คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 2 จะจีบคุณรักแรกแล้วนะ
ตอนที่ 2
จะจีบคุณรักแรกแล้วนะ
วันที่สองกับการเรียนขับรถ
วันนี้ผมมาก่อนเวลาเกือบครึ่งชั่วโมง ตื่นเต้นอยากเจอคุณครูก็ส่วนหนึ่ง แต่อีกเหตุผลเป็นเพราะคนมาส่งต้องรีบไปทำธุระ ถ้ามาช้ากว่านี้จะไม่ทันการเอา แถมยังบ่นทิ้งท้ายไว้ด้วยว่า 'เห็นประโยชน์ของการขับรถหรือยัง' ก่อนจากไป ทั้งที่ปัญหามันอยู่ที่ขนส่งสาธารณะของประเทศห่วยแตกมากกว่า ถ้าขนส่งดีและทั่วถึงผมก็ไม่จำเป็นต้องขับรถเป็นเสียหน่อย
จริงมั้ย
เข้ามานั่งรอในออฟฟิศก็เจอเพื่อนที่เรียนชั่วโมงเดียวกันนั่งรออยู่แล้ว เรายิ้มให้กันแต่ไม่ได้พูดคุย ต่างคนต่างหยิบมือถือขึ้นมาเล่น จนกระทั่งใกล้บ่ายสามโมงนักเรียนของชั่วโมงก่อนก็ทยอยกลับเข้ามา รวมถึงคุณครูของผมด้วย
“รอแป๊บนึงนะคุณปลาทอง”
“อืม”
ผมพยักหน้ารับรอยยิ้มนั้นที่ทำให้ใจสั่นไหว ไม่อยากจะบอกเลยว่าเมื่อคืนแอบฝันถึงเรื่องเก่าๆ ของเราสมัยเรียน ตอนที่ได้นั่งข้างกัน ตอนที่คุณรักแรกช่วยสอนวิชาเลขข้อที่ผมไม่เข้าใจ ส่วนผมก็ช่วยเขาทำงานวิชาสังคมจนโดนอาจารย์จับได้แถมยังโดนว่ากลางห้องเรียนด้วย ถ้าเป็นคู่นักเรียนชายหญิงเพื่อนต้องคิดว่าแอบกิ๊กกันอยู่แน่ๆ แต่เพราะเป็นผู้ชายที่นั่งข้างกันเลยรอดตัวไป แม้ตอนนั้นผมจะมีใจให้เขาแล้วก็ตาม
นั่งรอไม่นานครูใหม่ก็กวักมือเรียกผมไปสแกนนิ้ว จากนั้นเขาก็ยื่นกุญแจรถให้พร้อมรอยยิ้มที่ทำให้เห็นเขี้ยวทั้งสองข้าง
“คุณปลาทองไปสตาร์ตรถรอเลยนะ เดี๋ยวผมตามไป”
เอาแต่เรียกว่า ‘คุณปลาทอง’ จนคนอื่นเข้าใจชื่อผมผิดไปหมดแล้วมั้ง แต่ถามว่าคิดจะแก้ไหม บอกเลยว่าไม่ แบบนี้แหละมันดูพิเศษดี
