คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ฝันครั้งที่ 2
ฝันครั้งที่
2
เขาว่ากันว่าอย่าถือคนบ้าอย่าว่าคนเมา
เพราะฉะนั้นหลงเองก็จะไม่ถือสาเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน
และเพื่อนเองก็ไม่มีสิทธิ์มาถือสาเรื่องที่เขาปล่อยให้นอนเมาหลับที่โซฟาห้องนั่งเล่นเหมือนกัน
เมื่อคืนหลังจากเพื่อนหลับไปหลงก็ขับรถหนีกลับบ้าน
คำพูดและจูบกะทันหันนั้นทำเอาเขานอนไม่หลับ
มัวแต่คิดมากว่าถ้าหากเจอกันอีกจะปั้นหน้ายังไง จะสามารถทำตัวเป็นปกติได้ไหม
แล้วคนเมาจะจำเรื่องที่เกิดขึ้นได้หรือเปล่า
หลงนั่งนิ่งพิงโซฟามองทีวีตรงหน้าแต่สายตาไม่ได้จับจ้องรายการที่กำลังฉาย
ในหัวเขายังคงคิดถึงแต่เรื่องเมื่อคืน คิดย้ำแล้วย้ำอีกถึงสิ่งที่เพื่อนกระทำ
อย่างกับว่าเหตุการณ์ครั้งเก่ากำลังถูกจับมาเล่าใหม่อีกครั้งโดยเจ้าของเรื่องคนเดิม
เรื่องราวที่ตอนจบอาจจะเปลี่ยนแปลงไป
"เฮ้อ!~" คิดแล้วก็เผลอถอนหายใจเฮือกใหญ่จนน้องสาวที่เพิ่งเดินผ่านหน้าไปหันกลับมามอง
"พี่หลงเป็นอะไร"
"เป็นอะไร?"
"ถอนหายใจดังขนาดนั้น"
"เปล่า"
น้องสาววัยมัธยมปลายเอียงคอมอง
ก่อนจะเดินออกจากบ้านไปโดยไม่สนใจพี่ชายคนโตที่ยังนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดไม่เลิก
หลงหยิบรีโมทมากดปิดทีวีตั้งใจจะขึ้นไปนอนทำตัวขี้เกียจบนห้องให้สมกับเป็นวันหยุด
แต่ยังไม่ทันก้าวถึงบันไดเสียงน้องสาวที่เพิ่งสะพายกระเป๋าออกไปก็ดังแว่วมา
เหมือนเขาจะได้ยินคำว่า...
"เพื่อนเหรอคะ"
ช่วงขายาวชะงักทันที
หลงเดินย้อนกลับมาที่ประตูบ้านแล้วก็ต้องรีบมุดตัวกลับเข้ามาเมื่อเห็นว่าใครยืนอยู่ตรงนั้น
คนที่กำลังยืนคุยกับน้องสาวของเขา
เพื่อนที่ชื่อเพื่อน
"อ๋อ หนูจำได้ละ พี่เพื่อน หน้าตาไม่เปลี่ยนเลยนะเนี่ย
หล่อเหมือนเดิม"
เพราะยืนหลบอยู่ด้านหลังทำให้หลงไม่รู้ว่าน้องสาวเขากับเพื่อนมีสีหน้ายังไง
ถ้าให้เดาคนถูกชมคงจะยิ้มจนตาหยีโชว์ลักยิ้มที่แก้มขวา
ส่วนน้องสาวตัวดีคงจะยิ้มหน้าระรื่นทำตัวเป็นสาวน้อยใจกล้าแซวผู้ชายหน้าตาดีไปทั่ว
"พี่หลงอยู่ในบ้านเลยค่ะ"
"พี่เข้าไปได้ใช่มั้ย"
"ได้ค่ะ เข้าไปเลยๆ เดี๋ยวหนูไปก่อนนะนัดเพื่อนไว้"
"ครับ"
บทสนทนาของทั้งคู่จบลงแค่นั้น
สมัยมัธยมเพื่อนๆ เคยนัดมาทำงานกลุ่มที่บ้านหลงสองสามครั้ง ด้วยความที่น้องสาวเขาเป็นเด็กผู้หญิงแก่แดดแถมชอบผู้ชายหน้าตาดีช่วงนั้นเธอเลยหลงใหลได้ปลื้มเพื่อนเป็นพิเศษ
