คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 3 จักรวาลที่ยิ่งใหญ่ของเรนโบว์
ตอนที่ 3
จักรวาลที่ยิ่งใหญ่ของเรนโบว์
ช่วงเช้าของการทำงานวันแรกในสัปดาห์ ผมมีประชุมโปรเจกต์ใหม่ตอนสิบโมง แวะส่งเรนนี่ที่มหา’ ลัยก่อนตรงไปบริษัทพร้อมแคคตัสต้นน้อยที่เบาะหลัง จอดรถหอบข้าวของลงมาแล้วก็ต้องเดินย้อนกลับไปเมื่อลืมอะไรบางอย่าง เปิดประตูหลังคว้ากระถางต้นไม้เดินเข้าออฟฟิศไปด้วย
นึกถึงสภาพเวลาคนถูกขังไว้ในรถเป็นยังไง ต้นไม้ที่มีชีวิตก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน พาเด็กน้อยไปอยู่ในที่ปลอดโปร่งโล่งสภาพบนโต๊ทำงานผมน่าจะดีกว่า
วางกระถางแคคตัสไว้ข้างคอมฯ ใครเดินผ่านไปผ่านมาต่างพากันร้องทัก โดยเฉพาะลายกระถางสุดน่ารักอันแสนสะดุดตาไม่เหมือนใคร
“เพ้นท์เองเหรอ”
แต่คนที่ทายถูกว่าผมได้กระถางใบนี้มายังไงมีแค่พี่นุ่นคนที่นั่งโต๊ะข้างผมคนเดียว
“ใช่ครับ รู้ได้ไงเนี่ย”
“ดูลายก็รู้แล้ว ทั้งมดทั้งรุ้ง”
“มีท้องฟ้าด้วย”
พี่นุ่นยิ้มกว้างสายตาเต็มไปด้วยความเอ็นดูประหนึ่งแม่คนหนึ่งของผม พี่สาวคนสวยผมยาวสลวยที่คอยดูแลตั้งแต่ผมเริ่มทำงานที่นี่ ครอบครัวเล็กๆ ที่มีแต่นักออกแบบแสงสว่างฝีมือดี ทำให้ความสามารถของผมพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ที่สำคัญพี่นุ่นรู้ด้วยว่าผมมีน้องชายไม่แท้ชื่อเรนโบว์ที่อาศัยอยู่ด้วยกัน
“พี่นุ่น เรื่องโปรเจกต์ใหม่อ่ะครับ เห็นพี่กอล์ฟบอกว่ามีนิทรรศการภาพถ่ายกับรีสอร์ตที่พังงา”
“ใช่แล้ว ลี่อยากได้โปรเจกต์ไหนล่ะ”
ผมฉีกยิ้มให้อย่างคนเลือกไม่ถูก นิทรรศการภาพถ่ายเป็นงานที่น่าสนใจ รีสอร์ตก็ท้าทายดี แถมยังเป็นโครงการใหญ่และยาวนานมากด้วย แต่ไม่ว่าจะชอบโปรเจกต์ไหนสุดท้ายแล้วคนที่เลือกทีมก็คือท่านหัวหน้าพี่กอล์ฟอยู่ดี
“มีประชุมเรื่องทริปประจำปีด้วยนะ”
“ปีไหนไปไหนครับ”
“รอพี่กอล์ฟเฉลย”
ความสนุกของการทำงานที่บริษัทนี้นอกจากจะได้งานที่ท้าทาย ได้ออกนอกสถานที่บ่ายๆ อีกอย่างที่ผมชอบคือทริปประจำปีซึ่งขึ้นอยู่กับรายได้ของบริษัท ปีที่แล้วได้ไปฮอกไกโดช่วงเทศกาลหิมะ ชมการจัดแสดงไฟตอนกลางคืนที่เมืองโอตารุ ปีนี้ผมก็หวังว่าจะได้ไปเที่ยวสถานที่ที่น่าสนใจอีก