รับกุญแจมาแล้วผมก็เดินไปหารถฝึกซ้อมที่จอดอยู่ในลาน จำได้แม่นเพราะมีคันเดียวที่เป็นกระบะ เปิดประตูเข้าไปนั่งแล้วตั้งสติ ทบทวนบทเรียนของเมื่อวานจากนั้นก็สตาร์ทรถ พอเครื่องยนต์ติดก็ยิ้มออกมาอย่างโล่งใจ เปิดแอร์รอคุณครูมาสอนบทเรียนใหม่ ตื่นเต้นที่จะได้อยู่ข้างๆ คุณครูมากกว่าต้องขับรถเสียอีก
ปล่อยให้ผมนั่งใจเต้นอยู่ในรถคนเดียวไม่นานนักครูใหม่ก็ตามมา เปิดประตูเข้ามานั่งได้ก็ยิ้มแฉ่ง หยิบเอกสารนู่นนี่มาเขียนพร้อมทั้งชมลูกศิษย์คนเก่งที่ยังไม่ทันได้ทำอะไรเลยจนตัวลอย
“จำที่สอนไปเมื่อวานได้หมดเลยนะเนี่ย เก่งมาก”
“ชมเหมือนสอนเด็กเลย”
“กับคนที่ไม่เคยจับรถมาก่อนแบบคุณน่ะเก่งมากแล้ว ดีนะที่ไม่ความจำสั้นเหมือนปลาทอง”
“เอ้า หลอกด่า”
“หยอกเล่น อย่าซีเรียสนะ ถ้าไม่โอเคตรงไหนบอกผมได้”
“ได้ครับคุณครู”
ผมยิ้มให้แล้วก็ต้องรีบเบือนหน้าหนี อยู่ๆ เขาก็ปรับเป็นโหมดจริงจัง ลักษณะการพูดไม่เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนมากนัก ทำเอานึกถึงหน้านิ่งๆ กับสายตาดุๆ ที่คอยพูดกับผมตลอดว่า ‘ใครแกล้งคุณปลาทองบอกผมได้นะ’ เป็นเพื่อนที่คอยผดุงความยุติธรรมให้ตลอดเพราะผมเป็นพวกไม่สู้คนเลยชอบถูกเพื่อนแกล้งแหย่เล่นเอาสนุก
พอนึกถึงวันเก่าๆ แล้วชวนให้ยิ้มไม่หุบทุกที
“วันนี้พร้อมลุยแล้วใช่มั้ย”
อาจเป็นเพราะความสดใสของผมเป็นเหตุคุณครูถึงได้ถามประโยคนี้ออกมา บอกเลยว่าผมพร้อมมาก แค่ได้อยู่ข้างๆ คุณรักแรกก็พร้อมจะพุ่งชนทุกสิ่ง เตรียมเงินไว้จ่ายค่าต้นไม้กับซ่อมรถแล้ว
“พร้อม”
“โอเค งั้นวันนี้เราจะออกไปวิ่งถนนข้างโรงเรียนกัน”
“ฮะ”
“ตรงนั้นไง ไปเลย” ครูใหม่ชี้ให้ผมดูซอยข้างโรงเรียนที่ไม่ค่อยมีรถผ่านไปมานักเพราะมันถูกขนาบข้างด้วยทุ่งนา
“จะดีเหรอ”
“มีเราอยู่ไม่ต้องกลัว”
แค่ประโยคเดียวกำลังใจผมก็พุ่งขึ้นเต็มหลอด เหยียบคลัตช์เข้าเกียร์แล้วเดินหน้า เลี้ยวขวาออกจากประตูโรงเรียนได้แบบไม่มีอะไรมากั้นและไร้ซึ่งความกลัว พลังแห่งรักนี่น่ากลัวจริงๆ
แต่...