ถึงขนาดเอามาพูดให้ฟังว่าพี่เพื่อนดีอย่างนั้นพี่เพื่อนดีอย่างนี้ทั้งที่ได้เจอกันเพียงไม่กี่ครั้ง
หรืออาจจะเป็นเพราะครั้งนั้นเธอโดนพิษรักไอศกรีมแท่งละห้าบาทที่เพื่อนซื้อมาฝากก็เป็นได้
บ้านของหลงนั้นอยู่หลังสวนสาธารณะเล็กๆ
ติดถนนใหญ่ มีซอยเข้าบ้านผ่านกลางสวน เพราะบ้านมีก่อนแต่สวนเพิ่งมาสร้างทีหลัง
เป็นบ้านที่ไร้รั้วรอบขอบชิด มีเพียงบ้านสองชั้นหลังใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ต้นซอย
ถัดไปอีกหลายเมตรถึงจะมีบ้านอีกหลัง พื้นที่ว่างด้านหน้าเป็นลานจอดรถ
ดูร่มรื่นเหมือนบ้านสวนก็ไม่ปาน
ในเมื่อถูกเชื้อเชิญให้เข้าบ้านขนาดนี้ก็ไม่มีความจำเป็นที่หลงต้องหลบซ่อนตัวอีกต่อไป
เขาเดินออกมายืนหน้าประตู มองเพื่อนที่ส่งยิ้มกลับมาให้ แววตาสุกใสนั่นช่วยเสริมให้อีกฝ่ายดูมีเสน่ห์เปล่งประกาย
ก่อนเพื่อนจะก้าวเข้ามาหาอย่างอารมณ์ดี
"ไง" เพราะไม่รู้จะเริ่มบทสนทนายังไงหลงเลยทักออกไปแบบนี้
ใจจริงเขาอยากจะถามออกไปว่า 'มาได้ยังไง' หรือ 'มีธุระอะไร' แต่ก็เกรงใจเกินกว่าจะพูดอย่างนั้น
"น้องสาวโตขึ้นเยอะเลย ชื่ออะไรนะ" เพื่อนเอี้ยวตัวหันกลับไปมองเด็กสาวที่เดินออกไปจนเกือบจะถึงหน้าถนนใหญ่แล้วยิ้มแหย
เขาจำหน้าได้ แต่เป็นพวกจำชื่อคนไม่ค่อยเก่งเท่าไร
"หยก"
"ใช่ น้องหยก สวยขึ้นด้วย"
"เข้ามาในบ้านก่อนดิ"
คำชวนที่รอคอยทำให้เพื่อนยิ้มกว้างกว่าเดิม
รีบถอดรองเท้าวางไว้อย่างเป็นระเบียนก่อนเดินตามหลงเข้าบ้าน
เพื่อนจำไม่ค่อยได้นักว่าสมัยมัธยมการตกแต่งของบ้านหลังนี้เป็นยังไง
จำได้ลางๆ ว่าตรงกลางมีพื้นที่ว่างสามารถรองรับเพื่อนได้ทั้งกลุ่ม
มองไปแล้วก็ไม่ต่างจากตอนนี้นัก โถงด้านล่างโล่งกว้าง มีเพียงโซฟาไม้ตัวยาวตั้งติดขอบผนังด้านหนึ่งเป็นมุมสำหรับดูทีวี
ตู้โชว์สองหลังใหญ่ ห้องน้ำใกล้กับบันได ห้องครัวอยู่ทางประตูหลังบ้าน
มีโต๊ะทานข้าวสำหรับครอบครัว มีหน้าต่างเปิดรับลม
เหมาะสำหรับเอาไว้จัดงานฉลองยิ่งนัก
หลงเชิญแขกนั่งที่โซฟาไม้
ก่อนเดินไปหาน้ำหาท่ามาให้ วันนี้มีเขาอยู่เฝ้าบ้านแค่คนเดียว พ่อเลี้ยง แม่
แล้วก็น้องชายคนรองไปเยี่ยมญาติที่สระบุรี น้องสาวคนเล็กก็อย่างที่เห็น
เพิ่งแต่งตัวสวยเดินออกไปจากบ้านเมื่อกี้นี้ เหลือเพียงเขา
คนที่เมื่อวานกลับบ้านมาก็เลยเที่ยงคืนไปแล้ว ตื่นมาอีกทีก็โดนทุกคนทิ้งไปหมด
"หายเมาแล้วเหรอ"
เห็นหน้าตาเพื่อนสดใสอย่างกับคนละคนกับเมื่อคืนหลงก็อดถามไม่ได้
