คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 1 เจอกันอีกครั้ง
ตอนที่ 1
เจอกันอีกครั้ง
เวลาหนึ่งสัปดาห์ที่มีให้เตรียมใจผ่านพ้น ผมก้าวลงจากรถที่พี่สาวขับมาส่งหน้าโรงเรียน เดินเข้าไปข้างในขณะที่สายตากวาดมองโดยรอบ มองสนามฝึกซ้อมที่มีรถวนอยู่สองสามคันแล้วอยู่ๆ ก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา มโนไปถึงอนาคตในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้แล้วก็เริ่มรู้สึกทำตัวไม่ถูก จะทำหน้ายังไง จะเอ่ยทักออกไปแบบไหน กับคนที่เคยมีความรู้สึกดีๆ ให้ซึ่งห่างเหินกันมากว่าแปดปี
สุภาษิต จารุเมือง รักแรกวัยมัธยมต้นของผม
เข้ามาในออฟฟิศติดต่อเจ้าหน้าที่ธุรการแล้วนั่งรอ ผมมาก่อนเวลาสิบห้านาทีตามที่แจ้งไว้ในตารางเรียน มีนักเรียนคนอื่นอยู่ด้วยอีกสามคน เมื่อใกล้ถึงเวลาครูฝึกสอนกับนักเรียนของคาบเรียนที่แล้วก็ทยอยกันเข้ามา
เป็นช่วงเวลาที่ทำให้ใจผมเต้นเร็วกว่าเดิม
เรื่องก็ผ่านมานานแล้วแถมยังเป็นรักข้างเดียวอีก จะตื่นเต้นทำไมนักก็ไม่รู้
หลังจากได้รู้ว่าครูสอนขับรถคือรักแรกใช่ว่าผมจะปล่อยผ่านแล้วตื่นเต้นทึกทักไปเอง ตลอดเวลาที่ผ่านมาหนึ่งสัปดาห์ผมได้ทำการตรวจสอบและค้นหาข้อมูลเพื่อยืนยันว่าใหม่เป็นครูสอนขับรถอยู่ที่โรงเรียนนี้จริงหรือเปล่า ซึ่งก็แค่เปิดเฟซบุ๊กที่อีกฝ่ายไม่ค่อยได้อัปเดตดูนั่นแหละ และคำตอบที่ได้นั้นทำให้ผมทำตัวเลิ่กลั่กอยู่ตอนนี้
ทั้งดีใจ ทั้งลุ้นว่าอีกฝ่ายจะจำกันได้ไหม เกือบแปดปีที่ไม่ได้เจอหน้าจะโตขึ้นแค่ไหนกัน
มองประตูออฟฟิศที่เปิดออกอีกครั้งก่อนรีบก้มหน้าเล่นมือถือเมื่อครูผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามา ใช่ครูของผมหรือเปล่าไม่รู้ตื่นเต้นไว้ก่อน ผมไม่อยากคอยจ้องทำตัวเป็นคนน่าสงสัย บอกตัวเองให้ทำใจสบายๆ การเจอเพื่อนสมัยเด็กไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวล เพราะเรื่องที่น่ากังวลกว่าคือการเรียนขับรถต่างหาก
"ลูกศิษย์ครูใหม่มาแล้วนะ"
ผมเงยหน้าขึ้นมองเมื่อได้ยินเสียงของพี่ธุรการ ผู้ชายตัวสูงคนหนึ่งยืนหันหลังคุยกับคุณพี่เธออยู่หน้าโต๊ะเหมือนกำลังถามให้แน่ใจว่าลูกศิษย์ของตนชื่ออะไร