“เบาๆๆ”
คุณครูต้องแตะเบรกให้เพราะความรักมันบังตาทำให้ผมลืมมองเสาไฟที่อยู่ซ้ายมือ ทำเอาใจเต้นตุบๆ เพราะเงินที่เตรียมมามีไม่พอค่าตั้งเสาไฟใหม่
“ตกใจหมดเลย”
“ใจเย็นๆ หมุนขวาอีกหน่อย ทีนี้คืนพวงมาลัย ดูหน้ารถให้ตรงแล้วเหยียบคันเร่งเลย”
ตลอดเวลาที่ฝึกในสนามผมไม่ได้ใช้คันเร่งเลย แค่เข้าเกียร์หนึ่งแล้วปล่อยให้รถไหลไปเรื่อยๆ พอได้เหยียบคันเร่งแล้วรู้สึกว่ารถเบาขึ้นเยอะ
“ทีนี้เหยียบคลัตช์แล้วเปลี่ยนเป็นเกียร์สอง ค่อยๆ ปล่อยคลัตช์แล้วเหยียบคันเร่งต่อเลย”
ผมทำตามที่คุณครูบอกทุกขั้นตอน แต่ตาชอบมองคันโยกระหว่างเปลี่ยนเกียร์จนครูใหม่ต้องคอยประคองพวงมาลัยให้ตลอด
“คุณต้องไปฝึกเปลี่ยนเกียร์โดยไม่มองนะ ตาต้องคอยดูหน้ารถไว้ ประคองพวงมาลัยดีๆ ไม่งั้นชนแน่”
“ครับ”
ได้ยินเสียงขำเบาๆ ตอนผมตอบรับ เห็นเป็นคุณครูไงเลยเผลอพูดเพราะใส่ แต่ปกติผมกับเขาไม่ค่อยได้พูดจาหยาบคายใส่กันอยู่แล้ว เพราะไม่ได้สนิทกันมาตั้งแต่แรกพอถูกจับมานั่งด้วยกันเลยเกิดความรู้สึกอึดอัดขึ้นมานิดหน่อย แต่หลังจากเราได้ทำความรู้จักกันมากขึ้นก็ไม่เคยพูดหยาบใส่กันอยู่ดี ครั้งหนึ่งคุณรักแรกหลุดอุทานคำหยาบใส่ผมแล้วก็รีบขอโทษ ทั้งที่มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่ควรเก็บมาใส่ใจเลยสักนิด นี่จึงอาจเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผมตกหลุมรักเขา
ผมพยายามตั้งสมาธิกับทางข้างหน้าไม่คิดว่อกแว่กถึงเรื่องอดีตของคนข้างๆ ที่ชวนให้เคลิ้มฝัน ผ่อนคันเร่งเมื่อถึงทางโค้ง วนรถกลับไปกลับมาจนหมดชั่วโมงแรกก็วนกลับเข้าโรงเรียนเอารถไปจอดแล้วพักเบรกกันก่อน
“คุมรถเก่งขึ้นเยอะเลยนะ”
คุณครูก็ชมเก่งชมเกินเลเวลเหมือนกัน เมื่อกี้เกือบเสยถังขยะเลยนะ
“พอรถเร็วแล้วเหมือนพวงมาลัยมันเบาขึ้นเลย”
“ใช่ เวลารถอยู่ในความเร็วหักพวงมาลัยนิดเดียวมันก็ไปแล้ว”
เรานั่งคุยกันอยู่ที่โต๊ะม้าหินอ่อนหน้าออฟฟิศระหว่างพัก เหลือเวลาอีกแค่ชั่วโมงเดียวก็จะหมดเวลาของเราในวันนี้ สองชั่วโมงช่างเป็นเวลาที่แสนสั้น หรือเพราะผมกำลังมีความสุขจังหวะชีวิตจึงเหมือนถูกเร่งให้เร็วขึ้น คิดแล้วก็อยากจะลงเรียนต่ออีกสักสิบชั่วโมง
“ไปต่อเลยมั้ย”
“อื้ม”
