ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic [ Boku No Hero ] ผมมาเอาคืนครับ

    ลำดับตอนที่ #13 : วุ่นวาย

    • อัปเดตล่าสุด 10 ก.ค. 61





    ทั้งๆที่ไม่อาการบาดเจ็บอะไรร้ายแรง แต่เดกุก็ยังไม่ได้สติขึ้นมาสักที จนน้าอิงโกะเริ่มเป็นห่วง แต่หมอก็ยืนยันว่าไม่ได้มีอาการร้ายแรงอะไร

     

    ตั้งแต่ที่พามารพ.แห่งนี้ ก็ราวสัปดาห์นึงแล้ว น้าอิงโกะเครียดมากขึ้นทุกที แต่ก็พยายามยิ้มให้ โดยหวังเพียงทุกอย่างจะดีขึ้น แม่เขาเอง ถ้าไม่ได้ติดธุระจริงๆ ก็แทบไม่ปล่อยให้คุณน้าอยู่คนเดียว เพราะกลัวคิดมาก ส่วนเขาถ้าเลิกเรียนแล้วก็จะมาที่รพ.นี่ก่อนกลับบ้านทุกวัน

     



    ตอนนี้เขาลงมาซื้อข้าวเย็นตามคำสั่งแม่ แต่ในระหว่างที่กลับห้อง แม่เขาก็ไลน์มา

    Bakugou M. : อยู่ไหนแล้ว

    Katsuki : ใกล้ถึงแล้ว จะเอาอะไรอีก

    Bakugou M. : ไม่เพิ่มแล้วย่ะ แต่ตอนนี้ หมอเรียกมาคุยเรื่องอาการอิซุคุคุงอยู่ ตอนนี้เขาอยู่คนเเดียวนะ

    Katsuki : โอเค ไม่เกิน 5 นาที

     



    หลังจากคุยสั้นๆ เขาก็เร่งฝีเท้าขึ้น ตอนนี้ไม่มีใครอยากปล่อยเดกุให้อยู่คนเดียวนานๆหรอก ถึงจะรู้ว่ามีตำรวจเฝ้าอยู่หน้าห้องก็เถอะ แต่ถ้าหายไปอีกจะทำยังไง

     




    แต่ก็กลับผิดคาด หน้าห้องไม่มีใครอยู่เลย ทำเอาเขางงเล็กๆ

     

    ปกติ อย่างน้อยก็ต้องมีสักคนสิ เขาหันไปมองตำรวจที่เฝ้าตามติดเขาอยู่ ซึ่งทางนั้นเองก็ดูจะงงๆเหมือนกัน เลยโทรศัพท์หา เผื่อมีการเปลี่ยนคำสั่ง

     


    นอกจากนั้น อาทิตย์นี้ก็เงียบสงบ ไม่มีข่าวการโดนทำร้ายของเพื่อนเก่าอีกเลย ทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย แปลว่า อาจจะได้เลิกเฝ้าติดตามเร็วๆนี้

     




    แกร๊ก


     

    พอเปิดประตูเข้าไป เขาก็ต้องงงหนักกว่าเดิม

     

    ไหนแม่เขาว่า เดกุอยู่คนเดียว แต่มันอะไรกัน ในห้องไม่มีใครเลยนี่นา คนที่ยังน่าจะไม่ได้สติ ไม่ได้อยู่บนเตียง ผ้าห่มถูกพับครึ่งอย่างเรียบร้อย คัตสึกิวางข้าวกล่อง แล้วสำรวจทั้งในห้องและห้องน้ำ แต่ก็ไม่มี เขาขมวดคิ้ว แล้ววิ่งออกจากห้องไปเคาเตอร์พยาบาลที่อยู่ใกล้ๆ



     

    แล้วก็ต้องค้างอีกรอบ เมื่อเจอตำรวจรวมทั้งหมด 4 นาย(หน้าห้อง 2 ตามเขา 2) นั่งอยู่ตรงเคาเตอร์ ข้างๆกันไปกองสำลีเปื้อนเลือดหน่อยๆวางอยู่

     

    “อะไรกัน”

     


    ซึ่งคำตอบที่ได้รับ คือ รถเข็นอุปกรณ์ของพยาบาล ไหลลงมาชนตำรวจที่เฝ้าหน้าห้องอยู่ แถมล้มทับด้วย อุปกรณ์ต่างๆเลยกระจาย สร้างอาการมึนงงให้กับทุกคนทั้งตำรวจและพยาบาล เพราะจู่ๆรถเข็นจะเลื่อนเองได้ไง เพราะมันก็หนักเอาการอยู่

