ตอนที่ 23 : บทที่ 10. ข้าวมันไก่ -2
“หูยยย....หอมจังเลยค่ะเจน” เสียงสดใสของซาแมนต้าดังขึ้นมาจากทางด้านหลังของเจนณิรินที่กำลังง่วนกับการปรุงน้ำจิ้มข้าวมันไก่อยู่ เธอจึงหันกลับมาส่งยิ้มให้สาวน้อยที่ยิ้มกว้างเข้ามาหาในโซนห้องครัว
“คุยกับเจทเรียบร้อยแล้วเหรอจ๊ะ คราวนี้ใครชนะล่ะ” เจนณิรินถามไปอย่างอารมณ์ดีเช่นกัน
“คราวนี้เจทชนะค่ะ ข้อมูลเพียบเลย หนูยอมแพ้ ฮ่าฮ่า” ซาแมนต้าหัวเราะเสียงดังทันทีที่พูดจบลง เจนณิรินก็มองสาวน้อยที่พักหลังมานี้รู้สึกว่าจะมีรอยยิ้มมากขึ้น หัวเราะได้ง่ายขึ้น ไม่อยู่แค่ในโลกส่วนตัวเพียงลำพังอีกแล้ว
ซึ่งวันนี้ทั้งสองคนเมื่อมาถึงก็ต่างถกปัญหาถึงข้อดีข้อเสียของโทรศัพท์สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่กำลังมีข่าวว่าจะเปิดตัวในไม่กี่วันข้างหน้า
เจตนิพิฐที่ปกติเป็นคนที่ชอบเทคโนโลยีอยู่แล้วก็ได้พูดข้อมูลต่างๆขึ้นมา ในขณะที่ซาแมนต้าก็พยายามเถียงกลับด้วยข้อมูลที่มีเช่นกัน ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมถึงขั้นเปิดแม็คบุ๊คเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อมาโต้เถียง เจนณิรินที่เป็นแม่มองดูอยู่ก็ได้แต่ส่ายหัวไปมา แต่โชคยังดีที่เด็กทั้งสองต่างโต้เถียงกันด้วยเหตุผลไม่เคยใช้อารมณ์ส่วนตัว สุดท้ายใครที่มีเหตุผลมาขัดแย้งน้อยกว่าก็มักจะเป็นฝ่ายยอมแพ้ไป
“แม่ครับใกล้เสร็จหรือยัง ผมหิวจังเลยครับ” เจตนิพิฐที่พึ่งออกมาจากห้องน้ำก็เดินตามเข้ามาในครัวก่อนที่จะส่งเสียงโอดครวญถึงความหิวให้มารดาฟัง
“เสร็จแล้วจ้า เด็กๆเตรียมตั้งโต๊ะได้เลย วันนี้มีข้าวมันไก่ให้ทานได้ไม่อั้น รับรองว่าอร่อยมาก”
“เย้...” เด็กทั้งสองส่งเสียงอย่างดีใจออกมาพร้อมกัน ทำให้เจนณิรินก็ยิ้มขบขันกับท่าทางดีใจที่จะได้ทานขนาดนั้นของทั้งคู่
แล้วทุกคนก็ต่างกุลีกุจอยกของออกไปวางที่โต๊ะกินข้าวอย่างรวดเร็วด้วยบรรยากาศที่แสนอบอุ่นแต่ก็มาพร้อมกับความชุลมุนพอสมควร
ระหว่างนั้นก็มีเสียงกริ่งดังขึ้นที่ประตูห้อง
ทั้งสามชะงักค้างต่างหันมามองหน้ากันด้วยความแปลกใจที่มีใครมากดกริ่งหน้าห้องเวลานี้ เจนณิรินจึงบอกให้เด็กๆจัดจานรอ ก่อนที่เธอจะผละเดินไปเปิดประตูเอง และเมื่อมองผ่านช่องตาแมวเห็นว่าเป็นใคร เจนณิรินก็เลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ แต่ก็เอื้อมมือไปเปิดประตูให้ไม่รีรอ
“คุณเตวิช ..เอ่อ..ติดปัญหาอะไรหรือเปล่าคะ?” เจนณิรินที่คิดว่าชายหนุ่มมาถึงที่นี่จะต้องติดปัญหาอะไรแน่นอนจึงรีบร้อนถามขึ้น
“เปล่าครับ”
“แล้ว..ทำไมถึงมาที่นี่ล่ะคะ” เมื่อไม่มีปัญหาอะไรแล้วทำไมถึงได้มาถึงนี่ เอ๊ะ...หรือเขามีปัญหาเรื่องดินเนอร์ในวันนี้ “หรือว่า...โต๊ะที่จองไว้มีปัญหาเหรอคะ?”
