ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    แค่อยากเกิดใหม่

    ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 3

    • อัปเดตล่าสุด 7 ก.ค. 63


    ตอนที่ 3

     

                    แม้จะนอนน้อยจนโทรมไปบ้าง แม้จะชอบทำหน้าตาเบื่อโลก แต่ก็ใช่ว่าโฟทิสจะไม่มีคนคบหาสมาคมด้วย นอกจากอดีตเพื่อนร่วมสาขาที่กลายเป็นผีซึ่งชอบตามมาวอแวทุกครั้งที่เจอแล้ว ก็ยังมีรุ่นพี่ที่รู้จักกันที่บาร์ซึ่งเขาทั้งคู่ทำงานอยู่อีกคน แล้วก็ดันบังเอิญเรียนอยู่ที่เดียวกันอีก

                    “ไปก่อนนะ” ผีสาวบอกลาทั้งที่เพิ่งเจอหน้า ใจอยากรั้งไว้แต่ก็ต้องปล่อยตัวไปเมื่อรุ่นพี่คนนั้นกำลังเดินตรงมาหา

                    โฟทิสถอนหายใจเบาๆ ทำหน้าเบื่อโลกใส่นักร้องพาร์ทไทม์ของบาร์ที่ยืนยิ้มให้ นึกขัดใจกับทุกคนที่ทำให้แผนที่วางไว้พังหมด แล้วก็ไม่เข้าใจด้วยว่าทำไมเอมี่ถึงหนีทุกครั้งที่เคียร์โผล่มาทั้งที่รุ่นพี่จอมกวนประสาทคนนี้ไม่น่าจะมองเห็นเธอสักหน่อย

                    “แค่นี้ถอนหายใจใส่”

                    “มีอะไรครับ”

                    “แวะมาทักทาย”

                    “พี่เรียนแถวนี้เหรอ”

                    “เปล่า”

                    ไม่มีเด็กสถาปัตย์ที่ไหนมาเดินอยู่แถวคณะบัญชีหรอก คณะก็อยู่กันคนละฝั่งถนน หรือจะบอกว่ารุ่นพี่คนนี้เลือกวิชาเสรีเป็นวิชาของคณะบัญชีก็ไม่น่าใช่ ทางเดียวที่โฟทิสคิดได้ก็มีแค่มาบ่นเขาเท่านั้น

                    ว่างนักหรือไงก็ไม่รู้

                    “ไหนบอกไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัวไง”

                    “ได้นอนบ้างหรือเปล่า”

                    “พี่โพลฟ้องเหรอ”

                    “ดูด้วยตาก็รู้ไม่ต้องรอให้พี่ดาวฟ้องหรอก”

                    ที่ว่ารู้จักกันดีเป็นเพราะเคียร์รู้จักกับโพลาริสหรือดาวเหนือพี่สาวของโฟทิส คนน้องนั้นเข้าใจว่าเขาเคยเจอพี่สาวตอนพาไปส่งที่ห้องหลังเลิกงาน แต่นั่นไม่ใช่ครั้งแรกที่เคียร์ได้กับโพลาริส

                    “งั้นผมไปนะได้เวลาเรียนแล้ว” ทำเป็นมองนาฬิกาเพื่อตัดจบบทสนทนา จะว่าไปแล้วเคียร์ก็เหมือนสายสืบของโพลาริส คอยรายงานความเคลื่อนไหวที่โฟทิสไม่รู้ว่าสองคนนี้แอบไปคุยกับลับหลังเรื่องอะไรบ้าง หรือแอบกุ๊กกิ๊กกันอยู่อันนี้ก็ไม่แน่ใจ

                    “เลิกเรียนก็กลับบ้านไปนอนซะนะ”

                    “ยุ่งจริงๆ”

                    เคียร์หัวเราะเมื่อถูกว่า โบกมือให้คนหน้าเบื่อโลกจนเดินหายเข้าไปในอาคารถึงได้หันมองอีกทางซึ่งมีวิญญาณของนักศึกษาสาวแอบหลบมุมอยู่ เพียงแค่กวักมือเรียกเอมี่ก็เดินมาหาอย่างว่าง่าย

                    “ไม่ได้พูดอะไรเลยนะ” เธอชิงบอกก่อน

                    “ก็ยังไม่ได้ว่าอะไรเลย”

                    “จะไม่บอกจริงเหรอ”

