ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO FIC] ROOM[SOUL]MATE l KAIHUN

    ลำดับตอนที่ #9 : ROOM[SOUL]MATE - ROOM:O8

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 10.81K
      39
      10 ส.ค. 56

    Chapter 8

     

     

                เซฮุนกำลังหงุดหงิดคิ้วขมวดอยู่หน้าตึกคณะ ก้มมองนาฬิกาข้อมือครั้งแล้วครั้งเล่า ก็ต้องสบถด่าสาปแช่งคนที่เป็นคนบอกให้เขารอ ที่บอกเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะมารับตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงที่แล้ว แต่ป่านนี้ก็ยังไม่โผล่หัวมาสักที แต่ก็มีเพื่อนร่วมคลาสใจดีอาสามานั่งรอเป็นเพื่อนคุยให้เขาหายเบื่อในช่วงเวลาแบบนี้

     

                “อย่าหน้างอแบบนั้นสิเซฮุน ระวังตีนกาขึ้นนะ” คนที่นั่งเป็นเพื่อนเซฮุนมาเกือบชั่วโมงพูดขึ้นเมื่อคนตัวขาวเอาแต่มองนาฬิกาแล้วทำหน้ามุ่ย บางทีก็ขมุบขมิบปากซึ่งเดาได้ว่าคงกร่นด่าคนที่คอยอยู่เป็นแน่

     

                “โถ่ ถ้าเป็นจื่อเทายังจะนั่งยิ้มอยู่ไหม เราไม่ชอบรอใครนานๆอะ” เซฮุนทำหน้าบึ้งเข้าไปอีกเรียกเสียงหัวเราะเบาๆจากจื่อเทาได้อย่างดี มือยกขึ้นดึงหน้าเซฮุนให้ยกยิ้มขึ้นด้วยความหวังดี

     

     

                Rrrrr

     

     

              เสียงโทรศัพท์บนโต๊ะสั่นทำให้เซฮุนรีบตะครุบมันขึ้นมารับทันที ยืนขึ้นมองรถของปลายสายก่อนจะพบได้ไม่ยากเมื่อมันจอดอยู่หน้าตกคณะที่เขานั่งอยู่พอดิบพอดี

     

     

                ออกมาเร็ว ปลายสายบอกด้วยน้ำเสียงห้วน

     

                “มาสายแล้วยังจะพูดเสียงงี้ใส่อีกเหรอ” เซฮุนต่อว่าด้วยอารมณ์หงุดหงิดที่ปะทุขึ้น ปล่อยให้รอแล้วยังทำเสียงแบบนี้ใส่ ร่างโปร่งหันไปเอ่ยลากับเพื่อนใจดีแล้วเดินลงมาหารุ่นพี่ตัวดีที่เป็นต้นเหตุอารมณ์ของเขา

     

                “ไง”

     

    เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้านิ่งแต่แปลกในน้ำเสียง ทันทีที่เซฮุนเข้ามานั่งในรถ ร่างขาวหันมองจงอินอย่างไม่พอใจ ยกมือขึ้นกอดอกแล้วหายใจฟึดฟัด

     

    “พี่สาย”

     

    “ก็มาแล้วไง”

     

    “คราวหลังไม่ต้องมาชวน”

     

    เซฮุนหันหน้าเบี่ยงไปมองกระจกข้างแสดงถึงอาการงอนอย่างเต็มขั้น จนรุ่นพี่ตัวคล้ำต้องขมวดคิ้ว ด้วยความหงุดหงิดที่พึ่งก่อตัวขึ้นเช่นกัน

     

    “มึงก็มีเพื่อนรอแล้วนี่” จงอินพูดเสียงประชดออกไป ทำให้คนที่ทำเป็นสนใจอย่างอื่นต้องหันกลับมามองด้วยสายตาตั้งคำถาม

     

    “ห๊ะ”

     

    “หรือไม่ใช่เพื่อน..” จงอินเหล่มองคนที่เปลี่ยนจากใบหน้าหงิกเป็นใบหน้าต้องการคำตอบแทน รุ่นพี่ไม่พูดอะไรต่อก่อนจะเริ่มออกสตาร์ทรถโดยไม่พูดอะไรอีก

     

     

    คนตัวขาวยังคงจ้องใบหน้าด้านข้างของรุ่นพี่อยู่แบบนั้น สมองยังคงประมวลประโยคที่ร่างหนาพูดไว้ก่อนหน้า จงอินแสร้งทำเป็นตั้งใจขับรถราวกับว่าบนถนนนั้นมีนางเอกเอวียืนขายพวงมาลัยอยู่

     

    หรือว่า...

