คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : MY STORY IS A LIE::CHAPTER TEN
MY STORY IS A LIE:: CHAPTER TEN
วันนี้เป็นวันอาทิตย์ พี่เหมไม่ไปทำงาน พี่คิมไปดูงานที่เทกซัส ส่วนคุณพ่อนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องนั่งเล่น (ท่านกลับมาจากฮ่องกงได้เกือบอาทิตย์แล้วล่ะ) และฉันกำลังนั่งรอโทรศัพท์จากใครบางคนอยู่ในสวนหลังบ้าน!
ไม่ต้องดีใจกันไป ไม่ใช่เจนัวหรอก สถานการณ์ของเขากับฉันตอนนี้ไม่ได้เข้าขั้นแย่จนน่าเป็นห่วงเหมือนทุกที แต่ก็ไม่ได้ดีจนน่าสบายใจหายทุกข์ได้
...ก็แค่อยู่ในช่วง‘เบาเบา’นะ
โชคดีที่ช่วงระยะเวลาสิบเอ็ดโมงใกล้เที่ยงอย่างนี้ถึงแม้จะมีแดดมากแต่ในสวนก็มีไม้ใหญ่แตกกิ่งใบบดบังแสงแดดไว้หมด ฉันนั่งไขว่ห้างอ่านนิตยสารแฟชั่นอยู่ริมสระว่ายน้ำ ยกน้ำส้มขึ้นจิบไปพลางๆ ฉันบอกไปแล้วสินะว่าฉันกำลังนั่งรอโทรศัพท์จากใครบางคนอยู่ แล้วฉันบอกไปหรือยังว่าฉันกำลังนั่งรอโทรศัพท์จากใคร คำตอบคือยัยลิลินไง ฉันกำลังนั่งรอโทรศัพท์จากยัยนั่นอยู่ :)
ครืด~ ครืด~
ตายยากจริงๆ พูดไม่ทันขาดคำยัยนั่นก็โทรเข้ามาพอดีเลย J
[อีบ้า! แกใช้มั้ยที่ส่งไอ้แกงบ้าอะไรบ้านี่มาให้ฉันน่ะ!!] เสียงแหลมสูงจากปลายสายดังมากจนฉันต้องยกโทรศัพท์ออกห่างจากหู
...สะใจชะมัดเลย!
“ใช่ ฉันส่งไปเอง เธอไม่ชอบกินแกงกระหรี่หรอกเหรอ แหม... ฉันก็คิดว่าของโปรดซะอีก J”
[ของโปรดบ้านแกสิ!]
“เหรอ... ฉันส่งสะตอไปด้วยนะ เอาไว้ปั่นกินคู่กับแกง ได้ข่าวว่ามันเป็นอาหารรสเลิศของพวกชอบตอแหล!”
[แก!...]
“จำเอาไว้ว่าอยากมาตอแหลอะไรให้ฉันได้ยินอีก เพราะถ้ามันมีอีกฉันจะไม่ทำแค่นี้แน่!”
[เฮอะ! ช่วยไม่ได้ก็แกอยากโง่เชื่อฉันเองนี่! จะว่าไปขนาดไม่ใช่เรื่องจริงเธอยังมือไม้อ่อนฮวบเลยไม่ใช่เหรอ? ถ้าฉันทำให้มันเป็นเรื่องจริงขึ้นมา....]