                    “อย่าให้รู้ดีกว่า จริงๆ โฟก็ไม่ได้อยากคุยกับเธอไม่ใช่เหรอ”

                    “พูดจาโหดร้ายจัง”

                    “จะโหดกว่านี้อีกถ้าถึงกำหนดแล้วเธอยังหาทางไปเกิดไม่ได้”

                    “อย่ากดดันกันสิ” ว่าหน้างอ เพราะหนทางไปเกิดใหม่มีแค่ทางเดียวที่เอมี่ยังทำใจให้ชินไม่ได้ถึงได้เลือกที่จะเป็นวิญญาณลอยไปลอยมาอยู่แบบนี้

                    “ใช้เวลาหมดไปครึ่งหนึ่งแล้วนะ”

                    “รู้แล้วค่ะ”

                    เคียร์ยิ้มให้เอมี่ที่ยังทำหน้างอไม่เลิก ไม่ต้องคอยสนใจด้วยว่าคนอื่นจะมองแปลกๆ ที่เห็นเขาพูดคนเดียว เพราะในเวลานี้ไม่มีใครบอกเห็นเขาทั้งนั้น

                    “งั้นผมไปทำงานก่อนนะ”

                    “ตัดโมเหรอ” เอมี่ต้องรีบหุบยิ้มทันทีเมื่อถูกเคียร์มองตาขวางใส่ กับเธอเนี่ยยอมอ่อนให้ไม่ได้เลย

                    “เธอก็อย่าไปวุ่นวายกับโฟมากล่ะ ไม่งั้น...”

                    “ถูกลากลงนรกก่อนกำหนดแน่” ตอบในสิ่งที่เคียร์มักพูดกับเธอเป็นประจำ ห้ามเกาะติดโฟทิส ห้ามให้วิญญาณตนอื่นรู้ว่าโฟทิสมองเห็นวิญญาณได้เด็ดขาด

                    “แต่จับตาดูห่างๆ ได้ไม่ว่า”

                    “ค่า คุณหมานรก”

                    “เอมี่ ถ้าถึงเวลาแล้วเธอยังไปเกิดไม่ได้ละก็...”

                    “กลัวจัง” ขัดขึ้นทั้งที่เคียร์ยังพูดไม่จบก่อนจะรีบวิ่งหนีไป

                    มองตามเอมี่แล้วก็ได้แต่ส่ายหน้า เอาแต่ลอยไปลอยมา วนเวียนอยู่สามที่ ไม่อยู่ที่บ้านก็มามหา’ลัย หรือไม่ก็เดินเที่ยวห้างฯ ใช้เวลาหกเดือนที่ผ่านมาให้เสียไปอย่างเปล่าประโยชน์ ถ้าไม่อยากได้รับสิทธิ์ไปเกิดก็ควรบอกกันตั้งแต่แรก เขาจะได้พาไปรับคำพิพากษาให้จบเรื่องจบราวไป

                    

                    ไม่มีงาน ไม่มีนัด และไม่มีธุระที่ต้องมาที่โรงแรมแห่งนี้ ทว่าเมื่อเลิกเรียนโฟทิสก็มุ่งหน้ามาที่นี่เพราะไม่สามารถปล่อยให้ตัวเองทนข้องใจกับเรื่องที่สงสัยได้ แต่ครั้นจะให้เช่าห้องคนเดียวก็รู้สึกว่าสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ คิดแล้วก็นึกหงุดหงิดขึ้นมาที่เอมี่ดันไม่โผล่มาเจอในเวลาที่ต้องการเสียนี่ จะให้ไปตามตัวก็ไม่รู้ว่าเธออยู่ไหนเสียด้วย

                    โฟทิสเงยหน้ามองชั้นบนของโรงแรมอย่างชั่งใจ ก่อนหันมองโดยรอบซึ่งมีวิญญาณหน้าไม่คุ้นเดินอยู่อีกคน แต่ด้วยความไม่อยากทำความรู้จักกับผีตนอื่นเพิ่มเลยทำได้เพียงนิ่งเฉย และคาดเดาเอาเองว่าผีที่รู้จักกันแล้วอย่างลักซ์จะสังเกตเห็นเขาหรือไม่