แต่พอถามแล้วก็พาลให้คิดถึงคำถามของคนเมาขึ้นมา
หรือว่าเขาควรจะเปลี่ยนประเด็นไปคุยเรื่องอื่น
"แค่นั้นไม่แฮงค์หรอกน่า"
"อืม" ส่งเสียงตอบรับไปแล้วต่างคนก็ต่างเงียบ
บรรยากาศวังเวงแปลกๆ
เริ่มเข้ามาปกคลุมจนทำให้หลงชักรู้สึกอึดอัด คนพูดมากไม่กล้าหยิบหยกเรื่องราวต่างๆ
ขึ้นมาพูด ไม่กล้าเปิดประเด็น
ไม่กล้าจะซักถามอะไรต่อทั้งนั้นเพราะกลัวจะไปกระตุ้นต่อมความจำของเพื่อนเข้า
ไม่ใช่ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนทำให้เขารังเกียจหรือนึกเกลียดเพื่อนขึ้นมา แต่เพราะทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วเกินไป
แม้มันจะเหมือนหนังที่ถูกฉายซ้ำกับเมื่อแปดปีที่แล้วมันก็ยังเร็วไปจนตั้งตัวไม่ทันอยู่ดี
พอหลงเงียบใส่เพื่อนก็เงียบไปด้วย
ความเงียบไม่ใช่สิ่งที่เพื่อนเกลียดเพราะเขาค่อนข้างคุ้นชินกับมัน
แต่เขาชอบเวลาที่หลงพูดมากมากกว่า ชอบเวลาหลงเล่าเรื่องต่างๆ ให้เพื่อนๆ
ในกลุ่มฟัง ความรู้สึกคล้ายกับเวลาฟังคุณครูเล่านิทาน เพลิดเพลินชวนให้เคลิ้มหลับ และเขารู้ว่าทำไมคนที่เคยพูดเป็นต่อยหอยถึงได้เงียบเป็นเป่าสากแบบนี้
เหตุผลนั้นมาจากตัวเขาเอง
"เมื่อคืน"
เพียงแค่เกริ่นออกมาคำเดียวสีหน้าหลงก็เปลี่ยนจนเพื่อนจับสังเกตได้ไม่ยาก
เล่นทำตาโตเลิ่กลั่กแบบนี้ไม่เนียนเอาเสียเลย
"ขอบคุณที่ไปส่ง"
"อ๋อ อืม ไม่เป็นไร"
"แล้วกลับมาถึงบ้านกี่โมง"
"ประมาณเที่ยงคืน"
เพื่อนพยักหน้าแล้วยิ้มรับจนเห็นแก้มปุ๋มข้างขวา
เขายืดตัวขึ้นพิงพนัก นึกขำหลงอยู่ไม่น้อยทั้งที่ในใจตัวเองยังรู้สึกหวาดหวั่น
เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเพราะเมาหนัก ไม่อย่างนั้นคงไม่กล้าทำอะไรแบบนั้นลงไป
การกระทำที่เสี่ยงโดนปฏิเสธเป็นครั้งที่สอง
แต่ถ้าหากถามว่าเสียใจที่ทำลงไปไหมเขาตอบได้เลยว่าไม่
ปฏิกิริยาตอบกลับในวันนี้ของหลงไม่ได้แย่นัก และนั่นทำให้เขาอยากเดินหน้าสู้ต่อ
แม้จะรู้ว่ามันยากไม่ต่างจากเมื่อแปดปีก่อนเลยก็ตาม
เพราะถ้าไม่เคยรู้สึก...พยายามให้ตายยังไงก็คงไม่มีวันรู้สึกอยู่ดี
"เออ หลงมีแฟนยัง"
"ก็...ยัง"
"ยังไม่มีเหมือนกัน"
"ใช่เหรอ"
คนโดนดักคอหัวเราะเบาๆ
คนอย่างเพื่อนที่ทุกคนในกลุ่มรู้จักโสดได้ไม่เกินสองเดือนเดี๋ยวก็มีคนมาดามหัวใจ
แต่ใครจะรู้ว่าเวลาผ่านไปอะไรๆ มันก็เปลี่ยน
"โสดมาหลายปีแล้ว"
"..."
"รอคนที่สารภาพรักไว้เมื่อแปดปีก่อนมาเป็นแฟนอยู่"
ม.