“เปล่าครับ ผมยกเลิกนัดไปแล้ว” เตวิชยังคงบอกด้วยน้ำเสียงเรียบง่ายแต่หูกลับได้ยินเสียงหัวเราะของเด็กชาย-หญิงแว่วมาเป็นระยะ “ผมแค่..อยากมาทานข้าวมันไก่ด้วย ....ได้หรือเปล่าครับ?”
“คะ?” เจนณิรินเลิกคิ้วเล็กๆขึ้นอย่างแปลกใจในคำตอบและคำถามของเตวิชที่ส่งกลับมา
“วันนี้ผมอยากมาทานข้าวมันไก่กับแซมมี่มากกว่าน่ะครับ” เตวิชพูดพร้อมกับยิ้มเก้อเขินเล็กน้อยเมื่อต้องบอกความต้องการของตัวเองให้กับเจนณิรินฟัง
เจนณิรินที่เข้าใจในความต้องการของเตวิชจึงยิ้มกว้างตาเป็นประกายในทันที จากที่ช่วงหลังเธอได้มีโอกาสคลุกคลีกับซาแมนต้าทำให้เธอรู้ว่าเด็กสาวมีความเหงาและความรู้สึกโดดเดี่ยวอยู่ไม่น้อย เมื่อมารดาก็ไปมีครอบครัวใหม่ย้ายไปอยู่ไกล ส่วนบิดาก็ทำงานหนักแทบไม่มีเวลาพักหรือใช้เวลาส่วนตัวกับลูกสาวเลย ยามที่เธอต้องจัดตารางนัดหมายของเขาให้กับบรรดาคู่ค้าและคู่ควงในช่วง 2-3 เดือนมานี้ บางครั้งเธอยังอดตำหนิชายหนุ่มในใจไม่ได้ว่าทำไมไม่เอาเวลาที่มีให้ลูกสาวบ้าง...แต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะถึงอย่างไรเธอก็เป็นแค่ลูกจ้างเท่านั้น
“งั้น..เชิญเลยค่ะ”
เจนณิรินขยับออกจากประตูให้เตวิชเดินเข้ามาก่อนจะปิดประตูและเดินตามหลังชายหนุ่มมาช้าๆ ซาแมนต้าที่หันมาเห็นบิดาเดินเข้ามาก็ร้องทักอย่างแปลกใจ ส่วนเจตนิพิฐก็ยกมือขึ้นไหว้โดยอัตโนมัติเช่นกัน
“อ้าว...พ่อ มาได้ไงคะ เจนบอกว่าพ่อติดงานนี่นา”
“อืม...พ่อเคลียร์เสร็จเร็วเลยตามมาทานด้วยไง”
“จริงเหรอคะ วันนี้พ่อว่างจริงเหรอ?” ซาแมนต้าเดินเข้ามากอดแขนบิดาด้วยความดีใจพร้อมกับรอยยิ้มกว้างอย่างที่เตวิชเห็นจากลูกสาวไม่บ่อยนัก
ยิ่งเห็นทีท่าดีอกดีใจของลูกสาวที่แสดงออกมาอย่างไม่ปิดบังยิ่งทำให้เตวิชรู้สึกวูบโหวงในอก ..นี่เขาละเลยลูกไปขนาดนี่เลยเหรอ
“ใช่สิ..พ่อขอโทษนะ ที่ทำงานจนไม่มีเวลาให้เลย”
“ไม่เป็นไรค่ะ หนูเข้าใจ เจนคะเรามีข้าวมันไก่พอใช่มั้ย ถ้าพ่อจะทานกับเราด้วย” ซาแมนต้าที่แสดงความดีใจออกมาอย่างชัดเจนก็รีบหันมาถามเจนณิริน
“พอสิคะ ก็บอกแล้วไง วันนี้เรากินได้ไม่อั้น”เจนณิรินยิ้มรับ ก่อนจะหันไปหาลูกชายที่ยืนมองอยู่ “เจท ไปเตรียมช้อนกับจานมาอีกชุดหนึ่งนะลูก”
“ได้เลยครับแม่ รอแป๊บนึงนะครับ”