                    เอาเป็นว่าจะให้เวลาสักสิบนาที

                    ยืนเล่นมือถือรอหน้าโรงแรม ตอบแชตจากพี่สาวที่ส่งมาบอกว่าคืนนี้ให้กลับไปนอนที่ห้อง ดักทางเหมือนกลัวว่าน้องชายคนนี้จะหาเรื่องลดเวลานอนตัวเองอีก ถ้าคืนนี้ยังไม่ยอมพักผ่อนให้เต็มที่จากคนหน้าเบื่อโลกอาจจะต้องลาโลกไปเลยก็ได้

                    โพลาริสขู่โฟทิสมาแบบนั้น

                    เงยหน้าขึ้นจากหน้าจอมือถืออีกทีก็เจอคนที่ตั้งใจมาหา ไม่ใช่สิ ต้องเรียกว่าผีหรือวิญญาณจะเหมาะกว่า

                    ลักซ์ยิ้มกว้างให้ ผิดกับโฟทิสที่ยังคงสีหน้าเรียบนิ่งไม่เปลี่ยนแปลง หากผีที่ยืนยิ้มอยู่เอ่ยคำที่ฟังไม่เข้าหูขึ้นมาเมื่อไรเขาก็พร้อมจะหันหลังกลับในทันที

                    อย่างเช่นการแซว

                    “วันนี้มาคนเดียวเหรอครับ”

                    แต่นับว่าการทักทายนี้ยังไม่ระคายหูมากนัก

                    โฟทิสอยากตอบแต่เพราะโดนวิญญาณอีกดวงจับตามองอยู่จึงได้แต่เงียบไว้ ที่ต้องทำหน้านิ่งอีกสาเหตุหนึ่งก็เป็นเพราะแบบนี้ ทำให้ผีตนนี้เข้าใจว่าลักซ์กำลังพูดคุยด้วยโดยที่เขามองไม่เห็น

                    เห็นอีกฝ่ายเงียบไม่ยอมสบตากันลักซ์ก็นึกสงสัย ก้มหน้าลงมาหาขมวดคิ้วใส่ ก่อนจะรู้คำตอบเมื่อหันไปเห็นวิญญาณที่ยืนมองอยู่

                    “เพื่อนผมเองครับ เขามารอแฟนเลยรอเป็นเพื่อน” ชี้บอกผีตนนั้น อ้างเหตุผลที่พอจะนึกออกแม้มันจะดูไม่ค่อยได้เรื่องเท่าไร

                    “เป็นวิญญาณตามติดเหรอนาย”

                    “เพื่อนสนิทน่ะครับเลยห่วง”

                    “รีบๆ หาทางไปเกิดอย่าเสียเวลาตามติดคนเป็นจะดีกว่านะ มันไม่ช่วยให้นายไปเกิดได้เร็วขึ้นหรอก ถ้าเป็นพวกมองเห็นผีก็ว่าไปอย่าง”

                    “ครับ” ฟังจบประโยคลักซ์ก็ยิ้มแหยกลับไปให้ ต้องปิดปากให้สนิทพูดไม่ได้เด็ดขาดว่าสิ่งที่ลุงพูดมาทั้งหมดมนุษย์คนนี้ได้ยินชัดเต็มสองหู

                    “แต่ย่านนี้คงจะลำบากหน่อยล่ะ” วิญญาณที่ผ่านมาเห็นส่ายหน้าอย่างหมดหวัง เขาเดินจากไปโดยทิ้งท้ายไว้เพียงเท่านี้ ประโยคที่ลักซ์เห็นด้วยเป็นอย่างมาก

                    ถ้ายังอยู่แถวนี้คงไม่มีทางไปเกิดได้ง่ายๆ

                    โฟทิสยังคงเงียบระหว่างแอบฟังผีทั้งสองคุยกัน เป็นปกติที่เขามักจะได้ยินเรื่องที่ไม่อยากฟังจากเหล่าวิญญาณเป็นประจำ ทุกครั้งที่ไปไหนมาไหนคนเดียวเลยชอบเปิดเพลงใส่หูฟังเพื่อหลีกเลี่ยงการไปยุ่งเรื่องผีตนอื่นโดยไม่ได้ตั้งใจ ก้มหน้ามองพื้นเข้าไว้หลีกเลี่ยงทุกทางที่จะทำให้ความสามารถพิเศษที่ไม่อยากได้นี้ล่วงรู้ไปถึงพวกผีเหล่านั้น

                    รอจนวิญญาณคุณลุงเดินจากไปและแน่ใจว่าไม่มีวิญญาณอื่นอยู่รอบตัวเขาทั้งสองลักซ์ก็ยิ้มกว้างให้อีกครั้ง