ระหว่างขอเวลาประชุมผมเปิดรายละเอียดงานคร่าวๆ ที่พี่กอล์ฟส่งมาในกลุ่มไลน์ให้ก่อนหน้านี้ สลับกับคุยกับพี่นุ่นเรื่องฟีดแบ็กของงานที่เพิ่งปิดโปรเจกต์ไป งานธนาคารครั้งแรกของผมที่ลูกค้าดูจะพอใจมากทีเดียว
เมื่อใกล้ถึงเวลาทุกคนก็ทยอยเข้าห้องประชุม บริษัทมี lighting designer ทั้งหมดสิบสองคนรวมตัวพี่กอล์ฟซึ่งเป็นเจ้าของ ยังมีการเปิดรับสมัครอยู่เรื่อยๆ เพื่อกระจายงานไม่ให้โหลดจนเกินไป สำหรับผมนั้นยังถือเป็นน้องใหม่ของที่นี่ อยู่ในกลุ่มที่ถูกเรียกว่า new kids มีด้วยกันสี่คน
โปรเจกต์ใหม่ที่บริษัทได้รับมาถูกมอบหมายให้คนที่พี่กอล์ฟเห็นว่าสมควร งานถูกกระจายตามความเหมาะสมและความถนัด ครั้งนี้ผมได้รับโครงการรีสอร์ตที่พังงาร่วมกับเพื่อนอีกคนในทีม หลังการพูดคุยเรื่องงานจบลงเวลาที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง
“ปีนี้ทุกคนทำผลงานได้ดีมากเลยนะ พี่ขอชื่นชม เพราะฉะนั้นทริปประจำปีที่จะเราจะไปเที่ยวกันต้นปีหน้าก็คือ...” พี่กอล์ฟเว้นจังหวะให้ทุกคนได้ลุ้นตาม พี่เขาเป็นสาวผมสั้นร่างท้วมหน้าตาดูใจดี แถมยังใจเย็นและมีอารมณ์ขัน ที่สำคัญคือสายเปย์แบบสุดๆ
เพราะสถานที่สำหรับทริปท่องเที่ยวประจำปีนี้ก็คือ
“อิตาลี”
ทุกคนในห้องรองเฮเสียงดังลั่นห้อง ผมนั่งอ้าปากค้างเพราะไม่คิดว่าจะได้ไปเที่ยวถึงยุโรป อยากขอบคุณตัวเองสักล้านรอบที่ตัดสินใจสมัครเข้าที่นี่ และกราบพี่กอล์ฟงามๆ ที่เลือกผมเป็นหนึ่งในทีมของบริษัท
อิตาลีนครแห่งศิลปะ จะเสพงานศิลป์ให้กระอักไปเลย
หกโมงเลิกงาน มือถือกระถางต้นไม้เหมือนแคคตัสพ่อลูกอ่อน บอกลาเพื่อนร่วมงานขับรถไปยังซูเปอร์มาเก็ตระหว่างทางกลับบ้าน แวะซื้อวัตถุดิบไปทำมื้อเย็นให้เรนนี่ เป็นกิจวัตรที่มักทำเป็นประจำหากไม่ยุ่งจนเกินไป
อย่างการทำมื้อเช้าและมื้อเย็นกินด้วยกัน
พูดถึงสถาปนิกหรือสถาปัตยกรรมแล้วทุกคนคงนึกถึงสารพัดโปรเจกต์ที่กองท่วมหัวจนไม่มีเวลากินเวลานอน ผมเองก็เคยผ่านช่วงเวลาแบบนั้นมาจึงเข้าใจดี แม้สายงานที่เลือกทำตอนนี้ไม่ได้หนักหนาสาหัสถึงขั้นนั้น ผมยังมีเวลาว่างให้ใช้ชีวิตได้ตามใจ จึงเลือกใช้ช่วงเวลานั้นไปกับการดูแลน้องชายที่กำลังฝ่าฟันกับการเรียน ทำให้น้องได้กินอิ่มนอนหลับ เลือกของดีมีคุณภาพทำอาหารอร่อยๆ ให้กิน