เจตนิพิฐหมุนตัวกลับเข้าไปในครัวก่อนจะออกมาพร้อมสิ่งที่ต้องการ จากนั้นทุกคนก็นั่งประจำที่ เจนณิรินก็จัดการตักข้าวมันใส่จาน คีบเนื้อไก่ต้มที่หั่นพอดีคำวางไว้บนข้าว ก่อนจะวางแตงกวาเป็นเครื่องเคียงลงไปอย่างสวยงามเป็นลำดับสุดท้าย เลื่อนจานที่พร้อมทานไปวางไว้ตรงหน้าของแต่ละคน แล้วจึงส่งชามน้ำซุบกับน้ำจิ้มตามไป จนเมื่อพร้อมเจนณิรินจึงหันกลับไปนั่งที่เก้าอี้ของตัวเองที่อยู่ซ้ายมือของเตวิช
เตวิชเองก็มองดูมือบางของเจนณิรินที่กำลังจัดเตรียมจานข้าวมันไก่อย่างคล่องแคล่ว ก่อนที่จะเลื่อนสายตาไปมองยังใบหน้าสวยหวานตากลมโตนั้นอย่างลืมตัว ผมดกดำที่เคยทิ้งตัวลงเต็มแผ่นหลังอยู่เป็นนิจ วันนี้เธอรวบมันขึ้นเก็บเป็นมวยหลวมๆไว้บนศีรษะเล็กซึ่งเปิดเผยต้นคอขาวเรียวระหงชวนมองของเธอให้ปรากฎแก่สายตาเขา แถมตอนนี้เธอยังเปลี่ยนจากชุดทำงานที่เขาเห็นจนชินตามาใส่เสื้อยืดสีเข้มตัวโคร่งกับกางเกงขาสั้นสีหวานยิ่งทำให้เธอดูเด็กลงไปอีกเท่าตัว
“พร้อมแล้ว ทานกันเลยจ้า” เสียงเจนณิรินที่ส่งเสียงบอกให้ทานได้ทำให้เตวิชตื่นจาภวังค์ของตัวเอง และมองไปยังเด็กสองคนที่นั่งฝั่งตรงข้าม ก่อนจะหันมามองผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างๆพร้อมกับส่งรอยยิ้มไปให้เธอที่ริมฝีปากอวบอิ่มเผยยิ้มกว้างรออยู่ก่อนแล้ว
“หูยยย ...อร่อยจังเลยค่ะ” ซาแมนต้าที่นอกจากจะได้ทานของอร่อยที่ตั้งตารอแล้ว ยังมีบิดามาร่วมทานด้วยยิ่งเกิดความสุขล้นขึ้นมาอีกเท่าตัวก็ส่งเสียงออกมาชมรสชาติอาหารไม่ขาดปาก
“บอกแล้ว แม่เราทำข้าวมันไก่อร่อยที่สุด” เจตนิพิฐที่ได้โอกาสก็รีบโอ้อวดมารดาของตัวเองในทันที
“เชื่อแล้ว... เราเชื่อ เพราะเดี๋ยวเราจะมาแย่งนายกินบ่อยๆ” ซาแมนต้ายิ้มรับพร้อมกับพูดกวนกลับไปอย่างอารมณ์ดี
เตวิชกับเจนณิรินที่มองดูเด็กทั้งสองโต้ตอบกันไปมาอย่างไม่มีใครยอมใครก็ได้แต่หันมามองหน้ากันแล้วอมยิ้มก่อนที่จะปล่อยเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ
เตวิชมองดูลูกสาวที่ทานอาหารอย่างมีความสุขแล้วตัวเขาเองก็เกิดความรู้สึกอบอุ่นในใจ...พร้อมกับรอยยิ้มที่เกิดขึ้นบนริมฝีปากอย่างที่ไม่สามารถห้ามได้ตลอดเวลาที่ทานอาหารเย็นมื้อนี้
...เตวิชคิดพร้อมกับแอบชำเลืองมองไปยังผู้หญิงที่นั่งยิ้มทานข้าวมันไก่อยู่ข้างๆ ก่อนที่เขาจะยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยและหันมาจัดการข้าวในจานของตัวเองต่อจนหมดจาน
ไม่น่าเชื่อว่าสุดท้ายการที่เขาตัดสินใจปฏิเสธดินเนอร์ในโรงแรมหรู เพื่อจะมาทานข้าวมันไก่ที่แสนธรรมดานี้แทน...จะสร้างความสุขให้กับเขาได้มากขนาดนี้