ก้มหน้าเล่นมือถืออีกครั้งด้วยใจที่เต้นเร็วกว่าเดิม ถึงความรักที่เคยมีให้จะไม่เท่าเก่าแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าแม้จะผ่านมานานแค่ไหนก็ยังคงหลงเหลือความรู้สึกดีๆ อยู่ในใจ ผมกำลังลุ้นอยู่ว่าเห็นชื่อนักเรียนแล้วคุณรักแรกจะจำกันได้มั้ย และจะทำหน้ายังไงเมื่อได้เจอกันอีกครั้ง
"คนไหนพสุธรครับ"
ผมค่อยๆ เงยหน้าเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อ ยกมือขึ้นข้างหูเพื่อตอบรับ สบตากับครูฝึกที่กำลังกวาดตามองรอบห้องก่อนจะคลี่ยิ้มเมื่อเห็นว่าลูกศิษย์ของตัวเองคือใคร
ยิ้มกว้างจนเห็นเขี้ยวทั้งสองข้าง ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนไปเลย
"อ้าว คุณปลาทองนี่เอง"
ผมยิ้มตอบเมื่อคุณรักแรกเรียกชื่อเล่นของผมที่เขาเคยเรียกสมัยเรียนด้วยกัน
ยังจำกันได้นี่นา
“คุณปลาทองอะไรเล่า”
ครูใหม่เดินยิ้มกว้างเข้ามาหาผมที่นั่งอยู่ เขาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า แม้จะเคยเห็นในรูปมาบ้างแต่พอเจอตัวจริงกลับให้ความรู้สึกแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เด็กผู้ชายที่ตอนขึ้นมอหนึ่งตัวเล็กกว่าผม จบมอสามขนาดตัวไม่ได้ต่างกันมากเท่าไร ทว่าเมื่อกาลเวลาผันผ่านกลับทำให้เราดูต่างกันได้ถึงเพียงนี้
เขาที่ดูเป็นผู้ใหญ่ กับผมที่ยังดูเหมือนปลาทองไม่เปลี่ยนแปลง
“เห็นชื่อในระบบเมื่อกี้ตกใจหมดเลย”
“ตกใจตอนเห็นชื่อครูที่สอนเหมือนกัน”
“เดี๋ยวคุณรอสแกนนิ้วเข้าระบบแป๊บนึงนะ”
“อืม”
พยักหน้ารับครูใหม่ก็เดินไปคุยกับเพื่อนครูด้วยกันก่อนนั่งลงหน้าคอมฯ เพื่อเข้าระบบการสอนแล้วกวักมือเรียกผมขอบัตรประชาชนไปเสียบและไปสแกนลายนิ้วมือ ได้ยินสรรพนามที่เขาใช้เรียกผมแล้วก็ขำ ดูห่างเหินแต่ไม่ได้ต่างไปจากเมื่อก่อนเลย
จะมีเด็กมอสามสักกี่คนที่ใช้สรรพนามเรียกเพื่อนที่นั่งข้างๆ ว่าคุณกับผมด้วยน้ำเสียงที่เหมือนผู้นำแก๊งตลอดเวลา
“เดี๋ยวเราขึ้นไปเรียนเรื่องเครื่องหมายจราจรกันก่อนนะ เสร็จแล้วจะพาไปดูเครื่องยนต์ แล้วค่อยลองขับกัน ปลาทองเคยขับรถมาก่อนมั้ย” อีกฝ่ายถามระหว่างเราเดินขึ้นชั้นสองเพื่อไปเรียนรู้เรื่องป้ายจราจรกับนักเรียนอีกสามคน เขาชวนผมคุยได้อย่างเป็นธรรมชาติ หรืออาจจะเป็นเพราะเขาคุยแบบนี้กับนักเรียนทุกคนอยู่แล้วก็ได้
