ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    MY STORY IS A LIE (P.1)

    ลำดับตอนที่ #13 : MY STORY IS A LIE::CHAPTER ELEVEN

    • อัปเดตล่าสุด 3 ธ.ค. 54


      
     

    MY STORY IS A LIE:: CHAPTER ELEVEN

    อีกสองอาทิตย์จะถึงวันเกิดของเจนัวแล้ว!

    และยังเป็นครั้งแรกในรอบสองปีที่ฉันกับเขาไม่ได้ทะเลาะกันในช่วงระยะเวลานี้พอดีอีกด้วย ฉันก็เลยตื่นเต้นอยู่นิดหน่อย(มั้งนะ) ในการที่จะหาซื้อของขวัญให้เขา

     

     

    ก็แอบคิดไว้หลายอย่างเหมือนกัน แต่ก็ยังไม่ลงตัวสักที >___<

     

     

    “ไม่ทราบว่าต้องการจะได้แบบไหนเหรอคะ ดิฉันจะได้แนะนำให้ คุณผู้ชายใส่เองหรือเปล่า?” พนักงานหญิงที่คอยเดินตามมายิ้มถาม

     

     

    “เปล่าครับ จะซื้อไปเป็นของขวัญให้เพื่อน J” 

     

    ลืมบอกไป =O=; ตอนนี้ฉันอยู่กับอีสเตอร์น่ะ ก็อย่างที่บอกไปนั่นแหละฉันยังเลือกหาของขวัญให้เจนัวไม่ได้ ก็เลยขอให้อีสเตอร์มาช่วยเลือกให้ ซึ่งสิ่งที่อีสเตอร์แนะนำคือนาฬิกา

     

     

    “ฉันว่าเรือนนี้ก็สวยนะ” อีสเตอร์ชี้ไปที่นาฬิกาที่ถูกวางโชว์อยู่ในชั้นข้างหน้า

     

     

    “เรือนนี้เหรอ?” ฉันกอดอกยืนมองนาฬิกาเรือนที่อีสเตอร์แนะนำให้ ก่อนจะไปสะดุดตาอยู่กับนาฬิกาอีกเรือนที่อยู่ข้างๆ กันแทน “แต่ฉันว่าเรือนนั้นเหมาะกับเจนัวมากกว่า”

     

     

    Rolex Sea dweller ค่ะ เรือนนี้ราคาจะสูงนิดนึงนะคะ ส่วนอีกเรือนคือ Rolex Deepsea ค่ะ จะออกแนวสปอร์ตหน่อย  แต่ถ้าเป็นRolex Sea dweller จะใส่เข้ากับทุกชุดมากกว่าค่ะ”

     

     

     

    “นายว่าซื้อเรือนไหนให้เขาดี?” ฉันหันไปถามอีสเตอร์ที่ยืนอยู่ข้างๆ

     

     

    “เลือกเรือนที่เธอคิดว่าเหมาะกับเจนัวแล้วเธอก็ชอบมันสิ  เพราะเรือนนั้นแหละ ดีที่สุด” เขาตอบ พร้อมกับยิ้มให้

     

     

    และมันก็เป็นคำตอบที่ฉันเองก็ยิ้มด้วย

     

     

    นั่นสินะ เลือกเรือนที่ฉันคิดว่าเหมาะกับเจนัวที่สุด แล้วฉันก็ชอบมัน

     

    “งั้นเอาเรือนนี้ค่ะ J

     

     

    ร้านอาหาร B>C

    “ขอบใจนายมากๆ เลยนะ ถ้าไม่ได้นายฉันคงยังไม่ได้ของขวัญให้เขาแน่” ฉันพูดประโยคนี้เป็นรอบที่ร้อยล้านแล้วเห็นจะได้ อีสเตอร์ยิ้มรับนิดๆ ก่อนจะส่ายหน้าไปมาเบาๆ เป็นเชิงว่าไม่เป็นไร

     

     

    “แน่ใจนะว่าจะเป็นเจ้ามือ ฉันกินจุนะ” อีสเตอร์ถามตอนที่พนักงานของร้านเดินเข้ามา

     

     

    “แน่สิ” ฉันหัวเราะแล้วตอบกลับ

     

     

