ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    MY STORY IS A LIE (P.1)

    ลำดับตอนที่ #8 : MY STORY IS A LIE::CHAPTER SIX

    • อัปเดตล่าสุด 21 พ.ย. 54


      


    MY STORY IS A LIE:: CHAPTER SIX

    ตอนนี้เจนัวหายไปไหนก็ไม่รู้ ฉันติดต่อเขาไม่ได้เลยมาเกือบหนึ่งเดือนแล้วตั้งแต่วันนั้น! ไปถามพี่เจลานิน (พี่สาวของเขา) เธอก็บอกว่าไม่รู้   พอไปถามเพื่อนแต่ละคนน่ะเหรอ...

     

    พี่เหม งั้นเหรอ... ปล่อยมันไปเถอะ

     

    เรย์ ปกติมันไปไหน มันเคยมาบอกฉันรึไง ถามอะไรโง่ๆ

     

    แอมแปร์ ไม่รู้สิ ฉันก็ไม่ค่อยได้เจอมันซะด้วย ...ว่าแต่เธอสนใจไปเที่ยวต่อด้วยกันหรือเปล่า ฉันกำลังหาสาวไปนั่งเป็นเพื่อนอยู่พอดีเลย :P

     

    ราฟ มันไม่ใช่เมียไม่ใช่แม่ฉันนะ มันจะไปไหนทำไมฉันต้องรับรู้ด้วย

     

    ให้ตายสิ! สาบานเลยว่านี่เป็นเพื่อนกันจริงๆ น่ะ!

    และตอนนี้ฉันก็กำลังอยู่กับที่พึ่งสุดท้ายในการจะตามหาตัวเจนัวเจอ แต่ความหวังเหล่านั้นมันก็หมดไปแล้วตั้งแต่อีสเตอร์เองก็พูดเหมือนคนอื่นๆ ว่า ไม่รู้

     

    “จะเป็นไปได้ยังไง ทำไมถึงไม่มีใครรู้เลยว่าเขาหายไปไหน! นายไม่ได้โกหกฉันใช่มั้ยอีสเตอร์?” 

     

    “ฉันไม่ชอบโกหก เธอก็รู้” อีสเตอร์มองฉันพลางส่ายหน้าไปมา ก่อนจะยิ้มถาม “รับนมปั่นสักแก้วมั้ยครับคุณหนู?”

     

    ตอนนี้ฉันอยู่ที่ร้านคาเฟ่ของเขาน่ะ เป็นร้านคาเฟ่สองชั้น ชั้นล่างจะเป็นสำหรับรับลูกค้าส่วนชั้นบนที่ฉันอยู่

     

    ตอนนี้เป็นห้องโถงกว้างมีบาร์กาแฟและเหล้าอยู่ แน่นอนว่านี่คือสถานที่พักผ่อนและเป็นแหล่งร่วมตัวของพวกเขาโดยเฉพาะ

     

    “ไม่ล่ะ ขอบใจ” ฉันตอบพลางมองไปยังอีสเตอร์ที่อยู่ด้านในของบาร์กาแฟ เขาเลิกคิ้วขึ้นนิดๆ ตอนที่ฉันตอบอย่างนั้น ก่อนจะหันหลังไปทำอะไรบางอย่าง แล้วเดินออกมาพร้อมกับแก้วนมปั่นทรงสูงพร้อมเสริฟตรงหน้าฉัน

     

    “มันช่วยให้เธอหายเครียดได้นะ” เขาพูดแล้วยิ้มก่อนจะนั่งลงที่โซฟาอีกฝั่ง

     

    “ถ้าเป็นอย่างนั้นได้ก็ดีสิ ...ฉันเองก็เหนื่อยแล้วเหมือนกัน”

     

    “เชื่อสิ รับรองว่าเธอดื่มแล้วต้องหายเครียดแน่ J” อีสเตอร์พูดแบบขำๆ และยิ้มบางๆ ให้ฉัน เขาเป็นผู้ชายที่อบอุ่นต่างจากคนทุกคนในกลุ่ม

    จนบางครั้งฉันเองก็เคยแปลกใจอยู่เหมือนกันว่าทำไมไม่เป็นเขาที่ฉันควรจะรัก แต่กลับเป็นเจนัว ผู้ชายที่ทำให้ฉันเจ็บปวดอยู่ได้เสมอเวลาที่อยู่ใกล้เขา....