“ไม่เคยเลย”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมสอนให้เป็นเอง”
คนเป็นครูต้องยิ้มแย้มเป็นกันเองแบบนี้ใช่หรือเปล่า สายตาผมแทบละจากเขาไม่ได้เลยตั้งแต่เจอกัน คล้ายกับว่าความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ในใจถูกรอยยิ้มและน้ำเสียงที่คุ้นเคยกระตุ้นให้ความรักเริ่มทำงานอีกครั้ง เหมือนอย่างที่ผมเชื่อมาตลอดว่ารักครั้งแรกจะติดอยู่ในใจตลอดไปไม่ว่านานแค่ไหนก็ไม่เคยลืม และเป็นเรื่องง่ายมากที่เราจะตกหลุมรักคนคนเดิมอีกครั้ง
ผมไม่มีคนในใจ ไม่ได้คบใครจริงจังมานานมากแล้วเพราะความรักไม่เคยเหวี่ยงคนที่เข้ากันได้มาให้ผมเลย จนกระทั่งตอนนี้
แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังปักใจเชื่อไม่ได้หรอกว่าอาการใจเต้นกับยิ้มไม่หุบที่เป็นอยู่นั้นเรียกว่าอาการตกหลุมรักอีกครั้งได้หรือเปล่า
“มาเป็นครูที่นี่ตั้งแต่เมื่อไร” ผมชวนคุยระหว่างที่เรากำลังเดินขึ้นชั้นสอง
“เพิ่งสามเดือนเอง”
“ไม่รู้เลยว่ากลับมาแล้ว”
“ไม่ได้บอกใครเหมือนกัน เพื่อนๆ ก็แยกย้ายกันหมดแล้วด้วย ตั้งแต่ขึ้นมอปลายก็ไม่ค่อยได้คุยกันเลย”
เพื่อนที่ว่านั่นรวมถึงตัวผมด้วย
เราเรียนด้วยกันตอนมอต้น หลังจากจบมอสามคุณรักแรกก็ย้ายไปเรียนต่อมอปลายที่กรุงเทพฯ ช่วงแรกเรายังพอติดต่อกันอยู่บ้าง แต่สุดท้ายความห่างไกลก็ทำให้เราต้องห่างเหินไปตามกาลเวลา ตอนที่ต้องแยกจากกันผมนอนร้องไห้อยู่หลายคืน แต่ก็กลัวเกินกว่าจะบอกความในใจที่มีให้อีกฝ่ายรับรู้และเก็บความลับไว้มาจนถึงตอนนี้ วันเวลาผ่านเมื่อเริ่มปรับตัวได้ทุกอย่างก็กลับสู่ปกติ เราต่างใช้ชีวิตของตัวเอง นึกถึงกันบ้างเป็นบางครั้ง นานวันเข้าก็เริ่มจางหายจากชีวิตของกันและกันไปทีละนิด แต่ภาพความทรงจำที่มีอยู่นั้นยังชัดเจนไม่เคยลืมเลือน
“เพราะใหม่ไม่ค่อยอัปเดตชีวิตด้วยหรือเปล่า”
“ก็จริง”
