คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 4 พิเศษดี
ตอนที่ 4
พิเศษดี
ก้าวลงจากรถเท้าเหยียบพื้นคอนกรีตใจผมก็เต้นตึกตัก ตามตารางวันนี้ชั่วโมงที่สองผมจะได้ออกถนนใหญ่เป็นครั้งแรกหลังจากขับวนอยู่ในสนามฝึกมาเจ็ดชั่วโมง ทั้งกังวลทั้งระแวงว่าจะควบคุมสมาธิไม่ได้แล้วก่อให้เกิดอุบัติเหตุขึ้น แม้ในรถจะมีครูฝึกนั่งไปด้วยและพร้อมจะเหยียบเบรกให้ตลอดเวลาก็ตาม
ตายแน่ๆ ตื่นเต้นจนมือไม้เกร็งไปหมดแล้ว
“คุณปลาทอง”
สะดุ้งตัวเมื่อถูกเรียก หันไปมองก็เจอคุณรักแรกยิ้มขำ เดินมาพร้อมกับลูกศิษย์ของชั่วโมงนี้ที่เพิ่งหมดเวลา
“มิวเข้าไปรอครูใหม่ข้างในก่อนนะ”
คุณรักแรกบอกกับลูกศิษย์ แทนตัวเองว่าครูใหม่ซะด้วย
“ไม่เข้าไปข้างในเหรอ”
“กำลังจะเข้านี่ไง”
พอถูกทักผมเลยเพิ่งรู้ตัวว่ายืนนิ่งอยู่ตรงนี้ได้สักพักแล้ว กำลังคิดเตลิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างตอนที่ได้ขับรถออกถนนใหญ่ครั้งแรก แถมสิ่งที่คิดยังมีแต่เรื่องไม่ดีทั้งนั้น
“ไหวมั้ยเนี่ย ง่วงนอนเปล่า วันนี้ออกถนนใหญ่แล้วนะ”
อย่ามาขู่กันจะได้ไหม เอาจริงเมื่อคืนก็นอนไม่ค่อยหลับเท่าไร คิดมากคิดเยอะ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผมไม่มีใจอยากขับรถเท่าไรด้วย กลัวทำคนอื่นเขาเดือดร้อนเพราะไม่มีความมั่นใจพอ
“ไหวมั้ง”
“ผมอยู่ด้วยไม่ต้องกลัว เข้าข้างในกัน” ยิ้มให้กำลังใจพร้อมทั้งพยักหน้าชวน ถ้าอยากให้กำลังกันจริงๆ ช่วยยิ้มกว้างๆ ให้เห็นเขี้ยวด้วยจะได้มั้ย แล้วก็แทนตัวเองว่าครูใหม่ด้วย ไม่เอาแล้วคำว่าผม
คิดวุ่นวายอยู่ในใจไปเท่าไรสิ่งที่ผมแสดงออกมากลับมีเพียงรอยยิ้มเหนื่อยๆ ที่บอกว่าไม่พร้อมกับการเผชิญโลกความจริง อีกหนึ่งชั่วโมงต่อจากนี้... ช่วยภาวนาให้ผมด้วย
ครูใหม่ยื่นกุญแจรถให้ก่อนขออนุญาตไปทำธุระส่วนตัว ผมนั่งรออยู่ในรถ ติดเครื่องยนต์เปิดแอร์ ทวนความจำว่าไฟอะไรอยู่ตรงไหนบ้างถึงเวลาจริงจะได้ไม่ลนแม้จะยังเหลือเวลาให้ฝึกซ้อมอยู่ในสนามอีกหนึ่งชั่วโมงก็ตาม
ปล่อยให้ผมว้าเหว่อยู่ในรถได้คนเดียวไม่นานคุณครูก็มา ยิ้มกว้างโชว์เขี้ยวทั้งสองข้างเป็นกำลังใจ เช็กเอกสารของนักเรียนเรียบร้อยก็ได้เวลาออกรถ
“ชั่วโมงนี้ซ้อมท่าสอบแล้วกันเนอะ”
ท่าสอบได้เลย ชิลๆ แม้ไอ้ท่าจอดเทียบฟุตพาทอะไรนั่นผมจะยังทำไม่สำเร็จสักครั้งเลยก็เถอะ
