ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อยากจีบให้ติด...คุณรักครั้งแรก

    ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่ 5 คำตอบของคำสารภาพ

    • อัปเดตล่าสุด 3 พ.ย. 63


    ตอนที่ 5

    คำตอบของคำสารภาพ

     

                    หากครั้งแรกผ่านพ้นไปได้ด้วยดีก็ไม่ยากนักกับการลงมือทำมันเป็นครั้งที่สอง

                    รถแล่นฉิวบนท้องถนนด้วยความเร็วแปดสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง ผมพยายามคุมความเร็วไว้ไม่ให้เกินนี้แม้บางทีจะเผลอเหยียบเกินไปบ้าง มุ่งหน้าไปตามเส้นทางเดิมที่มาเมื่อวาน หากแต่ไกลออกไปไม่วนกลับเมื่อถึงทางแยก

                    “ขึ้นสะพานไปเลย”

                    คนที่ดูสนุกไม่ใช่แค่ผมแต่เป็นครูผู้ฝึกสอน เวลาสองชั่วโมงที่มีทำให้เราเดินทางได้ไกลขึ้น มุ่งหน้าสู่อำเภอข้างๆ ที่ผมไม่ค่อยรู้เส้นทางนัก แต่ไม่ต้องห่วงเพราะมีจีพีเอสรุ่นพิเศษคอยบอกทาง พัฒนาถึงขั้นคอยปรับพวงมาลัยและเหยียบเบรกให้ด้วย

                    จากทางเอกเลี้ยวเข้าสู้ทางโท ถนนเส้นเล็กที่สองข้างทางขนาบไปด้วยทุ่งนาเขียวขจี เส้นทางแคบลงเหลือเพียงถนนสองเลนสวนกัน ผมผ่อนความเร็วตามคำบอกของคุณครู ขับตรงไปเรื่อยๆ ตามเส้นทางที่ไม่รู้ว่าทอดยาวไปถึงไหน

                    “ไม่ต้องชิดซ้ายขนาดนั้น ยังไม่อยากลงทุ่งนา” ครูใหม่ยื่นมือมาแตะพวงมาลัยเมื่อผมขับชิดทางด้านซ้ายเพราะเห็นรถใหญ่สวนมา

                    “น่ากลัว”

                    “ไม่ต้องกลัว ขับไปตามเลนของเราเลย มองทางข้างหน้าดีๆ”

                    น้อมรับคำสอนแต่เมื่อเจอรถใหญ่สวนมาอีกรอบมันก็อดผวาไม่ได้อยู่ดี ผมได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ดังมาจากเบาะข้างๆ เป็นระยะ แต่ไม่กล้าหันไปสบตาด้วยนักเพราะกลัวจะพาลงทุ่งนาจริงๆ

                    “เดี๋ยวจะวนกลับแล้วนะ คุณปลาทองจะเลือกทางที่หนึ่งหรือสอง”

                    “ต้องเลือกด้วยเหรอ”

                    ผมชักระแวง ด้วยความไม่รู้เส้นทางเลยไม่รู้ว่าจะถูกคุณครูแกล้งเอาหรือเปล่าถึงได้มีทางเลือกมาให้

                    “มีเส้นทางผจญภัย กับทางธรรมดาเหมือนที่เราขับกันมา”

                    “ผจญภัย”

                    ตอบไม่คิด ใช่! ไม่ได้คิดเลย แค่ได้ยินว่าผจญภัยก็รู้สึกว่ามันน่าสนุก แต่พอคิดดูอีกทีผมจะพาคุณครูรอดออกไปอย่างปลอดภัยได้ไหม

                    “โอเค งั้นเลี้ยวซ้ายข้างหน้าเลย ทางมันจะแคบหน่อยนะ ไปช้าๆ ใช้แค่เกียร์สองก็พอ”

                    หลังจากทำใจให้สบายผ่านชั่วโมงแรกมาได้เส้นทางข้างหน้าก็ทำให้ผมใจเต้นแรงอีกครั้ง ทางแคบไม่พอแถมถนนยังเป็นหลุมเป็นบ่อ มีออปชันเสริมเป็นสะพานข้ามคลองเล็กๆ ที่ดูจะชันเอาเรื่อง

                    ตีรถกลับตอนนี้ทันมั้ย

                    “เราฝึกมาแล้วไม่ต้องกลัว”

                    ได้รับกำลังใจจากครูใหม่แต่ไม่ช่วยให้ผมหายเกร็งเลยสักนิด ขาขึ้นยังพอได้แต่ขาลงทำเอาเกร็งไปหมด ไม่พอข้างหน้าเป็นข้างที่พอลงจากสะพานแล้วเลี้ยวซ้ายเลย เพิ่มความยากอีกหนึ่งสเต็ปด้วยรถที่ขับสวนทางมา

                    “โอ้มายก๊อด”