พูดถึงนิสัยแล้วเขาค่อนข้างเป็นคนมีโลกส่วนตัวสูงพอสมควร สมัยเรียนเราไม่ได้อยู่กลุ่มเดียวกันแต่ผมกับคุณรักแรกถูกจับให้นั่งข้างกันตอนมอสาม และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมตกหลุมรักผู้ชายคนนี้ ความใจเย็น สุภาพ และสงบนิ่งทำให้เขาแตกต่างจากคนอื่นแม้จะดูเป็นหัวแก๊งเด็กเกเรของห้องก็ตาม เป็นคนที่รู้ตัวว่าเวลาไหนควรพูดเวลาไหนควรเงียบ ใช้ชีวิตเฮฮาไปกับเพื่อนฝูง แหกกฎบ้างแต่ไม่ถึงขั้นเกินเลยจนเกิดปัญหา จะว่าไปเขาก็เป็นที่นิยมให้หมู่เด็กนักเรียนผู้หญิงหลายคนเหมือนกัน แต่แปลกที่ผมไม่เคยเห็นเขาคบใครเลยสักคน
เราเดินเข้าห้องเล็กๆ ที่มีแผ่นป้ายจราจรติดอยู่ นักเรียนทุกคนต้องเซ็นเอกสารรับทราบเกี่ยวกับข้อตกลงต่างๆ ก่อนจะเริ่มบทเรียน ครูท่านหนึ่งที่น่าจะมีอายุงานมากที่สุดขึ้นบรรยายถึงมารยาทของผู้ขับขี่ กฎหมายจราจรและป้ายจราจรเบื้องต้น จากนั้นก็แยกย้ายไปเรียนรู้เรื่องเครื่องยนต์และเช็กสภาพรถที่ผมฟังแบบผ่านๆ เพราะการฟังแค่ครั้งเดียวไม่ทำให้จำได้หรอกว่าอะไรมันอยู่ตรงไหนบ้าง
“คุณปลาทองประเมินรถนะว่าได้กี่เปอร์เซ็นต์” ครูใหม่บอก จิ้มให้ผมเขียนตรงท้ายของเอกสารเช็กรถ แต่คนที่เพิ่งเคยจับรถครั้งแรกอย่างผมประเมินไม่ถูกหรอก
“เต็มร้อย”
“มันไม่เต็มหรอก รถไม่ได้ออกจากศูนย์” คุณครูยิ้มขำ
“งั้นเท่าไรอ่ะ”
“เท่าไรก็ได้แล้วแต่เลย”
ผมเขียนลงไปแปดสิบเปอร์เซ็นต์แบบมั่วๆ เอา รถคันนี้ครูเขาเช็กความเรียบร้อยมาให้แล้ว ทุกอย่างพร้อมใช้งานเหลือแค่นักเรียนอย่างผมที่ไม่พร้อมเรียนสักเท่าไร
“ไปๆ ขึ้นรถ” คุณครูบอกแล้วยัดกุญแจรถให้ก่อนเดินอ้อมไปฝั่งข้างคนขับ
“ให้เราขับเลยเหรอ”
“ขับเลยๆ ไปต้องกลัว ผมสอนแป๊บเดียวเป็นแน่นอน”
ผมเปิดประตูก้าวขึ้นรถอย่างกล้าๆ กลัวๆ ทำตามคำที่ครูใหม่บอกทุกขึ้นตอน ปรับเบาะ ปรับพวงมาลัยให้พอดีแล้วคาดเข็มขัด สตาร์ทรถด้วยใจตุ้มๆ ต่อมๆ คุณครูก็พูดไปยิ้มไปเหมือนรู้ว่าลูกศิษย์คนนี้กลัว
“คุณปลาทองเหยียบคลัตช์เข้าเกียร์หนึ่งเลย จับพวงมาลัยตรงๆ นะ แล้วค่อยๆ ปล่อยคลัตช์ พอตัวเราพ้นไฟหน้ารถคันข้างๆ ก็หมุนพวงมาลัยซ้ายให้สุด ดูหน้ารถไว้ ทีนี้หมุนพวงมาลัยคืนตรง”
ผมเกร็ง โคตรจะเกร็ง ไม่กล้าทำอะไรผลีผลามกลัวรถพุ่งไปชนกำแพงข้างหน้าแม้ฝั่งที่คุณครูนั่งจะมีเบรกให้เหยียบอยู่ก็ตาม ค่อยๆ ออกตัวค่อยๆ ขยับ ครูก็คอยเชียร์คอยสอนจนกระทั่งผมพารถเข้าสนามได้สำเร็จ
