ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic reborn (Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #33 : กิจกรรมกลางคืน รอบแรก หาตะเกียง (2)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.84K
      20
      2 พ.ย. 55

    ห้องโกคุเทระ

     

    “ให้ตายสิ อยากเห็นหน้าไอ้คนแต่งห้องนี้จริงๆเลย”นาโอยะพูด เมื่อเห็นสภาพห้อง ที่เต็มไปด้วยโครงกระดูก กับดัก เครื่องมือต่างๆ หน่ำซ้ำบนเพดานยังมีโซ่ห้อยระโยงรยางค์ พร้อมรอบเปื้อนสีแดง ที่ไม่รู้ว่าเป็นสี หรือเลือดจริงกันแน่

     

    “อย่าบ่นนักเลยน่า รีบมาช่วยกันหาตะเกียงเร็วๆเถอะ จะได้รีบออกไป”โกคุเทระหันมาโวยใส่

     

    “นายก็หาไปสิ อย่ามาบ่นชั้น”

     

    “นายก็รีบช่วยกันหาเซ่ ไปหาทางโน้นเลย”โกคุชี้มือไปผนังอีกฝั่ง

     

    นาโอยะมองอย่างไม่พอใจ แต่ก็ยอมเดินไปหาดีๆ เพราะเขาก็ไม่ได้อยากอยู่ที่นานนักหรอก

     

    นาโอยะกวาดตาดู บนโต๊ะ มีแต่พวกกับดัก ที่พรานใช้ล่าสัตว์ แถมบางอันยังเปื้อนเลือดอีกต่างหาก แล้วเขาก็บังเหลือบไปเห็น แสงไฟสีอ่อน ปนอยู่ให้กองที่เป็นมีด ดาบ ที่อยู่ในลังข้างโต๊ะ

     

    นาโอยะมอง ก่อนจะค่อยหยิบออกมาอย่างระวัง ไม่งั้นมันคงบาดมือแน่

     

    ......และแล้ว ด้วยความพยายามอย่างมาก เขาก็เอาตะเกียงสีแดงออกมาจนได้ แถมยังเจอทีเดียว 2 อันอีกต่างหาก รวมกับที่เจอตอนแรกก็เป็น 3 อัน

     

    ในช่วงที่นาโอยะ กำลังจะหันตัวเดินไปวางตะเกียงที่กลางห้องก็ได้ยินเสียง

     

    “ระวัง !!!!

     

    นาโอยะ โดนฉุดมาจากพื้นที่ ที่ยืนอยู่ ล้มลงใส่โกคุเทระ

     

    ตึง !!!

     

    โซ่ที่พันอยู่บนเพดาน ล่วงลงพื้นมาอยู่ตรงตำแหน่งที่นาโอยะยืนพอดี

     

    “ขะ ขอบใจ”นาโอยะยังอึ้งไม่หาย ถ้าโกคุไม่ทันดึงเขาออกมาล่ะก็ โดนทับแบนแหง

     

    “ไม่เป็นไร ทำอะไรไม่รู้จักระวังเล้ย”

     

    คนได้ยิน ก็เกิดอาการเท้ากระตุกอยากถีบคนขึ้นมาทันที แต่ตอนนี้มันคงเป็นไปไม่ได้ เมื่อเขา ยังถูก อีกคนกอดไว้อยู่เลย แถมยังอยู่ใกล้สุดๆอีกต่างหาก

     

    “อ้าว อย่ามัวแต่นั่งสิ รีบไปหาต่อดีกว่า จะได้รีบออกไปจากที่นี้”โกคุพูดแล้วลุก

     

    “ก็นายจับชั้นไว้ ยังมีหน้ามาพูดอีก”

     

    “ไม่รู้เรื่อง อย่ามาใส่ความกันน่า”

     

    แล้วทั้ง 2 คนก็เถียงกันต่อไป ช่วยกันหาต่อไป

     


