ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    แค่อยากเกิดใหม่

    ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 2

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 574
      34
      4 ก.ค. 63

    ตอนที่ 2

     

                    ตอนกลางวันเป็นนักศึกษา ตอนกลางคืนเป็นบาร์เทนเดอร์ในบาร์แห่งหนึ่ง แม้หน้าตาอาจจะดูเบื่อโลกไปสักนิดแต่กลับกลายเป็นหนึ่งในเอกลักษณ์ของร้าน ฝีมือในการชงเครื่องดื่มไม่เป็นสองรองใคร รวมถึงลีลานอกเวลางานที่ถูกพูดถึงปากต่อปากเช่นกัน

                    ใครๆ ก็อยากลิ้มลองรสชาติของบาร์เทนเดอร์โฟทิสกันทั้งนั้น

                    “ซิกเนเจอร์ของร้านมีอะไรบ้างครับ”

                    โฟทิสสบตากับลูกค้าหนุ่มแว่น บอกชื่อเครื่องดื่มที่เป็นซิกเนเจอร์ของร้านซึ่งมีทั้งหมดห้าเมนู แต่ชื่อเมนูที่ลูกค้าบอกออกมานั้นกลับไม่ใช่ทั้งห้าเมนูของร้าน ทำเอาบาร์เทนเดอร์หน้าเบื่อโลกถึงกับหลุดขำกับความอ้อมโลกของลูกค้าคนนี้

                    “งั้นขอ sex on the beach แล้วกันครับ”

                    “สักครู่ครับ”

                    “แต่แถวนี้ดูเหมือนจะไกลจาก beach นะครับ”

                    “งั้นเปลี่ยนเป็น on the bed แทนแล้วกันนะครับ”

                    “bed ใครดีล่ะครับ”

                    “ไว้คุยหลังผมเลิกงานนะ ประตูฝั่งลานจอดรถ” บอกก่อนวางเครื่องดื่มสีแดงส้มบนเคาน์เตอร์ตรงหน้าลูกค้า

                    หนุ่มแว่นยิ้มรับอย่างนึกถูกใจ ยกเครื่องดื่มสีสวยขึ้นจิบ อยากชวนคุยต่ออีกสักนิดแต่ดูเหมือนว่าดาวเด่นของร้านงานค่อนข้างรัดตัว จึงทำได้เพียงใช้สายตามองและชวนคุยบ้างเป็นครั้งคราวและรอจนกว่าจะถึงเวลาที่ตกลงกันไว้

                    

                    “นัดผู้ชายอีกแล้ว” เสียงของเพื่อนร่วมงานขึ้นให้ได้ยิน คนฟังเพียงหันไปมองแล้วก้มลงปรับสายกีตาร์ต่อ เพราะใกล้เวลาที่เขาต้องขึ้นแสดงแล้ว

                    “เรื่องของน้องมัน”

                    “สนิทกันไม่ใช่เหรอ”

                    “อืม”

                    “ไม่เตือนกันบ้าง”

                    “ก็ชีวิตน้องมันจะไปยุ่งอะไรมาก” แค่รู้จักดี ไม่ได้ถึงขั้นสนิทสนมจนต้องยื่นจมูกเข้าไปยุ่งเรื่องส่วนตัวขนาดนั้น ที่ทำอยู่ทุกวันนี้เพียงแค่มองดูและช่วยเหลือกันยามคับขัน หรือจะบอกว่ามันเป็นหน้าที่หนึ่งที่ต้องทำก็ได้

                    “เดี๋ยวร้านจะเสียชื่อเอา”

                    “ลูกค้าบางส่วนก็ตามมาเพราะน้องมันนะ ผู้จัดการยังไม่เห็นพูดอะไรเลย ที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีเรื่อง”

                    “แต่เดี๋ยวก็มีสักวัน”

                    “ไปทำงานเถอะคุณน่ะ”

                    “เคียร์”

                    “ไปเลย”