     

    เซฮุนรอบยิ้มเมื่อนึกถึงข้อสันนิฐานของตน อารมณ์โกรธคนตรงหน้าหายไปในทันทีมาแทนที่ด้วยความรู้สึกใหม่ที่เขาเองก็ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้

     

    “พี่งอนผมอ่อ..”

     

    “เปล่า”

     

                “พี่หึงผมอ่อ..”

     

                เซฮุนกระตุกยิ้มขึ้นมา เมื่อคนที่ตั้งใจขับรถเมื่อกี้หันมาทำหน้าตกใจใส่เขาก่อนจะรีบหันไปสนใจเส้นทางบนถนนต่อ จงอินกลืนน้ำลายลงก่อนจะตอบเสียงอ้อมแอ้ม

     

                “ทำไมกูต้องหึงมึงครับ ..ไม่มี”

     

                “โอ๊ยพี่... ไม่หึงก็ไม่หึง แต่คนเมื่อกี้อะเพื่อนผมจริงๆ” พูดไปก็กลั้นยิ้มไป เมื่อเห็นว่าคนเป็นพี่คลายสีหน้าผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัด

     

                “อ๋อเหรอ.. หล่อดีนะ ไม่ได้ว่าไร” เซฮุนพยักหน้ารับอย่างล้อเลียน ก็ต้องโดนมือยาวยืนมาผลักหัวอย่างหมั่นไส้

     

     

                “แล้วนี่พี่จะพาผมไปไหนเนี่ย” คนตัวขาวเอ่ยถามอีกครั้ง หลังจากที่จงอินบอกเขาเมื่อคืนว่าหลังเลิกเรียนให้รออยู่ที่หน้าตึกคณะ พอถามว่ามีธุระจะไปไหนก็ไม่ยอมบอกเอาแต่กำชับให้เขารอ โดยขู่ว่าถ้าไม่รอจะเอากางเกงในลายหัวใจของเซฮุนถ่ายรูปลงอินสตาแกรมอวดเพื่อนๆ

     

                “เออหน่า พูดมากว่ะ”

     

                “ได้ไง พี่แม่งไม่น่าไว้ใจ”

     

                คนตรงหน้าไม่ตอบอะไรยังคงตั้งหน้าตั้งตาขับรถจนเซฮุนต้องจำใจนั่งเฉยๆด้วยอาการไม่พอใจอยู่เงียบๆ แต่เมื่อรถติดไฟแดงจงอินที่เงียบอยู่นายก็หันมามองหน้าเซฮุนพร้อมรอยยิ้มที่ไม่ค่อยจะน่าไว้ใจ คนตัวขาวเลิกลั่กไปมา แล้วก็ต้องย่นคอหลับตาปี๋ เมื่อจงอินคร่อมตัวลงมาใกล้พร้อมใบหน้าที่เลื่อนลงมาจนแทบชิดจงใจหายใจลดต้นคอขาว และกระซิบที่หูรูมเมทผิวขาว

     

              “ดีแล้วล่ะ ที่มึงไม่ไว้ใจคนที่ขโมยจูบมึงไปถึงสองครั้ง” 

     

    .