    ห้องฮิบาริ

     

    “ฉันอิ่มแล้ว.. ของีบซักหน่อย.. และตะเกียงสีม่วงน่ะ นายก็หาไป แล้วก็เหมือนเดิมนะ ห้ามทำฉันตื่น”ฮิบาริสั่ง พร้อมกับนั่งลงที่มุมห้องที่ว่างเปล่า แต่ก็ข้างโครงกระดูกที่ถือตะเกียงอันแรก

     

    “เอ่อ.. ช่วยกันหาหน่อยเซ่!” แต่ก็ดีเหมือนกัน อยู่กับฮิบาริตอนหลับ ดูจะปลอดภัยกว่ายามตื่น ฮิคารุคิด

     

    แต่เมื่อเขามองไปรอบห้อง ก็รู้สึกเหมือนตัวเองคิดผิด น่ากลัวว่ะ ใครมันตกแต่งห้องให้เป็นแบบนี้เนี่ย

     

    แต่ตอนนี้ มันไม่ใช่เวลานั้น แล้วฮิคารุก็หาตะเกียงรอบห้อง

     

    “เฮ้อ...”ฮิคารุร้องอย่างโล่งอก เมื่อตอนี้เขาเจอตะเกียงแล้ว 7 อัน อย่างเงียบเชียบที่สุด โดยที่ไม่ทำฮิบาริไม่ตื่น แต่ก็ต้องแข่งกับเวลา ที่ตอนนี้เหลือน้อยเต็มทีแล้ว

     

    แต่ดูเหมือนโชคจะไม่เข้าข้าง เมื่อมีหนูไม่รู้มาจากไหน วิ่งมาชนตะเกียงที่เขาวางไว้ล้มระเนระนาด แล้วก็หายไป

     

    เหวอ มีเสียงแล้ว ตายแน่ ฮิคารุหลับตาปี๋ แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น พอลืมตาก็พบว่า ฮิบาริยังหลับอยู่

     

    เขาเดินเข้าไปดูใกล้ๆ แล้วบ่นคนเดียวเบาๆว่า

     

    “ให้ตายสิ ที่งี้ไม่ตื่น แล้วจะให้ชั้นหาเงียบๆเพื่ออะไรฟะ”

     

    แต่คิดได้ไม่ทันไร ก็ถูกกระชากลงมานั่งด้วยซะแล้ว

     

    “บอกว่าห้ามทำเสียงดัง แล้วมาบ่นอะไรตรงนี้ มันหนวกหูนะ”ฮิบาริพูดที่ข้างหู

     

    แล้วทำไมที่งี้ตื่นล่ะ แล้วฮิคารุก็คร่ำควรญหาทางออกให้ตัวเองอีกนาน 


     

    ตัดมาทางห้องแรมโบ้

     

    แรมโบ้พยายามทำตัวให้ดูกล้าหาญ ทั้งที่ในใจจะฉี่ราดอยู่แล้ว..

     

    ไอ้ห้องบ้านี่มันอะไร รีบอร์น แกตกแต่งได้ห่วยมาก แถมยังมีโครงกระดูกถือตะเกียงสีเขียวยืนต้อนรับอีก แรมโบ้คิด

     

    ในห้องมีแต่ โลงศพ เต็มไปหมด

     

    “แรมโบ้ ในโลงศพนั้น มีแสงไฟด้วยล่ะ”ยูกิบอก

     

    “งั้นก็คงต้องเปิดสินะ”

     

    แล้วแรมโบ้ก็ทำใจเปิดโลงศพ

     

    แต่ก็เจอ............

    .......

    ...

    ..