ชั่วโมงหลังเป็นการฝึกท่าสอบอีกสองท่า มีจอดเทียบฟุตพาทกับถอยหลังเข้าซอง ซึ่งผมบอกเลยว่าถ้าจอดเทียบฟุตพาทนั้นคือศัตรูตัวฉกาจ ฝึกอยู่ครึ่งชั่วโมงทำสำเร็จโดยที่คุณครูไม่ต้องคอยให้คำแนะนำแค่รอบเดียว ถึงอย่างนั้นครูใหม่ก็ดูไม่ได้ซีเรียสอะไรนัก
“ไม่ต้องเครียด”
แต่ผมเครียดไปแล้วครับคุณครู
ความรู้สึกเศร้าสร้อยเมื่อต้องลาจากหลังจบชั่วโมงเรียนเกิดขึ้นอีกครั้ง เราบอกลากันและผมเป็นฝ่ายเดินออกมาก่อนเช่นเดียวกับเมื่อวาน แล้วก็มายืนเคว้งคว้างนึกโมโหตัวเองอยู่ในใจว่าทำไมไม่พูดอะไรออกไปสักอย่างทั้งที่ความรู้สึกที่มีตอนนี้เริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แล้วแท้ๆ
ชอบเขาอีกครั้งแล้วขนาดนี้จะไม่ทำอะไรเลยหรือไง
ขณะที่กำลังคิดว่าจะทำยังไงดีคุณรักแรกก็เดินออกมา ในหัวผมกำลังประมวลคำถาม จะรั้งให้อยู่ด้วยกันยังไงดีให้อีกฝ่ายยอมตกลง
“ใหม่กลับบ้านเลยเหรอ”
“ใช่”
“รีบมั้ยอ่ะ ไปเดินเล่นตลาดกันมั้ย” ใจเต้นตูมตามตั้งแต่เปล่งพยางค์แรก ลุ้นตัวโก่งแต่ต้องทำเป็นยิ้มไว้และเตรียมตัวเตรียมใจตั้งรับคำปฏิเสธ
แต่คุณรักแรกไม่เคยใจร้ายกับผมเลยสักครั้ง
“ไปดิ”
เยส! กรีดร้องอยู่ในใจ ส่วนการแสดงออกทางสีหน้านั้นต้องนิ่งเอาไว้ก่อน
“วันนี้พี่สาวไม่มารับเหรอ”
“ยังไม่ได้โทรอ่ะ ลองชวนใหม่ก่อน ถ้าใหม่ไม่ว่างค่อยโทรให้มารับ”
“งั้นเดี๋ยวกลับจากตลาดผมพาไปส่งบ้านเลยก็ได้”
เคยเห็นเวลาคนต้องกลั้นยิ้มสุดกำลังมั้ย ตอนนี้ผมกำลังเป็นแบบนั้น ต้องแอบหันหนีไปแป๊บหนึ่ง ผ่อนลมหายใจเข้าออกและพยายามบังคับริมฝีปากไม่ให้ยิ้มกว้างจนเกินไปเดี๋ยวจะถูกสงสัยเอา
“ไปกัน”
รถครูใหม่จอดอยู่ข้างรถที่ผมใช้ฝึกขับพอดี ฮอนด้าซีวิคสีดำที่ดูเหมือนจะไม่ได้ผ่านการล้างมานาน เจ้าของรถยิ้มแหยบอกไม่ค่อยมีเวลาเพราะต้องสอนหกวัน วันหยุดหนึ่งเดียวที่มีเลยเอาไว้นอน
อยู่ในรถกันสองต่อสองมาเป็นชั่วโมงแต่พอได้สลับตำแหน่งมานั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถในรถคุณรักแรกก็ทำเอาจินตนาการพรั่งพรู เขินจนหน้าร้อนนึกไปถึงอนาคตว่าถ้าได้นั่งตรงนี้ในอีกสถานะหนึ่งจะเป็นยังไง แต่ต้องรีบเบรกความคิดตัวเองเอาไว้เพราะแม้กระทั่งบอกออกไปว่าชอบยังไม่กล้าเลย
“เป็นคนนั่งสบายใจกว่าอีก” ผมบอกเมื่อรถออกตัว
“รอขับเป็นก่อนเดี๋ยวก็สบายใจเอง”