“ฝันไปเถอะ! แล้วก็จำใส่หัวกะโหลกส่วนลึกของเธอเอาไว้ด้วยว่าต่อให้จะชาตินี้ชาติหน้าหรือชาติไหนก็อย่าหวังว่าเธอจะแย่งเขาไปได้! ”
พูดจบฉันก็กดตัดสายทิ้งทันทีโดยไม่คิดที่จะต่อเถียงกับยัยนั่นต่อ พอคิดถึงเรื่องนั้นจู่ๆ ก็รู้สึกโกรธขึ้นมาเผลอกำหมัดแน่นอย่างลืมตัวจนรู้สึกว่าเล็บคงจิกเข้าเนื้อฉันไปแล้วแน่ๆ
ลิลินไม่ใช่ผู้หญิงคนแรกที่เข้ามาพัวพันกับเขา และเท่าที่ฉันรับมือมายัยนี่น่ะร้ายกาจที่สุดแล้ว! เพราะผู้หญิงคนอื่นๆ แค่ขู่นิดขู่หน่อยก็พากันเลิกยุ่งกับเขา แต่ยัยนี่เล่นกัดแน่นไม่ยอมปล่อย แถมยังประกาศลั่นว่าจะแย่งเขาไปให้ได้อีก!!
ก็แปลกดี มีปัญญาจะแย่งแฟนคนอื่นแต่ไม่มีปัญญาหาแฟนเอง!
“อยู่นี่เอง ฉันเดินหาซะทั่วเลย” เสียงทุ้มของใครบางคนดังขึ้นก่อนที่เจ้าตัวจะเดินมาถึงตัวฉัน ฉันเงยหน้าขึ้นมองต้นเสียงก่อนจะขมวดคิ้วแปลกใจเมื่อพบว่าเจ้าของเสียงคือ แอมแปร์
“คือฉันเพิ่งมาถึงตอนที่พ่อเธอกำลังให้เด็กมาเรียกเธอพอดี ก็เลยอาสามาแทน J” แอมแปร์พูดแล้วยิ้ม ว่าแต่หมอนี่ไปทำอะไรมาแขนถึงได้หัก?
“งั้นเหรอ ขอบใจ แล้วแขนนายไปทำอะไรมา”
“ไม่มีอะไร ก็แค่เล่นวิ่งไล่จับกับไอ้ราฟนิดหน่อย แต่เจ็บเป็นบ้าเลย L” แอมแปร์เบ้ปากทำหน้าเหมือนอยากจะร้องไห้ตอนท้ายประโยค และถ้าให้ฉันเดาจากคำตอบที่เขาตอบมา หมอนี่ต้องไปกวนประสาทราฟแล้วถูกจับหักแขนแหงๆ -___-^
“ถ้ามาหาพี่เหมก็บอกให้เด็กไปตามให้แล้วกัน ฉันขอตัวไปหาคุณพ่อก่อน” ฉันลุกขึ้นยืนก่อนจะพูดแบบไม่เป็นทางการมากนัก
“ฉันเห็นไอ้ตี๋ที่ไหนไม่รู้กำลังนั่งคุยอยู่กับพ่อของเธอ แล้วท่านก็ให้คนมาเรียกเธอ เฮ้อ... ดูท่าคงมีอะไรมากกว่าที่คิดเยอะแน่เลย เพราะฉันแอบเห็นพ่อเธอกับไอ้ตี๋นั่นยิ้มกันจนแก้มแทบปริเลยซะด้วยสิ ต้องคุยกับถูกคอมากแน่ๆ เรื่องเธอหรือเปล่านะJ” คำพูดของแอมแปร์ทำให้ฉันที่กำลังเดินชะงักก่อนจะก้าวเท้าเดินไปต่อ
‘ไอ้ตี๋หน้าขาว’ อย่าบอกนะว่าหมายถึงนายหนานเฟยอะไรนั่นน่ะ -___-
ย้อนหลังเล่าให้ฟังกันหน่อยดีมั้ย คือเมื่อหลายวันก่อนคุณพ่อพาฉันไปออกงานการกุศลขององค์กรมาน่ะ และนั่นก็ทำให้ฉันได้เจอกับเขา นายหนานเฟยเป็นลูกชายของท่านอะไรสักอย่างนี่แหละ ฉันก็จำไม่ค่อยได้ จำได้แค่ว่าพ่อของหมอนี่เป็นอะไรสักอย่างที่ยศสูงใช่เล่นเลยล่ะ ส่วนหน้าตาก็ออกแนวตี๋ๆ กระเดียดมีเชื้อสายไปทางตะวันตกอยู่นิดๆ พูดไม่ถูกเหมือนกัน แต่รวมๆ แล้วก็เพอร์เฟคนะน่ะ
กลับเข้าประเด็นปัจจุบัน ตอนนี้ฉันเดินเข้ามาถึงห้องรับแขกเรียบร้อยแล้ว ฉันก้มหน้าทักเขานิดๆ ก่อนจะถูกคุณพ่อเรียกให้ไปนั่งลงข้างๆ กับท่าน
“มีอะไรเหรอคะ?” ฉันถาม
“นั่งคุยเป็นเพื่อนคุณหนานเฟยแทนพ่อหน่อย พ่อมีธุระด่วน”
“คะ?”