                ขายาวก้าวขาเร็วๆอยู่ในห้างสรรพสินค้าใกล้ๆมหาวิทยาลัย เซฮุนมองแผ่นหลังหนาของรูมเมทของตัวเองที่ลากเขาเดินมาสักพัก หลังจากเหตุการณ์ชวนให้หน้าร้อนของเซฮุนผ่านไป ทั้งคู่ก็แทบไม่ได้พูดอะไรกันอีกเลย คงเพราะเซฮุนที่เอาแต่เงียบและมองออกไปข้างนอกหน้าต่าง เพื่อซ่อนอาการแปลกๆที่ก่อตัวขึ้นบนใบหน้าตัวเอง

     

                และเมื่อรถของจงอินถึงที่หมายเซฮุนก็ได้ตั้งคำถามขอเหตุผลว่าทำไมถึงพาเขามาที่นี่ แต่คนตัวขาวก็ได้รับคำตอบด้วยใบหน้ากวนๆว่า

    “ กูอยากมาเที่ยว”

     

    เซฮุนก็จำยอมที่จะต้องมาเที่ยวกับคนเผด็จการอย่างคิมจงอินอย่างไม่สามารถปฎิเสธได้ จะว่าไปเขาก็รู้สึกแปลกๆเมื่อมาในที่แบบนี้กับรูมเมทตัวเอง นี่ถือว่าเป็นครั้งแรกที่เขามาเที่ยวกับจงอินในสถานที่ที่คนปกติทั่วไปเขามากัน เพราะปกติเวลาออกไปไหนกับพี่คนนี้ไม่สามารถเรียกว่าเที่ยวได้อย่างเต็มปาก

    พอคิดแบบนั้นสมองของเซฮุนก็ดันไปนึกถึงคีเวิร์ดตัวนึงที่ผุดขึ้นมาในหัวอย่างไม่ได้ตั้งใจ ..เดท

               

                เซฮุนส่ายหัวรัวๆไล่ความคิดฟุ้งซ่านของตัวเองออกไปจากหัวสมองยกมือขึ้นตบหน้าตัวเองแล้วบ่นพึมพำด่าทอราวว่าทะเลาะกับตัวเอง จนคนที่พามาต้องหันมองอย่างงงๆก่อนจะฉุดรั้งขอมือร่างขาวให้ออกเดิน

     

                “ดูหนังกันมึง”

     

                จงอินลากเซฮุนมาหยุดอยู่ตรงโซนขายตั๋วหนัง กวาดตามองลิสรอบหนังด้วยความกระตือรือร้น อย่างไม่สนใจความคิดเห็นคนข้างกาย

               

                คนตัวขาวส่ายหัวกับความเผด็จการและเอาแต่ใจของคนตรงหน้าอย่างขำๆ นี่คือพาเขามาเที่ยวหรือพาเขามาเป็นเพื่อนเที่ยวกันแน่ เซฮุนไม่ได้รู้สึกเบื่อที่จะต้องตามอีกคนแต่มันเหมือนว่าเขาจะรู้และเข้าใจนิสัยแบบนี้ของจงอินจนลึกๆแล้วก็ไม่อาจจะปฏิเสธว่าเขาชอบจงอินที่เป็นแบบนี้

     

                “มึงดู พี่มาก..พระโขนงนะ นางเอกสวย เพื่อนที่คลาสแม่งดูมาบอกว่าฮา” จงอินหันมาพูดกับเซฮุนเป็นประโยคบอกเล่าที่จริงๆแล้วควรจะเป็นประโยคคำถาม

     

                เมื่อเซฮุนพยักหน้าจงอินก็ยิ้มออกมาเหมือนเด็กๆ แล้วเดินไปซื้อตั๋วหนังทันที

                จงอินแบบนี้ก็น่ารักดี...

     

     

               

                หลังจากซื้อตั๋วหนังเสร็จทั้งคู่ก็พากันมากินข้าวเนื่องจากเซฮุนที่บ่นงุ้งงิ้งว่ายังไม่ได้กินข้าวตั้งแต่เที่ยง ด้วยหน้าที่รุ่นพี่ที่ดูบวกกับอีกกว่าชั่วโมงกว่าหนังจะเข้าฉาย จงอินนั่งมองรุ่นน้องตัวขาวที่นั่งฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี ใบหน้าหวานกวาดมองบรรยากาศในห้างที่มีคนเดินขวักไขว่ไปมาเพื่อรออาหาร