                    “วันนี้มาคนเดียว เมื่อคืนเรายังคุยกันไม่จบเลย” โฟทิสตอบคำถามก่อนหน้านี้รวมถึงบอกจุดประสงค์ที่ทำให้เขามาอยู่ที่นี่

                    ทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับการไปเกิดใหม่ เขาต้องรู้ทั้งหมดภายในวันนี้ให้ได้

     

                    ผีหรือวิญญาณไม่จำเป็นต้องติดอยู่ในสถานที่ใดสถานที่หนึ่ง พวกเขาสามารถไปไหนมาไหนได้ตามใจเช่นเดียวกับมนุษย์ จะขึ้นรถลงเรือหรือโดยสารเครื่องบินก็ย่อมได้โดยไม่ต้องเสียเงินสักบาทเดียว ยกตักอย่างเช่นเอมี่ ผีนักศึกษาสาวที่ชอบอยู่มหาวิทยาลัยมากกว่าบ้าน ว่างๆ มักไปเดินเที่ยวห้างฯ หรือไม่ก็ดูหนัง

                    การจะพูดคุยกับผีสักตนให้เป็นเรื่องเป็นราวไม่ใช่เรื่องง่ายเมื่อโฟทิสไม่อยากให้วิญญาณเหล่านั้นรู้ว่าเขาสามารถมองเห็นวิญญาณได้ แล้วที่ใดล่ะที่พวกผีไม่ชอบไป คำตอบคือไม่มีและไม่สามารถเดาใจความชอบเหล่าผีๆ ได้เลย

                    “โฟจะไปไหนครับ” เดินตามอยู่นานจนมาถึงบริเวณที่ไม่มีผีตนอื่นวนเวียนอยู่ลักซ์ก็ถามขึ้นมา ยิ่งทำแบบนี้เขายิ่งดูเหมือนวิญญาณตามติดเข้าไปทุกที

                    “ที่ที่ไม่มีผี”

                    “ไม่มีหรอก”

                    “ที่ที่จะคุยกันได้อย่างสบายใจ”

                    “งั้นโรงแรม”

                    “ที่ที่ไม่ต้องเสียตังค์”

                    ลักซ์ทำหน้าคิดหนักขณะที่ขายังก้าวตามคนข้างหน้า สถานที่ที่เขานึกออกตอนนี้ก็มีแค่...

                    “ที่บ้านโฟ”

                    คนที่เดินนำหน้าอยู่หันกลับมาหาทันที หน้าตาที่ดูเบื่อโลกแสดงออกว่าไม่เห็นด้วย แต่จะมีที่ไหนอีกที่โฟทิสจะสามารถคุยกับลักซ์ได้โดยไม่ให้ผีตนอื่นเห็น ถ้าไม่ใช่ที่มหา’ลัยที่มีเอมี่ ก็มีแค่ที่พักอาศัยซึ่งมีเจ้าที่คอยปกปักรักษาทำให้วิญญาณเร่ร่อนไม่สามารถเข้าออกได้ตามใจ

                    “ไปที่อื่นก็ได้”

                    “ที่บ้านก็ได้ แต่คับแคบหน่อยนะ”

                    “สบายมากครับ” ลักซ์ยิ้มกว้างให้ จะแคบจะกว้างผีอย่างเขาไม่ได้สนใจนักหรอก เพราะการได้พูดคุยกับโฟทิสนั้นสำคัญกว่าเรื่องไหน

                    ตัดสินใจได้คนหน้าเบื่อโลกก็เดินย้อนกลับไปยังป้ายรถเมล์ รอดพ้นสถานการณ์ที่จะทำให้ความลับแตกไปอย่างฉิวเฉียดเมื่อมีวิญญาณอีกดวงเดินสวนมา ส่วนลักซ์นั้นก็ทำตัวเป็นวิญญาณตามติด จนโดนวิญญาณคุณน้าที่เดินสวนกันส่งสายดุใส่ เพราะการทำแบบนี้กับมนุษย์นั้นเป็นสิ่งไม่ดีเอาเสียเลย

                    