หันมายิ้ม มองถนน แล้วหมุนพวงมาลัย คนที่ขับรถได้ดูมีความสามารถและเพิ่มความเท่ได้ในระดับหนึ่ง ผมเองก็อยากเท่ได้แบบคุณรักแรกเหมือนกัน เขาทำให้ดูเหมือนว่าการควบคุมเครื่องจักรขนาดใหญ่นี้เป็นเรื่องง่าย มือที่จับพวงมาลัยกับเข้าเกียร์ เท้าที่คอยเหยียบคันเร่งและเบรก ไหนจะต้องคอยเปิดไฟนู่นนี่ที่ผมยังตื่นตูมกับมันอยู่ ฉะนั้นผมจึงมักชื่นชมทุกคนที่ทำในสิ่งที่ผมไม่สามารถทำได้ แม้เป็นเรื่องเล็กๆ อย่างการขับรถก็ตาม
“ใหม่เก่งเนอะ”
“หืม เก่งอะไร”
“ขับรถเก่ง”
“ขับไม่เก่งเป็นครูไม่ได้นะ”
“เท่ด้วย”
“ชมเอาอะไร”
“ชมจากใจ” ด้วยความชื่นชมและนึกรัก
“เดี๋ยวคุณก็เก่ง”
“แต่ฝึกแค่สิบชั่วโมงไม่น่าจะขับได้”
“จบแล้วก็ต้องฝึกเองเรื่อยๆ”
“ไม่มีคนดูให้อ่ะดิ”
เรื่องจริงไม่จ้อจี้ที่ว่าไม่มีคนดูให้เพราะทุกคนที่บ้านผมวันๆ ห่วงแต่ปลาทองในบ่อ จะมีเวลาหน่อยก็ช่วงตะวันตกดินที่ไม่น่าจะเหมาะกับการฝึกขับรถสำหรับมือใหม่อย่างผม
“แต่ถ้ามีปัญหาโทรมาที่โรงเรียนได้ตลอดนะ”
“อืม” พยักหน้าตอบทำเป็นซึมนิดหน่อย คุณรักแรกจะสังเกตได้ไหมว่าผมกำลังพยายามหลอกล่อเขาให้ก้าวเข้ามาในชีวิตของผมอยู่
ช่วยตอบว่า ‘เดี๋ยวผมสอนนอกรอบให้ก็ได้ทีเถอะ’
“ไม่ต้องเครียดขนาดนั้น ถ้ามีปัญหาโทรหาได้ แบบถอยรถเข้าบ้านไม่ได้อะไรแบบนี้”
“จะมาให้เหรอ”
“ถ้าว่างนะ”
มีความหวังขึ้นมานิดหน่อยแม้ไม่น่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นก็ตาม ถ้าผมถอยรถเข้าบ้านไม่ได้คงโดนพี่เพนนีไล่ลงแล้วขึ้นมาขับเอง ซึ่งตรงนี้นับว่าเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อย เพราะสิ่งที่ผมกลัวคือการขับออกถนนใหญ่เส้นทางไกลๆ คนเดียวมากกว่า
แต่ไหนๆ โอกาสก็มาแล้วทั้งที
“งั้นขอเบอร์ไว้หน่อยดิ”
“เมมนะ”
หยิบมือถือขึ้นมาอย่างไม่รอช้า จิ้มตัวเลขตามที่อีกคนบอกแล้วบันทึกชื่อไว้ว่า ‘คุณรักแรก’ ต้องป้องหน้าจอทำตัวเอียงๆ บังไว้ไม่ให้คนที่ขับรถอยู่เหล่มาเห็น ไม่อย่างนั้นคงโป๊ะแตกตั้งแต่ยังไม่ทันได้เริ่มจีบ
ผมบอกไปหรือยังนะว่าตัดสินใจจะจีบคุณรักแรกแล้ว
รถเคลื่อนไปตามความคล่องตัวของการจราจรบนท้องถนน ตลาดที่ชวนไปอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนนัก เปิดขายทุกวันตั้งแต่บ่ายสามจนถึงสองทุ่ม ผมแวะมาที่นี่บ่อยๆ โดยการปั่นจักรยานเพราะเป็นยานพาหนะเดียวที่ผมขี่ได้ อีกอย่างฟาร์มปลาทองมั่งมีทรัพย์ไม่ได้อยู่ห่างจากตลาดมากนัก เลยไปนิดหน่อยเข้าซอยประมาณห้าร้อยเมตรก็ถึง
