ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : [ PART 1 ]
1 เดือนก่อนหน้า
“มยอง... มยองซู นายเป็นไงบ้าง? เจ็บมากเลยหรอ ทำไมถึงนอนหลับอยู่แบบนี้ล่ะ รีบๆตื่นขึ้นมาได้แล้วนะ คุณพ่อ คุณแม่ เพื่อนๆรอนายอยู่ ได้ยินฉันไหม”
นี่คือการพบกันครั้งแรกของฉันกับมยองซูในรอบ 2 ปี หลังจากที่เราทั้งสองคนต้องย้ายโรงเรียนเพราะจะต้องเรียนต่อในชั้นมัธยมปลาย แต่การที่ทำให้ฉันต้องมาพบกับเขาในวันนี้ช่างเป็นเรื่องที่น่าตกใจ สามวันก่อนหน้าฉันได้รับโทรศัพท์จากอูฮยอนโอป้ารุ่นพี่ที่ฉันรู้จักและเป็นเพื่อนแก๊งเดียวกับมยองซู ข่าวร้ายที่ทำให้ฉันไม่อยากจะรับรู้มัน...
มยองซูประสบอุบัติเหตุ เขาถูกรถชน... จนถึงตอนนี้ยังไม่ได้สติ
ฉันฟังการแจ้งข่าวนั้นด้วยความรู้สึกว่างเปล่าภายในหัว กว่าจะได้ยินเสียงเรียกชื่อตัวเองระหว่างสายสนทนาก็ปาเข้าไปหลายนาที ฉันจะไม่ตกใจขนาดนี้หรอก ถ้าไม่ใช่มยองซู เขาคนนี้ คือรักแรกของฉัน....
“………………….” แต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับมา
“สามวันแล้วลูก ที่มยองซูหลับอยู่แบบนี้ ตั้งแต่วันที่เกิดเรื่อง ฮึก....... ฮึก.... ฮือ.... ” คุณแม่ของมยองซูบอกฉัน สามวันแล้วงั้นหรอ
“คุณแม่คะ อย่าร้องไห้เลยนะคะ เดี๋ยวมยองซูตื่นมาได้ยินจะเสียใจเอา หนูต้องขอโทษด้วยที่ไม่ได้มาเยี่ยมตั้งแต่วันแรกที่เกิดเรื่องนะคะคุณแม่” ฉันเข้าไปกอดคุณแม่ที่ตอนนี้ตัวสั่นเทาเพราะท่านกำลังร้องไห้อยู่ข้างๆเตียงคนไข้
“ ฮือออ นาอึนอา มยองซูจะตื่นขึ้นมาหาแม่ใช่ไหมลูก ฮึก.. ฮือออ”
“หนูเชื่อว่าเขาจะต้องตื่นขึ้นมาหาเราค่ะคุณแม่” คุณแม่หันมากอดฉันแล้วร้องไห้ ความรู้สึกของท่านในตอนนี้ฉันว่าคงไม่อาจจะอธิบายได้ การที่ลูกชายต้องมาเจอเรื่องแบบนี้คนเป็นแม่จะทนรับไหวได้อย่างไร ฉันที่เห็นภาพนี้ก็ทำได้แค่กอดคุณแม่ไว้ ให้กำลังใจท่าน ให้ท่านเข้มแข็ง เผื่อว่าพรุ่งนี้มยองซูจะตื่นขึ้นมา
3 อาทิตย์ก่อนหน้า
“คุณแม่ สวัสดีค่ะ” ฉันกล่าวทักทายท่านเมื่อมาถึง
“มาแล้วหรอลูก” คุณแม่ทักฉันเมื่อเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับช่อดอกคาร์เนชั่นเล็กๆในมือ ก่อนท่านจะเดินมารับแล้วนำไปใส่แจกัน