     

    “แล้วครั้งสุดท้ายที่เจอกันมันได้พูดหรือบอกอะไรกับเธอหรือเปล่า?” ฉันนิ่งเงียบคิดย้อนไปถึงเหตุการณ์วันนั้น ก่อนจะพูดในสิ่งที่จำได้แม่นยำที่สุด

     

    “แค่ความรักมันไม่สามารถทำให้คนสองคนอยู่ด้วยกันจนวันตายได้ ...ต่อให้ฉันจะรักเขาแค่ไหนมันก็ไม่พอ เขาบอกแบบนั้น” นัยน์ตาของฉันเริ่มร้อนผ่าวขึ้นมาเมื่อพูดถึงคำพูดที่ตัวเองไม่เคยคิดที่จะจำแต่ลบมันไม่ออกสักที

     

    “แล้วเธอคิดว่าไง?” เขาถามอีก

     

    “เจ็บสิถามได้ เขาพูดออกมาได้ยังไงกัน!? เขาไม่คิดบ้างเหรอว่าฉันก็เสียใจเป็นเหมือนกันที่จู่ๆ เขาก็พูดแบบนั้นกับฉันน่ะ! โอเค ถึงเขาจะไม่เคยพูดอะไรดีๆ กับฉันเลย แต่การที่บอกว่าต่อให้ฉันจะรักเขาแค่ไหนมันก็ไม่พอเขาใจร้ายเกินไปแล้วจริงๆ”

     

    “งั้นฉันขอถามเธอหน่อยสิ ....เธอเคยเชื่อใจเจนัวหรือเปล่า?”  

     

    “จะให้ฉันเชื่อใจเขาได้ยังไง เขาเคยทำอะไรให้ฉันเชื่อเขาได้บ้างเหรอ .....ไม่มีเลยสักครั้ง แค่หลับตาแล้วนึกถึงหน้าเขาในหัวฉันก็จะมีภาพผู้หญิงคนอื่นผุดขึ้นมาเต็มไปหมด ความรู้สึกตอนที่เห็นเขาอยู่กับยัยพวกนั้นน่ะ.... ให้ตายสิ ฉันเกลียดเขาจริงๆ เลย”

     

    ถึงแม้ปากจะพูดออกไปว่าเกลียดแค่ไหน แต่หัวใจมันก็ไม่เคยทำตามนั้นสักครั้ง ไม่รู้ว่ามันจะจงรักภักดีกับเขาไปถึงไหน ต้องรอให้เจ็บเจียนตายก่อนหรือยังไงกันนะ?

     

    “รู้มั้ยว่าความเชื่อใจคือสิ่งสำคัญที่ผู้ชายต้องการจากคนรัก ในขณะที่ผู้หญิงเองก็ต้องการความซื่อสัตย์จากเขาคนนั้นเหมือนกัน ถ้าขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไปต่อให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะรักอีกฝ่ายแค่ไหนมันก็เปล่าประโยชน์ บางทีเจนัวอาจจะพยายามบอกกับเธอแบบนี้ก็ได้”

     

    “ไม่หรอก ไม่ใช่ อย่างวันที่เจอกันครั้งสุดท้ายเขายังไปนั่งกินข้าวกับยัยนางแบบนั่นอยู่เลย! จะให้ฉันเชื่อใจเขาลงได้ยังไง ฉันทำไม่ได้!