               

                จงอินไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองชอบเผลอมองหน้ารูมเมทรุ่นน้องของตัวเองบ่อยแค่ไหน รู้แค่ว่าเพียงแค่เผลอหันมองแต่ก็ไม่สามารถถอนสายตาไปได้

     

                “พี่มองไรวะ” เอ่ยถามเมื่อเริ่มรู้สึกตัวว่าตนโดนสายตารุ่นพี่จ้องมากเกินไป มือขาวยกมือขึ้นกระแอมเบาๆกลบเกลื่อนความรู้สึกขัดเขินเมื่อโดนจ้อง

     

                เดี๋ยวนี้คิมจงอินที่ช่างกวนประสาทพูดจายั่วอารมณ์เขาน้อยลง ในตอนแรกมันก็ดีสำหรับเขาที่ไม่ต้องมาปวดหัวต่อล้อต่อเถียงกับรุ่นพี่หมีควาย แต่เขาก็ต้องคิดผิดเมื่อแท้จริงแล้วจงอินเปลี่ยนจากวาจามาเป็นสายตาแทนที่รบกวนเซฮุน  เพราะสายตาที่ทอดมองมานั้นมันแฝงด้วยอะไรบางอย่างที่เซฮุนรับมือยาก

     

                จงอินไม่ตอบอะไรกลับยกมือขึ้นเท้าคางมองหน้าขาวอย่างหวังจะกวนประสาทคนตรงหน้าแล้วก็ได้ผลเมื่ออีกคนเบ้ปากใส่แล้วหันหน้าหนีจากสายตาคมนั้น

     

                จงอินไม่ได้อยากกวนประสาทเซฮุนก็ในเมื่อมันไม่มีคำตอบในประโยคคำถามของเซฮุนตั้งแต่แรกอยู่แล้ว...

                ที่เขามองก็เพราะอยากมอง ยิ่งมองก็ไม่อยากละสายตา...

     

                และก็ต้องยอมรับว่าเขาชอบใบหน้าของเซฮุนเวลาที่เจ้าตัวรู้สึกว่าเขามอง ใบหน้านิ่งๆนั้นจะฉายแววรุกรนอย่างน่ารักจนเขาชอบและอยากจะเห็นมันบ่อยๆ

     

     

                “พี่จงอินครับ! มึงจะกินไหมครับ” คนตัวขาวเรียกสติรุ่นพี่ที่นั่งเหม่อจ้องหน้าเขา

     

    แววตาที่ฉ่ำเยิ้มนี่มันคืออะไร พี่แม่งคิดอะไรอยู่..

     

     

    “แดกครับแดก มาตอนไหนวะ ฮะฮ่า” จงอินมองอาหารบนโต๊ะที่มาเรียงรายครบทุกเมนูพลางหัวเราะในลำคอเพื่อกลบเกลื่อนท่าทางเลื่อนลอยเมื่อครู่ของตัวเอง

     

    ขนาดแม่งอยู่ตรงหน้า กูยังคิดเรื่องมันเลย!

     

    จงอินอยากจะตบกบาลตัวเองที่นั่งคิดเรื่องไม่เป็นเรื่อง มือก็จ้วงหั่นสเต็กหมูเข้าปากก่อนจะเงยหน้ามอง คนตัวขาวที่กำลังหั่นสเต็กที่เหมือนกับของเขาในจานอย่างขะมักเขม้น ท่าทางเก้งก้างนั้นทำเอารุ่นพี่ต้องขมวดคิ้ว เสียงมีดกระทบกับจานดังขึ้นพาลให้เสียวฟันกันถ้วนหน้า

     

    “ เฮ้ยๆ วันนี้จะได้กินปะวะ” จงอินยื่นมือไปหยุดมือขาวเอาไว้ คนโดนว่าทำหน้ายุ่งมองหน้าคนพี่ที่สั่งห้ามทางสายให้หยุดมือไว้

     

                “โตเป็นควายแล้วแม่งยังหั่นสเต็กกินไม่เป็นอีก”

     

