อโลกใส่
“เพื่อน”
“ฮะ”
“ชื่อลักซ์ มีเรื่องต้องคุยกันนิดหน่อยเลยพามาด้วย นี่พี่สาวชื่อโพลาริส”
“สวัสดีครับ” ผู้มาเยือนยิ้มทักทาย แม้พี่สาวคนนี้หน้าตาจะดูรับแขกกว่าแต่ดูเหมือนความโหดของสองพี่น้องจะไม่ต่างกันนัก
“ไปรู้จักกันได้ไง”
“ที่โรงแรม”
“ฮะ” โพลาริสอุทานเสียงสูงกับคำตอบของน้องชายอีกครั้ง
“โดนแอบดูตอนมีเซ็กซ์ที่โรงแรมโดยให้เหตุผลว่าอยากไปเกิด เลยอยากคุยกันหน่อย”
คนเป็นพี่สาวได้แต่อ้าปากค้าง ฟังเหตุผลแล้วก็พอเข้าใจได้เพราะโพลาริสรู้เรื่องเกี่ยวกับโลกหลังความตายมากกว่าโฟทิสอยู่มาก เข้าใจอย่างแจ่มแจ้งแล้วว่าอะไรทำให้น้องชายผู้เบื่อโลกคนนี้ค้นอินเทอร์เน็ตเรื่องผีสางทั้งที่ไม่เคยสนใจได้ แต่จุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมดมันค่อนข้างจะ...
“เฮ้อ”
“ดูดวงให้ลูกค้าอยู่ไม่ใช่เหรอ”
“อืม ไม่ได้เปิดกล้อง”
“จะนั่งคุยกันตรงนี้นะ ห้ามแอบฟัง”
“ห้องมันกว้างมากเลยมั้งพี่คงไม่ได้ยิน”
“กลับไปทำงานเลย”
โพลาริสยิ้มให้ก่อนยอมเดินกลับมายังที่ของเธอ แต่กลับไม่มีสมาธิจะทำงานต่อเลยแม้แต่น้อยเมื่อสายตาพยายามสอดส่องพฤติกรรมของวิญญาณหนุ่มที่โฟทิสมาพาตลอดเวลา
ห้องเล็กๆ นี้ถูกแบ่งเป็นสองส่วน ด้านในเป็นของพี่สาว ส่วนด้านนอกเป็นของน้องชาย พื้นที่แคบๆ มีแค่ที่นอนกับที่ว่างอีกนิดหน่อย โฟทิสนั่งลงบนที่นอนส่วนลักซ์นั่งพื้น คำถามมากมายถูกเรียบเรียงไว้ในหัวตั้งแต่ระหว่างเดินทางกลับ เมื่อไม่ต้องกังวลเรื่องผีตัวอื่นแล้วคำถามแรกก็ถูกถามออกไป
“เรื่องไปเกิดน่ะ มันมีแค่วิธีเดียวเหรอ”
คำถามนี้ไม่ใช่เพียงแค่ลักซ์ที่ได้ยิน โพลาริสที่แอบฟังอยู่เงียบๆ ก็เผลอขมวดคิ้วตาม
“ครับ”
“งั้นมีเซ็กซ์ก็เสี่ยงจะถูกผีแอบมองได้ตลอดเลยน่ะสิ”
“ก็ประมาณนั้น”
“ใครมันเป็นคนคิดวิธีนี้ขึ้นวะ”
ลักซ์ยิ้มแหยเพราะเขาเองก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนคิดค้นวิธีแบบนี้ขึ้นมา
“เล่าให้ฟังหน่อยสิ ตั้งแต่ตอนที่นายตาย”
“อ่า...” คนฟังทำหน้านึก
“แต่ถ้าไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไรนะ”
คำถามนี้อาจจะทำให้คนเล่าลำบากใจ เดิมทีโฟทิสไม่ได้อยากรู้ลึกถึงขั้นนี้อยู่แล้วแต่ก็พลั้งปากถามออกไป ดูเหมือนว่าครั้งนี้เขาจะเป็นฝ่ายเสียมารยาทกับลักซ์แทน