     

    “เธอก็ลองใจเย็นดูก่อนสิ ลองปล่อยมันไปก่อน บางทีเรื่องมันอาจไม่ใช่อย่างที่เธอคิดทั้งหมดก็ได้ อย่างน้อยเธอจะได้ไม่ต้องคิดมากอยู่อย่างนี้” เป็นอีกครั้งที่ผู้ชายคนนี้พูดบอกฉันด้วยคำพูดเดิมๆ ที่ฉันคิดว่าต้องเคยได้ยินมันจากเขามากกว่าร้อยครั้งแล้วแน่ๆ

     

    เขาก็เป็นอย่างนี้เสมอ... มองโลกในแง่มุมที่ดีจนเกินไป

     

    “จะให้ฉันใจเย็นมองดูเขาลากยัยนั่นขึ้นไปมีความสุขอยู่บนเตียงน่ะเหรอ!? ฉันทนไม่ได้!

     

    “ให้เชื่อใจก็ทำไม่ได้ ให้ใจเย็นก็ทนไม่ไหว แล้วที่เธอทำอยู่ทุกวันนี้มันมีความสุขรึไง ....ไม่มีใครมีความสุขหรอกน้ำขิง ....ไม่ว่าจะเป็นไอ้เจหรือว่าตัวเธอก็ด้วย”

     

    “............”

     

    ฉันนั่งเงียบพูดอะไรไม่ออก ...สิ่งที่อีสเตอร์พูดไม่มีอะไรผิดเลย แต่ก็เพราะไม่ผิดนี่แหละ ฉันเลยเจ็บจนพูดอะไรออก....

     

    “มันรักเธอ เรื่องนี้เธอก็น่าจะรู้ดีกว่าใครทั้งนั้น”

     

    “ไม่ ...ฉันไม่รู้ ฉันไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองทั้งๆ ที่ก็รู้อยู่เต็มอกว่าความจริงเป็นยังไง ฉันรู้สึกว่าตัวเองเจ็บมามากเกินกว่าจะแบกรับความรู้สึกผิดหวังจากเขาได้อีกแล้ว”

     

    คราวนี้กลับเป็นอีสเตอร์ที่เป็นฝ่ายเงียบไป เขาหลุบตาลงต่ำเหมือนกับกำลังคิดอะไรอยู่ ก่อนจะลากสายตาขึ้นมามองฉันอีกครั้งพร้อมกับรอยยิ้มจางๆ แต่ทว่าแววตากลับปนไปด้วยความเศร้า

     

    “เธอกับเจนัวอยู่ใกล้กันแค่นิดเดียวเองนะน้ำขิง.... อย่าปล่อยให้ความทิฐิพวกนั้นเอาชนะเธอสิ ถ้าคิดว่าเจนัวอยู่ไกลก็ให้วิ่งเข้าไปหา ถ้ายังใกล้ไม่พอก็ให้จับมือมันไว้แน่นๆ....” รอยยิ้มจางๆ ของอีสเตอร์ค่อยๆ เลือนหายไป “...ให้รู้ว่ามันยังมีเธออยู่ข้างๆ คอยก้าวเดินไปด้วยกันไม่ทิ้งไปไหน”

     

    ใบหน้าของอีสเตอร์ตอนนี้ไม่ได้ต่างอะไรไปจากฉันเลย ...ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความทุกข์ เพราะความรัก... แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังฝืนยิ้มบางๆ ออกมาอยู่ดี

     

    “ผู้หญิงคนนั้นเธอเป็นใคร ฉันพอจะรู้จักหรือเปล่า?”

