ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ✿ 8 วัน 7 คืน ✿

    ลำดับตอนที่ #1 : ก่อนออกเดินทาง

    • อัปเดตล่าสุด 24 มี.ค. 60





    ก่อนออกเดินทาง

     

                แม่ผมชอบเม้าท์ ชอบคุย วันๆ นอกจากทำงานบ้านแล้วภารกิจอีกอย่างคือเอาเรื่องลูกชายไปเม้าท์ให้คนอื่นฟัง ก็แน่ล่ะ ลูกชายแม่แต่ละคนน่าเอาไปอวดสุดๆ เรียนก็เก่ง การงานก็ดีมีเงินเก็บ แถมหนีไปเที่ยวบ่อยๆ แต่ทั้งที่เป็นเรื่องที่กำชับไว้แล้วว่าห้ามบอกใครไหงถึงมีคนรู้เรื่องได้ล่ะเนี่ย

                "อินจะไปเที่ยวญี่ปุ่นเหรอลูก"

                ผมกำลังปั่นจักรยานเข้าบ้านฮัมเพลงอย่างสบายอารมณ์ป้านาถเจ้าของร้านขายของชำประจำหมู่บ้านแกก็ร้องทัก เป็นประโยคที่ทำให้ผมบีบเบรกมือจนรถแทบม้วนหน้าก่อนจะหันไปทำหน้าเหวอใส่ป้าแก

                นี่ป้านาถรู้ได้ไงว่าผมจะไปเที่ยวญี่ปุ่น

                "ครับป้านาถ" ยิ้มแหยตอบกลับไป แต่ในใจเหมือนน้ำใกล้เดือด แม่นะแม่ บอกแล้วไงว่าห้ามเอาไปบอกใคร

                ป้านาถฉีกยิ้มกว้างเดินเข้ามาหาผม ไม่ต้องบอกก็รู้ถึงชะตากรรมแล้วว่าอะไรจะเกิดขึ้น เพราะแบบนี้ไงถึงไม่อยากให้ใครรู้

                "ป้าฝากซื้อของหน่อยสิ" กระดาษที่จดอะไรกระยุกยิกเหมือนใบโพยหวยถูกยื่นมาให้

                ผมยิ้มแหยยิ่งกว่าเดิม อยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่กล้าปฏิเสธเพราะเป็นญาติผู้ใหญ่ที่จะว่าสนิทก็ไม่เชิง แถมป้านาถแกเป็นคนที่ค่อนข้างมีอิทธิพลในหมู่บ้าน จะว่าปากสว่างพูดไม่คิดด่าไม่เลือกก็ได้ คนรักสงบอย่างผมเลยเตือนตัวเองไว้เสมอว่าอย่าไปมีเรื่องกับแกเด็ดขาด

                เมื่อผมเอาแต่ยิ้มเหมือนเด็กเอ๋อไม่ยื่นมือออกมาไปรับสักทีป้านาถอกเลยจัดการยัดกระดาษใส่มือผมพร้อมซองเงินให้เสร็จสรรพ ก็ยังถือว่าดีที่ฝากเงินมาด้วย แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่อยากจะรับไว้ให้เป็นภาระอยู่ดี

                "ถ้าเจอถึงจะซื้อให้นะป้า" ผมบอกดักทางไว้ก่อนแต่เหมือนป้าแกไม่ได้สนใจเลย

                "แหม นิดๆ หน่อยๆ เอง ป้าฝากด้วยนะ" ตีแขนผมหนึ่งที ยิ้มหวานให้แล้วป้านาถก็เดินหันหลังกลับไปเฝ้าร้านต่อ

                ให้มันได้อย่างนี้สิ

                ผมปั่นจักรยานกลับบ้านด้วยความเซ็งสุดขีด เข็นรถเข้าที่จอด เปิดประตูเข้าบ้านวางกระเป๋าไว้บนโต๊ะแล้วมองหาท่านแม่ทันที

                นั่นไง อ่านนิยายสบายใจเฉิบอยู่ที่เก้าอี้โยก

                "แม่~"

                "อะไร"

                "ไปบอกป้านาถทำไมว่าอินจะไปเที่ยว"

                แม่ลดหนังสือนิยายลงพลางหันมาเลิกคิ้วใส่ก่อนตอบอย่างไม่ยี่หระ

                "ก็แม่ไปขอให้ลุงไกรไปส่งที่สนามบินพรุ่งนี้ เค้าก็ถามสิว่าอินจะไปไหน"

                ฟังแล้วได้แต่ทำหน้ายู่ พรุ่งนี้ผมบินแปดโมงเช้า ต้องถึงสนามบินอย่างช้าหกโมงครึ่ง ถ้าพ่อไปส่งก็จะไปทำงานไม่ทัน หรือไม่ก็ต้องรีบไปถึงตั้งแต่ตีสามตีสี่ซึ่งผมไม่เอาด้วยหรอก เลยกะว่าจะนั่งแท็กซี่ไป แล้วเผอิญลุงไกรสามีป้านาถแกขับรถแท็กซี่พอดีแม่เลยจัดการทาบทามให้เรียบร้อย เป็นไงล่ะแม่ผม ได้รถไปส่งพรุ่งนี้แถมได้ภาระของฝากมาด้วย

                "แล้วจัดกระเป๋าเสร็จหรือยัง"

                "ยังเลย"

                "แล้วคุยกับน้องแบร์โอเคแล้วใช่มั้ย"