“สวัสดีค่ะคุณพ่อ” แล้วฉันก็ร้องทักคุณพ่อที่เงยหน้าส่งยิ้มบางๆมาให้ฉัน ท่านกำลังอ่านหนังสือพิมพ์ประจำวันให้มยองซูฟังที่ข้างเตียง
“อ้าว มาแล้วหรอนาอึนอา~ ”
“วันนี้อ่านข่าวอะไรให้มยองซูฟังบ้างคะเนี้ย มยองซู นายน่ะมัวแต่นอนอยู่ได้ คุณพ่ออ่านหนังสือให้ฟังแทนที่จะตื่นมาคุยข่าวกับท่านบ้างนะ” ฉันพูดติดตลกก่อนจะเข้าไปจับมือของเขาไว้ แล้วเริ่มบีบนวดตามแขนของเขา คุณแม่ท่านบอกว่าการที่เราสัมผัสเขาแบบนี้ จะเป็นการช่วยกระตุ้นให้เขาสามารถรับรู้ความรู้สึกได้ เขาจะได้ตอบสนองเรากลับมาบ้าง
“ก็ข่าวทั่วๆไปแหล่ะลูก วันนี้มาซะเช้าเลยนะ กะจะมาปลุกมยองซูอีกหรือไงเรา” คุณพ่อยิ้มไปพูดไป ท่านคงอยากจะให้คุณแม่ที่ยืนอยู่ใกล้ๆได้มีรอยยิ้มบ้างด้วยการพูดติดตลกหยอกฉัน การที่คุณพ่อแสดงออกว่ากำลังร่าเริงนั้นแต่ในดวงตาของท่านกลับเศร้าซะจนบอกไม่ถูก
“ใช่เลยค่ะคุณพ่อ ไม่รู้จะนอนอะไรทั้งวัน หนูมาทีไรก็หลับใส่กันตลอดเลย เมื่อไหร่จะตื่นขึ้นมาเถียงกันซักทีหา” ฉันขยับเข้าไปพูดใกล้ๆหูของเขา ที่ฉันทำแบบนี้เพื่อหวังว่าเขาคงจะได้ยินเสียงของฉันแล้วตอบกลับมา
“………….” แต่เปล่าเลย ไม่มีเสียงตอบกลับมาแต่อย่างใด เหมือนๆกับทุกครั้งที่ฉันทำ
นี่เป็นเวลาสองอาทิตย์แล้วที่เขานอนยู่แบบนี้ มีสายจากเครื่องช่วยหายใจต่ออยู่ที่จมูกและปากระโยงระยาง คุณหมอบอกว่าอาการของเขายังคงทรงตัว ไม่มีอะไรดีขึ้นหรือแย่ลงไปกว่านี้ ร่างกายของเขายังคงอุ่นเหมือนปกติแต่อาจจะมีบางวันที่มีไข้บ้างแต่ก็ให้ยารักษาไปตามอาการ รอยแผลที่เกิดจากอุบัติเหตุตามร่างกายตามแขนและขาก็เริ่มจะหายดี เหลือซะก็แต่แผลที่หัวของเขา ตอนนี้ก็ยังมีผ้าพันแผลพันไว้อยู่อย่างนั้น
นับตั้งแต่วันที่รู้ข่าวฉันก็แวะเวียนมาเยี่ยมเขาอยู่ตลอด แต่เป็นเพราะช่วงนี้ใกล้จะสอบแล้ว ฉันเลยเข้ามาที่นี่ได้เป็นบางครั้งเท่านั้นในหนึ่งอาทิตย์ แต่ก็จะมีเพื่อนๆ ของเราผลัดเปลี่ยนกันมาที่นี่อยู่เป็นประจำทุกวัน ความจริงฉันก็อยากจะมาเยี่ยมเขาทุกวันเสียด้วยซ้ำไป
“มยองซูอา ฉันเหงานะ เมื่อไหร่จะตื่นขึ้นมาซักที นายได้ยินฉันไหม” ฉันจับมือของเขาไว้แน่นแล้วพูดกับเขา หวังว่าเขาจะได้ยินสิ่งที่ฉันพูดบ้างนะ