                    ครูใหม่หัวเราะตอนช่วยจับพวงมาลัยประคองรถ มันหวาดเสียวจริงๆ นะ ผมจะไม่มาทางนี้คนเดียวเด็ดขาด

                    “โอ้มายก๊อดเลยนะ”

                    “หัวใจจะวาย”

                    “ไม่ชนหรอก ดูให้อยู่”

                    สะพานแรกเป็นแค่น้ำจิ้ม เพราะทางข้างหน้ายังมีอีกหลายสะพานรอผมอยู่ คล้ายกับเล่นเกมเก็บเลเวล มาเก่งเอาตอนข้ามสะพานสุดท้ายแต่ก็ทำเอาใจเต้นตึกตักอยู่เหมือนกัน

                    ผ่านเส้นทางแห่งการผจญภัยก็เลี้ยวขวาตอนถึงแยก ตัดเข้าถนนอีกเส้นเหมือนทะลุเข้าสู่โลกอีกใบหนึ่ง หากถนนเส้นที่ผ่านมาเป็นโลกทิสโทเปียถนนเส้นนี้ก็คงเป็นยูโทเปีย สองข้างทางเต็มไปด้วยดอกไม้และต้นไม้ใหญ่ที่โน้มกิ่งลงมาเป็นอุโมงค์ สร้างร่มเงาให้ความร่มรื่นตลอดเส้นทาง

                    “ไม่เคยรู้เลยว่าแถวนี้มีอุโมงค์ต้นไม้ด้วย”

                    “แสดงว่าคุณไม่ค่อยได้ไปไหนเลยดิ”

                    “ก็เที่ยวอยู่นะ แต่ตรงนี้มันไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยวไง”

                    เป็นเพียงถนนเล็กๆ เส้นหนึ่งที่คนในชุมชนใช้สัญจรไปมา ผ่านโรงเรียน ผ่านหมู่บ้าน ผ่านตลาด สวยงามและเงียบสงบจนไม่อยากให้ใครเข้ามาค้นพบที่แห่งนี้อีก

                    “ถ้าไม่ใช่คนพื้นที่ก็ไม่ค่อยรู้จักเส้นนี้หรอก”

                    “แสดงว่าพานักเรียนมาขับแถวนี้บ่อยล่ะสิ”

                    “เฉพาะคนที่เลือกเส้นทางผจญภัย”

                    “งั้นก็แสดงว่าเราเป็นคนโชคดี” ที่ได้มาพบเจอสิ่งสวยงามแบบนี้

                    ต้นหางนกยูงฝรั่งที่ปลูกไว้ข้างทางออกดอกสีส้มสะพรั่งเต็มต้น เห็นแล้วอยากจูงมือคุณรักแรกไปยืนตรงนั้น บรรยากาศคงโรแมนติกไม่น้อยกับฉากสารภาพรักที่ผมตั้งใจให้เกิดขึ้นวันนี้ สายลมพัดผ่านกับดอกไม้สีส้มที่โปรยปราย หากถูกปฏิเสธก็นั่งร้องไห้มันใต้ต้นไม้ซะเลย

                    เส้นทางที่สวยงามผ่านไปอย่างรวดเร็วราวกับถูกเร่งเวลา กลับสู่สถานที่อันคุ้นเคยและเวลาที่ใกล้หมดลง เพียงข้ามสะพานนี้ไปแล้วเลี้ยวซ้าย ขับตรงกลับเข้าโรงเรียน เมื่อวางนิ้วบนเครื่องสแกน พันธะของเราทั้งสองก็ได้สิ้นสุด

                    “จบหลักสูตรของเราแล้วนะ”

                    และเขาก็ได้เอ่ยประโยคที่เหมือนคำบอกลา

                    “อืม”

                    “ตอนสอบก็สู้ๆ ไม่ยากหรอก คุณทำได้อยู่แล้ว”

                    “ใหม่คุมสอบด้วยใช่มั้ย”

                    “ผมยังไม่ได้ไปสอบกรรมการเลยไม่ได้คุม เซ็นให้ไม่ได้แต่ก็ไปช่วยดูอยู่แหละ”

                    พยักหน้ารับถี่ๆ จะหาจังหวะยังไงดี แต่เหมือนว่าเรา...

