คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ก่อนออกเดินทาง
ก่อนออกเดินทาง
แม่ผมชอบเม้าท์
ชอบคุย วันๆ
นอกจากทำงานบ้านแล้วภารกิจอีกอย่างคือเอาเรื่องลูกชายไปเม้าท์ให้คนอื่นฟัง
ก็แน่ล่ะ ลูกชายแม่แต่ละคนน่าเอาไปอวดสุดๆ เรียนก็เก่ง การงานก็ดีมีเงินเก็บ
แถมหนีไปเที่ยวบ่อยๆ แต่ทั้งที่เป็นเรื่องที่กำชับไว้แล้วว่าห้ามบอกใครไหงถึงมีคนรู้เรื่องได้ล่ะเนี่ย
"อินจะไปเที่ยวญี่ปุ่นเหรอลูก"
ผมกำลังปั่นจักรยานเข้าบ้านฮัมเพลงอย่างสบายอารมณ์ป้านาถเจ้าของร้านขายของชำประจำหมู่บ้านแกก็ร้องทัก
เป็นประโยคที่ทำให้ผมบีบเบรกมือจนรถแทบม้วนหน้าก่อนจะหันไปทำหน้าเหวอใส่ป้าแก
นี่ป้านาถรู้ได้ไงว่าผมจะไปเที่ยวญี่ปุ่น
"ครับป้านาถ" ยิ้มแหยตอบกลับไป แต่ในใจเหมือนน้ำใกล้เดือด แม่นะแม่
บอกแล้วไงว่าห้ามเอาไปบอกใคร
ป้านาถฉีกยิ้มกว้างเดินเข้ามาหาผม
ไม่ต้องบอกก็รู้ถึงชะตากรรมแล้วว่าอะไรจะเกิดขึ้น เพราะแบบนี้ไงถึงไม่อยากให้ใครรู้
"ป้าฝากซื้อของหน่อยสิ" กระดาษที่จดอะไรกระยุกยิกเหมือนใบโพยหวยถูกยื่นมาให้
ผมยิ้มแหยยิ่งกว่าเดิม
อยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ไม่กล้าปฏิเสธเพราะเป็นญาติผู้ใหญ่ที่จะว่าสนิทก็ไม่เชิง
แถมป้านาถแกเป็นคนที่ค่อนข้างมีอิทธิพลในหมู่บ้าน
จะว่าปากสว่างพูดไม่คิดด่าไม่เลือกก็ได้ คนรักสงบอย่างผมเลยเตือนตัวเองไว้เสมอว่าอย่าไปมีเรื่องกับแกเด็ดขาด
เมื่อผมเอาแต่ยิ้มเหมือนเด็กเอ๋อไม่ยื่นมือออกมาไปรับสักทีป้านาถอกเลยจัดการยัดกระดาษใส่มือผมพร้อมซองเงินให้เสร็จสรรพ
ก็ยังถือว่าดีที่ฝากเงินมาด้วย แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่อยากจะรับไว้ให้เป็นภาระอยู่ดี
"ถ้าเจอถึงจะซื้อให้นะป้า"
ผมบอกดักทางไว้ก่อนแต่เหมือนป้าแกไม่ได้สนใจเลย
"แหม นิดๆ หน่อยๆ เอง ป้าฝากด้วยนะ" ตีแขนผมหนึ่งที
ยิ้มหวานให้แล้วป้านาถก็เดินหันหลังกลับไปเฝ้าร้านต่อ
ให้มันได้อย่างนี้สิ
ผมปั่นจักรยานกลับบ้านด้วยความเซ็งสุดขีด
เข็นรถเข้าที่จอด เปิดประตูเข้าบ้านวางกระเป๋าไว้บนโต๊ะแล้วมองหาท่านแม่ทันที
นั่นไง
อ่านนิยายสบายใจเฉิบอยู่ที่เก้าอี้โยก
"แม่~"
"อะไร"
"ไปบอกป้านาถทำไมว่าอินจะไปเที่ยว"
แม่ลดหนังสือนิยายลงพลางหันมาเลิกคิ้วใส่ก่อนตอบอย่างไม่ยี่หระ
"ก็แม่ไปขอให้ลุงไกรไปส่งที่สนามบินพรุ่งนี้
เค้าก็ถามสิว่าอินจะไปไหน"
ฟังแล้วได้แต่ทำหน้ายู่
พรุ่งนี้ผมบินแปดโมงเช้า ต้องถึงสนามบินอย่างช้าหกโมงครึ่ง
ถ้าพ่อไปส่งก็จะไปทำงานไม่ทัน หรือไม่ก็ต้องรีบไปถึงตั้งแต่ตีสามตีสี่ซึ่งผมไม่เอาด้วยหรอก
เลยกะว่าจะนั่งแท็กซี่ไป แล้วเผอิญลุงไกรสามีป้านาถแกขับรถแท็กซี่พอดีแม่เลยจัดการทาบทามให้เรียบร้อย
เป็นไงล่ะแม่ผม ได้รถไปส่งพรุ่งนี้แถมได้ภาระของฝากมาด้วย
"แล้วจัดกระเป๋าเสร็จหรือยัง"
"ยังเลย"
"แล้วคุยกับน้องแบร์โอเคแล้วใช่มั้ย"