“เปล่าครับ ผมแค่กำลังนึก”
“ตายมานานแล้วเหรอ”
“ประมาณเก้าเดือน ผมเป็นไข้เลือดออกเสียที่โรงพยาบาล”
“แล้วทำไมถึงมาอยู่ที่โรงแรมล่ะ” แน่นอนว่าคงเป็นเพราะต้องหาวิธีไปเกิด แต่ย่อมมีเหตุผลที่ทำให้ลักซ์เลือกไปวนเวียนอยู่ที่โรงแรมนั้น
“เพราะมีผีรุ่นพี่พาไปน่ะ”
“โดนหลอกล่ะสิ”
ลักซ์ยิ้มแหย ขณะที่สีหน้าโฟทิสยังอยู่ในโหมดจริงจัง เช่นเดียวกับโพลาริสที่ยังขมวดคิ้วแน่นแอบฟังสิ่งที่น้องชายกำลังสนทนากับวิญญาณต่อไป
“ก็ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ สามเดือนก่อนที่โรงแรมนั้นยังมีแต่คู่ชายหญิงอยู่แล้ว แต่พอปรับภูมิทัศน์เมืองใหม่พวกร้านบาร์ก็มาเปิดเยอะขึ้น”
“แล้วก็กลายเป็นย่านของเกย์”
“ตามนั้นแหละครับ”
โฟทิสเท้าคางมองลักซ์ที่ตอบออกมาด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย ทั้งที่รู้ว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างไรบ้างแล้วทำไมถึงยังปักหลักอยู่ที่เดิมไม่ย้ายไปไหน
“แล้วทำไมไม่ไปหาโรงแรมอื่นอยู่ล่ะ”
“เพราะไม่รู้จะไปที่ไหนมั้งครับ ก็อยู่ที่นั่นมาตลอดหลายเดือน”
“อยู่ตั้งหลายเดือนทำไมไปเกิดไม่ได้สักที”
“เพราะคนส่วนใหญ่ก็ใช้ถุงยางเหมือนโฟไง”
“โดนหลอกจริงๆ ด้วย”
คนที่คิดจะทำลูกไม่มีใครเขานัดกันไปทำในโรงแรมแบบนั้นหรอก ถ้าจะให้ดีต้องตามไปถึงบ้านแต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะผ่านเจ้าที่อีก หรือไม่ก็ไปตามรีสอร์ตในสถานที่ท่องเที่ยว ที่ที่คู่รักชอบไปเที่ยวค้างคืนกัน
“แล้วรุ่นพี่ที่พาไปล่ะ”
“โดนเก็บไปแล้วครับ”
“โดนเก็บ?”
“เพราะเขาเองไม่ได้ดูตั้งใจกับการไปเกิดเท่าไร แค่ยืดเวลาเพื่ออยู่บนโลกนี้ต่อ”
“หมายถึงยังไง” ขมวดคิ้วถามกลับ
“ทำไมอยู่ๆ ถึงอยากรู้ขนาดนั้น”
“พี่โพลอย่าเพิ่งขัดได้มั้ย” โฟทิสหันไปบอกพี่สาวที่พูดแทรกขึ้นมา
“แค่ถามไม่ได้หรือไง”
“ทำงานไปเลย”
โดนไล่อีกครั้งโพลาริสเลยต้องปิดปากเงียบ คนหัวแข็งดื้อรั้นอย่างโฟทิสพูดไปตอนนี้มีแต่จะทะเลาะกันเสียเปล่าๆ
“เล่าต่อเลย เริ่มตั้งแต่ตอนนายเสียเลยก็ได้” เถียงกับพี่สาวจบโฟทิสก็หันกลับมาบอกผีที่เขาอุตส่าห์ไปตามตัวมา