                    ไม่เข้าข้างแถมยังโดนว่าคนเปิดประเด็นเลยทำอะไรไม่ได้นอกจากเดินหน้างอกลับไปทำงาน ปล่อยเคียร์ให้มีเวลาตั้งสมาธิก่อนขึ้นร้องเพลงขับกล่อมลูกค้าในร้าน ช่วงเวลาพิเศษที่ไม่ได้มีทุกวัน

                    บาร์เทนเดอร์หน้าเบื่อโลกหันมองเวทีเล็กๆ เมื่อนักร้องคนพิเศษประจำร้านขึ้นแสดง สบตากันก่อนจะเบนสายตาหนี ไร้รอยยิ้มหรือการสื่อความหมายใดๆ ต่างคนต่างหันไปสนใจหน้าที่ของตัวเองที่อยู่ตรงหน้า ทำเหมือนคนไม่รู้จักกัน

     

                    โรงแรมเดิมแต่เปลี่ยนห้องใหม่ โฟทิสกวาดสายตามองหาบุคคลที่อาจจะเข้ามาขัดจังหวะเขาในค่ำคืนนี้ โชคดีที่ไม่เห็นวี่แววของผีประจำโรงแรมให้รบกวนจิตใจ ปล่อยให้เขาได้ใช้ช่วงเวลาอยู่กับลูกค้าหนุ่มแว่นที่ดูจะร้อนแรงไม่เบาได้อย่างเต็มที่

                    ประตูปิดล็อกสองร่างก็เข้าคลอเคลีย จูบดูดดื่ม สองมือช่วยถอดเสื้อผ้าให้อีกฝ่าย ก้าวถอยหลังจนขาชนเตียงก่อนล้มตัวลง แล้วตอนนั้นเองสายตาก็เหลือบไปเห็นบุคคลไม่ได้รับเชิญ

                    โฟทิสถูกดันให้นอนลงแต่ยังส่งสายตาไม่ชอบใจใส่ผีไม่มีมารยาทได้ทัน นึกแล้วก็หัวเสียขึ้นมานิดหน่อย ทั้งที่คิดว่าน่าจะคุยกันรู้เรื่องตั้งแต่รอบที่แล้วแต่กลับถูกทำเสียมารยาทใส่อีกครั้ง ไม่อยากโทษตัวเองที่เลือกโรงแรมนี้เพราะถูกและสะดวกที่สุด อีกอย่างใครจะไปคิดว่าจะถูกผีแอบดูเป็นครั้งที่สอง

                    พยายามทำเป็นไม่สนใจแต่ถึงไม่พยายามสมาธิก็ถูกดึงไปหาคนที่กำลังสัมผัสร่างกายกันอยู่ดี หนุ่มแว่นร้อนแรงอย่างที่คิด อารมณ์ถูกปลุกเร้าคล้ายกับโดนมนต์ให้คิดว่าตัวเองเป็นเครื่องดื่มรสหวาน ใช้สีสันที่สวยงามหลอกล่อให้ใครต่อใครอยากลองชิม

                    ณ จุดนี้ต่อให้มีผียืนล้อมอยู่รอบเตียงก็คงไม่มีอารมณ์จะสนใจ

     

                    "นายอีกแล้ว" ก้าวออกมาที่ระเบียงก็พบกับผีมารยาทเสียตนเดิม โฟทิสถอนใจเบาๆ ยืนพิงบานประตู ใช้ช่วงที่หนุ่มแว่นเข้าห้องน้ำออกมาสะสางปัญหาคาใจ ซึ่งคงมีเวลาไม่นานนัก

                    ผีที่ถูกทักหันมอง ยิ้มบางๆ ให้ชายหนุ่มตัวผอมบางที่ใส่บ็อกเซอร์ตัวเดียวเหมือนกับสามวันก่อนที่ได้เจอกันครั้งแรก แถมสีหน้ายังดูเบื่อโลกไม่ต่างจากเดิม

                    "คุณอีกแล้วเหมือนกัน แต่คนนั้นไม่ใช่คนเดิม"