    เจอศพ โครงกระดูกวิ่งไล่ ค้างคาวไล่กัด โอยย ช่วยด้วยครับวองโกเล่ T^T

     

    ห้องมุคุโร่

     

    นายไม่คิดจะช่วยกันหาตะเกียงหรือไง?”โทโมกิถามเสียงแข็ง.. ในมือถือตะเกียงสีครามเอาไว้ สองอัน.. พลางมองร่างของมุคุโร่ที่ดูจะใจเย็นเหลือเกิน นั่งมองเขาหาตะเกียงคนเดียว..

     

    มุคุโร่มองไปที่ร่างของโทโมกิที่ยืนค้ำหัวเขาอยู่อย่างเยือกเย็น ก่อนจะพูดขึ้นว่า

     

    “เรื่องตะเกียงน่ะ ผมไม่สนใจหรอกนะ ถ้านึกจะหาก็ง่ายนิดเดียว.. ก่อนที่คุณจะเป็นห่วงตะเกียง เป็นห่วงตัวเองก่อนดีมั้ย?

     

    “หา”โทโมกิขมวดคิ้ว หันไปมองมุคุโร่

     

    “มาต่อกันดีกว่า” ว่าแล้วมุคุโร่ก็ออกแรงดึงโทโมกิให้ร่างเล็กหันหลัง แรงดึงของร่างสูงทำให้ร่างเล็กเซถลาลงมานั่งบนตักของร่างสูงอย่างเหมาะเจาะ?

     

    มุคุโร่ล๊อกแขนทั้ง 2 ข้างของโทโมกิที่พยามจะฟาดกลับด้วยมือข้างนึง...

     

    จากนั้นจึงเอามืออีกข้างนึงเชยคางของคนตัวเล็กประกบริมฝีปากอย่างร้อนแรง .... ก่อนจะเริ่มซุกไซร้ซอกคอขาว มือที่วางอยู่เริ่มล้วงเข้าไปในเสื้อของโทโมกิ. แล้วลูบไล้ไปตามตัว อย่างพอใจ

     

    ส่วนปากนั้นก็ขบเม้มสร้างรอยสีแดงไว้

     

    โทโมกิผู้น่าสงสาร อยู่ในโหมดที่ไม่สามารถขยับไปไหนได้..

     

    ........ดูท่าห้องนี้.. จะไม่อยากหาตะเกียงแล้วล่ะ -___-‘’

    ..................

    ....

    ..

    .

     

    เหลือเวลาอีก30 วินาที.. เราจะเริ่มนับถอยหลัง ขอให้ทุกคนที่หาตะเกียงครบแล้วมารวมกันที่ห้องอาหาร 29.. 28.. 27..

     

    เห้ยยยย เพิ่งหาได้ 9 อันสึนะพูดอย่างลุกลี้ลุกลน.. เขาไม่อยากไปข้างนอกนะ เขาอยากนอนแล้ว

     

    เรารีบมาช่วยหันหาอันสุดท้ายเถอะสึนะ..คาสึกิพูดด้วยน้ำเสียงร้อนรนไม่แพ้กัน..

     

    แต่เดี๋ยวก่อน..

     

    เห้ย??!!

     

    จ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก

     

    ทั้งสึนะและคาสึกิ วิ่งหนีออกจากห้องแทบไม่ทัน เมื่อโครงกระดูก และศพที่อยู่ในโลงศพต่างพากันลุกออกมา.. กลิ่นคาวเลือดกระจายไปทั่วห้อง.. นอกจากกลิ่นคาวเลือดยังไม่พอ.. ยังมีเลือดสดๆอีก.. พวกมันพยามวิ่งมาหาทั้งสองคน.. พยามจะลากกลับเข้าไปในห้อง.. ทั้งสองคนวิ่งไม่คิดชีวิต ไปจนถึงห้องอาหารด้วยอาการเหนื่อยหอบ..

     

    เมื่อหันไปดูด้านหลัง.. พวกนั้นหายไปไหนแล้ว? เห้ยย ?? มันตามติดมาตลอดนี่? แต่เอาเถอะ.. อย่างน้อยก็รอดตัว..

    ...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×