เข็นรถมายังมุมของสด เรนนี่บอกผมไว้ว่าเย็นนี้อยากกินปีกไก่ทอดเกลือ เมนูโปรดที่ชอบอ้อนให้ผมทำให้กินบ่อยๆ อย่างเมื่อเช้าก็บอกว่า ‘พี่ลี่ เรนอยากกินปีกไก่’ ด้วยดวงตาวาววับเหมือนลูกหมาในการ์ตูน แม้จะดื้อไม่ยอมหอมแก้มกันก่อนลงรถก็ตาม
คีบปีกไก่ใส่ถุงทั้งหมดหกชิ้นก่อนยื่นให้พนักงานพิมพ์ราคาแปะให้ คิดว่าแค่นี้คงพอสำหรับหนึ่งมื้อ ให้เรนนี่กินสี่ชิ้นของผมสองชิ้น วางถุงไก่ใส่รถเข็นแล้วแวะหยิบของใช้ที่ใกล้หมดอีกนิดหน่อยก่อนตรงไปที่แคชเชียร์
เดินผ่านร้านชูครีมเจ้าโปรดของเรนนี่ที่อยู่ใกล้ทางออกก็อดซื้อกลับไปฝากไม่ได้ ครบแล้วทั้งของคาวของหวาน แม้จะห่วงเรื่องการกินเพราะมื้อเย็นของเราดึกเกินไปแต่คงไม่เป็นไร ปีสามแล้วงานก็เยอะเรียนก็หนัก กินให้อิ่มท้องไว้ย่อมดีกว่า
กลับมาถึงคอนโดไฟในห้องยังปิดสนิท เรนนี่บอกผมไว้แล้วว่าวันนี้จะกลับไม่เกินสองทุ่มเพราะต้องอยู่ทำงานกลุ่ม ชวนให้นึกถึงภาพตัวผมสมัยเรียนได้รางๆ เรียนแบบขายวิญญาณผ่านมาด้วยความยากลำบาก ต้องมีวินัยจัดตารางเวลาเพื่อไม่ให้ทำงานหามรุ่งหามค่ำจนสุขภาพเสีย เพราะฉะนั้นผมเลยอยากดูแลน้องให้ดีที่สุด
เตรียมวัสดุอุปกรณ์เรียบร้อยก็หุงข้าวและหมักไก่ทิ้งไว้สามสิบนาที ระหว่างรอก็กวาดบ้านจัดของไปพลางๆ ทำงานบ้านจนติดเป็นนิสัยเพราะผมอยู่กับแม่แค่สองคนเลยต้องช่วยกัน ทำอาหารเป็นก็ได้แม่สอน ทุกอย่างที่หล่อหลอมมาเป็นผมในวันนี้จะบอกว่าเป็นเพราะการเลี้ยงดูที่ดีของแม่ก็ว่าได้
ครบสามสิบนาทีก็เอาไก่ไปคลุกแป้ง ตั้งกระทะเทน้ำมันใส่รอจนร้อนและนำไก่ลงทอด เสียงน้ำมันเดือดดังซู่ ไก่ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีเหลืองทองน่ากิน กลิ่นหอมคละคลุ้งชวนให้ท้องร้อง ทยอยตักไก่ขึ้นมาพักไว้ทีละชิ้น เมื่อชิ้นสุดท้ายถูกตักขึ้นจากน้ำมันประตูห้องก็เปิดออกพร้อมกับการกลับมาของผู้อยู่อาศัยอีกคน
ผมเหลือบมองนาฬิกา หนึ่งทุ่มสี่สิบเจ็ดนาที
“หอม”
“เสร็จพอดีเลย”
“มีอะไรให้เรนช่วยมั้ย”
เรนนี่ผู้ไม่ประสีประสาเรื่องการทำอาหารเข้ามาป้วนเปี้ยนในครัว ปกติผมจะให้น้องช่วยล้างนู่นล้างนี่ แต่ท่าทางดูเงอะงะจนน่าขัน หากผมเป็นคนที่เก่งเรื่องงานบ้านมากๆ เรนนี่ก็เหมือนขั้วตรงข้ามที่ทำงานพวกนี้ไม่ได้เรื่องสักอย่าง