ลักซ์ยิ้มแหยก่อนจะเริ่มเล่าสิ่งที่พบเจอตั้งแต่เขาเสียชีวิต เมื่อลมหายใจหมดลงยมทูตก็ปรากฏตัวต่อหน้าดวงจิตที่ลอยออกจากร่าง ยมทูตที่ดูเหมือนคนธรรมดาคนหนึ่ง ถือแท็บแล็ตร่ายประวัติผู้เสียชีวิต หากทำความชั่วไว้มากจะถูกพาตัวไปยังนรกเพื่อพิจารณาคดี หากมีความดีสะสมไว้จะมีโอกาสได้เกิดใหม่ซึ่งจะรับข้อเสนอนี้หรือไม่ก็ได้ โดยมีเงื่อนไขอยู่สองข้อคือต้องหาทางไปเกิดให้ได้ภายในหนึ่งปี หากวิญญาณใดไปเกิดไม่ได้จะถูกสุนัขล่าวิญญาณลากตัวกลับนรกและเข้าสู่ขั้นตอนการพิพากษาความผิด
“สุนัขล่าวิญญาณเหรอ”
“ครับ พวกเขาใช้ชีวิตอยู่บนโลกเหมือนคนปกติ มีหน้าที่คอยพาวิญญาณที่ใช้เวลาจนครบกำหนดกลับโลกหลังความตาย แต่ถ้าใครขัดขืนก็จะถูกกำจัด เพราะถ้าหากปล่อยให้อยู่ต่อจะกลายเป็นวิญญาณร้ายได้”
“วิญญาณร้าย...”
“ทำไมต้องทำให้เหนื่อยด้วยวะเนี่ย” สบถออกมาเมื่องานชักจะยุ่งยากขึ้น วิญญาณที่ใช้เวลาจนครบกำหนดแต่ยังไปเกิดใหม่ไม่ได้ไม่ยอมกลับไปด้วยกันแต่โดยดี หน้าที่ของสุนัขล่าวิญญาณคือลากตัวมันกลับก่อนผีตนนั้นจะสูบพลังชีวิตของมนุษย์จนกลายเป็นวิญญาณร้ายเสียก่อน
ร่างมนุษย์แปรเปลี่ยนเป็นสุนัขสีขาวตัวใหญ่ ปลายหูมีสีแดง เขี้ยวเล็บยาวโง้งพร้อมกระชากกัดกินวิญญาณดื้อด้านที่ขัดคำสั่งเบื้องบน หากปล่อยไว้นานจะเกิดความวุ่นวายตามมา
วิญญาณที่ไม่มีพลังพิเศษย่อมไม่มีทางหนีนักล่าแห่งขุมนรกพ้น แต่เพราะเลยเวลามาพอสมควรทำให้ผีตนนั้นกลายเป็นวิญญาณร้ายที่มีพลังแห่งชีวิตมากพอจะต่อกรขึ้นมาได้บ้าง แต่พลังที่สั่งสมมาเพียงน้อยนิดย่อมไม่สามารถเอาชนะนักล่าได้อยู่ดี
สี่ขาก้าวกระโดดไปตามซอกตึกที่วิญญาณตนนั้นหนีไป เพราะเป็นเวลาพลบค่ำที่ยังพอมีคนหลงเหลืออยู่ในมหาวิทยาลัยจึงทำอะไรได้ไม่สะดวกนัก กับวิญญาณที่มีพลังเพิ่มขึ้นมา เป็นไปได้ที่มนุษย์จะมองเห็นมัน
วิญญาณตนนี้ถูกไล่ต้อนมาจากด้านนอกก่อนมันจะหนีเข้ามาในรั้วมหาวิทยาลัย นับว่ามันคิดผิดไม่น้อย หารู้ไม่ว่าสุนัขล่าวิญญาณตนนี้ช่ำชองพื้นที่นี้มากแค่ไหน ไม่มีหนทางให้หนีรอดได้เลย
หมานรกตัวยักษ์กระโดดขวางหน้าวิญญาณที่กำลังหนี มันก้าวถอยหลังอย่างหวาดกลัว รวบรวมพลังทั้งหมดที่มีหมายต่อกรกับผู้ล่าให้นานที่สุด มองหาหนทางที่พอจะถ่วงเวลาเอาไว้ได้ กระทั่งหันไปเห็นผู้หญิงที่ยืนอยู่ไม่ไกลนักวิญญาณร้ายก็พุ่งเข้าไปหาทันที
“กรี๊ดดดด!”