4 เทอม 2
หากจะพูดถึงแฟนของเพื่อนสมัยมัธยม
ก็มักจะนึกถึงคำหนึ่งที่ถูกหยิบยกขึ้นมานิยามการคบหาแบบรักๆ ใคร่ๆ
ของเพื่อนในสมัยนั้น คล้ายกับเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
คำที่หลงไม่แน่ใจว่าเพื่อนยังเป็นแบบนั้นอยู่หรือเปล่า
ในเมื่อหลงคือ
'หลงหลับ' ฉะนั้นแล้วนิยามสำหรับเพื่อนก็คือ 'เพื่อนไม่เลือก'
คำๆ
นี้เป็นใครได้ยินคงรู้สึกไม่ดีนัก แต่ในความหมายที่เพื่อนๆ เข้าใจไม่ใช่แบบนั้น
เพราะเพื่อนก็แค่คบหาใครสักคนเป็นแฟนโดยไม่สนหน้าตาเท่านั้นเอง
"แฟนมึงแต่ละคน"
แฟนคนใหม่ของเพื่อนกลายเป็นประเด็นสนทนาหลักของกลุ่มในวันนี้
กับสาวรุ่นพี่ที่พยายามขายขนมจีบให้น้อง ม.4
ขวัญใจสาวๆ ในโรงเรียนมานานแรมเดือน จนสุดท้ายก็ได้สมหวังเสียที
แต่สิ่งที่เล็กติดใจไม่ใช่เพราะเพื่อนคบรุ่นพี่ แต่เป็นฉายา 'พี่ผี' กับความสวยที่หาได้น้อยมากจากตัวรุ่นพี่คนนั้นต่างหาก
"ทำไมไม่หาแฟนสวยๆ หน่อยวะ" เก้เองก็เห็นด้วย
"สวยสุดคงเป็นน้องใหม่มั้ง แต่คนนั้นไม่ใช่แฟนนี่หว่า เหมือนมากุ๊กกิ๊กๆ
กันพักเดียว" ขวัญว่าพลางทำท่านึก น้องใหม่ที่ว่าก็สวยใช้ได้
อย่างน้อยก็สวยกว่าพี่ผี
เพื่อนส่ายหน้าน้อยๆ
กับคำวิจารณ์ที่ได้รับ เขาไม่โกรธ เพราะรู้อยู่แล้วว่าผลตอบรับจากกลุ่มเพื่อนจะเป็นแบบนี้
"ไม่ได้เลือกคบที่หน้าตานี่หว่า"
"แล้วพี่ผีนี่ดีตรงไหน อ๋อ ดีเพราะมึงได้กินขนมฟรีใช่มั้ย"
เล็กสวนขึ้นทันควัน คนโดนดักคอก็ได้แต่ยิ้มอีกรอบ ไม่ตอบรับแต่ก็ไม่กล้าปฏิเสธ
เก้เลยช่วยยืนยันความคิดเล็กอีกแรง
"กูว่าต้องใช่แน่ๆ"
"เห็นกูเป็นคนเห็นแก่กินเหรอวะ"
"หรือไม่ใช่"
เพื่อนหัวเราะแทนคำตอบ
ได้กินของฟรีก็ส่วนหนึ่ง แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลหลักทั้งหมดเสียหน่อย
การจะคบใครสักคนเป็นแฟนต้องมีความรู้สึกดีๆ ให้กัน กับพี่ผี
คนที่คอยเข้ามาวอแวเอาใจใส่มีหรือที่ใจจะไม่รู้สึก
อย่างน้อยเพื่อนเองก็มีความชอบพออยู่บ้าง แต่จะพัฒนาเป็นความรักได้หรือไม่นั้นต้องให้อนาคตตัดสิน
"แล้วไง จะกลับด้วยกันมั้ย หรือจะไปไหนกับพี่ผีมั้ย" เล็กถาม
ปกติเขากับเพื่อนจะกลับบ้านด้วยกัน ความจริงมีหลงด้วยอีกคนแต่รายนี้ไม่ค่อยได้กลับด้วยกันนัก
หากเรียงตามระยะทางแล้วบ้านหลงอยู่ใกล้ที่สุด ถัดมาเป็นเล็ก และเพื่อนที่อยู่เลยไปอีกเขตแต่ยังเป็นถนนเส้นเดียวกันอยู่
"พี่เค้านัดไปหาอะไรกินที่ตลาด"
"นัดกันที่ไหน"
"ก็..."