                    เปิดประตูห้องชะโงกหน้ามองพี่สาวที่ดูเหมือนว่ากำลังดูดวงออนไลน์ให้ลูกค้าคนหนึ่งอยู่ เป็นศาสตร์ที่ใช้ความสามารถพิเศษจากครอบครัวบวกกับความรู้เรื่องการทำนายที่ศึกษาเพิ่มเติมเอาเอง กล่าวคือนอกจากแม่หมอโพลาริสจะช่วยทำนายดวงชะตาแล้ว ยังแอบฟังวิญญาณที่อาจจะตามติดลูกค้าคนนั้นอยู่เพื่อบอกเล่าเหตุการณ์อื่นๆ ด้วย ซึ่งจะว่าไปแล้วก็ไม่ต่างจากอาชีพหมอผีที่ครอบครัวประกอบกิจการอยู่นัก

                    โฟทิสเดินเข้ามาเงียบๆ โดยมีผีหนุ่มตามเข้ามา โพลาริสละสายตาจากหน้าจอมือถือหันมองแล้วต้องเบิกตากว้าง ชี้ไปที่ลักซ์ก่อนจะลุกขึ้นเดินดุ่มๆ เข้ามาหา

                    “นายเป็นใคร ทำไมปล่อยให้ผีเดินตามมาแบบนี้ล่ะโฟ” ถามด้วยความเป็นห่วงแต่น้องชายกลับทำหน้าเบื่อโลกใส่

                    “เพื่อน”

                    “ฮะ”

                    “ชื่อลักซ์ มีเรื่องต้องคุยกันนิดหน่อยเลยพามาด้วย นี่พี่สาวชื่อโพลาริส”

                    “สวัสดีครับ” ผู้มาเยือนยิ้มทักทาย แม้พี่สาวคนนี้หน้าตาจะดูรับแขกกว่าแต่ดูเหมือนความโหดของสองพี่น้องจะไม่ต่างกันนัก

                    “ไปรู้จักกันได้ไง”

                    “ที่โรงแรม”

                    “ฮะ” โพลาริสอุทานเสียงสูงกับคำตอบของน้องชายอีกครั้ง

                    “โดนแอบดูตอนมีเซ็กซ์ที่โรงแรมโดยให้เหตุผลว่าอยากไปเกิด เลยอยากคุยกันหน่อย”

                    คนเป็นพี่สาวได้แต่อ้าปากค้าง ฟังเหตุผลแล้วก็พอเข้าใจได้เพราะโพลาริสรู้เรื่องเกี่ยวกับโลกหลังความตายมากกว่าโฟทิสอยู่มาก เข้าใจอย่างแจ่มแจ้งแล้วว่าอะไรทำให้น้องชายผู้เบื่อโลกคนนี้ค้นอินเทอร์เน็ตเรื่องผีสางทั้งที่ไม่เคยสนใจได้ แต่จุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมดมันค่อนข้างจะ...

                    “เฮ้อ”

                    “ดูดวงให้ลูกค้าอยู่ไม่ใช่เหรอ”

                    “อืม ไม่ได้เปิดกล้อง”

                    “จะนั่งคุยกันตรงนี้นะ ห้ามแอบฟัง”

                    “ห้องมันกว้างมากเลยมั้งพี่คงไม่ได้ยิน”

                    “กลับไปทำงานเลย”

                    โพลาริสยิ้มให้ก่อนยอมเดินกลับมายังที่ของเธอ แต่กลับไม่มีสมาธิจะทำงานต่อเลยแม้แต่น้อยเมื่อสายตาพยายามสอดส่องพฤติกรรมของวิญญาณหนุ่มที่โฟทิสมาพาตลอดเวลา

    ห้องเล็กๆ นี้ถูกแบ่งเป็นสองส่วน ด้านในเป็นของพี่สาว ส่วนด้านนอกเป็นของน้องชาย พื้นที่แคบๆ มีแค่ที่นอนกับที่ว่างอีกนิดหน่อย โฟทิสนั่งลงบนที่นอนส่วนลักซ์นั่งพื้น คำถามมากมายถูกเรียบเรียงไว้ในหัวตั้งแต่ระหว่างเดินทางกลับ เมื่อไม่ต้องกังวลเรื่องผีตัวอื่นแล้วคำถามแรกก็ถูกถามออกไป

                    “เรื่องไปเกิดน่ะ มันมีแค่วิธีเดียวเหรอ”

                    คำถามนี้ไม่ใช่เพียงแค่ลักซ์ที่ได้ยิน โพลาริสที่แอบฟังอยู่เงียบๆ ก็เผลอขมวดคิ้วตาม

                    “ครับ”

                    “งั้นมีเซ็กซ์ก็เสี่ยงจะถูกผีแอบมองได้ตลอดเลยน่ะสิ”