ตอนเจอกันทักว่าผมง่วงแต่พอรถออกตัวเคลื่อนไปช้าๆ ในสนามคนที่หาวแล้วหาวอีกกลับเป็นคุณครูเสียอย่างนั้น ชวนให้เป็นกังวลว่าวันนี้จะรอดกันมั้ย คุณครูต้องมีสตินะ เพราะลูกศิษย์คนนี้ไม่ค่อยจะมีสักเท่าไร
“ง่วงเหรอ”
“คุณดูบรรยากาศดิน่านอนมาก ยิ่งขับวนแบบนี้ยิ่งง่วงเลย”
“ง่วงไม่ได้ดิครู” บอกพร้อมกับเหยียบเบรกตรงจุดจอดของท่าสอบที่สองพอดี เบรกแรงชนิดที่หัวพุ่งไปข้างหน้าเพราะมัวแต่คุยกับครูจนเกือบลืมมองจุดจอด
“โอเคผ่าน เข้าซะหายง่วงเลย” ครูใหม่บอกกลั้วขำ ผมไม่ได้แกล้งเลยนะ ไม่ได้แกล้งจริงๆ
“ผ่านครั้งแรกโดยที่ครูไม่ต้องบอก”
“บอกแล้วไม่ต้องเครียด คุณทำได้ ลูกศิษย์ครูใหม่เก่งจะตาย”
ผมเปิดไฟเลี้ยวตีรถออกขวาทำเป็นหันมองกระจกข้างแล้วแอบยิ้มอยู่คนเดียวกับคำว่าครูใหม่
“เออเนี่ย เรียกแต่คุณปลาทองจำชื่อจริงๆ เราได้หรือเปล่า”
“จำได้ดิ พสุธร มั่งมีทรัพย์”
“ชื่อเล่นก็พอ”
“ปอนด์”
ถูกเรียกว่าคุณปลาทองมาตลอดสี่วันพอเขาเรียกชื่อเล่นตัวเองจริงๆ ดันเขินซะงั้น เรียกแล้วก็ยิ้มภูมิใจแสดงออกให้เห็นว่าจำได้จริงๆ แต่เพราะเป็นคนพิเศษเลยเลือกที่จะใช้คำพิเศษเรียกแทนกัน ประโยคหลังนี่ผมคิดเอาเองนะอย่าถือสาคนที่ความรักกำลังบังตาเลย
“ก็จำได้นี่”
“ก็บอกว่าจำได้”
“แล้วทำไมไม่เรียก”
คำถามวัดใจ หมายถึงใจผมนี่แหละ มาลองวัดกันว่าจะทนแรงต้านทานจากคุณรักแรกได้สักเท่าไร หากคำตอบโดนใจกลัวว่าจะเผลอสารภาพความในใจออกไปจริงๆ
“ก็เรียกแบบนี้มาตั้งนานแล้วไง ติดปาก” เป็นคำติดปากที่ลดพยางค์ลงเรื่อยๆ จากคุณปลาทองเหลือคุณเฉยๆ จึงกลายเป็นว่าตอนนั้นทั้งห้องมีผมคนเดียวที่ถูกเขาเรียกว่าคุณ
“ตอนแรกๆ ก็เรียกเราว่าปอนด์อยู่นะ”
“เปลี่ยนตอนรู้ว่าที่บ้านคุณเป็นฟาร์มปลาทองไง หรือว่าปอนด์ไม่ชอบ” ถามหน้าเครียดเหมือนคนทำผิดมาทั้งชีวิต แต่ขอนอกเรื่องสักนิด ช่วยอย่าเรียกว่าปอนด์บ่อยๆ ได้มั้ยใจสั่น
“ก็เปล่า”
“มันดูเหมือนคำล้อเลียนหรือเปล่า ผมก็ลืมคิดไปเลย ขอโทษนะ”
“ไม่เป็นไร ไม่ได้คิดอะไร ใหม่เรียกแบบนี้ก็ดูพิเศษดี” บอกก่อนว่าตั้งใจหยอด พูดแล้วต้องเบือนหน้าหนีทำเป็นหันมองด้านข้างในจังหวะเลี้ยวรถพอดี ใจเต้นโครมครามรอลุ้นว่าคุณรักแรกจะตอบกลับมายังไง
ทว่าเขากลับเงียบไปเลย
“หมายถึงไม่เหมือนใครดี” ผมเลยต้องรีบแก้ตัวให้ตัวเองโดยที่ไม่กล้าหันไปสบตาเหมือนเดิม
“แล้วชอบแบบไหนมากกว่า”
“แล้วแต่ใหม่อยากเรียกเลย”
“งั้นก็คุณปลาทอง”
หันไปมองก็พบกับรอยยิ้มขี้เล่น ผมไม่ว่าอะไรแค่พยักหน้าให้ เรียกคุณปลาทองต่อไปแบบนี้ก็ดี มัน...