"น้องเพื่อน"
พูดยังไม่ทันขาดคำเจ้าของฉายาพี่ผีก็ส่งเสียงเจื้อยแจ้วมาก่อนตัว
รุ่นน้องผู้น่ารักพากันยกมือไหว้ เธอเองก็รับไหว้พร้อมรอยยิ้มสดใส
ไม่ได้มีท่าทีคุกคามทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ แค่ยืนห่างๆ
รอให้แฟนหนุ่มขวัญใจของใครหลายๆ คนลุกขึ้นมาหาเอง
"งั้นไปก่อนนะ"
"เออๆ เจอกันพรุ่งนี้"
"เที่ยวให้สนุกนะครับ"
เพื่อนลุกออกจากโต๊ะไปหาแฟนสาวก่อนทั้งคู่จะเดินเคียงข้างออกไปพร้อมกัน
จะว่าไปก็ดูเหมาะสมกันดี ไม่จำเป็นต้องเท่าเทียมกันในทุกเรื่อง
ไม่ต้องหล่อไม่ต้องสวย ขอแค่มีความสุข มันจะกลายเป็นความเหมาะสมที่น่าอิจฉาขึ้นมาเอง
อย่างน้อยหลงก็คิดแบบนั้น
ไม่ว่าเพื่อนจะคบหากับใคร
เขาก็ทำให้คนคนนั้นดูน่าเหมาะสมได้อย่างน่าประหลาด
ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนกับพี่ผีดำเนินไปท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของเหล่ารุ่นพี่รุ่นน้องในโรงเรียน
บางกลุ่มเชียร์ บางกลุ่มแช่ง
ถึงอย่างนั้นเรื่องราวความรักมักไม่จบด้วยความสวยงามเสมอไป อย่างน้อยก็กับเพื่อน
ผู้ชายหน้าตาดีที่ถูกผู้หญิงบอกเลิกเป็นส่วนใหญ่ แม้กระทั่งกับพี่ผี
"เกือบห้าเดือน
คนนี้นานสุด" เล็กชูนิ้วที่นับได้ให้เพื่อนดูอย่างภาคภูมิใจ เขาไม่ใช่คนที่อาลัยอาวรณ์กับความรักของเพื่อนนัก
เพราะคนอักหกยังนั่งกินข้าวได้อย่างปกติสุขอยู่เลย
"แล้วทำไมถึงโดนบอกเลิกอีกวะ"
ขวัญถามบ้าง เขาเองมีคำตอบอยู่ในใจแล้ว
เหตุผลของการเลิกราครั้งนี้คงไม่ต่างจากเดิมนัก
แต่ที่เพิ่งถามและนึกอยากรู้เพราะเมื่อสองวันก่อนแผลเพื่อนยังสด ทำตัวซึมกระทือไม่พูดไม่จา
พอเห็นวันนี้สีหน้ากลับมาสดใสเหมือนเดิมแถมมีเล็กเปิดประเด็นให้เลยอดที่จะถามบ้างไม่ได้
"ก็เหมือนเดิม"
"ไม่มีเวลาให้"
"อยากนอนมากกว่า"
"อยากมีเวลาส่วนตัว"
"ไม่ใช่ไม่รักนะ"
"แต่คนเราก็อยากอยู่บ้านบ้าง"
"บางทีก็ขี้เกียจ"
"กูว่ามึงยังไม่พร้อมมีแฟนว่ะ"
ได้ฟังคำตอบเพื่อนทั้งกลุ่มก็พูดต่อกันเหมือนเล่นต่อเพลงโดยปิดท้ายด้วยความคิดเห็นของเล็ก
ทุกประโยคนั้นเพื่อนเคยพูดไว้ทุกคนไม่ได้ใส่ร้าย เพื่อนเป็นคนติสท์
มักมีอารมณ์ศิลปิน บางเวลาไม่ชอบให้ใครมารบกวน แต่ถึงเวลาทุ่มก็ทุ่มเต็มที่
คาดว่าสาวรุ่นพี่คงไม่เข้าใจถึงจุดนี้ รวมถึงสาวๆ ที่โบกมือลาไปก่อนหน้านี้ด้วย
"เขาขอเวลาในตอนที่อยากพัก
ขอในตอนที่รู้สึกไม่ไหว บางทีมันก็ไม่อยากให้ไง"
"ขออะไรพูดให้เคลียร์ๆ"
เต้ยขัดขึ้นจนเพื่อนมองตาขวางใส่ แต่คนสวนกลับกลายเป็นขวัญ
"ขอเอามั้ง
มึงอย่าเพิ่งขัดได้มั้ยวะ"