    “งั้นก็จัดไป”

     

    ทั้งๆ ที่บอกว่ากินจุ แต่อีสเตอร์กลับสั่งอาหารมาเพียงแค่ไม่กี่อย่างเท่านั้น แถมยังแต่ละอย่างก็เป็นอาหารพื้นๆ ไม่ได้แพงหูฉี่เหมือนอย่างที่ฉันคิดเลยด้วย พอฉันทำท่าจะถามเขาก็ตอบสั้นๆ ว่า

     

    แค่นี้ก็พอแล้ว

     

    แล้วอย่างนี้มันจะคุ้มกับที่ฉันทำให้เขาเสียเวลามากับฉันมั้ยเนี่ย???

     

     

    “ตื่นเต้นเหรอ?” อีสเตอร์คงถามเพราะเห็นว่าฉันเอาแต่นั่งจ้องเจ้ากล่องของขวัญกล่องเล็กอย่างไม่วางตาระหว่างรออาหารกันอยู่

     

     

    “ไม่รู้สิ คิดถึงตอนแรกๆ ที่คบกับเขาจัง ความรู้สึกเหมือนกับตอนนั้นเปี๊ยบเลย อยากรู้ว่าเขาจะชอบมันมั้ย? แล้วเขาจะทำหน้ายังไง? จะยิ้มหรือเปล่า? พอคิดแล้วใจฉันก็เต้นตึกตักไม่เป็นจังหวะเลย” ฉันยกมือขึ้นทาบอกข้างซ้ายของตัวเองราวกับผู้หญิงที่เพิ่งมีความรักครั้งแรก

     

    ให้ตายสิ ...นี่ฉันจะเพ้อเกินไปแล้วนะ

     

    ฉันกับเขาเราคบกันมาตั้งห้าปีแล้ว ใช่ว่าเพิ่งคบกันใหม่ๆ ซะเมื่อไหร่ เธอบ้าเกินไปแล้วจริงๆ น้ำขิง!

     

     

    “น่าอิจฉาพวกเธอสองคนจัง”

     

     

    “หะ?”

     

     

    “ไม่มีอะไร :)”

     

     

    “ไหนเมื่อกี้บอกว่าอิจฉาไง? ฉันได้ยินย่ะ - -

     

     

    “หึ เธอกับเจนัวถึงจะทะเลาะกันบ่อย แต่ยังไงต่างฝ่ายก็ต่างรักกันมากขนาดนี้ ...ฉันว่าน่าอิจฉาดี” อีสเตอร์พูด

     

     

    “งั้นเหรอ... ว่าแต่เรื่องของนายล่ะ ไม่เห็นเคยเล่าให้ฉันฟังเลย ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครเหรอ? นายแอบชอบเธอใช่มั้ย? แล้วบอกเธอหรือยัง??”

     

     

    “อือ แอบชอบแต่บอกไม่ได้” คนโดนถามตอบอย่างไม่ได้แสดงอาการเขินอายอะไรแต่ก็ยิ้ม คือฉันหมายถึงว่า เขายิ้ม แต่ไม่ได้ยิ้มเพราะเขินน่ะ

     

    เอาง่ายๆ ว่าอีสเตอร์เป็นคนยิ้มพร่ำเพรื่ออยู่แล้วน่ะนะ 

     

    “ยังไง ฉันไม่เข้าใจ ทำไมถึงบอกไม่ได้?”

     

     

    “ก็... ช่างเถอะ ไม่มีอะไรหรอก” อีสเตอร์เลี่ยงที่จะตอบคำถาม พร้อมๆ กับที่สายตาของเขาละจากใบหน้าของฉันมองออกไปนอกร้าน

     

     

    “เดี๋ยวฉันมานะ” เขาพูดกับฉันทั้งๆ ที่สายตายังจ้องมองออกไปข้างนอก

     

     

    “จะไปไหน”

     

    ไม่ทันที่ฉันจะได้ถามอะไรมากกว่านี้ ร่างสูงก็ก้าวเท้ายาวๆ เดินออกไปแล้ว ทำไมต้องรีบขนาดนั้นด้วย? หรือว่าเขาเห็นใคร?