“พิเศษดี”
ไม่ใช่เสียงในหัวผมแต่เป็นเสียงคนข้างๆ ที่พูดขึ้นมาได้อย่างหน้าตาเฉย อยากถามเพื่อขยายความแต่ใจกลับค้านกลัวเขาเล่นมุกใส่แล้วจะเศร้ากว่าเดิมเพราะผมเพิ่งหยอดมุกไปก่อนหน้านี้ ฉะนั้นขอฟันธงเลยว่าเป็นการตบมุกแน่ๆ ขออนุญาตเก็บความรู้สึกที่เผลอดีใจออกไปเมื่อกี้สักครู่
“เงียบเลย” พูดแล้วก็ขำอีก ผมอุตส่าห์เงียบไว้แล้วนะ อย่ามาต้อนกันได้มั้ย
“หยอดกลับเหรอ”
“หยอดอะไร”
“ตบมุกกลับไง ก็เมื่อกี้พูดไปว่าใหม่เรียกคุณปลาทองแล้วดูพิเศษดี” รู้มั้ยว่าผมต้องใช้ความกล้าแค่ไหนในการรวบรวมลมปราณเพื่อพูดประโยคนี้ออกมา
“ไม่ได้ตบมุก พูดจริง”
“อย่ามา”
“อย่ามาอะไร”
“อย่ามาจีบ”
ฉิบหายละ อยากตบปากตัวเองร้อยที
คุณครูหัวเราะจนเห็นเขี้ยวทั้งสองข้าง ผมไม่รู้ว่าเขาคิดยังไงกับสิ่งที่ผมพูดออกไป สนิทกันหนึ่งปีห่างไปอีกแปดปีเพิ่งกลับมาเจอกันได้สี่วันมาพูดเรื่องจงเรื่องจีบ หวังว่าเขาคงไม่คิดมากนะผมแค่แซวเล่น เพราะคนที่อยากจีบน่ะคือผมต่างหาก
“ล้อเล่นนะ อย่าคิดมาก”
“รูปประโยคมันคงเหมือนกำลังจีบจริงๆ ล่ะมั้ง”
ยังไม่หยุดอีกเหรอคุณครูใหม่!