    ปากหนาพ่นแซะคนตรงหน้า มือก็หยิบจานสเต็กของอีกคนมาหั่นเนื้อให้เป็นชิ้นเล็กๆพอดีคำ แม้ว่าจะแสดงสีหน้ายุ่งยาก แต่ก็ทำให้คนตัวขาวนั่งมองอีกคนตาแป๋วโดยไม่พูดอะไร

     

    “อะ ตักแดกเองเป็นใช่ไหมครับน้องเซฮุน หรือว่าต้องให้กูป้อนด้วย” จงอินวางจานลงตรงหน้าเซฮุน แล้วทำท่าจะตักชิ้นเนื้อป้อนเข้าปากเซฮุนจริงๆ

     

    “เป็นๆๆ ไม่ต้องป้อนๆๆ” มือขาวจับมือหนาอย่างห้ามไว้ด้วยใบหน้าริ้วแดง ซึ่งจงอินคิดว่าคงเป็นเพราะความอายตั้งแต่เรื่องที่หั่นสเต็กไม่เป็นแล้วล่ะ

     

    จงอินไม่ได้ตอบอะไรออกไปให้ต้องเป็นเรื่องถกเถียงยืดยาว มองคนตัวขาวที่จิ้มชิ้นเนื้อเข้าปากชิ้นแล้วชิ้นเล่า ไม่เงยหน้าขึ้นมาจากจานอาหาร รุ่นพี่จึงก้มลงจัดการกับอาหารในจานของตัวเองบ้าง

     

    บรรยากาศรอบข้างทั้งคู่ปกคลุมด้วยความเงียบ มีเพียงเสียงช้อนกระทบกับจานเท่านั้น คนตัวขาวเงยหน้าจากจานสีขาวขึ้นมองคนผิวเข้มตรงหน้า

               

                ทำไมเขาต้องรู้สึกแปลกๆเวลาที่จงอินทำอะไรให้แม้จะเป็นแค่เรื่องเล็กน้อย..

                เรื่องเมื่อกี้มันก็น่าอายนะ..

     

     

                “ขอบคุณ” เซฮุนกัดริมฝีปากตัวเองอย่างประหม่าเมื่อพูดคำนั้นออกไป ก่อนจะทำมองไปที่อื่นเมื่อคนตรงหน้าเงยขึ้นมาสบตาด้วยยิ้มๆ เล่นเอาใบหน้าขาวร้อนขึ้นแปลกๆ

     

                คนตัวขาวกระพริบตาปริบๆหันซ้ายหันขวาอย่างทำตัวไม่ถูกเมื่อ ไอพี่จงอินเล่นจ้องเขาด้วยรอยยิ้มแปลกๆ อย่างที่เขาไม่ค่อยชอบมันเท่าไหร่นัก

     

                “ยิ้มไรนักหนา” พูดเสียงสั่นแกล้งทำเป็นใจดีสู้เสือมองหน้าอีกคนอย่างเอาเรื่อง

     

                “มึงแม่ง โคตรเด็ก”

     

                เซฮุนขมวดคิ้วมองอีกคนที่เอาแต่หัวเราะในลำคอแล้วส่ายหัวไปมา แขนยาวยื่นข้ามมาแตะหัวแม่โป้งลงที่ข้างริมฝีปากของเขาอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว แล้วปาดของเหลวที่มุมปากออกแล้วผละมือกลับออกไป แถมยังยกมือข้างนั้นขึ้นส่งเข้าปากตัวเองเป็นการทำความสะอาดอีก คนตัวขาวที่ได้แต่นั่งแข็งทื่อมองตาปริบๆก่อนที่ใบหน้าขาวจะร้อนขึ้นมาอีกครั้ง

     

                คิมจงอินทำเขาหน้าร้อนแบบนี้มากี่ครั้งของวันแล้วเนี่ย !!