                    “ก็ประมาณนั้น”

                    “ใครมันเป็นคนคิดวิธีนี้ขึ้นวะ”

                    ลักซ์ยิ้มแหยเพราะเขาเองก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนคิดค้นวิธีแบบนี้ขึ้นมา

                    “เล่าให้ฟังหน่อยสิ ตั้งแต่ตอนที่นายตาย”

                    “อ่า...” คนฟังทำหน้านึก

                    “แต่ถ้าไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไรนะ”

                    คำถามนี้อาจจะทำให้คนเล่าลำบากใจ เดิมทีโฟทิสไม่ได้อยากรู้ลึกถึงขั้นนี้อยู่แล้วแต่ก็พลั้งปากถามออกไป ดูเหมือนว่าครั้งนี้เขาจะเป็นฝ่ายเสียมารยาทกับลักซ์แทน

                    “เปล่าครับ ผมแค่กำลังนึก”

                    “ตายมานานแล้วเหรอ”

                    “ประมาณเก้าเดือน ผมเป็นไข้เลือดออกเสียที่โรงพยาบาล”

                    “แล้วทำไมถึงมาอยู่ที่โรงแรมล่ะ” แน่นอนว่าคงเป็นเพราะต้องหาวิธีไปเกิด แต่ย่อมมีเหตุผลที่ทำให้ลักซ์เลือกไปวนเวียนอยู่ที่โรงแรมนั้น

                    “เพราะมีผีรุ่นพี่พาไปน่ะ”

                    “โดนหลอกล่ะสิ”

                    ลักซ์ยิ้มแหย ขณะที่สีหน้าโฟทิสยังอยู่ในโหมดจริงจัง เช่นเดียวกับโพลาริสที่ยังขมวดคิ้วแน่นแอบฟังสิ่งที่น้องชายกำลังสนทนากับวิญญาณต่อไป

                    “ก็ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ สามเดือนก่อนที่โรงแรมนั้นยังมีแต่คู่ชายหญิงอยู่แล้ว แต่พอปรับภูมิทัศน์เมืองใหม่พวกร้านบาร์ก็มาเปิดเยอะขึ้น”

                    “แล้วก็กลายเป็นย่านของเกย์”

                    “ตามนั้นแหละครับ”

                    โฟทิสเท้าคางมองลักซ์ที่ตอบออกมาด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย ทั้งที่รู้ว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างไรบ้างแล้วทำไมถึงยังปักหลักอยู่ที่เดิมไม่ย้ายไปไหน

                    “แล้วทำไมไม่ไปหาโรงแรมอื่นอยู่ล่ะ”

                    “เพราะไม่รู้จะไปที่ไหนมั้งครับ ก็อยู่ที่นั่นมาตลอดหลายเดือน”

                    “อยู่ตั้งหลายเดือนทำไมไปเกิดไม่ได้สักที”

                    “เพราะคนส่วนใหญ่ก็ใช้ถุงยางเหมือนโฟไง”

                    “โดนหลอกจริงๆ ด้วย”

                    คนที่คิดจะทำลูกไม่มีใครเขานัดกันไปทำในโรงแรมแบบนั้นหรอก ถ้าจะให้ดีต้องตามไปถึงบ้านแต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะผ่านเจ้าที่อีก หรือไม่ก็ไปตามรีสอร์ตในสถานที่ท่องเที่ยว ที่ที่คู่รักชอบไปเที่ยวค้างคืนกัน

                    “แล้วรุ่นพี่ที่พาไปล่ะ”

                    “โดนเก็บไปแล้วครับ”

                    “โดนเก็บ?”

                    “เพราะเขาเองไม่ได้ดูตั้งใจกับการไปเกิดเท่าไร แค่ยืดเวลาเพื่ออยู่บนโลกนี้ต่อ”

                    “หมายถึงยังไง” ขมวดคิ้วถามกลับ

                    “ทำไมอยู่ๆ ถึงอยากรู้ขนาดนั้น”

                    “พี่โพลอย่าเพิ่งขัดได้มั้ย” โฟทิสหันไปบอกพี่สาวที่พูดแทรกขึ้นมา

                    “แค่ถามไม่ได้หรือไง”

                    “ทำงานไปเลย”

    โดนไล่อีกครั้งโพลาริสเลยต้องปิดปากเงียบ คนหัวแข็งดื้อรั้นอย่างโฟทิสพูดไปตอนนี้มีแต่จะทะเลาะกันเสียเปล่าๆ