“เก่งมาก” ยิ้มชมจนเห็นเขี้ยวทั้งสองข้าง ทำเอาผมต้องรีบหลบตากลับมามองหน้ารถก่อนมันจะชนเสาเสียก่อน
ใจเต้นแรงอีกแล้ว
ขั้นแรกผมต้องฝึกควบคุมรถ วนในสนามไปเรื่อยๆ ให้ชิน นับว่าวิธีการสอนของครูใหม่เองก็ได้ผลไม่น้อย วนแค่สองรอบผมก็หายกลัวการเรียนขับรถแล้ว
“ทำไมใหม่ถึงมาเป็นครูสอนขับรถอ่ะ” จะพูดเรื่องรถอย่างเดียวมันก็น่าเบื่อผมเลยชวนคุยเรื่องอื่น ไม่เจอกันตั้งนานมีเรื่องมากมายที่อยากถาม
“เบื่อทำงานที่กรุงเทพฯ แล้วที่นี่เปิดรับสมัครพอเลยลองดู จะได้กลับมาอยู่บ้านด้วย”
“ทำงานที่กรุงเทพฯ ไม่ได้เงินเยอะกว่าเหรอ”
“ก็เยอะกว่า แต่น่าเบื่อ”
“เบื่อคนล่ะสิ” หันไปยิ้มแซว
“ก็ใช่ เฮ้ย! ต้นไม้ ขวาๆๆ หมุนขวาๆ”
เผลอละสายตาจากหน้ารถแป๊บเดียวผมเกือบลืมเลี้ยวตามโค้งจนคุณครูโพล่งออกมาด้วยความตกใจ เท้าก็เหยียบเบรกไว้ก่อนผมจะพารถเข้าไปเสยต้นไม้จริงๆ
ใจหายหมดเลย
ตั้งหน้ารถได้ใหม่ผมก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งออก แต่คนที่โล่งกว่าดูเหมือนจะเป็นคุณครู
“ไม่เอาต้นไม้นะ ต้องหารกันจ่ายนะเนี่ย”
“จริงดิ”
“จริง เพราะฉะนั้นดูหน้ารถไว้ดีๆ”
ครูใหม่เข้าโหมดขรึมผมเลยต้องตั้งใจขับไปด้วย แต่ทำเป็นจริงจังได้ไม่นานนักหรอกคุณครูก็เริ่มชวนคุยนอกเรื่อง
ไม่เจอกันตั้งนานคุณรักแรกเองก็คงอยากคุยกับผมเหมือนกันนั่นแหละ
“ตอนนี้คุณก็ช่วยงานที่บ้านอยู่เหรอ”
“ใช่ เลยถูกบังคับให้มาเรียนขับรถเนี่ย”
“เรียนไว้ก็ดีนะ สะดวกดี”
“แต่อยากเป็นคนนั่งมากกว่า”
“งั้นก็ต้องหาแฟนที่ขับรถได้”
ผมเหลือบมองคนพูด อย่าชงมาแบบนี้ได้ไหมเดี๋ยวผมเผลอเล่นกลับไปแล้วจะตอบไม่ถูก ถ้าเกิดบรรยากาศอึดอัดระหว่างกันขึ้นมาตั้งแต่วันแรกละก็ยุ่งเลยนะ อีกสี่วันที่เหลือผมไม่มีสมาธิเรียนต่อแล้วแน่ๆ
“หายากจะตาย”
“เยอะแยะ”
“เยอะแยะแต่ก็หายาก”
“แสดงว่ายังโสดใช่มั้ย” ทำเป็นยิ้มเหมือนจะล้อผม โสดแล้วมันทำไม ก็คนดีๆ ที่นิสัยเข้ากันได้มันหาได้ง่ายๆ ซะที่ไหน
“ถามแบบนี้ใหม่มีแฟนแล้วเหรอ” ไม่ได้หวังให้คำตอบเป็นอย่างที่คิดแต่ก็อดใจเต้นไม่ได้
“หายากเหมือนกันนั่นแหละ” พูดเองแล้วก็ขำเอง
ผมเบือนหน้าหนีหลบสายตา มองตรงไปข้างหน้าบังคับรถให้อยู่ในเส้นไม่ออกนอกลู่นอกทางไปไหน พยายามกลั้นยิ้มอย่างสุดความสามารถเพราะกลัวคนข้างๆ รู้ว่าผมดีใจกับคำตอบนั้น