หลังมื้ออาหารเด็กๆต่างก็ช่วยเจนณิรินเก็บเช็ดโต๊ะ ล้างจานตามที่เจนณิรินเคยบอกว่าหากจะอยู่ร่วมกันก็ต้องช่วยกันทำงานบ้านเพื่องานจะได้เสร็จไวๆแล้วถึงจะได้พักผ่อนอย่างที่ตนเองต้องการ เพราะหากทิ้งให้ใครคนใดคนหนึ่งรับหน้าที่มันก็จะเป็นการเอาเปรียบกันเกินไป ที่อีกคนได้ไปนั่งสบายๆแต่อีกคนยังต้องทำงานไม่หยุด
เมื่อจัดการเรียบร้อยทุกคนจึงมานั่งคุยกันที่โซฟานั่งเล่น ก่อนที่เจนณิรินจะยกจานผลไม้ตามออกมาให้ทาน
เตวิชที่มองดูเด็กทั้งสองที่กำลังเล่นเกมส์กันอยู่ ก็หันมามองเจนณิรินที่กำลังมองตรงไปยังเด็กๆเช่นกัน
“ปกติเจนจะให้เล่นประมาณ 1 ชั่วโมงค่ะ ถือว่าให้ผ่อนคลาย แล้วก็สามารถเอาไปคุยกับเพื่อนๆที่โรงเรียนได้ ไม่อยากให้คุยกับใครไม่รู้เรื่องจนเกินไปในเรื่องพวกนี้”
“ครับ ก็ดีนะครับ สมัยนี้มันหนีไม่ค่อยพ้นเท่าไหร่ มีเยอะไปหมด”
“ใช่ค่ะ เจนเองก็ไม่อยากบังคับเด็กๆมากจนเกินไป” เจนณิรินหันไปมองซาแมนต้าตามสายตาของเตวิชก่อนที่จะตัดสินใจพูดออกไป
“แซมมี่แกเหงานะคะ คุณคงต้องหาเวลาให้แกมากกว่านี้”
“ครับ ผมเข้าใจ ขอบคุณคุณมากๆด้วยที่ช่วยดูแกให้..ผมเองคงจะหยาบเกินไปยิ่งมีลูกสาวแบบนี้รู้สึกเหมือนทำอะไรไม่ถูกเลย คงต้องรบกวนคุณช่วยบอกช่วยเตือนผมหน่อย” เตวิชพูดออกมาเสียงเบาใบหน้าเรียบเฉยแต่แววตาก็สลดลงอย่างเห็นได้ชัด
“ค่ะ ไว้ถ้ามีอะไรผิดปกติเจนจะบอกนะคะ” เจนณิรินเองก็ไม่อยากให้เตวิชที่มีตำแหน่งนายจ้างด้วยต้องเครียดจนเกินไปจึงหยุดการพูดคุยเรื่องของซาแมนต้าเพียงเท่านั้น
เตวิชเองที่เคยมีความสงสัยเกี่ยวกับตัวของเจนณิรินแต่ก็เคยปัดมันทิ้งไป แต่คราวนี้เหมือนว่าความสงสัยนั้นจะกลับมาอีกหนจึงตัดสินใจถามออกไป
“เอ่อ..เจน ผมถามเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของคุณได้หรือเปล่า”
“คะ?...เอ่อ..ได้ค่ะ”
“ถ้าผมถามไปแล้ว..ไม่อยากตอบก็ไม่ต้องตอบนะครับ”
“แน่นอนค่ะ ถ้าเจนไม่อยากตอบเจนไม่ตอบอยู่แล้ว” เจนณิรินเองก็พยายามพูดเล่นให้ชายหนุ่มตรงหน้าผ่อนคลายลงมาบ้าง...นี่นอกเวลางานแล้วนะ
“ผมถามเรื่องพ่อของเจทได้หรือเปล่า ผมรู้สึกเหมือนกับว่ามีแค่คุณที่ดูแลเจท”
“ค่ะ...คือ...เจนมารู้ว่าตัวเองกำลังมีเจทหลังจากที่หย่ากับเค้าไปแล้วค่ะ..พ่อของเจทเลยไม่รู้ว่ามีเจทอยู่ จริงๆเจนก็ไม่ได้เลี้ยงลูกเองนะคะ มีน้านีกับคุณคริสเป็นพ่อกับแม่บุญธรรมช่วยเลี้ยงตอนเล็กๆด้วยค่ะ”
“แล้ว..เอ่อ..”