                    "จำแม่นนะ"

                    รู้สึกขัดใจกับคำทักทายกลับไม่น้อยแต่ก็ทำได้เพียงกลอกตาให้อีกฝ่ายรู้ว่าไม่พอใจ เขาควรได้รับคำขอโทษไม่ใช่การพูดจาที่เหมือนประชดประชันใส่เรื่องคู่นอน

                    “ขอโทษครับ”

                    “เพิ่งคิดได้เหรอว่าเสียมารยาท”

                    “มันเป็นวิถีชีวิตของผมไง ไม่ได้อยากจะแอบดู แต่คุณดันเห็นผมทั้งที่ไม่ควรจะเห็น”

                    “เป็นความผิดผมงั้นสิ แล้วคิดว่าผมอยากเห็นผีมากหรือไง” บอกอย่างใจเย็น ความพิเศษแปลกประหลาดแบบนี้เขาไม่เห็นอยากได้เลยสักนิด

                    ทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไรต่อ การหยุดพักเลิกสาดอารมณ์ใส่กันในช่วงเวลาสั้นๆ ทำให้ได้ย้อนคิดไปถึงเหตุผลของแต่ละฝ่าย ย้อนมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าตั้งอยู่บนความตั้งใจมากน้อยแค่ไหน ครั้งนี้เขาทั้งสองมองเพียงมุมของตัวเองจนเผลอพูดทำร้ายจิตใจอีกฝ่ายออกไป แต่ยังสามารถถอยคนละก้าวและทำความเข้าใจกับอีกฝ่ายใหม่ได้ไม่ยาก

                    “ขอโทษครับที่เสียมารยาท”

                    “จะไปแล้วเหรอ” ทักขึ้นเมื่อเห็นอีกฝ่ายหันหลัง โฟทิสเบือนหน้าหนีเมื่อเจ้าผีตนนั้นหลุดยิ้มออกมาคล้ายกับดีใจที่ถูกรั้งไว้ เขาไม่คิดโกรธเคืองที่ถูกทำเสียมารยาทใส่เพราะรู้ว่าคงไม่ได้ตั้งใจ แต่รู้สึกว่าคิดผิดที่ทักออกไปเพราะดูเหมือนเขากำลังง้อผีมากกว่า

                    “ครับ”

                    “อืม”

                    เกิดความเงียบขึ้นระหว่างเขาทั้งคู่อีกครั้ง ไม่มีใครก้าวออกไปไหน ก่อนผีที่ตั้งใจขอตัวออกไปก่อนหน้านี้จะเอ่ยขึ้นมาก่อน

                    “ยังไม่ไปดีกว่าครับ”

                    โฟทิสหลุดขำ ก้าวออกจากประตูไปยืนพิงระเบียงข้างผีตนนั้น บางทีพวกเขาควรทำความรู้จักและคุยกันดีๆ สักหน่อย

                    “นายชื่ออะไร”

                    “ลักซ์”

                    “ผมโฟ”

                    “โฟร์ที่แปลว่าสี่เหรอ”

                    คนถูกถามส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะบอกชื่อเต็ม

                    “โฟทิส ภาษากรีกแปลว่าแสง”

                    “ลักซ์ก็แปลว่าแสงสว่างในภาษาละติน”

                    “ลูซิเฟอร์”

                    “คุณรู้ด้วยเหรอ”

                    “ก็พอรู้อยู่บ้าง”

                    ชื่อของลูซิเฟอร์มีสองคำในภาษาละตินผสมกัน คือคำว่า Lux แปลว่าแสงสว่าง กับคำว่า Ferrer แปลว่าผู้นำมา ชื่อของลูซิเฟอร์จึงแปลว่านำมาซึ่งแสงสว่าง ชื่อของเทพผู้กลายเป็นปีศาจ

                    “ลักซ์...”