                    “เออใช่ เห็ดทอด ยังไม่ได้ไปกินเลย”

                    นี่แหละที่ผมกำลังนึกถึง

                    “ไปกัน”

                    ผมแทบไม่ต้องพูดอะไรเพราะคุณครูเขาเออออเองเสร็จสรรพ ให้นั่งรอตอนเขาไปเก็บของ ลาพี่ๆ ธุรการแล้วก็ชวนกันขึ้นรถ ไม่ลืมถามด้วยว่าวันนี้พี่เพนนีมารับหรือเปล่า ซึ่งผมได้บอกพี่สาวไปแล้ววันนี้จะกลับเอง

     

                    รถแล่นไปตามทางขณะที่ผมกำลังคิดว่าควรจะบอกความในใจออกไปตอนไหนดี เมื่อคิดให้ถี่ถ้วนก็ได้ข้อสรุปว่าควรเป็นวินาทีสุดท้ายของวันนี้ที่เราจะได้อยู่ด้วยกัน หากมีความหวังก็คงจะได้อยู่ต่อด้วยกันอีกนิด แต่ถ้าไม่จะได้จากกันโดยไม่ติดค้างอะไรอีก

                    “เฮ้อ”

                    “เป็นอะไร”

                    กังวลจนเผลอถอนหายใจเสียงดัง อาจเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ แต่ผมได้ทบทวนความรู้สึกของตัวเองแล้วว่ามีมากพอ มากจนเกือบจะเท่าตอนที่ได้ตกหลุมรักครั้งแรก

                    “เครียดอะไรนิดหน่อย”

                    “เรื่องสอบเหรอ ไม่เห็นต้องเครียดเลย”

                    ยิ้มบางๆ ให้โดยที่ยังไม่อาจพูดความจริง หากได้ฟังคำสารภาพจากผมแล้วเขาจะยังใจดีเหมือนเดิมหรือเปล่า

                    วันศุกร์ช่วงเลิกงานคนเยอะจนน่ากังวลว่าเห็ดเข็มทองทอดเมนูสุดฮิตจะหมดเร็วอีกหรือเปล่า หลังจากลงรถได้ผมก็รีบจ้ำนำหน้า อาสาไปต่อแถวรอก่อนเพราะไม่ว่ายังไงวันนี้ก็ต้องได้กิน

                    แต่ทว่า...

                    “วันนี้เขาไม่ขายอ่ะ”

                    หันมาบอกคุณรักแรกที่เพิ่งเดินมาถึง ขณะที่ผมกำลังเศร้าแต่เขากลับหัวเราะออกมา

                    “อดอีกแล้ว”

                    “โมโหว่ะ”

                    “ใจเย็น”

                    ผมโมโหจริงไม่ได้แกล้ง เป็นกาลกิณีแน่ๆ ต้องใช่แน่ๆ

                    “เหมือนเขาไม่อยากให้เรากิน”

                    “เอาไว้วันหลังก็ได้”

                    “จะได้เจอกันอีกเหรอ” ถามออกไปแล้วก็เพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าแค่มาซื้อเห็ดทอดคุณรักแรกไม่จำเป็นต้องพกผมมาด้วยสักหน่อย เขามาเองได้ซื้อกินเองได้ มากับผมคร้านจะไม่ได้กินด้วยซ้ำ อย่างเช่นทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมานี้

                    “นัดเจอได้ อยู่ใกล้กันแค่นี้เอง” แต่เขาก็ยังตอบให้กำลังใจผม

                    “ใหม่”

                    เจ้าของชื่อเลิกคิ้วถามกลับ ผมกวาดมองรอบตลาดหาจุดพอจะใช้เป็นสถานที่เก็บความทรงจำครั้งนี้ได้ ก่อนเอ่ยขอให้มาด้วยกัน

                    “ไปนั่งร้านตรงนั้นกัน”

     

                    ร้านเครื่องดื่มเล็กๆ ล้อมด้วยห้องกระจกติดแอร์ขนาดใหญ่ ผมสั่งแอปเปิลโซดาเมนูโปรด เขาสั่งกล้วยปั่นดูรักสุขภาพ จับจองโต๊ะยาวคล้ายบาร์ติดกระจก นั่งข้างกันแต่ต่างฝ่ายต่างละเอียดกับเครื่องดื่มของตัวเอง

                    “แต่ก่อนไม่เห็นกินโซดา” ทำหน้าชื่นใจหลังได้ลิ้มรสกล้วยปั่นของตัวเองเขาก็เริ่มชวนคุย เปิดประเด็นเรื่องอดีตอันเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่ผมจะได้ปูเรื่องราวเพื่อคำสารภาพที่อยากบอก

                    “ผ่านมาตั้งหลายปีแล้วความชอบก็ต้องเปลี่ยนกันบ้าง”

                    “อะไรบ้างที่แต่ก่อนเคยชอบแต่ตอนนี้ไม่ชอบแล้ว”

                    ถามซะยากทำเอาผมนึกคำตอบไม่ออก มีเยอะมากจนไม่รู้จะหยิบเรื่องราวไหนขึ้นมาพูด เวลาเปลี่ยนความคิดเปลี่ยนหลายสิ่งเปลี่ยนแปลง แม้กระทั่งคนที่เคยชอบมากอาจจะหมดความรู้สึกโดยไม่เหลืออะไร เขาเองก็เคยเป็นคนหนึ่งในนั้นสำหรับผม เพียงแต่ยังเศษเสี้ยวที่หลงเหลือและถูกกระตุ้นจนความรู้สึกที่เคยหายไปย้อนคืนกลับมา