     

                “ทำไรวะพี่! คราวหลังบอกดีๆก็ได้” ทำเป็นโมโหกลบเกลื่อนอีกครั้ง

     

                “ก็มึงอะเหมือนเด็ก กินทีไรเปื้อนปากตลอด”

     

                จงอินพูดสบายๆ แต่แววตาที่มองเซฮุนมันเจ้าเล่ห์อยู่นัยๆจนเซฮุนต้องขมวดคิ้วหยิบทิชชู่มาเช็ดทับรอยมือของอีกคนที่มันร้อนผ่าวอยู่นั้น แถมด้วยกร่นด่าคนตัวดำในใจ

     

                คือถึงจะเลอะ ก็ไม่จำเป็นต้องเช็ดให้แบบนี้ปะวะ !

     

     

     

     

                หลังจากที่กินข้าวเสร็จทั้งคู่ก็ประฝีปากกันพอหอมปากหอมคอเรื่องคนจ่ายเงิน ไอพี่จงอินซึ่งบอกว่าตัวเองเลี้ยงมาบ่อยแล้ว ส่วนเซฮุนจะให้หารกัน แต่คนสีผิวเข้มเอาแต่พูดจากวนประสาทไม่ยอมอยู่อย่างเดียว จนคนตัวขาวตัดปัญหาโดยการเดินออกจากร้าน ทำเอารุ่นพี่หน้าเหวอ ลนลานจ่ายเงินแล้ววิ่งตามออกมา

     

                เซฮุนรู้ว่าบ้านจงอินรวยไม่มีปัญหาเรื่องเงินแค่จ่ายค่าข้าวเลี้ยงน้องมื้อสองมื้อจนหน้าแข้งดกๆของพี่เขาไม่ร่วงแน่นอน แต่ไอที่ทำเป็นงกคงเพราะอยากกวนประสาทเขาเสียมากกว่า

     

                จงอินมองเวลาก็เหลือเวลาอีกพอสมควรกว่ารอบหนังจะเข้าฉาย มือหนาคว้ามือขาวมาจับไว้อย่างเนียนๆ ก่อนจะพาเดินนำไปเรื่อยๆ โดยมีเสียงคนตัวขาวบ่นเสียงเขียวอยู่ด้านหลัง

     

                “ไม่ต้องจับมือก็ได้มั้งพี่” เซฮุนมองมืออีกคนที่จับกับมือเขาแม้ใช่ว่าจะไม่เคย แต่มันก็รู้สึกเขินๆอยู่ดี แล้วยิ่งเป็นสถานที่พลุกพล่านด้วยผู้คน รวมถึงคนในมหาลัยของพวกเขาด้วย ร่างหนาหยุดเดินขึ้นมาดื้อๆทำเอาคนที่ก้าวตามมาชนเข้ากับแผ่นหลังกว้างอย่างจัง จนเซฮุนต้องเบ้หน้า จงอินหันกลับมามองหน้าหวานอย่างเต็มตา กระตุกรอยยิ้มมุมปากน้อยๆ แต่ทำเอาเซฮุนหายใจสะดุด ก่อนเสียงทุ้มนุ่มเป็นเอกลักษณ์จะเอ่ยขึ้น

     

     

                “ก็มึงเดินช้าอะ”

     

     

                ถ้อยคำธรรมดาทำเอาเซฮุนต้องก้มหน้าเดินตามรุ่นพี่ตัวหนาและเดินตามไปอย่างไม่ปริปากพูดอะไรออกมาอีก ก่อนที่บรรยากาศรอบข้างค่อยๆดึงความสนใจของเซฮุน กลายเป็นว่าคนตัวขาวเป็นคนนำรุ่นพี่อีกคนเดินดูโน่นดูนี่อย่างเพลิดเพลิน จนจงอินแอบคิดว่าใครกันแน่ที่เป็นคนอยากมา

     

                “ตามึงวาวมากเลยน้องเซฮุน” ร่างหนาเอ่ยแซวเมื่ออีกคนทำท่าเหมือนเด็กเจอของเล่น แต่น่าแปลกที่คนตัวขาวไม่ทำหน้าบึ้งใส่เขาแต่กลับยิ้มหวานส่งมาให้จนเป็นเขาเองที่ต้องผงะ

     