     

    และก่อนจะคิดไปไกลกว่านั้น เขาก็ถามพยาบาลคนที่อยู่ใกล้ที่สุด

     


    “หมอเรียกตรวจอิซุคุด้วยเหรอ นึกว่าเรียกแค่แม่ซะอีก”

     

    “เปล่านะจ๊ะ คุณหมอเรียกแค่คุณนายมิโดริยะจ๊ะ ตอนคุณนายออกไปแล้ว พี่ก็ยังเข้าไปวัดไข้อิซุคุคุงอยู่เลย”

     

    “แต่ในห้องไม่มีใครนะครับ ผมหาไม่เจอ เลยต้องมาที่เคาเตอร์เนี่ย”บาคุโกยืนยัน

     

    “.............”

     


    เมื่อได้รับการยืนยันเช่นนั้น คราวนี้ ก็เลยวุ่นวายกันทั้งชั้น เมื่อคนไข้ที่ยังไม่ได้สติ หายไปจากห้อง

     






    โดนลักพาตัวไป ? 





    หรือ 





    ได้สติแล้วเดินหายไปเองกันแน่ ?

     


    รอไม่นาน แผนกรักษาความปลอดภัยแจ้งมาว่า ยังไม่ได้ออกไปนอกตึก

    ทำให้คนใน ต้องวิ่งหากันในรพ. คัตสึกิก็วิ่งตามหาด้วย เขาลองไปหลายๆที่ ถามคนอื่นๆก็ไม่เจอ เขาโทรศัพท์เช็คกับแม่ ที่รู้เรื่องแล้ว แต่ก็ยังไม่เจอเช่นกัน

     



    เขาหยุดยืนอยู่หน้าบันได ที่มีป้ายบอกห้ามเข้า

     

    คัตสึกิมองเชือกที่กั้น แล้วความรู้สึกบางอย่างก็โลดแล่นขึ้นมา นำพาให้เขาก้ามข้ามเชือกกั้น เดินขึ้นไป

     



    ปลายทางของขั้นบันได นั้นคือ ดาดฟ้าตึก

     

    เขาหมุนลูกบิตประตูดู ซึ่งก็น่าแปลก ที่ไม่ได้ล็อก เมื่อแง้มเปิดออกไป ลมที่ปะทะเข้ามาอย่างแรงก็ทำให้ต้องหลับตา

     


    ตึกรพ.นี่สูงประมาณ 7 ชั้น ลมเลยแรงเอาเรื่อง เขาก้าวออกไป ก่อนที่สายตาจะไปหยุดอยู่ที่

     


    ร่างของคนผมสีเขียวในชุดคนไข้ กำลังเกาะขอบลูกกรงอยู่

     

    ซึ่งภาพที่เห็นนี้ ทำเอาใจไม่ดีเอาซะเลย เหตุการณ์ที่คุยในครั้งสุดท้ายนั้น บางทีก็ทำให้เขาฝันอยู่บ่อยๆ ว่าที่อีกฝ่ายหายไปนั้น ไปกระโดดตึก ตาย ตามที่เขาพูดไปจริงๆ

     




    “ตื่นแล้วก็ทำเอาคนอื่นวุ่นไปทั่วเลยนะ เดกุ”เขาปัดความคิดนั้นทิ้งไป แล้วรีบจ้ำตรงไปหาคนผมเขียวที่ยืนอยู่ ทำให้สังเกตได้ว่า ที่แขนของคนที่เพิ่งฟื้นนั้น ไม่มีสายน้ำเกลือ ทำให้มีเลือดไหลหยดตามแขนเรียวนั้น

     


    “เฮ้ย นี่ สายน้ำเกลือไปไหน ทำไมปล่อยให้เลือดไห..”เขาคว้าแขนข้างที่มีเลือดไหลไว้ ก่อนจะชะงักเมื่อมองหน้าคนเจ็บ

     



    แววตาว่างเปล่า  เดกุหันมามองเขาช้าๆ หากแต่นัยน์ตาสีมรกตไม่สะท้อนตัวตนของเขาในแววตาเลย

    และคำพูดของเขาก็กลืนหายไปอีกรอบ เมื่ออีกฝ่ายเปิดปากพูด 


    เสียงที่ไม่ได้ยินมานาน เสียงที่ดูจะเย็นชาเมื่อเทียบกับนิสัยตามปกติของคนตรงหน้า ถามเขาว่า

     


    “นายเป็นใคร”





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×