“เถอะน่า เขาเพิ่งกลับมาจากฮ่องกง ไปอยู่ที่นั้นเสียนาน ก็เลยยังไม่มีเพื่อน น้ำขิงก็นั่งคุยเป็นเพื่อนคุณหนานเฟยหน่อยล่ะกัน”
“ขิงว่าขิงไปตามพี่เหมให้ดีกว่ามั้ยคะ? -____-” ฉันกระซิบถาม เพราะรู้สึกบอกไม่ถูกเหมือนกันที่จู่ๆ คุณพ่อก็ยัดเยียดให้ฉันนั่งคุยกับเขาตามลำพัง ทั้งๆ ที่เขาน่ะเป็นผู้ชาย และฉันก็เป็นผู้หญิง เหมือนอยากจะจับคู่....
‘ฉันเห็นไอ้ตี๋ที่ไหนไม่รู้กำลังนั่งคุยอยู่กับพ่อของเธอ แล้วท่านก็ให้คนมาเรียกเธอ เฮ้อ... ดูท่าคงมีอะไรมากกว่าที่คิดเยอะแน่เลย เพราะฉันแอบเห็นพ่อเธอกับไอ้ตี๋นั่นยิ้มกันจนแก้มแทบปริเลยซะด้วยสิ ต้องคุยกับถูกคอมากแน่ๆ เรื่องเธอหรือเปล่านะJ’
คำพูดของแอมแปร์แวบเข้ามาในสมองของฉันแทบจะทันที หรือว่าคุณพ่อคิดจะจับคู่ฉันกับเขาจริงๆ
แต่ว่าฉันมีแฟนแล้ว คุณพ่อก็รู้นี่!
“คุณพ่อคงไม่ได้คิดจะจับคู่ขิงกับเขาหรอกนะ?” ฉันกระซิบถามอีกครั้ง
“เปล๊า... พ่อก็แค่อยากเสนอตัวเลือกให้ขิงก็แค่นั้นเองลูก” คุณพ่อเอียงหน้ามากระซิบตอบ และมันก็เป็นคำตอบที่ทำให้ฉันช็อกมากเสียด้วย
“ขิงไม่เอาด้วยหรอก คุณพ่อก็รู้นี่ว่าขิงกับเจนัวเป็นแฟนกัน!”
“แล้วยังไงล่ะ พ่อก็ไม่ได้บอกให้ขิงเลิกกับเจนัวเสียหน่อย พ่อก็แค่แนะนำคนที่น่าจะดีกว่าให้ลูกก็แค่นั้นเอง”
“แต่พ่อคะ!...” ฉันที่กำลังแย้งพูดอะไรต่อไม่ออก เมื่อจู่ๆ คุณพ่อก็หันไปพูดตัดบทกับแขกของท่าน
“เฮ้อ... สายแล้วสิ ยังไงก็นั่งคุยเป็นเพื่อนกับคุณหนานเฟยไปก่อนนะแล้วกันนะขิง เดี๋ยวพ่อออกไปทำธุระก่อน ทำตัวตามสบายนะหนานเฟย คิดซะว่าคนกันเองไม่ต้องเกรงใจอะไร”
คุณพ่อเดินออกไปแล้ว ตอนนี้ในห้องรับแขกจึงเหลือแค่ฉันกับเขาสองคนเท่านั้น บรรยากาศเลยเงียบงันทันทีเพราะในระหว่างเราทั้งสองคนไม่มีใครที่คิดจะเป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน แต่ก็ต้องเป็นฉันสินะที่ต้องทำหน้าที่ ก็เป็นเจ้าของบ้านนี่ -____-++
“ดีใจที่ได้พบคุณอีกครั้งนะคะ^___^” ฉันปั้นหน้ายิ้มตอนพูด
“เช่นกันครับ” และเขาก็ยิ้มตอบกลับมา -___-
....เงียบ......