                    ฉะนั้นคำตอบของคำถามนี้จึงยังไม่สามารถพูดออกไปไม่ได้

                    “ของกิน ของใช้ หลายอย่างมันพูดไม่หมดหรอก แล้วใหม่ยังชอบวันพีซอยู่หรือเปล่า” สมัยเด็กเขาเป็นพวกบ้าการ์ตูน ชอบมาเล่าให้ฟังตลอดว่าดูเรื่องไหนไปแล้วบ้าง แต่ที่ชอบที่สุดคือเรื่องวันพีซ ส่วนผมเป็นพวกไม่ค่อยดูการ์ตูนเท่าไร ที่ดูบ่อยสุดก็คงโคนัน

                    “ชอบดิ คุณต้องลองดู”

                    “ดูแล้ว แต่ตอนมันเยอะเกินขอยอมแพ้”

                    “ไว้ถ้าตามทันแล้ววันหลังมาดูด้วยกัน”

                    วันหลังอีกแล้ว วันหลังทีไรเหมือนแผนจะล่มทุกที ขนาดวันนี้ยังไม่ได้กินเห็ดเข็มทองทอดเลย

                    “ไม่น่าจะตามทันแน่ๆ”

                    คุณรักแรกไม่ได้ตื๊อผมต่อเรื่องการ์ตูน เขาไม่เคยคะยั้นคะยอให้ใครทำในสิ่งที่ไม่ชอบ แค่แนะนำและพูดให้ฟัง แต่ถ้าหากคนคนนั้นยอมมีส่วนร่วมด้วยก็จะถูกเปิดรับ อย่างที่ผมเคยชอบดูการ์ตูนเรื่องหนึ่งที่เขาแนะนำ นับเป็นจุดเริ่มต้นหนึ่งของความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเราเลยก็ว่าได้

                    การคุยเรื่องอดีตทำให้แผนสารภาพในวินาทีสุดท้ายเริ่มหายไปจากความคิด แม้บรรยากาศจะแตกต่างแต่ความรู้สึกยามได้นั่งข้างกันไม่เคยเปลี่ยนไปเลยสักนิด หากลองออกไปยืนมองอยู่นอกกระจกคุณอาจเห็นผู้ชายสองคนนี้ใส่ชุดนักเรียนอยู่ก็ได้

                    “ใหม่”

                    “หืม”

                    “มีเรื่องอยากบอกนะ เตรียมใจไว้หน่อยก็ดี” หมายถึงตัวผมด้วยที่ต้องเตรียมใจ

                    สีหน้าเขาดูระแวดระวังกับสิ่งที่ผมบอก หันมาหาเพื่อตั้งใจฟังจนกลายเป็นผมเสียเองที่ชักจะพูดไม่ออก

                    ก็แค่บอกออกไปว่าชอบทำไมมันถึงยากนักนะ

                    “ไม่รู้ว่าใหม่รู้สึกหรือเปล่านะ ตอนมอสามน่ะ...”

                    “...”

    “เราชอบใหม่”

                    พยายามจะสบตาแต่ไม่รอด ผมหลบตาในวินาทีสุดท้าย บอกออกไปแล้วเขาคงรู้แล้วว่าตัวตนที่แท้จริงของผมเป็นยังไง ถัดจากคำสารภาพคือความเงียบที่ทำให้รู้สึกกลัว

                    “ตอนเด็กเราหล่ออ่ะดิ”

                    แต่คำตอบที่ได้ไม่อยู่ในลิสต์ที่ผมคิดเอาไว้เลย

                    “ใช่เวลามาชมตัวเองมั้ยเนี่ย”

                    เขาหัวเราะ ยิ้มจนตาหยีในท่าทางสบายๆ ที่ทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาก

                    “ขอบคุณที่บอกนะ”

                    “อืม”

                    จบไปแล้วกับคำสารภาพจากอดีต เขายังยิ้มได้เพราะคงคิดว่าความรู้สึกนั้นไม่หลงเหลืออยู่ในปัจจุบัน เป็นเพียงความรักที่ไม่จีรังของเด็กชายคนหนึ่ง

                    “แต่ว่าความรู้สึกนั้นมันกลับมาอีกครั้ง”

                    ผมตั้งใจหันสบตาโดยไม่คิดหนี ขณะที่เขาเองก็ไม่ยอมละสายตาไปไหนเช่นกัน

                    “เราตกหลุมรักใหม่อีกครั้งแล้วว่ะ”

                    วินาทีสุดท้ายที่สิ้นเสียง รอยยิ้มของเขาคือคำตอบ

     

    tbc.

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×