                    “มาอยู่ตรงนี้เอง”

                    ทำได้เพียงเรียกชื่อค้างไว้ โฟทิสหันไปยิ้มให้คนที่เปิดประตูระเบียงออกมา จำต้องเก็บความสงสัยที่อยากถามเอาไว้ในใจ ตั้งรับอีกฝ่ายที่เข้ามาจูบ

                    “อย่ารุ่มร่ามน่า” ดันไหล่ออกอย่างนึกขัดใจเล็กๆ หันมองวิญญาณที่ยืนคุยกันก่อนหน้านี้ก็พบว่าที่ข้างกายนั้นว่างเปล่า

                    “อะไรกันแค่จูบเอง”

                    “ผมจะกลับแล้ว”

                    “ทำไมรีบกลับ อีกสักรอบสิ” เข้ามากอดพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน หากเป็นปกติโฟทิสคงยอมตามใจ แต่วันนี้เขากลับไม่มีอารมณ์จะทำต่อแล้ว

                    “ผมต้องรีบกลับก่อนเช้า โดนที่บ้านบ่นมาหลายวันแล้ว” เดินกลับเข้ามาในห้องหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาใส่ ที่บอกไปเป็นเพียงข้ออ้างในการจากลาเท่านั้น เขาไม่สนอยู่แล้วว่าพี่สาวจะบ่นอะไร

                    “เดี๋ยวผมไปส่งก็ได้”

                    “ไม่เป็นไรครับ”

                    “แล้วครั้งหน้า...”

                    “ผมว่าผมพูดเคลียร์แล้วนะ”

                    “โอเค” ถูกพูดใส่แบบนี้หนุ่มแว่นเลยต้องยกมือยอมแพ้

    ไม่ผูกมัด ไม่ผูกพัน ไม่สานต่อ หากอยากซ้ำเจอกันที่ร้านแล้วค่อยว่ากันอีกที

                    ยอมให้คู่นอนของคืนนี้หอมแก้มอีกครั้งก่อนจะโฟทิสเก็บของออกจากห้อง กวาดสายตามองหาวิญญาณที่เพิ่งคุยกันก่อนหน้านี้แต่กลับไร้วี่แวว คงจะตกใจเตลิดหนีไปตอนเขาถูกล็อกคอไปจูบ หรือไม่ก็คงคิดได้ว่าอยู่ตรงนั้นต่อไปจะเป็นการเสียมารยาท แต่จะด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่ใช่เรื่องที่ควรใส่ใจ ขอแค่ครั้งหน้าไม่เจอกันในสถานการณ์แบบนี้ก็พอ

     

                    ที่ชั้นสามของโรงแรมบนระเบียงห้องห้องหนึ่งซึ่งไม่มีแขกเข้าพัก ลักซ์มองผู้ชายหน้าเบื่อโลกที่เพิ่งได้รู้ชื่อกันเดินดุ่มๆ ออกไปยืนรอแท็กซี่หน้าถนนใหญ่ รอบข้างมีวิญญาณอยู่หนึ่งตนแต่เขาคนนั้นไม่ได้สนใจ ต้องทำเป็นมองไม่เห็นเพราะถ้าวิญญาณรู้ว่ามีคนมองเห็นต้องเข้าไปขอความช่วยเหลือแน่

                    “จะมาโรงแรมนี้อีกมั้ยนะ”

                    การได้เจอมนุษย์ที่มองเห็นวิญญาณได้จริงๆ เป็นเรื่องน่าตื่นเต้น ลักซ์ไม่ได้คิดจะใช้ประโยชน์จากคนคนนี้ แค่อยากมีเพื่อนคุยบ้างก็เท่านั้น แต่พอนึกถึงสีหน้าไม่สบอารมณ์ตอนเห็นเขาแล้วก็ชวนให้ถอนหายใจทุกที

                    ไม่ได้อยากแอบดูแต่พอเห็นว่ามีแขกเข้าพักเลยตามเข้าไปเผื่อจะมีคู่ชายหญิงเข้ามาพักบ้าง แต่สุดท้ายก็...