“ถ้าไม่จีบจริงๆ ก็เงียบไปเลย” เพราะคนที่คิดเกินเลยด้วยกำลังคิดมาก จะไม่ถือสาเพราะคุณรักแรกไม่รู้ความรู้สึกที่แท้จริงของผม เราแค่หยอกกันเล่น แถมผมยังเป็นฝ่ายเริ่มด้วย
พอพูดแบบนั้นแล้วครูใหม่ก็เงียบไปจริงๆ
ผมเหลือบมองคุณครูที่เหมือนกำลังนั่งเหม่ออยู่ในโลกที่มีก้อนสายไหมสีหวานลอยไปมา มุมปากยกขึ้นนิดๆ แลดูอารมณ์สุนทรีย์จนนึกสงสัยว่าเขากำลังนึกถึงเรื่องอะไรอยู่ และในนั้นมีผมอยู่ด้วยหรือเปล่า
“ใหม่ ทวนท่าสามให้หน่อยดิ”
“อืมๆ”
ต้องเรียกสติคุณครูก่อนเขาจะเดินหลงอยู่ในทุ่งขนมหวานแล้วปล่อยให้ผมติดอยู่ในสนามฝึกขับรถคนเดียว เราไม่ได้คุยเรื่องที่เสี่ยงต่ออัตราการเต้นของหัวใจของผมต่อ ใช้เวลาที่เหลืออีกยี่สิบนาทีไปกับการฝึกถอยเข้าซอง วนซ้อมได้แค่สองรอบก็หมดเวลาชั่วโมงแรก
พักเบรกห้านาทีหายใจหายคอและเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับชั่วโมงสุดท้ายของวันนี้
ได้จับรถครั้งแรกตื่นเต้นแค่ไหน ตอนได้ออกถนนจริงตื่นเต้นกว่านั้นหลายเท่า แค่ขับมาจอดตรงทางออกโรงเรียนใจผมก็เต้นตึกตักทั้งที่รถไม่เยอะเท่าไร มีกฎที่ต้องปฏิบัติตามอยู่สามข้อคือห้ามหักพวงมาลัยกะทันหัน เชื่อฟังคำสั่งของครูฝึกสอน และอย่าขืนพวงมาลัยเวลาครูฝึกช่วยจับเพื่อบังคับทิศทางของรถ
ดูรถว่าปลอดภัยครูใหม่ก็บอกให้เลี้ยวออกถนนใหญ่ จากนั้นก็เปลี่ยนเกียร์เหยียบคันเร่ง ดูรถทางขวาแล้วเปลี่ยนมาอยู่เลยกลาง ถนนโล่งรถทำความเร็วได้ก็ตบเข้าเกียร์สาม เพิ่มความเร็วอีกนิดให้ความรู้สึกว่ารถเบาขึ้นเยอะและพร้อมที่จะพุ่งทะยานไปด้านหน้า
“เก่งมาก เราจะไปเลนนี้กันยาวๆ เลย”
“โอเคครับครู”
การออกถนนใหญ่ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดเพราะมีคนที่ไว้ใจอยู่ด้วยกัน ผมปฏิบัติตามทุกอย่างที่ครูใหม่บอกทำตัวเป็นลูกศิษย์ที่ดี อาจจะมีนอกลู่นอกทางบ้างเพราะฝีมือยังอ่อนหัดนัก แต่ยังมีคุณครูช่วยจับพวงมาลัยดึงเข้าสู่เส้นทางที่ถูกต้องได้เสมอ
เราไม่ได้คุยนอกเรื่องกันมากระหว่างอยู่บนถนน คล้ายกับคุณครูรู้ว่าผมต้องใช้สมาธิอย่างสูงเพื่อควบคุมอาการตื่นเต้นหรือตกใจหากเจอเหตุการณ์ไม่คาดฝัน อย่างเช่นช่วงเย็นที่คนทยอยเลิกงาน บนถนนเขตชุมชนที่เคยโล่งก็เต็มไปด้วยรถราและผู้คน
ความเร็วที่บางช่วงเวลาเผลอเหยียบไปถึงร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมงลดลงเท่าตัว ครูใหม่คอยบอกเส้นทาง ขับยาวตรงไปกระทั่งเข้าสู่พื้นที่ที่คุ้นเคย ซอยที่เลี้ยวออกถนนใหญ่ตรงไปอีกนิดก็เจอตลาด ผ่านไฟแดงตรงไปอีกไม่กี่กิโลเมตรก็จะถึงโรงเรียน