“เตรียมจานกับตักข้าวรอเลย”
“เค”
เรนนี่รับคำแข็งขัน เปิดตู้หยิบจานออกมา เปิดหมอข้าวที่เพิ่งหุงสุกปล่อยควันฉุย เจ้าเด็กน้อยเบี่ยงหน้าหนีโบกมือไล่ควัน ก่อนหยิบทัพพีมาคุ้ยๆ ข้าวให้เม็ดแยกตัว จากนั้นก็ตักใส่จานเกลี่ยๆ โบะๆ ให้เป็นทรงสวย
“พี่ลี่ พอมั้ย” เรียกแล้วก็ชี้ให้ดูข้าวที่ตักให้
“พอครับ” เมื่อได้คำตอบเรนนี่ก็ตักใส่จานของตัวเองบ้างก่อนยกไปวางที่โต๊ะ
รอไก่สะเด็ดน้ำมันจากนั้นก็ตักใส่จาน ผมจะไม่พูดถึงความดีงามของไก่จานนี้มากแต่อยากให้นึกภาพตามง่ายๆ ว่า หากคุณเคยดูรายการเกี่ยวกับอาหารของญี่ปุ่นที่มีมือคนจับหรือคีบขึ้นมาแล้วมือสั่นๆ พร้อมควันลอยฉุย ไก่ทอดเกลือของผมก็ดูน่าอร่อยประมาณนั้น เรนนี่จ้องตาไม่กะพริบตอนผมยกไปวางบนโต๊ะ
ไม่มีพิธีรีตองอะไรมากกับอาหารแต่ละมือของเรา เรนนี่ใช้ส้อมจิ้มไก่ไปหนึ่งชิ้น ใช้ช้อนช่วยฉีกมันออก ควันลอยออกมาจากเนื้อไก่ ใจน้องคงอยากจับมันขึ้นมากัดทั้งชิ้นแต่ร้อนขนาดนี้ถ้าทำอย่างนั้นคงปากพองแน่ๆ
ผมจิ้มไก่มาวางในจานตัวเองและเริ่มลงมือกินบ้าง สลับกับมองคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามกินอย่างเอร็ดอร่อย ผมจะไม่เล่นมุกว่าเรนนี่หิวมากเด็ดขาดเพราะไก่ทอดเกลือของผมอร่อยที่สุดในโลกแล้วสำหรับน้อง หรือบางทีอาจจะเว้นไว้ให้คุณแม่คนหนึ่งก็ได้ แต่รายนั้นเธอสายขนมหวานบางทีที่หนึ่งก็อาจจะเป็นของผมจริงๆ นั่นแหละ
“เรน รอบนี้พี่ได้งานที่พังงานะ”
“ไปเมื่อไร”
“อีกนาน พรุ่งนี้ถึงจะได้เข้าไปฟังรายละเอียด”
“อืม อย่าโหมงานหนัก”
ยิ้มรับอย่างอดไม่ได้ เรนนี่บอกแบบนี้ทุกครั้งที่เริ่มโปรเจกต์ใหม่ เพราะผมมักใช้เวลาไปกับการคิดงานอยู่ในห้องทำงานทั้งวันทั้งคืนเพื่อให้มันออกมาดีที่สุด
“ไม่โหมๆ”
“ก็เห็นชอบหมกตัวไม่คุยกับใครทุกที”
“มันต้องใช้สมาธิ เรนต้องเข้าใจพี่สิ” เรียนสายเดียวกันต้องเข้าใจซึ่งกันและกันสิ เวลาเรนนี่ต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำผมยังไม่เคยว่าเลย มีแต่ช่วยดูแลกันตลอด
“ก็เข้าใจ”
“งั้นก็อย่าบ่น”
“รู้แล้ว เดี๋ยวดูแลเอง ทำงานของตัวเองไปเถอะ”
“เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะน่า”
“สบาย”