“เห็นคุณพ่อบอกว่าคุณไปอยู่ที่ฮ่องกงซะนาน เพิ่งกลับมาที่ประเทศไทย เลยยังไม่มีเพื่อน คุณไปทำอะไรที่นั้นเหรอคะ?” ฉันจำยอมถามต่อไป ทั้งๆ ที่ได้อยากรู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลยสักนิด!
“ผมเกิดและโตที่นั้น เลยใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ที่นั้น”
“ก็คุณพ่อบอกว่าคุณเพิ่งกลับมาก็แสดงว่าคุณต้องเคยอยู่ที่ไทยสิ”
“ช่วงระยะเวลาสั้นๆ น่ะ ตั้งแต่ผมยังจำความไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แม่ของผมท่านมีเชื้อสายไทยอยู่นิดหน่อย” เขาตอบอย่างคล่องแคล่ว ใบหน้ายังเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ดูเหมือนจะเสแสร้งแข่งกับฉัน!
“งั้นเหรอคะ แล้วคุณมีเชื้อทางฝั่งตะวันตกบ้างหรือเปล่า?” ฉันถามต่อ ใบหน้าเริ่มยิ้มไม่ค่อยออกแล้ว
“ก็นิดหน่อยนะ คุณปู่ของผมท่านเป็นคนยุโรป”
“งั้นเหรอคะ ....คุณพูดไทยชัดมากเลย เคยมาไทยก่อนหน้านี้หรือเปล่า?”
“เปล่าครับ แม่ผมท่านเคี่ยวเรื่องภาษา ท่านกลัวผมจะพูดภาษาไทยไม่ได้ก็เลยคอยย้ำเตือนมาตั้งแต่เด็ก”
“งั้นเหรอคะ...” ฉันรับคำด้วยน้ำเสียงเนือยๆ มองไปทางอื่นที่ไม่ใช่หน้าเขาเพราะไม่อยากเห็นรอยยิ้มที่รู้ทันตัวเอง ให้ตายสิ... ฉันเสียมารยาทไล่เขากลับไปได้มั้ยเนี่ย?!
“ไม่ถามต่อแล้วเหรอครับ?” เขาถามยิ้มๆ เหมือนดูออกมาฉันกำลังคิดอะไรอยู่ และนั่นก็ทำให้ฉันเผลอชักสีหน้าใส่เขาอย่างลืมตัว ส่วนเขาก็ทำหน้ากลั่นหัวเราะแบบสุดๆ
พอกันที... ไม่ปั้นหน้าใส่หน้ากากแล้ว!!
“ค่ะ! แล้วก็ขอเชิญคุณกลับไปด้วยนะคะ!” ฉันไล่พร้อมกับลุกขึ้นยืน จะเดินหนีออกไปทิ้งให้ไอ้บ้านี่ยืนเคว้งอยู่คนเดียว ใครจะว่าเสียมารยาทก็ช่างเถอะ ฉันไม่สนแล้ว!