“อยากลงไปทักทายที่บ้านมั้ย”
เป็นเส้นทางที่ผ่านหน้าฟาร์มปลาทองของที่บ้านผมเอง
“ทักได้ด้วยเหรอ”
“อนุญาตให้แวะเป็นกรณีพิเศษ”
“คุณครูใหม่อยากมาเที่ยวฟาร์มก็บอก”
อีกไม่กี่เมตรจะถึงทางเข้าฟาร์ม ผมไม่คิดจะแวะอยู่แล้วเพราะแค่ทางเข้าก็ไม่ใช่ใกล้ๆ ถ้าคุณครูอยากมาเที่ยวฟาร์มปลาทองมั่งมีทรัพย์ละก็ต้องสละเวลามาทั้งวัน แล้วลูกชายเจ้าของฟาร์มคนนี้จะพาทัวร์เอง
“เที่ยวได้ด้วยเหรอ”
“เที่ยวได้ดิ ใหม่อยากมามั้ยล่ะ”
“อยาก”
“งั้นวันหลังมาเที่ยวกัน”
“โอเค”
ตอบตกลงในจังหวะที่รถแล่นผ่านหน้าทางเข้าพอดี
สัญญากันแล้วนะครูใหม่
สี่สิบนาทีผ่านไปผมก็พาคุณครูกลับมาถึงโรงเรียนโดยสวัสดิภาพ ถอนหายใจอย่างโล่งอกตอนดับเครื่องยนต์ ล็อกรถแล้วยื่นกุญแจคืนให้ กำลังจะทวงถึงสัญญาเห็ดทอดที่ติดค้างกันไว้รถกระบะสีขาวที่เทียวมารับส่งทุกวันก็เลี้ยวเข้ามา
ผมได้แต่มองพี่เพนนีที่ขับมาจอดขนาบข้างเราสองคนตาปริบๆ ยังไม่ได้เรียกให้มารับเลยนะ ปกติต้องตามจิกก่อนถึงจะมาได้ไม่ใช่หรือไง แล้วทำไมวันนี้ถึง...
“เรียนเสร็จพอดีใช่มั้ย เดี๋ยวพี่ไปจอดรอหน้าอาคารแล้วกัน” รับไหว้ครูใหม่แล้วพี่เพนนีก็ใส่ไม่ยั้งก่อนปิดกระจกและขับผ่านเราไปเพื่อวนไปจอดหน้าอาคารตามที่บอก
แล้วเห็ดเข็มทองทอดของเราล่ะ
“ว่าจะชวนไปตลาด ไว้วันหลังแล้วกันเนอะ”
วันหลังนั้นหมายถึงวันพรุ่งนี้ที่เรียนด้วยกันวันสุดท้ายใช่หรือไม่ครูใหม่ รู้งี้บอกพี่เพนนีไว้ว่าไม่ต้องมารับก็ดี พลาดได้ยังไงนะเรา
“อดกินอีกแล้ว”
อยากบอกออกไปว่า ‘ไม่เป็นไรไปตลาดด้วยกันก็ได้ ส่วนพี่เพนนีก็ให้กลับเอง’ แต่สถานการณ์บังคับให้ไม่สามารถปฏิเสธใครได้ ทั้งพี่สาวที่มารับและคุณรักแรกที่บอกออกมาทันทีว่า ‘วันหลัง’
สรุปว่าเห็ดเข็มทองทอดไม่ใช่เครื่องรางนำโชคแต่เป็นกาลกิณีสินะ ถ้าวันนั้นชวนกินอย่างอื่นอาจจะไม่แห้วซ้ำแล้วซ้ำอีกแบบนี้ก็ได้
ทำไมผมถึงไม่ชวนคุณรักแรกกินไข่นกกระทาที่อยู่ร้านข้างๆ ให้สิ้นเรื่องสิ้นราว
ทำไมนะทำไม
“พรุ่งนี้เจอกัน”
สแกนนิ้วเสร็จก็ได้เวลาต้องจาก พรุ่งนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วที่จะได้เรียนด้วยกัน แต่ยังเหลือวันอบรมและสอบอีกวันที่ยังพอมีโอกาส
พรุ่งนี้ผมจะสารภาพ และใช้อีกวันตัดสินใจว่าควรเดินหน้าหรือปล่อยให้รักแรกเป็นเพียงความทรงจำในอดีตเท่านั้น
tbc
ความคิดเห็น