     

    “บางทีเธออาจจะเคยรู้จัก แต่ช่างเถอะ ฉันไม่เป็นไร แต่ดูเธอสิ ...หยุดร้องไห้ได้แล้ว” อีสเตอร์เลี่ยงที่จะพูดเรื่องของเขา ก่อนจะยื่นมือเข้ามายีผมฉันอย่างเอ็นดู

     

    “ไม่ได้ร้องไห้สักหน่อย มันไหลออกมาเองต่างหาก” ฉันโกหกคำโตก่อนจะปัดมือเขาออก

     

    “หึ...” เสียงอีสเตอร์หัวเราะอยู่ในลำคอ ก่อนจะชวนฉันพูดคุยอีกหลายเรื่อง เหมือนกับว่าเขาพยายามทำให้ฉันรู้สึกสนุกและยิ้มออกมาทุกครั้งที่เขาเล่าแต่ละเรื่อง

     

     “ฉันจะกลับแล้ว ได้พูดกับนายแล้วรู้สึกสบายใจขึ้นเยอะเลย ...ขอบคุณนะที่อุตสาห์นั่งคุยเป็นเพื่อน

     

    “ไม่เป็นไร ป่ะ ถ้าจะกลับเดี๋ยวฉันเดินไปส่งหน้าร้าน” อีสเตอร์เดินลงมาส่งฉันจนถึงหน้าหน้าร้าน ฉันหันกลับไปขอบคุณเขาอีกครั้งตอนที่ตัวเองเดินลงมาถึงบันไดขั้นสุดท้ายของหน้าร้าน อีสเตอร์ยืนอยู่เหนือฉัน ร่างสูงส่งร้อยยิ้มอบอุ่นมาให้ก่อนจะตอบกลับมา

     

    E & E Café ยินดีให้บริการครับJ

     

      

    [น้ำขิงเพิ่งกลับไปก่อนหน้าแกจะโทรมาไม่กี่นาที ...แล้วนี่แกคิดจะกลับมาเมื่อไหร่?] อีสเตอร์ตอบคำถามของปลายสายก่อนที่ท้ายประโยคจะเป็นฝ่ายถามอีกฝ่ายกลับ

     

    “ไม่รู้เหมือนกัน คงอีกสักพัก”

     

    [แล้วเรื่องน้ำขิงแกจะเอายังไง ...แกไม่สงสารน้ำขิงเลยรึไงวะ ถ้าไม่รักก็ปล่อยเธอไป แต่ถ้ารักก็รีบๆ ทำอะไรสักอย่าง] อีสเตอร์ทิ้งประเด็นเรื่องนั้นไป ก่อนจะถามคำถามที่มันน่าจะตรงประเด็นที่สุด


    “รู้แล้ว”


    [รู้แล้ว...? แต่แกก็ยังหายหัวไปอย่างนี้เนี่ยนะ?]


    “...............”


     [....แกกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่?]


    “บางทีตอนนี้ฉันอาจหาคำตอบให้ไอ้เหมได้แล้วก็ได้”


    [แก....]


    “แล้วเอาไว้เจอกันว่ะ แค่นี้นะ”


    เจนัวไม่เปิดโอกาสให้อีสเตอร์ได้พูดอะไรอีก ร่างสูงวางสายโทรศัพท์ไปแล้ว... ที่โทรไปหาอีสเตอร์ก็เพราะคิดว่าน้ำขิงต้องไปหาชายหนุ่มแน่ๆ แล้วมันก็จริงซะด้วย ...น้ำขิงไปหาอีสเตอร์จริงๆ

     

    แกเคยถามตัวเองหรือเปล่าว่ารักน้ำขิงแค่ไหน? แล้วมันใช่ความรักแน่แล้วเหรอ? ถามใจแกเองแล้วหาคำตอบมาให้ฉันให้ได้ เพราะถ้าไม่ใช่แกก็ไม่มีสิทธ์ทำให้น้องสาวฉันเสียใจมากไปกว่านี้อีกแล้ว

     

    คำถามหนึ่งจากเหมันต์ดังก้องอยู่ในหัวของเจนัวซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้นราวกับต้องการบีบคั้นคำตอบจากเขาให้ได้ ....บางทีการที่ได้อยู่ห่างจากน้ำขิงสักพักและได้คิดทบทวนเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านมาอาจทำให้คำตอบที่เขามีอยู่แล้วในใจชัดเจนกว่าเดิมคำตอบเดิมก็ได้

     







     



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×