แต่ก่อนที่เตวิชจะถามต่อเด็กทั้งสองก็เล่นเกมส์จบเรียบร้อย และพากันเดินมาทานผลไม้ที่วางอยู่ด้านหน้าของเจนณิริน ซาแมนต้าที่กินผลไม้พร้อมกับบ่นที่เล่นเกมส์แพ้เจตนิพิฐอีกแล้ว ผ่านไปครู่ใหญ่เตวิชจึงถามลูกสาวขึ้นมา
“แซมมี่ พ่อว่าเรากลับกันก่อนดีกว่านะ รบกวนเจนกับเจทนานเกินไปแล้ว”
“ก็ได้ค่ะ งั้นเรากลับก่อนนะเจท ไว้วันหลังจะมาแก้มือ” ซาแมนต้าเดินไปหยิบกระเป๋าเป้ ก่อนจะเดินไปหาเตวิชที่เดินรออยู่ตรงประตูแล้ว
“หนูกลับก่อนนะคะเจน ข้าวมันไก่ของเจนอร่อยที่สุดจริงๆ” ซาแมนต้าเอ่ยขอบคุณก่อนที่จะกอดลาเจนณิริน
“ได้สิจ้ะ ไว้คราวหลังจะทำเมนูอื่นให้ลองทานนะแซมมี่” เจนณิรินโอบเด็กหญิงเอาไว้ก่อนจะลูบแผ่นหลังของเธอเบาๆและหันไปกล่าวลาเจ้านายของตัวเอง “สวัสดีค่ะคุณเตวิช”
“ครับ ขอบคุณมากเลยนะเจนสำหรับวันนี้ ลุงไปนะเจท”
“ครับ สวัสดีครับคุณลุง”
เตวิชเอื้อมมือไปโอบบ่าลูกสาวที่เดินมายืนข้างๆแต่สายตาก็ยังคงเผลอจับจ้องไปยังผู้หญิงตรงหน้าก่อนที่เขาจะก้มมองซาแมนต้าแล้วจึงพากันเดินออกไป
............................
พาร์ทของเจนณิรินจะยาวหน่อยนะคะ ได้โปรดให้เจนได้ใช้ชีวิตปกติบ้าง please
ขอบคุณทุกคอมเม้นต์และขอบคุณที่ติดตามค่ะ
**อีบุ๊คก็ยังไม่พร้อมนะคะ เขียนยังไม่จบเลยค่ะ T_T
เปลี่ยนแนวบ้างให้นางเอกมีสามีใหม่ที่ดีเด่วเอาคนเก่ามันเจอใหม่ก้อไปยุ่ดี#ทีมเตวิชและเจน
กว่าจะเจอกันยายเจนไม่แก่เหรอค่ะ อยากให้เจอกันสักทีเนอะ พ่อกับลูก
มาแล้วววหายไปหลายวันเลย
รีดเข้ามาส่องทุกวันเลยคร๊าาาา
ชอบค่ะสนุกดี ชีวิตเจนค่อยๆไปค่ะไม่เป็นไรแบบนี้okแล้วค่ะ
ครอบครัวสุขสันต์~~~
ทีมเตวิชเหมือนกัน
ถ้าเจนจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ก็ไม่น่าจะมีปัญหานะคะไรท์ว่าไหม
เชียร์ เจน กับเตวิชนะ คงไปกันได้ด้วยดี เจนทิ้งช่วงเวลาของชีวิตมามากแล้ว ควรหันกลับมาใช้ชีวิตของตัวเองบ้าง
ชอบโมเมนต์ของเตชินกับเจนมากๆดลย