                    “คราวหน้าถ้าโฟทิสมาอีกผมจะระวังแล้วกัน”

                    บอกกับคนที่เพิ่งขึ้นแท็กซี่ไป ครั้งหน้าเขาจะรอทักทายตั้งแต่ที่ล็อบบี้เลย

                    

                    กลับมาถึงห้องก่อนเช้าก็ไม่วายโดนพี่สาวบ่น โฟทิสมุดเข้าใต้ผ้าห่มตะโกนบอกไปว่าจะนอนแล้วทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ หลับตาพยายามข่มใจให้หลับแต่ในหัวกลับมีเรื่องให้คิดเต็มไปหมด สุดท้ายเลยหยิบมือถือมานอนเล่น อ่านไลน์ของสาขาที่ดองไว้เป็นร้อย เข้าเฟซบุ๊กเช็กความเคลื่อนไหวของเพื่อนร่วมคณะ ก่อนจะกดออกแล้วเข้ากูเกิลแทน

                    ‘วิธีไปเกิด’

                    พิมพ์ไปแล้วก็ลบ นึกถึงเรื่องที่เจ้าผีแสงสว่างเล่าถึงวิธีการไปเกิดแล้วรู้สึกว่ามันไร้สาระสิ้นดี ตั้งแต่เกิดมาเขาเพิ่งเคยได้ยินเรื่องนี้ มันแตกต่างออกไปจากทุกเรื่องที่เคยฟังมา

                    กดล็อกมือถือวางไว้ข้างที่นอนแล้วพยายามข่มตาหลับอีกครั้ง พรุ่งนี้เรียนเช้า หากไม่อยากถูกเพื่อนทักว่าเหมือนศพเดินได้คงต้องนอนให้มากกว่านี้ แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่โฟทิสสนใจนัก

                    มีเวลานอนแค่สองชั่วโมง งั้นสู้ไม่ต้องนอนไปเลยดีกว่า

                    ลุกไปหยิบโน้ตบุ๊กมาเปิด มีเรื่องคาใจต่อให้ข่มตาหลับยังไงก็หลับไม่สนิทแบบนี้ ทางออกเดียวคือหาคำตอบให้หายคาใจ

                    พิมพ์คำเดิมลงไปในช่องค้นหาของกูเกิล กดเอ็นเธอร์เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องก็แสดงขึ้นมา ทั้งกระทู้ที่มีคนตั้งคำถาม ทั้งเว็บไซต์ต่างๆ ที่เล่าถึงโลกหลังความตาย แต่ไม่มีเว็บไหนเลยที่ใกล้เคียงกับวิธีการไปเกิดที่ลักซ์พูดให้ฟัง

                    ผีที่ดูเด๋อด๋าแบบนั้นไปจำวิธีผิดๆ มาหรือเปล่า

                    ไล่อ่านไปเรื่อยๆ มีทั้งเรื่องที่น่าสนใจและเรื่องที่พอจะรู้มาบ้างแล้ว โฟทิสลองเปลี่ยนคำค้นหาเป็นคำว่า ‘ผี วิญญาณ หรือสัมภเวสี’ ผลลัพธ์ที่ได้ดูจะใกล้เคียงกับเรื่องที่ได้ฟังขึ้นมานิดหน่อย แต่นิยามของคำเหล่านี้มักขึ้นอยู่กับความเชื่อของแต่ละศาสนาหรือแต่ละบุคคล บ้างก็เชื่อแบบนั้น บ้างก็ว่าแบบนี้ วิทยาศาสตร์ก็ว่าได้อีกอย่าง จึงไม่สามารถปักใจเชื่อข้อสรุปใดข้อสรุปหนึ่งได้

                    ยิ่งค้น ยิ่งมีแต่เรื่องยุ่งยากเต็มไปหมด

     