“หน้าคุณตอนโกรธยังดูดีกว่าตอนที่ฝืนปั้นหน้ายิ้มอีกนะ :)”
“นี่คุณ!” ฉันตวัดสายตากลับไปจ้องหน้าคนพูดอย่างไม่พอใจ ส่วนเขาก็ไม่ได้มีท่าทีสะทกสะท้านอะไรเลย!
“งั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ ไหนๆ คุณก็ไล่แล้ว ขืนอยู่ต่อคงแย่ J”
“เดี๋ยว! ฉันยังพูดไม่จบ และนายก็ห้ามไปไหนทั้งนั้น!!” ฉันสั่งเสียงดังตอนที่ร่างสูงกำลังจะเดินออกไปจากห้องรับแขก
“J”
แต่เขาเพียงแค่หันมายิ้มทะเล้นให้แค่นั้นก่อนจะเดินออกไปเลย!!
“ไอ้บ้า! ฉัน....!”
ปากที่กำลังเปิดขยับด่าเขาชะงักค้าง เพราะคนที่ควรจะโดนด่าตอนนี้ดันเดินออกไปแล้ว กลายเป็นว่าฉันโดนเขาหักหน้างั้นเหรอเนี่ย!?
เฮอะ! อีตาบ้าเอ้ย! ต่อให้ฉันกับเจนัวเลิกกันแล้วเหลือผู้ชายอยู่ในโลกเป็นนายคนเดียวก็อย่าหวังเลยว่าฉันจะเลือกนายน่ะ!
Talk To U
สวัสดีค่ะ :D ตอนนี้ส่วนมากก็เปิดเทอมกันแล้วเน๊าะ ก้อยก็เพิ่งกลับจากกีฬาสีมาเลยวันนี้ แดดร้อนมาก แต่ก็สนุกมากอีกเช่นกัน =O=;
เรามาเข้าเรื่องของเรากันดีกว่าเนอะ สำหรับตอนนี้ไม่ค่อยมีอะไรมากกค่ะ มีตัวละครใหม่เข้ามาหนึ่งตัว เพราะเคยมีนักอ่านรีเควสกันเข้ามาว่าอยากให้มีผู้ชายเข้ามายุ่งกับน้ำขิงบ้างอะไรบ้าง ตอนนี้ก็เลยจัดไป
อีกอย่างตอนนี้ จริงๆ ก้อยก็ยังไม่อยากอัพเลย กะว่าจะแต่งให้ยาวกว่านี้อีกหน่อย แต่ก็คงจะใช้เวลานานไม่ใช่น้อยเลยคิดว่าจะหายไปสักพัก (บวกกับตอนนี้ก้อยกำลังลองแต่งนิยายวายอยู่ ซึ่งในความรู้สึกก้อยมันยากมาก แต่งไปแต่งมาดันสับสนตัวเองซะอีก อีกอย่างก้อยลองเอาไปให้เพื่อนแล้วก็รุ่นพี่ช่วยแก้ให้ ปรากฏว่าโดนแก้เยอะมาก เลยทำให้กระทบมาถึงการแต่งนิยายชายหญิงเพราะก้อยเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าก้อยเขียนนิยายได้ดีแล้วจริงๆ เหรอ? =[]=)
แต่ว่า..
พอได้อ่านข้อความของคุณปอฤทัย ฝน ความรู้สึกของนักเขียนคนหนึ่งที่ถึงแม้จะไม่ได้แต่งเก่งหรือเป็นมืออาชีพเหมือนนักเขียนหลายๆ คน ก็รู้สึกมีกำลังใจขึ้นมาเยอะเลย แค่คำสั้นๆ ว่าจะ 'รอ' แค่นั้นก็เกินพอสำหรับก้อยแล้ว ขอบคุณมากเลยค่ะคุณฝน :D
สุดท้ายแล้ว ขอบคุณทุกคนที่ติดตามกันนะคะ ขอบคุณๆๆ จริงๆ ค่ะ แล้วคงได้เจอกันใหม่ในตอนหน้า สวัสดีค่ะ -/\-
ความคิดเห็น