เห็นคนตรงหน้าไหวไหล่ใส่แล้วผมเกือบหลุดขำ ใครกันที่เมื่อสัปดาห์ก่อนทำงานกลุ่มจนถึงตีสามแถมยังโดนแก้ยับ สภาพคนเลยยับเยินตามไปด้วย
“ตรวจแบบวันนี้เป็นไงบ้าง”
“มีแก้นิดหน่อย แต่งานอื่นอีกเพียบ”
“แล้วบอกว่าสบาย”
“เราก็ต้องทำใจให้สบาย”
“มีอะไรให้ช่วยก็บอกแล้วกัน”
“ช่วยเลี้ยงดูเรนก็พอ”
“ก็เลี้ยงอยู่นี่ไง”
ทั้งเลี้ยงดูและดูแล ไม่ว่าจะงานเล็กงานใหญ่งานไฟนอลมีผมนี่แหละที่คอยซัพพอร์ตเรื่องอาหารการกินตลอด ห้องนอนอีกห้องถูกใช้เป็นห้องทำงาน แบ่งพื้นที่กันคนละครึ่งแต่เรนนี่ก็มักกินพื้นที่ผมด้วยเศษขยะตลอด เป็นความรู้สึกที่เข้าใจกันได้ดี
“เออใช่ พี่มีอีกเรื่องอยากอวด” หรือจะเรียกว่าเรื่องที่ผมตั้งใจมาอวดโดยเฉพาะเลยก็ได้
เรนนี่เลิกคิ้วใส่เพราะปากที่กำลังแทะไก่ไม่ว่างถาม ผมยิ้มกว้างนึกถึงตอนที่พี่กอล์ฟประกาศพร้อมเสียงเฮของทุกคนในออฟฟิศแล้วก็ยังตื่นเต้นไม่หาย
“ปีต้นปีหน้าที่บอพี่จะพาไปเที่ยวอิตาลี”
“ทำไมดีแบบนี้อ่ะ” ปล่อยไก่ในปากรีบถามกลับทันที
“เพราะบอพี่เจ๋งไง เก่งด้วย รวยด้วย”
“ได้ทีแล้วอวยใหญ่”
“เรื่องจริงทั้งนั้น”
“เรียนจบแล้วเรนสมัครที่นี่บ้างดีกว่า” เรนนี่ทิ้งช้อนส้อมในมือหยิบไก่ที่เหลือขึ้นมาแทะหลังจากมันหายร้อน
“อยากทำสายนี้เหรอ”
“ยังไม่รู้เลย เรียนจบแล้วอาจจะไปช่วยงานคาเฟ่กับแม่ก็ได้”
คุณแม่บ้านนั้นเขามีความฝันว่าอยากเปิดร้านเบเกอรี่ ลูกๆ เลยช่วยกันเสนอให้ทำเป็นคาเฟ่ไปเลย ตอนนี้กำลังวางแผนกันอยู่ ได้ลูกสาวคนโตช่วยออกแบบให้ตามใจคุณแม่เป๊ะๆ ถึงเวลาลงมือสร้างออกมาเป็นรูปเป็นร่างเมื่อไรผมว่าต้องกลายเป็นคาเฟ่ที่สวยติดอันดับแห่งหนึ่งแน่นอน
“ลูกค้าต้องเข้าร้านเยอะแน่ๆ เพราะเด็กเสิร์ฟหล่อ” ผมบอก เรนนี่ในชุดพนักงานของร้านคงน่ารักดี
“ให้เป็นแค่เด็กเสิร์ฟเองเหรอ”
“เป็นแคชเชียร์ก็ได้”
เรนนี่ก้มหน้าซ่อนรอยยิ้ม จิ้มไก่อีกชิ้นไปวางในจานหลังจากแทะชิ้นแรกจนเหลือแต่กระดูก ข้าวในจานที่ตักมาแค่นิดเดียวพร่องไปนิดหน่อยเพราะน้องชอบกินกับ ส่วนผมชอบกินข้าวสวยร้อนๆ มากกว่า
“ของเรนสี่ชิ้นนะ”
“กินแค่สองชิ้นอิ่มเหรอ”
“อิ่ม กระเพาะพี่เล็กกว่า”
“จะบอกว่าเรนตัวโต”
ได้ทีก็ชงเข้าตัวเองใหญ่ อยากเป็นเด็กตัวโตในสายตาพี่บ้างเหรอ บอกเลยว่าไม่มีวันซะหรอก อย่างเรนนี่น่ะนะ...