มือถือผมแผดเสียงร้องทันทีเมื่อรถจอดสนิท พี่เพนนีโทรมา คงสงสัยว่าทำไมผมไม่โทรหาสักทีทั้งที่เลยเวลาเลิกเรียนมาได้สักพักแล้ว ผมเองก็ลืมแม้กระทั่งทักไลน์ไปบอก
[ยังไม่เลิกเรียนอีกเหรอ]
กดรับระหว่างก้าวลงรถเสียงพี่สาวก็ดังมาก่อนผมจะพูดทักทายออกไปเสียอีก
“เลิกแล้วอยู่ตลาด”
[เอ้า มาได้ไง]
“ก็นั่งรถมาไง”
[ขึ้นสองแถวมาเหรอ]
แถวบ้านผมมีรถสาธารณะสายเดียวคือสองแถวสีแดงที่นานๆ จะมาสักคัน
“เปล่า มากับเพื่อน”
[เพื่อนที่ไหน]
แล้วพี่เพนนีจะมาซักไซ้อะไรผมตอนนี้ก็ไม่รู้
“เพื่อนสมัยม.ต้น พอดีเขาเป็นครูสอนขับรถปอนด์อ่ะ”
[ไม่เห็นเล่าให้ฟัง เออเนี่ยพี่อยู่ตลาดพอดี]
“ฮะ”
[แม่ให้มาซื้อของก็เลยมาเดินเล่นรอแกไง อยู่ตรงไหนเดี๋ยวพี่เดินไปหา]
ทำไมทุกอย่างต้องเหมาะเจาะขนาดนี้ด้วยก็ไม่รู้ คุณรักแรกก็ยืนรอผมคุยโทรศัพท์ ถ้าพี่เพนนีโผล่มาตอนนี้ละก็เขาต้องขอแยกตัวออกไปก่อนแน่ๆ แต่ผมเป็นคนชวนเขามาเดินเล่นด้วยกันจะให้ทิ้งไปง่ายๆ ได้ไง
“ปอนด์จะเดินกับเพื่อนก่อน เสร็จแล้วเดี๋ยวโทรหาแล้วนะ”
[เคๆ]
ขอบคุณที่ยอมกันง่ายๆ นะพี่สาว
ตกลงกันได้ผมก็วางสาย เสียใจนิดหน่อยที่วันนี้คุณรักแรกจะไม่ได้ไปส่งที่บ้านแล้ว
“พี่สาวเราอยู่ตลาดนี่แหละ ใหม่ไม่ต้องไปส่งเราแล้วนะ”
“อ๋อ โอเค”
เราใช้เวลาเดินเล่นด้วยกันไม่นานเพราะตลาดที่นี่ไม่ได้ใหญ่มาก ผมแนะนำให้เขาซื้อเห็ดเข็มทองทอด ร้านที่คิวยาวที่สุดในตลาดและเป็นร้านโปรดของผม แต่พอถึงคิวกลายเป็นว่าเห็ดเข็มทองหมดพอดีเพราะเป็นเมนูใหม่ที่กำลังได้รับความนิยม แต่ละคนซื้อทีละสามสี่ถุงเหมือนซื้อเผื่อไว้กินสามสี่วันเราเลยได้ซื้อหนังไก่ทอดเป็นการปลอบใจ
ช่างไม่มีดวงเลยจริงๆ
“เป็นร้านที่แปลกดีเนอะ ขายเห็ดกับหนังไก่” คุณรักแรกว่า กินหนังไก่ไปพลางระหว่างเดินกลับไปที่รถ ในมือถือขนมอีกสองสามอย่างที่บอกว่าซื้อกลับไปฝากที่บ้าน
“ไว้วันหลังมาแก้ตัว”
“พรุ่งนี้มั้ย เห็นแล้วอยากลองกิน หนังไก่เขาก็อร่อยดี”
“เอาดิ” ตอบตกลงแบบไม่ต้องคิด ผมแค่ลองถามหว่านไปเผื่อจะชวนมาด้วยกันได้อีกแต่ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้
เดินกลับมาถึงรถก็ต้องโบกมือลา เขาบอกผมว่า ‘เจอกันพรุ่งนี้’ ก่อนจะขับรถออกไปพร้อมกับเคี้ยวหนังไก่ตุ้ยๆ อยู่ในปาก
เจอกันพรุ่งนี้ครับคุณรักแรก
tbc
ความคิดเห็น