                    “เล่าต่อเลย เริ่มตั้งแต่ตอนนายเสียเลยก็ได้” เถียงกับพี่สาวจบโฟทิสก็หันกลับมาบอกผีที่เขาอุตส่าห์ไปตามตัวมา

                    ลักซ์ยิ้มแหยก่อนจะเริ่มเล่าสิ่งที่พบเจอตั้งแต่เขาเสียชีวิต เมื่อลมหายใจหมดลงยมทูตก็ปรากฏตัวต่อหน้าดวงจิตที่ลอยออกจากร่าง ยมทูตที่ดูเหมือนคนธรรมดาคนหนึ่ง ถือแท็บแล็ตร่ายประวัติผู้เสียชีวิต หากทำความชั่วไว้มากจะถูกพาตัวไปยังนรกเพื่อพิจารณาคดี หากมีความดีสะสมไว้จะมีโอกาสได้เกิดใหม่ซึ่งจะรับข้อเสนอนี้หรือไม่ก็ได้ โดยมีเงื่อนไขอยู่สองข้อคือต้องหาทางไปเกิดให้ได้ภายในหนึ่งปี หากวิญญาณใดไปเกิดไม่ได้จะถูกสุนัขล่าวิญญาณลากตัวกลับนรกและเข้าสู่ขั้นตอนการพิพากษาความผิด

                    “สุนัขล่าวิญญาณเหรอ”

                    “ครับ พวกเขาใช้ชีวิตอยู่บนโลกเหมือนคนปกติ มีหน้าที่คอยพาวิญญาณที่ใช้เวลาจนครบกำหนดกลับโลกหลังความตาย แต่ถ้าใครขัดขืนก็จะถูกกำจัด เพราะถ้าหากปล่อยให้อยู่ต่อจะกลายเป็นวิญญาณร้ายได้”

                    “วิญญาณร้าย...”

     

                    “ทำไมต้องทำให้เหนื่อยด้วยวะเนี่ย” สบถออกมาเมื่องานชักจะยุ่งยากขึ้น วิญญาณที่ใช้เวลาจนครบกำหนดแต่ยังไปเกิดใหม่ไม่ได้ไม่ยอมกลับไปด้วยกันแต่โดยดี หน้าที่ของสุนัขล่าวิญญาณคือลากตัวมันกลับก่อนผีตนนั้นจะสูบพลังชีวิตของมนุษย์จนกลายเป็นวิญญาณร้ายเสียก่อน

                    ร่างมนุษย์แปรเปลี่ยนเป็นสุนัขสีขาวตัวใหญ่ ปลายหูมีสีแดง เขี้ยวเล็บยาวโง้งพร้อมกระชากกัดกินวิญญาณดื้อด้านที่ขัดคำสั่งเบื้องบน หากปล่อยไว้นานจะเกิดความวุ่นวายตามมา

                    วิญญาณที่ไม่มีพลังพิเศษย่อมไม่มีทางหนีนักล่าแห่งขุมนรกพ้น แต่เพราะเลยเวลามาพอสมควรทำให้ผีตนนั้นกลายเป็นวิญญาณร้ายที่มีพลังแห่งชีวิตมากพอจะต่อกรขึ้นมาได้บ้าง แต่พลังที่สั่งสมมาเพียงน้อยนิดย่อมไม่สามารถเอาชนะนักล่าได้อยู่ดี

                    สี่ขาก้าวกระโดดไปตามซอกตึกที่วิญญาณตนนั้นหนีไป เพราะเป็นเวลาพลบค่ำที่ยังพอมีคนหลงเหลืออยู่ในมหาวิทยาลัยจึงทำอะไรได้ไม่สะดวกนัก กับวิญญาณที่มีพลังเพิ่มขึ้นมา เป็นไปได้ที่มนุษย์จะมองเห็นมัน

                    วิญญาณตนนี้ถูกไล่ต้อนมาจากด้านนอกก่อนมันจะหนีเข้ามาในรั้วมหาวิทยาลัย นับว่ามันคิดผิดไม่น้อย หารู้ไม่ว่าสุนัขล่าวิญญาณตนนี้ช่ำชองพื้นที่นี้มากแค่ไหน ไม่มีหนทางให้หนีรอดได้เลย

                    หมานรกตัวยักษ์กระโดดขวางหน้าวิญญาณที่กำลังหนี มันก้าวถอยหลังอย่างหวาดกลัว รวบรวมพลังทั้งหมดที่มีหมายต่อกรกับผู้ล่าให้นานที่สุด มองหาหนทางที่พอจะถ่วงเวลาเอาไว้ได้ กระทั่งหันไปเห็นผู้หญิงที่ยืนอยู่ไม่ไกลนักวิญญาณร้ายก็พุ่งเข้าไปหาทันที

                    “กรี๊ดดดด!”