                    เสียงนาฬิกาปลุกดังแต่เจ้าของเครื่องยังไม่ตื่น ผู้อาศัยอีกคนจึงได้ลุกไปดูและพบกับน้องชายตัวเองที่ฟุบหลับคาโน้ตบุ๊ก มองแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ ช่วยปิดนาฬิกาปลุกให้ ก่อนเนื้อหาที่ค้างอยู่บนหน้าจอจะเรียกความสนใจให้มือที่กำลังจะแตะไหล่ปลุกน้องชายชะงักค้าง

                    “ค้นอะไรอยู่ล่ะเนี่ย” พึมพำกับตัวเองด้วยเสียงที่เบากว่านาฬิกาปลุกแต่น้องชายของเธอกลับตื่นขึ้นมาเสียอย่างนั้น

                    สองพี่น้องมองหน้ากัน โฟทิสรีบพับฝาโน้ตบุ๊กลงเมื่อเห็นคิ้วขมวดของพี่สาว ทำเป็นงัวเงียขยี้หูขยี้ตา พลาดเองที่ดันเผลอหลับไป

                    “หาข้อมูลทำรายงานหรือไง ลงวิชาพวกนี้ด้วยเหรอ” วิชาเกี่ยวกับผีและวิญญาณ วิชาที่น้องชายซึ่งเรียนบัญชีไม่น่าจะลงเรียนได้

                    “เปล่า”

                    โพลาริสหรือชื่อที่เธอชอบใช้เรียกตัวเองว่าดาวเหนือมองน้องชายแล้วขมวดคิ้วใส่ไม่เลิก ไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้อยู่ๆ โฟทิสที่เกลียดเรื่องพวกนี้เข้าไส้ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับผีหรือวิญญาณขึ้นมา เธอไม่คิดจะเค้นถามเพราะรู้ว่าคนปากหนักคงไม่ยอมตอบง่ายๆ การมองเห็นวิญญาณไม่มีอะไรน่ากลัวและต้องพยายามปิดกั้น อาจจะสร้างความรำคาญแต่วิญญาณไม่ได้แข็งแกร่งพอจะทำร้ายมนุษย์ได้ แต่คำพูดเหล่านั้นอาจใช้ไม่ได้กับโฟทิส

                    การที่อยู่ๆ น้องชายก็สนใจเรื่องผีสางขึ้นมาชักทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจ

                    “พี่ดูดวงให้มั้ย”

                    “ไม่เอา”

                    หัวเราะเมื่อได้คำตอบอย่างที่คิด โฟทิสปิดกั้นทุกอย่างที่ครอบครัวเป็น ไม่เชื่อเรื่องดวงเรื่องการทำนาย เกลียดเรื่องภูตผีวิญญาณและทุกสิ่งที่คนปกติทั่วไปมองไม่เห็น เชื่อว่าทุกอย่างกำหนดได้ด้วยการกระทำของตัวเอง เธอชอบที่น้องชายคิดได้แบบนี้ ยินดีให้โฟทิสผลักไสสิ่งที่ครอบครัวเป็นได้เต็มที่ ให้เขาได้เดินตามเส้นทางที่ตัวเองวางเอาไว้ เดินไกลออกไปให้ห่างจากเรื่องเหล่านี้ให้มากที่สุด แต่เพราะความพิเศษที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด แม้พยายามหนีสิ่งเหล่านั้นก็ยังคงวนเวียนอยู่รอบตัวอยู่ดี

                    “ถ้าไปเจอผีแปลกๆ มารีบบอกพี่เลยนะ”

                    “ไม่มีอะไรหรอก ไปอาบน้ำแล้ว” ลุกหนีเพื่อตัดจบ ไม่อยากพูดเพราะแต่ก่อนเคยต่อต้าน พอวันหนึ่งสนใจเรื่องพวกนี้ขึ้นมาจริงๆ เลยรู้สึกเหมือนกลืนน้ำลายตัวเอง

    รอให้เขามั่นใจในความคิดของตัวเองมากกว่านี้ สักวันคงกล้าพูดออกไป

     

    tbc

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×