แต่ยังไม่ทันถึงตัวสาวคนนั้นร่างมันก็ถูกกรงเล็บตะปบและสลายหายไป กลายเป็นดวงไฟลูกเล็กๆ ลอยอยู่กลางอากาศ
“ตะปบสวยมากค่ะ”
“ขอบคุณที่มาช่วย” กลายร่างกลับมาเป็นคนเหมือนเดิมก่อนเอ่ยขอบคุณผีสาวที่ออกมาเป็นเหยื่อล่อให้โดยไม่ได้เอ่ยขอ เก็บดวงวิญญาณนั้นใส่ถุงเก็บวิญญาณเอาไว้เพื่อนำไปส่งที่นรก
“นี่คือวิญญาณที่เคียร์บอกว่าจะออกไปล่าเมื่อเช้าเหรอ”
“ใช่ หลบเก่งน่าดูเลย”
“ให้เคียร์ได้ออกกำลังไง”
“ถึงตาเธอก็อย่าให้ต้องออกกำลังมากล่ะ”
“จ้าๆ”
ยิ้มให้วิญญาณที่เรียกได้ว่าค่อนข้างสนิทกันก่อนเคียร์จะกลายร่างเป็นสุนัขอีกครั้งแล้ววิ่งไปยังหลังตึกที่ซึ่งมีประตูคล้ายกับหลุมดำเปิดออก เขาก้าวเข้าไปในนั้นเพื่อเคลียร์งานที่คั่งค้างให้เสร็จลุล่วง
นำส่งวิญญาณที่ถึงเวลาอันควรสู่การพิพากษา
“แสดงว่าถ้ายังไปเกิดไม่ได้ก็จะถูกตามตัวกลับนรก”
“ครับ เหมือนจะต้องถูกตัดสินอีกครั้งว่าจะได้รับโทษอะไรบ้าง” ลักซ์พยักหน้าให้โฟทิสหลังจากเล่ารายละเอียดและเงื่อนไขของเหล่าวิญญาณที่รอการไปเกิดทั้งหมดเท่าที่รู้ให้ฟัง
“ไม่มีคนที่ได้ไปเกิดเลยบ้างเหรอ แบบไม่ต้องรอพิพากษาความผิด”
“คงเพราะไม่มีมนุษย์คนไหนบริสุทธิ์ทั้งการกระทำและจิตใจมั้งครับ”
“ก็จริง”
ต่อให้ถูกพูดว่าเป็นคนดี แล้วใครกันล่ะที่เป็นคนกำหนดคำนิยามนั้น ฉากหน้ากับเบื้องหลังย่อมแตกต่างกัน คนที่คิดว่าตัวเองทำดีมากตลอดอาจกลายเป็นไอ้ชั่วในสายตาอีกคนก็ได้
“ว่าแต่นายก็เหลือเวลาอีกแค่สามเดือน”
คราวนี้ยิ้มแหย เก้าเดือนที่ผ่านมาลักซ์ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันนัก ที่ตอบรับข้อเสนอการเกิดใหม่เพียงเพราะยังไม่อยากถูกพิพากษาให้รับโทษ ยังอยากเห็นความเป็นไปของโลกใบนี้อีกสักพักก่อนจะต้องจากกันตลอดกาล กลับสู่การเวียนว่ายตายเกิดที่ไร้ซึ่งความทรงจำเก่า
“ให้ช่วยมั้ย”
“ช่วยผมเหรอ”
“ก็ใช่ไง อยู่ที่โรงแรมนั้นต่อไปคงไม่ได้ไปเกิดสักที”
ยิ้มกว้างเมื่อได้ฟัง แท้จริงแล้วคนเบื่อโลกที่ดูใจร้ายก็ใช่ว่าจะใจจืดใจดำเสมอไป
“ครับ”
tbc
ความคิดเห็น