     

     

    เอ๊ะ... หรือว่าจะเป็นผู้หญิงคนนั้น พอคิดได้แบบนี้ฉันเลยเรียกพนักงานมาเคลียร์เรื่องค่าอาหารที่ยังทำไม่เสร็จก่อนจะเดินตามเขาออกไป

     

     

    ฉันยืนเคว้งอยู่หน้าร้านอาหารกลางห้างสรรพสินค้า พยายามมองหาอีสเตอร์แต่ก็ไม่เจอ ทำไมถึงเดินเร็วอย่างนี้นะ ฉันก้าวขาเดินออกมาพลางกวาดตามองไปรอบๆ  พยายามมองหาร่างสูงที่คุ้นตา ก่อนจะหยุดชะงักเมื่อเจอเขาที่กำลังยืนคุยอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่ง เพราะว่าฉันยืนอยู่ด้านหลังของเธอจึงทำให้ไม่ได้เห็นใบหน้าของอีกคนว่าเป็นใคร

     

     

    แต่ดูจากรอยยิ้มที่ถูกแต้มลงบนใบหน้าของอีสเตอร์แล้วก็ทำให้ฉันเดาอะไรได้ไม่ยากเลย ...อีสเตอร์ต้องชอบผู้หญิงคนนั้นแน่ๆ!

     

     

    ฉันยืนมองทั้งสองคนอย่างเงียบๆ ไม่คิดที่จะเข้าไปก้าวก่าย แต่ไม่นานนักก็มีผู้ชายร่างสูงโปร่งเดินเข้ามาหยุดอยู่ข้างๆ ผู้หญิงคนนั้น หล่อนเงยหน้าขึ้นมองเขา ใบหน้าหล่อเหลายิ้มก่อนจะคว้ามือของเธอไปจับไว้ ในขณะที่รอยยิ้มบนใบหน้าของอีสเตอร์เริ่มจางลง ฉันร้อนรนทนไม่ได้เลยพยายามเดินเข้าไปใกล้เพราะอยากรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร อีกอย่างฉันเริ่มรู้สึกคุ้นๆ หน้าผู้ชายที่เดินเข้ามาใหม่แล้วสิ เหมือนเคยเจอที่ไหนสักที่....

     

    !!!!

     

     

    นั่นสามีพี่วิหยานี่!

     

    ฉันก้าวเท้าต่อไม่ออก เริ่มคิดอะไรฟุ้งซ่าน ถ้าผู้ชายคนนั่นคือสามีพี่วิหยา ...งั้นผู้หญิงคนนั้นก็ต้องเป็นพี่วิหยาน่ะสิ!!!

     

     

    อีสเตอร์ชอบพี่วิหยางั้นเหรอ?! บ้าน่า จะเป็นไปได้ยังไง พี่วิหยาแต่งงานแล้วนะ แล้วที่ยืนอยู่นั่นก็สามีเธอด้วย!!

     

     

    ฉันยืนงงสับสนกับตัวเอง พยายามไล่เรียงเรื่องราวที่รู้เกี่ยวกับสองคนนี้ อีสเตอร์กับพี่วิหยาเคยเป็นเพื่อนห้องเดียวกัน แล้วนั่นมันก็ผ่านมาตั้งเจ็ดปีแล้วด้วย!! เพราะถ้าฉันจำไม่ผิดพี่วิหยาย้ายไปเรียนต่อมหาลัยที่ต่างประเทศ อีกอย่างถ้ามองแบบเผินๆ อีสเตอร์กับพี่วิหยาไม่ได้สนิทกัน เรื่องนั้นใครๆ ก็รู้ หรือว่าเขาแอบชอบเธอตั้งแต่ตอนนั้น? ไม่น่าจะใช่ เพราะถ้าชอบตั้งแต่ตอนนั้นก็คงบอกเธอไปนานแล้ว แต่นี่กลับปล่อยให้เวลาผ่านมาตั้งเจ็ดปีแล้วเธอก็แต่งงานไปแล้วเนี่ยนะ?!

     

     

    จะว่าไป ฉันเจอกับพี่วิหยาครั้งสุดท้ายก็ตอนที่ไปร่วมงานแต่งงานของเธอเมื่อสองปีก่อน แล้วก็ไม่ได้เจอเธออีกเลย ใช่ๆ วันนั้นทุกคนในกลุ่มพี่เหมไปกันทุกคน เจนัวก็ไป แต่ฉันไม่เห็นอีสเตอร์เพราะเขาไม่ได้ไป!