2 อาทิตย์ก่อนหน้า
“เรามาแล้วค่า/คร้าบ ” วันนี้ฉันกับเพื่อนๆมาเยี่ยมเขาเหมือนทุกวันแต่ที่ดูจะแตกต่างไปก็คือพวกเรานำของบางอย่างมาด้วยในวันนี้ พวกเราเข้ามาให้ห้องพร้อมขวดโหลใบใหญ่ ขวดโหลมีนกกระดาษมากมายอยู่ในนั้น
“นี่มันอะไรกันลูก? ” คุณแม่ถามพร้อมกับคุณพ่อที่เดินเขามาหาพวกเรา
“นกกระเรียนกระดาษน่ะครับคุณพ่อ พวกเราช่วยกันพับมันเองกับมือเลยฮะ” ซองกยูโอป้าพูดขึ้นมาพร้อมกับโชว์ขวดโหลใบใหญ่หนึ่งในขวดโหลนับสิบใบ
“มีความเชื่อกันว่าถ้าพับนกกระเรียนกระดาษให้ครบหนึ่งหมื่นตัวพร้อมกับอธิฐานไปด้วย สิ่งที่เราขอจะเป็นจริงค่ะ” อึนจีออนนี่ว่าต่อ
“แล้วพวกเราทุกคนขอเพียงอย่างเดียวเท่านั้นค่ะ พวกเราขอ.. ขอเพียงให้มยองซูฟื้นขึ้นมาเท่านั้น” ฉันบอกคุณพ่อคุณแม่ถึงความตั้งใจของพวกเราทุกคนในการทำสิ่งนี้
“ฮึก... ฮึก... ฮึก... แม่ขอบใจ.. ทุกคนนะลูก ฮือออ”
“ไม่ร้องนะแม่นะ พวกเด็กๆเค้าให้กำลังใจมยองซูของเราขนาดนี้ เราก็ต้องเข้มแข็งนะแม่” ภาพตรงหน้าถึงกับทำให้พวกเราบางคนต้องปาดน้ำตาจากใบหน้า คุณพ่อพูดให้กำลังใจคุณแม่แล้วกอดท่านไว้ ถึงท่าทางของท่านจะกำลังแสดงว่าเข้มแข็งแต่ก็มีหยดน้ำใสๆไหลออกมาจากดวงตาอันสั่นเทาของท่านคู่นั้นเหมือนกัน
“มยองซู นายรู้ไหมทุกคนเป็นกำลังใจให้นายอยู่นะ รีบกลับมาหาทุกคนได้แล้ว....... รวมถึงฉันด้วยเหมือนกัน” ฉันพูดในใจพลางมองไปยังคนที่นอนหลับอยู่บนเตียง
1 อาทิตย์ ก่อนหน้า
“สวัสดีค่ะคุณแม่” ฉันกล่าวทักทายท่านเหมือนทุกครั้งที่มาที่นี่
“สวัสดีจ่ะนาอึน” คุณแม่ยิ้มบางให้ฉันแต่ทำไมใบหน้าของท่านถึงดูหมองเศร้าแบบนั้นนะ มากกว่าครั้งไหนๆเลย
“คุณแม่พักผ่อนบ้างหรือเปล่าคะ? ทำไมหน้าคุณแม่ถึงเป็นแบบนี้ พักเถอะนะคะ เดี๋ยวหนูดูแลมยองซูเองค่ะ”
“งั้นแม่ฝากด้วยนะลูก” คุณแม่พูดเสียงเบา ฉันเลยเดินเข้าไปพยุงท่านให้ไปนั่งพักที่โซฟาภายในห้อง แล้วเดินไปเทน้ำใส่แก้วมาให้คุณแม่ พอดีกับทีคุณพ่อเดินกลับเข้ามาในห้อง ท่านคงไปพบคุณหมอมาสินะ