                    แต่ยังไม่ทันถึงตัวสาวคนนั้นร่างมันก็ถูกกรงเล็บตะปบและสลายหายไป กลายเป็นดวงไฟลูกเล็กๆ ลอยอยู่กลางอากาศ

                    “ตะปบสวยมากค่ะ”

                    “ขอบคุณที่มาช่วย” กลายร่างกลับมาเป็นคนเหมือนเดิมก่อนเอ่ยขอบคุณผีสาวที่ออกมาเป็นเหยื่อล่อให้โดยไม่ได้เอ่ยขอ เก็บดวงวิญญาณนั้นใส่ถุงเก็บวิญญาณเอาไว้เพื่อนำไปส่งที่นรก

                    “นี่คือวิญญาณที่เคียร์บอกว่าจะออกไปล่าเมื่อเช้าเหรอ”

                    “ใช่ หลบเก่งน่าดูเลย”

                    “ให้เคียร์ได้ออกกำลังไง”

                    “ถึงตาเธอก็อย่าให้ต้องออกกำลังมากล่ะ”

                    “จ้าๆ”

                    ยิ้มให้วิญญาณที่เรียกได้ว่าค่อนข้างสนิทกันก่อนเคียร์จะกลายร่างเป็นสุนัขอีกครั้งแล้ววิ่งไปยังหลังตึกที่ซึ่งมีประตูคล้ายกับหลุมดำเปิดออก เขาก้าวเข้าไปในนั้นเพื่อเคลียร์งานที่คั่งค้างให้เสร็จลุล่วง

                    นำส่งวิญญาณที่ถึงเวลาอันควรสู่การพิพากษา

     

                    “แสดงว่าถ้ายังไปเกิดไม่ได้ก็จะถูกตามตัวกลับนรก”

                    “ครับ เหมือนจะต้องถูกตัดสินอีกครั้งว่าจะได้รับโทษอะไรบ้าง” ลักซ์พยักหน้าให้โฟทิสหลังจากเล่ารายละเอียดและเงื่อนไขของเหล่าวิญญาณที่รอการไปเกิดทั้งหมดเท่าที่รู้ให้ฟัง

                    “ไม่มีคนที่ได้ไปเกิดเลยบ้างเหรอ แบบไม่ต้องรอพิพากษาความผิด”

                    “คงเพราะไม่มีมนุษย์คนไหนบริสุทธิ์ทั้งการกระทำและจิตใจมั้งครับ”

                    “ก็จริง”

                    ต่อให้ถูกพูดว่าเป็นคนดี แล้วใครกันล่ะที่เป็นคนกำหนดคำนิยามนั้น ฉากหน้ากับเบื้องหลังย่อมแตกต่างกัน คนที่คิดว่าตัวเองทำดีมากตลอดอาจกลายเป็นไอ้ชั่วในสายตาอีกคนก็ได้

    “ว่าแต่นายก็เหลือเวลาอีกแค่สามเดือน”

                    คราวนี้ยิ้มแหย เก้าเดือนที่ผ่านมาลักซ์ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันนัก ที่ตอบรับข้อเสนอการเกิดใหม่เพียงเพราะยังไม่อยากถูกพิพากษาให้รับโทษ ยังอยากเห็นความเป็นไปของโลกใบนี้อีกสักพักก่อนจะต้องจากกันตลอดกาล กลับสู่การเวียนว่ายตายเกิดที่ไร้ซึ่งความทรงจำเก่า

                    “ให้ช่วยมั้ย”

                    “ช่วยผมเหรอ”

                    “ก็ใช่ไง อยู่ที่โรงแรมนั้นต่อไปคงไม่ได้ไปเกิดสักที”

                    ยิ้มกว้างเมื่อได้ฟัง แท้จริงแล้วคนเบื่อโลกที่ดูใจร้ายก็ใช่ว่าจะใจจืดใจดำเสมอไป

                    “ครับ”

     

    tbc

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×