                “พี่ๆๆ ดูเด็กคนนั้นดิ” คนตัวขาวชี้ให้จงอินมองไปยังเด็กผู้หญิงตัวเล็กคนหนึ่งที่เหมือนจะหลงทางกับพ่อแม่ ใบหน้ากลมที่มีแก้มย้วยลงมา ตาโตที่คลอเต็มไปด้วยน้ำตา

     

    เซฮุนรีบรุดตัวเข้าไปหาเด็กหญิงคนนั้น ที่มองเขาด้วยใบหน้าน่าสงสาร คนตัวขาวดึงเด็กคนนั้นให้หลบจากทางเดินที่มีคนพลุกพล่านก่อนจะเอ่ยถามออกไป

     

    “หลงกับคุณแม่เหรอ”

     

    จงอินก้าวเดินตามมองคนร่างบางที่ย่อตัวคุยกับเด็กตัวเล็กใบหน้าของเด็กน้อยที่พร้อมจะเบะร้องให้ขึ้นมาทุกเมื่อ จนคนตัวขาวทำอะไรไม่ถูกหันมาขอความช่วยเหลือจากรุ่นพี่ที่ยืนมองเหตุการณ์อยู่ห่างๆ แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบเพราะจงอินส่ายหัวปฎิเสธเขาไม่ค่อยถนัดเรื่องพวกนี้เท่าไหร่

     

    “ฮึก..”

     

    “อย่าร้องซี่ .. เดี๋ยวพี่ช่วยพาไปหาแม่นะคะ เราชื่ออะไรเอ่ย” เสียงหวานพูดหลอกล่อเบี่ยงความสนใจให้ตาใสจ้องมองอย่างมีความหวัง

     

    “หนูชื่อจูยอนค่ะ หนูเดินตามหลังคุณแม่อยู่ดีๆ คุณแม่ก็หายไปไหนไม่รู้ ..ฮึก” เสียงเล็กพูดเจื้อยแจ้วก่อนจะสะอื้นขึ้นมาอีก ทำเอาเซฮุนต้องโอ๋อย่างรวดเร็ว

     

    “จูยอนอย่าร้องให้สิคะ ..ไม่ต้องกลัวเดี๋ยวจูยอนก็ได้เจอคุณแม่นะคะ เชื่อพี่เซฮุนนะ” มือขาวเลื่อนเช็ดน้ำตาออกจากแก้มใสเบาๆ ก่อนจะส่งยิ้มจนตาหยีให้จนเด็กน้อยยิ้มตาม

     

    แต่กระนั้นคนที่มีผลไปด้วยคือคนที่มองภาพเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ หัวใจกระตุกขึ้นมาเสียดื้อๆ..

     

     

                แต่ก่อนที่เรื่องจะยืดเยื้อกว่านี้จงอินเลยเดินเข้าไปคว้าอุ้มร่างคนตัวเล็กขึ้นมาไว้ในอ้อมกอด เด็กตัวน้อยทำตาโตสงสัยรวมทั้งร่างโปร่งที่ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงมองอย่างงงๆ ส่งให้ร่างหนาที่ยิ้มบางตอบ

     

                “เดี๋ยวพี่พาไปหาแม่ไงครับ”

     

                เด็กตัวน้อยยิ้มสดใส จนมือหนาอดเอื้อมไปหยิกแก้มเบาๆไม่ได้ด้วยความเอ็นดู เซฮุนหัวเราะเบาๆกับท่าทางนั้นเมื่อหันไปมองก็ได้สายตาล้อเลียนกลับมา เลยถลึงตาส่งให้เป็นคำตอบ

     

                ที่ตัวเองพูดคะขากูยังไม่ว่าอะไรสักคำ...