“อ้าว นาอึนมาแล้วหรอลูก มาแต่เช้าอีกแล้วนะเรา” ยิ้มบางนั่นส่งมาให้ฉันเหมือนทุกวันแต่วันนี้ทำไมแปลกไปจากเดิม ฉันรู้สึกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก
“ค่ะคุณพ่อ ก็หนูมาปลุกมยองซูไงคะ คุณหมอว่ายังไงบ้าง” ฉันถามคุณพ่อที่เดินเข้ามาที่ปลายเตียง
“คุณหมอบอกว่าช่วงนี้อาการมยองซูของเราน่าเป็นห่วงน่ะลูก เมื่อวานจู่ๆก็มีไข้ขึ้นสูงมาก เลยต้องเฝ้าดูอาการกันทั้งคืนเลย ถ้ายังอาการแบบนี้ต่อไปคงไม่ดีแน่ๆ พ่อก็หวังว่าเขาจะดีขึ้นกว่านี้บ้างนะลูกนะ” เสียงท่านดูไม่ดีเลยขณะที่บอกฉันกับคุณแม่ จริงด้วยสินะ วันนี้ใบหน้าทุกคนเลยดูแปลกๆไปจากเดิมรวมถึงใบหน้าของเขาที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียงด้วย วันนี้กลับดูอ่อนล้าและซีดเซียว ฉันเอื้อมมือไปกุมมือของเขาก็ยังรับรู้ได้ถึงความร้อนที่ส่งผ่านออกมายังมือของฉัน
“มยองซูอา.... นายอย่ายอมแพ้นะ ห้ามยอมแพ้เด็ดขาดเลยรู้ไหม” ฉันบอกกับเขาด้วยความรู้สึกหลายๆอย่างที่บอกไม่ถูก
3 วันก่อนหน้า
“อ๋อ ดีแล้วล่ะ จ่ะ.. ขอโทษด้วยนะที่วันนี้ไปเยี่ยมด้วยไม่ได้ ยังไงฉันฝากนายเยี่ยมมยองซูด้วยแล้วกันนะซองยอลอา จ้า แล้วเจอกันนะ”
ฉันวางสายจากซองยอลที่โทรมารายงานอาการเมื่อวานของมยองซู เพราะฉันไม่สามารถไปเยี่ยมเขาได้น่ะสิ การสอบอาทิตย์หน้านี้สำคัญมากเลยล่ะ นี่ก็สามวันแล้วที่ทำให้ไม่ได้ไปเยี่ยมเขา แต่ตลอดสามวันที่ผ่านมาฉันก็ได้รับข่าวดีตลอดเลยนะ ทุกๆวันอาการของเขาดีขึ้น ไม่ทรุดลงแบบเมื่ออาทิตย์ก่อนแล้ว ฉันก็เลยวางใจได้บ้างล่ะนะระหว่างที่ไม่ได้ไปเยี่ยมเขา ฉันว่าอีกไม่นานต้องได้รับข่าวดีกว่านี้อีกแน่เลย ฉันก็คงต้องตั้งใจอ่านหนังสือด้วยเหมือนกัน ฮึ้บบบ
2 วันก่อนหน้า
16.05 น.
หลังเลิกเรียนขณะที่ฉันกำลังจะเก็บของใส่กระเป๋าเพื่อจะไปเยี่ยมมยองซูที่โรงพยาบาล....
ครื้ดๆๆๆ
อยู่ๆโทรศัพท์ในกระเป๋าของฉันก็สั่นอย่างแรงซะจนฉันตกใจ
..อูฮยอนโอป้า..
“ฮัลโหลค่ะโอป้า”
“อาอึนเธออยู่ที่ไหน?” เสียงปลายสายดูสั่นเครือแปลกๆแฮะ
“นาอึนหรอคะ? อยู่ที่ห้องค่ะ กำลังจะไปที่โรงพยาบาลพอดีเลย”
“เธอฟังที่พี่จะพูดดีๆนะ....”
“ค่ะๆ โอเคค่ะ นาอึนจะตั้งใจฟัง”
“นาอึนอา คือ มยอง... มยองซู.... จากเราไปแล้ว”
ตุบ!