     

     

    และถ้าเขาชอบพี่วิหยาจริงๆ ล่ะก็  เขาต้องตัดใจไปตั้งแต่เมื่อสองปีก่อนแล้วสิถึงจะถูก! หรือว่าเขาไม่รู้เรื่องที่เธอแต่งงานแล้ว? เอ๊ะ... หรือว่าเขารู้ตั้งนานแล้วแต่ไม่ยอมตัดใจกันแน่!?

     

     

    ฉันงงไปหมดแล้ว นี่มันเรื่องอะไรกัน???

     

     

    ฉันตัดสินใจที่จะเดินเข้าไปหาอีสเตอร์เป็นจังหวะเดียวกับทีสองคนนั้นเดินแยกออกไปพอดี ก่อนที่ร่างสูงจะเป็นฝ่ายชิงพูดก่อนที่ฉันจะทันได้รัวคำถามใส่

     

     

    “เอาไว้เดี๋ยวฉันจะเล่าให้ฟังทีหลัง”

     

      

     

    “คุณเจนัวประชุมอยู่ค่ะ คือดิฉันคิดว่า...”

     

     

    “ไม่เป็นไร ฉันจะรอ เธอมีหน้าที่อะไรก็ไปทำสิ จะยืนจ้องหน้าฉันอีกนานมั้ย?” ฉันทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาที่วางอยู่ในห้องทำงานของเจนัวก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองพนักงานที่เดินตามเข้ามา

     

     

    “คุณน้ำขิงเจ็บข้อเท้าไม่ใช่เหรอคะ? ให้ดิฉันนวดให้นะคะ”

     

     

    “ขอบใจ แต่ไม่ต้องหรอก ฉันไม่ได้เป็นอะไรมาก เธอออกไปทำงานของเธอเถอะ” 

     

     

    “ถ้างั้นรออีกสักครู่นะคะ คุณเจนัวคงใกล้จะประชุมเสร็จแล้วล่ะคะ” เธอพูดแล้วเดินออกไป ฉันก้มมองดูรอยช้ำที่ข้อเท้าของตัวเองนึกอยากร้องไห้อีกสักครั้ง ฉันเดินตกบันไดมาน่ะ เจ็บเป็นบ้าเลย

     

     

    ตอนนี้ฉันรู้เรื่องของอีสเตอร์แล้ว และยังสงสารเขาจนนึกเกลียดพี่วิหยาขึ้นมาเสียดื้อๆ ทั้งที่เธอก็ไม่ได้ทำอะไรผิด ...ก็แค่ไม่รักเขาเท่านั้นเอง แล้วในขณะที่อีสเตอร์เล่าเรื่องของเขากับพี่วิหยาให้ฉันฟังคุณจะเชื่อมั้ยถ้าฉันบอกว่าเขายังคงยิ้มออกมาทั้งๆ ที่เรื่องที่ตัวเองเล่ามันไม่น่ายิ้มเลยสักนิด... ตลอดเวลาที่เขาพูดถึงเธอความรู้สึกที่ถูกสื่อออกมามันแสดงให้เห็นถึงความรักที่มีมากจนเอ่อล้น

     

     

    อีสเตอร์เล่าความเจ็บปวดของตัวเองให้ฉันฟังด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มในขณะที่ฉันกลับนั่งฟังเขาเล่าด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตา..

     

     

    เพราะงั้นตอนนี้ฉันถึงได้เข้าใจแล้วว่าทำไมเขาถึงอิจฉาฉันกับเจนัว และก็เพิ่งจะเข้าใจทุกคำพูดที่เขาต้องการจะบอกฉันมาโดยตลอด แต่ฉันก็มองข้ามมันทุกครั้งและปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผลเสมอ

     

     

    ตอนนี้ที่ฉันมาหาเจนัวไม่ใช่เพราะต้องการจะต่อว่าที่เขาไม่เคยบอกเรื่องอีสเตอร์กับฉัน แต่เป็นเพราะพอหลังจากที่ได้ฟังอีสเตอร์เล่าเรื่องของตัวเองจบ ฉันอดคิดย้อนลองมองกลับมาดูเรื่องของฉันกับเจนัวไม่ได้ และสิ่งแรกที่ฉันอยากจะทำมากที่สุดในตอนนี้คงหนีไม่พ้นการกอดเขาแน่ๆ

     

    ฟังดูฉันเป็นผู้หญิงที่ไม่ดีมากๆ เลยใช่มั้ย..