"เห็นหน้าเครียดๆ
ก็เผื่อจะตลกไง แล้วสรุปมึงโอเคหรือยังวะ"
"อืม
ถ้าเขาไม่อยากอยู่แล้วกูก็ไม่รั้งหรอก"
"แต่บางทีเขาอาจจะอยากให้มึงรั้งก็ได้นะ"
"ไม่อยากรั้งคนที่ไม่เข้าใจในตัวกูว่ะ"
คนพูดยังก้มหน้าก้มตาเขี่ยข้าวในจาน กลุ่มเพื่อนๆ เองก็ไม่ได้ว่าหรือคัดค้านในการตัดสินใจครั้งนี้
แต่ละคนนั้นมีความคิดและทัศนคติต่อความรักแตกต่างกันไป
สำหรับผู้ชายตัวอ้วนเพียงคนเดียวในกลุ่มที่ไม่เคยมีแฟนเขาจึงไม่ค่อยเข้าใจนัก
เพราะอะไรความรักของเพื่อนถึงเกิดขึ้นได้ง่ายและจบลงอย่างรวดเร็วถึงเพียงนี้
แม้กระทั่งตอนนี้เองเขาก็ยังไม่เข้าใจเช่นกัน
ว่าเพราะอะไรความรักที่เพื่อนมีให้เขา...ถึงยังยาวนานมาจนถึงตอนนี้
หลงทำหูดับ
แกล้งทำเป็นไม่ได้ยินสิ่งที่เพื่อนเพิ่งพูดไปเมื่อครู่นี้ ไหนจะเรื่องเมื่อคืนอีก
ทุกอย่างมันดูเร็วเกินไป เขายังไม่พร้อมรับอะไรทั้งสิ้น และไม่คิดว่าจะพร้อมในเวลาอันใกล้นี้ด้วย
"หินข้าวยัง"
แต่แล้วประเด็นกลับถูกเปลี่ยนอย่างกะทันหันจากเพื่อนที่ชื่อเพื่อน
"เอ่อ...ก็ ยัง"
"งั้นไปกินข้าวกัน"
"ที่ไหน"
"หลงอยากไปที่ไหน"
คลังร้านอาหารแถวบ้านมีอยู่ในหัวหลายสิบร้านแต่ตอนนี้หลงกลับนึกไม่ออก
กินอะไรดี ตอนนี้เขาอยากกินอะไร แล้วเพื่อนล่ะอยากกินอะไร
ยังชอบกินก๋วยเตี๋ยวเหมือนเมื่อก่อนอยู่หรือเปล่า
"ก๋วยเตี๋ยวเรือ"
"แถวนี้มีด้วยเหรอ"
"มี"
หลงไม่แปลกใจนักที่คนไม่ค่อยช่างสังเกตอย่างเพื่อนจะไม่รู้
จากที่นี่ไปตั้งหลายปีทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปหมด อะไรๆ ก็ไม่เหมือนสมัยมัธยม
ร้านนั้นปิดตัวร้านนี้เปิดใหม่ ก๋วยเตี๋ยวเรือที่ไม่เคยมีก็มี
"งั้นไปกินก๋วยเตี๋ยวกัน"
"อืม"
ทำไมถึงไม่อาจปฏิเสธคำชวนนี้ได้ หลงยังนึกแปลกใจในตัวเองอยู่เหมือนกัน
เพื่อนยิ้มตาปิด
โชว์ลักยิ้มที่แก้มขวาบ่งบอกถึงความอารมณ์ดี ก็เป็นซะแบบนี้ใครจะไปปฏิเสธลง
หลงไม่อยากเห็นเพื่อนทำหน้าเศร้า เขาไม่ชอบบรรยากาศขมุกขมัวรอบตัวเพื่อนนัก
ผู้ชายคนนี้เหมาะกับความสดใส เหมาะกับโทนสีฟ้าหรือไม่ก็เขียว
นี่อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาไม่กล้าปฏิเสธ
คำปฏิเสธที่ทำให้เพื่อนต้องเศร้าเหมือนเมื่อแปดปีก่อน
--------------
ติดตามตอนต่อไป --------------
แอบเพิ่มรายละเอียดเรื่องเวลานิดหน่อย
เรื่องนี้เรานับเวลาหลายรอบมากค่ะ
อยากให้ตรงกับเวลาจริงๆ
ส่วนม่าไม่ม่านั้น เราสายฮีลค่ะ
จะไม่ขอผิดคอนเซ็ป อิ_อิ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน
เจอกันตอนหน้าค่า
ความคิดเห็น