“นาอึนอา เป็นอะไร!” นัมจูถลาเข้ามาหาฉันที่อยู่ๆฉันก็ล้มลงที่เก้าอี้อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
ว่า.... ว่าไงนะ มยองซูน่ะหรอไม่ใช่หรอกมั้ง ไม่มีทาง
“โอป้าอยู่ที่ไหนคะ โรงพยาบาลใช่ไหม นาอึนจะรีบไปนะคะ ไม่จริงหรอกค่ะ มยองซูจะไปแบบนั้นได้ยังไง” หลังจากวางสายไปฉันก็โกยทุกอย่างใต้โต๊ะลงกระเป๋าอย่างรีบเร่ง แต่ยิ่งรีบทุกอย่างก็กลับช้าลง ไม่ว่าจะเป็นหนังสือ ปากกา ดินสอ ของพวกนั้นไม่ได้ลงไปอยู่ในกระเป๋าของฉันเลยซักอย่าง แต่มันกลับพร้อมใจกันตกลงบนพื้นทั้งหมด
“เห้ย นาอึนๆๆ ในเย็นๆดิแก มีอะไรบอกฉันสิ ทำไมแกเป็นแบบนี้” นัมจูตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่ก็เข้ามาช่วยฉันเก็บของบนพื้น
“อูฮยอนโอป้าโทรมาบอกฉันอ่ะแก คิ... ไม่ใช่หรอก เขาต้องล้อฉันเล่นแน่ๆ คิ.. ไม่จริงน่า” ฉันพูดไปพลางหัวเราะไป กลืนน้ำลายลงคอลำบากชะมัด
“นาอึน แกทำใจดีๆหน่อย ตั้งสติ แล้วบอกฉันมาเกิดอะไรขึ้น โอป้าโทรมาบอกว่าอะไร” นัมจูเขามาจับไหล่ของฉันทั้งสองข้างไว้ซึ่งตอนนี้มันก็สั่นไปหมดแล้ว
“ฮึก... ฮึก.. นัมจู มยอง... มยองซูเขาจะไม่กลับมาแล้ว ฮือออออ” คงจะไม่มีอะไรที่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้เลย เพราะตอนนี้ น้ำตาของฉันมันได้พูดทุกอย่างในใจฉันออกไปหมดแล้ว
“……” ไม่มีเสียงใดตอบกลับมาจากนัมจู มีเพียงอ้อมกอดของเธอที่กอดฉันไว้แน่น ฮึก.... มันต้องไม่เป็นแบบนี้สิ
ทั้งหมดนั้นคือเหตุการณ์ก่อนหน้าที่เกิดขึ้นในวันนี้ วันที่ฉันยังเองก็ยังคงทำใจไม่ได้ รวมไปถึงคุณพ่อและคุณแม่ของมยองซูเองด้วย พวกเราทั้งหมดสิบสองคนมาที่งานศพของมยองซูพร้อมกันด้วยชุดสีดำ เราเข้าไปหาคุณพ่อและคุณแม่ที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าท่านทั้งสองคนจะต้องเสียใจแค่ไหนกับการจากไปครั้งนี้
“คุณแม่ครับ มยองซูเขาหลับสบายแล้วนะฮะ เพราะงั้นคุณแม่ต้องเข้มแข็งไว้นะฮะ” ซองกยูโอป้าเข้าไปจับมือคุณแม่ไว้
“ใช่ฮะคุณแม่ คุณแม่อย่าร้องไห้เลยนะฮะ” พร้อมด้วยโฮย่าโอป้าอีกคน
“ฮึก... ฮึก... ขอบใจมากนะทุกคน ฮือออ” เสียงนี้ เสียงร้องไห้ของคุณแม่ที่ทุกคนล้วนได้ยินกันทั่วหน้า บอกให้รู้ว่าท่านยังคงทำใจไม่ได้กับเรื่องนี้รวมไปถึงคุณพ่อก็ด้วย
“คุณพ่อฮะ มีอะไรให้พวกเราช่วยบอกได้เลยนะฮะ พวกเรายินดีฮะ เพื่อมยองซู” ดงอูโอป้าหันไปพูดกับคุณพ่อที่กอดคุณแม่ไว้แน่น
“ขอบใจมากลูก ขอบใจมาก...” แล้วเสียงของคุณพ่อก็หายลงไปในคอ พร้อมกับน้ำตาหยดเล็กๆที่กำลังจะหยดลงมาจากตา แต่ท่านก็พยายามเงยหน้าเพื่อไม่ให้มันไหลออกมา เวลานี้เป็นเวลาที่คุณพ่อท่านต้องเข้มแข็งมากกว่าใครๆเพื่อคุณแม่จะได้มีแรงและกำลังใจในการใช้ชีวิตต่อไป ซึ่งท่านทั้งสองก็ไม่ต่างกับพวกเราทุกคนที่อยู่ที่นี่ เสียใจ และทำใจไม่ได้กับการจากไปครั้งนี้
“ฮึก.... ฮึก..... ฮึก...” ในที่สุดฉันก็ไม่สามารถที่จะซ่อนน้ำตาและเสียงร้องไห้แห่งความเสียใจเอาไว้ได้ ฉันรีบลุกออกมาจากตรงนั้น ออกมาข้างนอก... ฉันไม่อยากอยู่ในที่แห่งนั้นเลยจริงๆ
มยองซู.... นายทิ้งทุกคนไปแบบนี้จริงๆหรอ แล้วฉันจะอยู่ยังไงเมื่อไม่มีนายกันล่ะ ฮึก... ฮืออออ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น