     

     

    แกรก~

     

     

    เสียงประตูห้องถูกเปิดออกพร้อมกับที่ร่างสูงของเขาก้าวเข้ามา เจนัวขมวดคิ้วชนกันหันมามองทางฉัน แต่ก่อนที่เขาจะทันได้ถามอะไรฉันก็ลุกขึ้นเดินเซโผเข้าไปกอดร่างนั้นก่อนแล้ว

     

     

    ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ น้ำตาของฉันก็ไหลออกมาเสียดื้อๆ เสียงสะอื้นเบาๆ ของฉันคงทำให้เจนัวแปลกใจอยู่ไม่น้อยเพราะร่างสูงนั้นกลับกอดตอบฉันเบาๆ เหมือนต้องการจะปลอบ  ไม่นานเขาก็ผละออก

     

     

    “เห็นพนักงานบอกว่าเธอเจ็บขอเท้า ไปทำอะไรมา” เขาถามพร้อมกับยกนิ้วโป้งขึ้นเกลี่ยน้ำตาให้ฉันอย่างเบามือ

     

     

    “เดินตกบันได้ที่ร้านของอีสเตอร์ก่อนจะมาหานาย”

     

     

    “ถ้าเจ็บจนถึงขั้นร้องไห้ ฉันว่าเธอควรไปหาหมอมากกว่ามานั่งรอฉัน” เจนัวว่าพลางช่วยพยุงฉันให้กลับไปนั่งที่โซฟาตัวเดิม ก่อนที่ร่างสูงจะคุกเข่าข้างหนึ่งลงกับพื้นแล้วจัดการถอดรองเท้าส้นสูงของฉันออกและช่วยดูข้อเท้าให้

     

     

    “แต่ฉันอยากเจอหน้านายมากกว่า”

     

     

    “มีอะไร”

     

     

    “ฉันเพิ่งรู้เรื่องของอีสเตอร์กับพี่วิหยา”

     

     

    “ที่ร้องไห้ก็เป็นเพราะเรื่องนั้นสินะ”

     

     

    “อือ... ฉันสงสารเขา นายรู้มั้ยตอนที่เขาพูดถึงเธอให้ฉันฟัง เขายังยิ้มอยู่ตลอดทั้งๆ ที่มันไม่ได้มีเรื่องอะไรที่ทำให้ยิ้มออกได้ด้วยซ้ำ พอยิ่งเห็นแบบนั้นกลับเป็นฉันเองที่ร้องไห้ออกมาแทนเขา ทั้งๆ ที่เจ็บปวดขนาดนั้นแต่เขาก็ยังยิ้ม ฮึก... ทำไมเขาถึงทำแบบนั้นได้นะ” ฉันว่าพลางสะอึกไปด้วย น้ำตายังคงไหลออกมาไม่ขาดสาย ในขณะที่เจนัวออกแรงนวดเบาๆ ให้ที่ข้อเท้า ร่างสูงไม่ได้พูดหรือตอบอะไร เขาปล่อยฉันให้ร้องไห้และพูดพล่ามอยู่คนเดียว

     

    เขาก็เป็นแบบนี้ทุกครั้งนั่นแหละ

     

     

    “ถ้าเป็นฉัน ฉันจะเลือกอีสเตอร์” ฉันพูด เจนัวชำเลืองตาขึ้นมองดูฉันก่อนจะพูดต่อ

     

     

    “แล้วถ้าสมมุติว่าฉันคือคนที่เธอรักและเป็นผู้ชายที่เธอเลือกแต่งงานด้วย เธอยังจะเลือกไอ้อีสอยู่หรือเปล่า”

     

     

     “แต่ว่าเขารักฉันนี่” ฉันพูดเสียงอ่อย

     

     