แล้วทำไมต้องดีใจกันล่ะ ก็แค่คุณรักแรกยังไม่มีแฟนเอง
ถามตัวเองซ้ำๆ ว่าทำไมต้องดีใจระหว่างที่รถยังวนอยู่ในสนาม คำตอบมีอยู่ไม่กี่ตัวเลือกแต่ผมยังไม่อยากตัดสินความรู้สึกของตัวเองตอนนี้
เพราะเจอเพื่อนที่โสดเหมือนกัน หรือเพราะกำลังตกหลุมรักเขาอีกครั้งกันแน่
“ใหม่สอนถึงกี่โมง”
“ห้าโมง”
“เลิกพร้อมกันพอดีเลยดิ”
“ใช่ คุณเป็นลูกศิษย์คนสุดท้ายของผมทุกวันเลย” ยิ้มจนเห็นเขี้ยว ทำให้ผมต้องรีบมองทางก่อนจะเลี้ยวชนเสา บางทีคนที่อันตรายต่อการขับรถของผมอาจจะเป็นครูฝึกก็ได้
วนรถรอบสนามพร้อมฝึกท่าสอบเดินหน้าถอยหลังอีกสองสามรอบก็หมดชั่วโมง ผมเดินตามคุณครูไปสแกนนิ้วออกจากระบบ บอกลากันแล้วต่างคนต่างยืนเคว้งคว้างอยู่กลางห้อง ผมไม่ยอมเดินออกจากออฟฟิศ ครูใหม่ก็ไม่ยอมไปไหนยังยืนอยู่ข้างโต๊ะคอมฯ สุดท้ายเลยหันกลับไปคุยกันอีกรอบ
“คุณกลับยังไง”
“คงให้พี่สาวมารับ”
ใจผมไม่อยากให้พี่เพนนีมารับแล้ว อยากวานครูใหม่ให้ไปส่งแต่มันจะเป็นการรบกวนไปหรือเปล่า เพิ่งเลิกงานเขาคงอยากรีบกลับไปพักผ่อนก็ได้ อีกอย่างพรุ่งนี้ก็ต้องเจอกันอีก ก็แค่เพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันมาแปดปีคงไม่...
“อ๋อ โอเค”
ไม่น่าเลย ไม่น่าบอกว่าจะให้พี่สาวมารับเลย
“เจอกันพรุ่งนี้นะ”
ผมยิ้มให้คุณครูก่อนเดินออกจากออฟฟิศ รู้สึกเศร้าใจอย่างหนักที่ถูกปล่อยตัวให้ออกมาง่ายๆ กดโทรออกหาพี่สาวแล้วนั่งรออยู่ตรงม้าหิน ไม่นานนักคุณรักแรกก็เดินออกมา เรายิ้มให้กันอีกครั้งก่อนเขาจะขับรถออกไป
กดเข้าเฟซบุ๊กที่เป็นเพื่อนกันมานานแต่คุยกันแทบนับครั้งได้ ผมเลื่อนดูรูปเก่าๆ ที่เขาเคยลง อ่านโพสต์เก่าๆ ของเขาแล้วอมยิ้มอยู่คนเดียว ไม่กล้ากดไลก์หรือคอมเมนต์แสดงตัวให้รู้ว่าแอบส่อง ขณะที่ใจเริ่มชัดเจนแล้วว่าความรู้สึกที่เก็บไว้มาตลอดหลายปีอาจไม่เคยจางหายไปไหน
รักแรกที่ยังคงเป็นรักปัจจุบัน ตกหลุมรักคนคนเดิมซ้ำๆ อย่างไม่อาจถอนตัว
tbc
ตั้งใจจะอัพทุกวันตามที่ปอนด์มาเรียนขับรถ มาดูกันค่ะจะทำได้มั้ย
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ
#จีบคุณรักแรก
ความคิดเห็น