“เด็กน้อยตัวเท่าลูกเจี๊ยบของพี่”
“จริงๆ แล้วอาจจะเป็นไก่ยักษ์ก็ได้นะ” บอกแล้วก็กัดไก่แล้วกระชากให้ดู
น่ากลัวมากเลย น่ากลัวจริงๆ แต่ผมว่าถ้ากินแบบนี้อาจจะไม่ใช่ไก่ยักษ์แล้วล่ะ แต่ขอละไว้ในฐานที่ไม่อยากเปลี่ยนแปลงความหมายใดๆ ทั้งนั้น
หลังกินข้าวและช่วยกันล้างจานเสร็จผมก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าลืมแคคตัสไว้ในรถ รีบคว้ากุญแจออกจากห้อง กระถางต้นไม้ลายท้องฟ้า สายรุ้ง และมดลี่ยังวางอยู่เบาะหลัง โชคดีที่มันไม่คว่ำเทกระจาดลงมา นับว่าผมเนี่ยขับรถนิ่มใช้ได้เลย
ถือกระถางต้นไม้เดินกลับขึ้นห้อง ประตูระเบียงเปิดอยู่ เด็กน้อยตัวยักษ์นั่งยองๆ อยู่ริมด้านซ้ายเหมือนกำลังจัดแต่งหรือเคลื่อนย้ายอะไรบางอย่าง เมื่อเดินเข้าไปหาก็พบว่าสิ่งนั้นในมือเรนนี่คือกล่องไม้ขนาดเล็กซึ่งเคยเป็นของประดับห้องนอนที่น้องซื้อมาเมื่อนานมาแล้ว
“เอาวางตรงนี้โอเคมั้ย”
ที่แท้ก็มาหามุมให้เจ้าต้นอ่อนอยู่นี่เอง
“ได้ดิ”
ตอบก่อนนั่งลงข้างกัน ผมวางกระถางไว้บนกล่อง ยังเหลือที่ว่างพอให้วางได้อีกหนึ่งกระถาง ถ้าเจ้าต้นนี้อยู่รอดปลอดภัยและเติบโตขึ้นได้ ผมว่าคงต้องหาเพื่อนให้มันอีกสักต้น
“ถ้าต้นนี้ไม่ตายเราเอามาเลี้ยงอีกต้นดีมั้ย”
“ต้องรอดดิ เดี๋ยวพรุ่งนี้เรนจะแวะซื้อบัวรดน้ำมาไว้”
“เอาอันเล็กๆ พอนะ”
“รู้แล้วคร้าบ” หันมาตอบด้วยสีหน้าประมาณว่า ‘เรื่องแค่นี้ไม่ต้องบอกก็ได้’
“อยากตั้งชื่อให้มันมั้ย”
“ซัน” เรนนี่ตอบทันทีอย่างกับคิดมาแล้ว
“ทำไมเป็นซัน”
“อยากตั้งให้มันดูยิ่งใหญ่ ถ้ามีต้นต่อไปก็จะเป็นเมอคิวรี่ วีนัส เอิร์ธ มาร์ส แล้วก็อะไรอีกนะ”
“จูปิเตอร์”
“นั่นแหละ”
เชื่อแล้วว่าอยากให้ยิ่งใหญ่จริงๆ ขนมาทั้งระบบสุริยะขนาดนี้ ก็หวังว่าเจ้าหนูซันจะอยู่รอดจนถึงวันที่น้องพลูโตจะได้มาเป็นหนึ่งในสมาชิกบ้านแคคตัสของเรานะ
จักรวาลที่ยิ่งใหญ่ของเรนโบว์
จักรวาลที่ผมเป็นหนึ่งในนั้น
มดตัวน้อยที่อยู่ภายใต้สายรุ้ง
tbc
lighting designer เป็นหนึ่งอาชีพที่เราสนใจมากค่ะ
แต่ในเรื่องนี้อาจจะไม่ได้ลงรายละเอียดเรื่องหน้าที่การงานมากเพราะข้อมูลที่มีไม่ได้ลึกขนาดนั้น
ยังไงก็ขอฝากด้วยนะคะ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน เจอกันตอนหน้าค่า
เจ้าน้องเรนนี่ตัวเท่าลูกเจี๊ยบ
#น้องผมก็ตัวแค่นี้
ความคิดเห็น