"โอเคแล้วคร้าบ" ผมตอบหน่ายๆ ก็ไอ้น้องแบร์หรือที่ผมชอบเรียกในใจเองว่าน้องหมีนี่ก็เป็นภาระที่แม่ผมหามาให้เหมือนกัน
เดิมทีแล้วทริปนี้ผมตั้งใจจะไปคนเดียว
เลือกช่วงฤดูใบไม้ผลิจะได้เดินดูซากุระชิลๆ ท่ามกลางอุณหภูมิยี่สิบต้นๆ ถ่ายรูปเก็บบรรยากาศไปเรื่อยๆ
อยากไปไหนเมื่อไรก็ไป
แต่แม่ผมอีกแล้วนั่นแหละเอาเรื่องที่ผมจะไปเที่ยวญี่ปุ่นไปเล่าให้เพื่อนบ้านสมัยเก่าเก็บฟังจนสุดท้ายได้เพื่อนร่วมทริปเพิ่มมาอีกคน
ก็น้องแบร์ของแม่หรือน้องหมีของผมนั่นแหละ
ครอบครัวผมเพิ่งย้ายมาอยู่หมู่บ้านนี้เมื่อเก้าปีก่อน
แต่หมู่บ้านเก่านั้นอยู่มาตั้งแต่เกิด เรียกว่าเป็นความทรงจำสมัยเด็กของผมเลยก็ได้
ผมมีเพื่อนกลุ่มใหญ่ที่นั่น หนึ่งในนั้นก็คือน้องหมี คนที่สนิทกับผมที่สุด
ความจริงเราเรียนรุ่นเดียวกันแต่เกิดคนละปี ผมเกิดสิงหาส่วนน้องหมีเกิดกุมภา อายุห่างกันหกเดือน
แต่เพราะพ่อแม่ให้เรียกกันแบบนี้สุดท้ายเลยกลายเป็นพี่อินกับน้องแบร์ตั้งแต่จำความได้
แถมยังเรียกชื่อแทนตัวเองแบบไม่มีศักดิ์ทางอายุนำหน้าทั้งคู่
ผมเรียกแทนตัวเองว่าอิน
ส่วนน้องหมีก็เรียกแทนตัวเองว่าแบร์
แต่ที่ว่ามาทั้งหมดนี่มันก็เป็นแค่อดีต
เพราะผมย้ายบ้านเราเลยห่างกันไปด้วย ผมมีเพื่อนกลุ่มใหม่ น้องหมีก็อยู่กับสังคมของเขา
มีติดต่อหากันบ้างช่วงวันสำคัญอย่างวันเกิดหรือวันปีใหม่
แต่ที่จริงจะเรียกว่าติดต่อก็อาจจะมากไปเพราะเราแค่ส่งข้อความอวยพรกันเท่านั้น
ก็สมัยนั้นโซเชียลเน็ตเวิร์คยังไม่แพร่หลายเท่าไรเลยใช้วิธีส่ง SMS กันซะมากกว่า
ปัจจุบันได้ข่าวว่าน้องหมีเพิ่งเรียนจบป.ตรี
ทั้งที่ควรจะจบตั้งแต่สองปีก่อน เพราะติดเพื่อนทิ้งการเรียนเลยกลายเป็นแบบนี้
แต่ก็ยังดีที่น้องมันกลับตัวทัน พอเรียนจบเลยได้ของขวัญเป็นแพ็กเกจเที่ยวญี่ปุ่นกับผมนี่แหละ
ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเราเจอหน้ากันแบบนับครั้งได้
อาจจะปีละครั้งหรือสองครั้งเวลามีงานสำคัญอย่างพวกงานแต่งงานหรืองานศพ
ขนาดตกลงว่าจะไปเที่ยวด้วยกันแล้วเรายังนัดเจอกันแค่ครั้งเดียวคือตอนไปงานเที่ยวญี่ปุ่น
ที่เหลือคุยกันผ่านตัวหนังสือทางไลน์ เพราะงานผมยุ่งด้วยล่ะถึงไม่ว่างไปเจอแม้น้องจะนัดอยู่หลายครั้ง
"อินไปจัดกระเป๋าก่อนนะแม่" รำลึกความหลังกันพอแล้วผมก็เลี่ยงขึ้นห้อง
กระเป๋าเดินทางเปล่าๆ
ยังวางแอ้งแม้งอยู่ในห้องนอน พวกเสื้อผ้าของใช้ผมลิสต์รายการไว้หมดแล้วว่าจะเอาอะไรไปบ้าง
เหลือแค่ยัดลงกระเป๋าก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
แค่คิดก็ตื่นเต้น
อยากให้ถึงวันพรุ่งนี้เร็วๆ ชะมัด
TBC.
หายไปหลายเดือนเลยมีใครยังจำเราได้มั้ย
ฮา
ตอนแรกมีความตั้งใจว่าจะปั้นเรื่องนี้ให้เสร็จแล้วค่อยลงทีเดียว
คือจะลงช่วงปลายมีนาถึงต้นเมษา แต่สุดท้ายแล้วไม่รอดค่ะ
ถ้ารอแต่งจบค่อยลงสงสัยไม่ได้ลงแน่ๆ กลับมาอีกทีปีหน้าเลยงี้
ยังไงก็ฝากนิยายเรื่องใหม่ของเราด้วยน้า
ขอบคุณค่า
ความคิดเห็น