                "โอเคแล้วคร้าบ" ผมตอบหน่ายๆ ก็ไอ้น้องแบร์หรือที่ผมชอบเรียกในใจเองว่าน้องหมีนี่ก็เป็นภาระที่แม่ผมหามาให้เหมือนกัน

                เดิมทีแล้วทริปนี้ผมตั้งใจจะไปคนเดียว เลือกช่วงฤดูใบไม้ผลิจะได้เดินดูซากุระชิลๆ ท่ามกลางอุณหภูมิยี่สิบต้นๆ ถ่ายรูปเก็บบรรยากาศไปเรื่อยๆ อยากไปไหนเมื่อไรก็ไป แต่แม่ผมอีกแล้วนั่นแหละเอาเรื่องที่ผมจะไปเที่ยวญี่ปุ่นไปเล่าให้เพื่อนบ้านสมัยเก่าเก็บฟังจนสุดท้ายได้เพื่อนร่วมทริปเพิ่มมาอีกคน

                ก็น้องแบร์ของแม่หรือน้องหมีของผมนั่นแหละ

                ครอบครัวผมเพิ่งย้ายมาอยู่หมู่บ้านนี้เมื่อเก้าปีก่อน แต่หมู่บ้านเก่านั้นอยู่มาตั้งแต่เกิด เรียกว่าเป็นความทรงจำสมัยเด็กของผมเลยก็ได้ ผมมีเพื่อนกลุ่มใหญ่ที่นั่น หนึ่งในนั้นก็คือน้องหมี คนที่สนิทกับผมที่สุด ความจริงเราเรียนรุ่นเดียวกันแต่เกิดคนละปี ผมเกิดสิงหาส่วนน้องหมีเกิดกุมภา อายุห่างกันหกเดือน แต่เพราะพ่อแม่ให้เรียกกันแบบนี้สุดท้ายเลยกลายเป็นพี่อินกับน้องแบร์ตั้งแต่จำความได้ แถมยังเรียกชื่อแทนตัวเองแบบไม่มีศักดิ์ทางอายุนำหน้าทั้งคู่

                ผมเรียกแทนตัวเองว่าอิน ส่วนน้องหมีก็เรียกแทนตัวเองว่าแบร์

                แต่ที่ว่ามาทั้งหมดนี่มันก็เป็นแค่อดีต เพราะผมย้ายบ้านเราเลยห่างกันไปด้วย ผมมีเพื่อนกลุ่มใหม่ น้องหมีก็อยู่กับสังคมของเขา มีติดต่อหากันบ้างช่วงวันสำคัญอย่างวันเกิดหรือวันปีใหม่ แต่ที่จริงจะเรียกว่าติดต่อก็อาจจะมากไปเพราะเราแค่ส่งข้อความอวยพรกันเท่านั้น ก็สมัยนั้นโซเชียลเน็ตเวิร์คยังไม่แพร่หลายเท่าไรเลยใช้วิธีส่ง SMS กันซะมากกว่า

                ปัจจุบันได้ข่าวว่าน้องหมีเพิ่งเรียนจบป.ตรี ทั้งที่ควรจะจบตั้งแต่สองปีก่อน เพราะติดเพื่อนทิ้งการเรียนเลยกลายเป็นแบบนี้ แต่ก็ยังดีที่น้องมันกลับตัวทัน พอเรียนจบเลยได้ของขวัญเป็นแพ็กเกจเที่ยวญี่ปุ่นกับผมนี่แหละ

                ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเราเจอหน้ากันแบบนับครั้งได้ อาจจะปีละครั้งหรือสองครั้งเวลามีงานสำคัญอย่างพวกงานแต่งงานหรืองานศพ ขนาดตกลงว่าจะไปเที่ยวด้วยกันแล้วเรายังนัดเจอกันแค่ครั้งเดียวคือตอนไปงานเที่ยวญี่ปุ่น ที่เหลือคุยกันผ่านตัวหนังสือทางไลน์ เพราะงานผมยุ่งด้วยล่ะถึงไม่ว่างไปเจอแม้น้องจะนัดอยู่หลายครั้ง

                "อินไปจัดกระเป๋าก่อนนะแม่" รำลึกความหลังกันพอแล้วผมก็เลี่ยงขึ้นห้อง

                กระเป๋าเดินทางเปล่าๆ ยังวางแอ้งแม้งอยู่ในห้องนอน พวกเสื้อผ้าของใช้ผมลิสต์รายการไว้หมดแล้วว่าจะเอาอะไรไปบ้าง เหลือแค่ยัดลงกระเป๋าก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

                แค่คิดก็ตื่นเต้น อยากให้ถึงวันพรุ่งนี้เร็วๆ ชะมัด

     

     

    TBC.

     


    หายไปหลายเดือนเลยมีใครยังจำเราได้มั้ย ฮา

    ตอนแรกมีความตั้งใจว่าจะปั้นเรื่องนี้ให้เสร็จแล้วค่อยลงทีเดียว คือจะลงช่วงปลายมีนาถึงต้นเมษา แต่สุดท้ายแล้วไม่รอดค่ะ ถ้ารอแต่งจบค่อยลงสงสัยไม่ได้ลงแน่ๆ กลับมาอีกทีปีหน้าเลยงี้

    ยังไงก็ฝากนิยายเรื่องใหม่ของเราด้วยน้า ขอบคุณค่า

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×