    “แต่เธอรักฉันและฉันก็รักเธอ แล้วเราก็แต่งงานกันแล้วด้วย”

     

     

    “............”  ฉันยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาให้ตัวเอง ไม่ตอบเขา แต่ก็อดไม่ได้ที่จะแอบเบ้จากใส่คนที่ตั้งคำถามไล่ฉันจนจนมุม

     

     

    “แล้วถ้าฉันไม่ใช่พี่วิหยา แต่เป็นฉันที่อยู่กับนายตอนนี้ และนายก็เป็นนาย นายจะขอฉันแต่งงานมั้ยล่ะ?” ฉันถามคำถามที่มันไม่เกี่ยวกับเรื่องของอีสเตอร์กับพี่วิหยาเลย หัวใจที่เคยเต้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอเริ่มเต้นไม่เหมือนเดิม นี่ฉันถามอะไรบ้าๆ ออกไปเนี่ย

     

     

    แต่ก็อยากรู้เหมือนกันว่าคำตอบของเขาจะเป็นยังไง

     

     

    “แล้วเธอล่ะ อยากแต่งงานกับฉันหรือเปล่า?” ร่างสูงถามพร้อมกับลากสายตาขึ้นมาสบตากับฉัน มันเป็นคำถามที่ฉันไม่คิดว่าเขาจะถาม เพราะอะไรน่ะเหรอ ก็เพราะว่าเขาน่าจะรู้คำตอบดีอยู่แล้วนี่

     

     

    “อยาก”

     

     

    “เพราะอะไร”

     

     

    “ฉันรักนาย”

     

     

    “...........”

     

     

    “แล้วนายล่ะ ตอบฉันได้หรือเปล่า”

     

     

    คราวนี้เป็นเจนัวที่เงียบไป ร่างสูงหลบสายตาของฉันที่รอคำตอบแล้วก้มหน้าลงจัดการใส่รองเท้าให้ฉันเหมือนเดิม ฉันเห็นรอยยิ้มจางๆ ที่มุมปากของเขา รอยยิ้มที่เขาคงจะพอใจกับคำตอบของฉันที่ตอบไปก่อนหน้า

     

     

     ร่างสูงเงยหน้าขึ้นมามองฉันเหมือนจะพูดอะไรออกมา แต่ก็ช้าไปแล้วเพราะฉันโน้มตัวลงไปกระกบริมฝีปากกับริมฝีปากของเขาเบาๆ แต่ไม่กี่วินาทีต่อมาก็กลับเป็นฝ่ายถูกรุกแทน

     

     

    ...จูบนี้แทนคำตอบของเขาได้หรือเปล่านะ?










































    Talk To U 

    สวัสดีค่ะ :D หายไปนานกันพอสมควรเลย ก็นะ อัพช้ายังไม่พอ ก้อยยังชอบนอกเรื่องอีก เลยทำให้ช้าไปอีกหลายเท่าตัวเลย

    สำหรับตอนนี้ยอมรับเลยว่าก้อยแต่งได้นอกลู่มากๆ แถมไม่พอ ยังออกแนวงงๆ อีกด้วย เอาไว้ถ้ามีโอกาสเมื่อไหร่ก้อยจะกลับมาแก้ไขตอนนี้แน่นอน แล้วก็ตอนหน้าถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงหนานเฟยคงได้โผล่ออกมาอีกสักตอน ส่วนเจนัวค่าตัวนายแพงมาก สังเกตดูว่านิยายเรื่องนี้พระเอกโผล่มาน้อยฉากเหลือเกิน เอาไว้เจอกันอีกตอนดีกว่า = =

    ป.ล. ความคืบหน้าของนิยายทุกเรื่องก้อยจะไปพูดที่หน้าเพจนะคะ ถ้าเกิดมีอะไรยังไง ก้อยก็คงแจ้งในนั้นเน้อ

     

    ขอเวิ่นเว้อนิดๆ เมื่อวานเจ้ก้อยเพิ่งคลอดหลาน หน้าตาน่าชังมากๆ เลย ยังไม่ได้ตั้งชื่อแต่คิดว่าจะดึงชื่อนางเอกในเชตมายสตอรี่ไปสักเรื่อง 555+

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×