     

     

                จงอินพาเด็กน้อยมาที่ประชาสัมพันธ์ระหว่างรอคุณแม่ จงอินก็ได้รู้ว่ารูมเมทของตัวเองนั้นเข้ากับเด็กเล็กได้อย่างรวดเร็ว แถมยังสนิทกันอย่างว่องไวอีกด้วย ร่างหนายืนกอดอกมองคนตัวขาวที่ถามโน่นถามนี่เด็กน้อย ว่าอายุเท่าไหร่แล้ว น่ารักจัง ขอหยิกแก้มหน่อย บลาๆ จนเขาต้องหลุดยิ้มออกมากับความน่ารักของอีกคนที่ไม่ได้เห็นบ่อยนัก

     

                หลังจากที่ประชาสัมพันธ์ประกาศออกไปไม่นานร่างหญิงสาวคนหนึ่งก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งตรงมาด้วยท่าทางร้อนรนใจ ความวิตกกังวลฉายชัดบนใบหน้าสวย เมื่อพบเห็นผู้เป็นลูกก็โผเข้ากอดไว้แน่น

               

                “จูยอน ไม่เป็นอะไรใช่ไหมลูก.. แม่ตามหาแทบแย่ คราวหน้าอย่าปล่อยมือจากแม่รู้ไหมลูก” เธอพูดกับลูกสาวตัวเล็กก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองจงอินและเซฮุนที่ยืนมองอยู่ใกล้ เธอก้มหัวขอบคุณทั้งคู่อยู่หลายที จนต้องบอกว่าไม่เป็นอะไร ร่างเพรียวอุ้มสาวน้อยขึ้น

     

                “ขอบคุณพี่เขาสิลูก” เธอพูดกับลูกสาวที่ยิ้มหวานรออยู่ ใบหน้าน่ารักยื่นไปหอมแก้มขาวของเซฮุน จนคนโดนหอมตาโตและหัวเราะเบาๆออกมา

     

                “ขอบคุณพี่สาวกับแฟนพี่สาวด้วยนะคะ ฮิฮิ”

     

                คำพูดของเด็กน้อยทำเอาเซฮุนเบิกตากว้าง ใบหน้าขาวค่อยๆแดงขึ้นเรื่อยๆ ส่วนอีกคนที่หัวเราะเสียงดัง มองมือคู่เล็กที่โบกลาและจากไปพร้อมกับคุณแม่ที่กล่าวขอบคุณอีกครั้ง

     

                พี่สาวงั้นเหรอ...

                แฟนงั้นเหรอ...

     

                เซฮุนหน้าแดงแจ๋ก้มหน้างุดอย่างรู้สึกเขินเต็มขั้น นี่เขาเหมือนพี่สาวตรงไหนอยากได้คำอธิบาย ผมก็สั้นนะ แล้วก็ไม่ได้ใส่กระโปรง ทำไมถึงโดนมองเป็นพี่สาวได้ แล้วยังได้เป็นแฟนกับคนข้างๆนี่อีก เสมองคนที่ถูกกล่าวหาร่วมที่ยกยิ้มขำให้เขาก็ต้องยกมือขึ้นฟาดที่ลำแขนแกร่ง ก่อนจะต้องฟาดมันแรงเข้าไปอีกเมื่อปากหนาแย้มยิ้มพูดด้วยใบหน้าเจ้าเล่ห์

     

                “น้องเขานี่ก็เข้าใจผิดใหญ่แล้วนะ”

     

                “...”

     

                “น้องเซฮุนน่ะไม่ใช่แฟนพี่ ..แต่เป็นเมียต่างหาก”

     

    .

     

     

                เซฮุนก้าวเข้ามาในห้องอย่างเหนื่อยอ่อน เดินไปทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตัวยาว ปล่อยให้รูมเมทถือถึงขนมของเขาเข้ามาวางไว้บนโต๊ะ เนื่องมาจากวันนี้เดินเพลินไปหน่อยเนื่องจากไม่ค่อยได้ไปห้างมานาน เมื่อกลับมากรู้สึกปวดที่หน้าขาขึ้นมาทันที

     

     

                “ไปอาบน้ำไป ดึกแล้วจะไม่สบาย” เซฮุนเงยหน้ามองคนที่โยนผ้าเช็ดตัวใส่หน้าเขา แล้วเดินมาหย่อนกายลงข้างๆ และเปิดทีวีดู

     

                คนโดนสั่งไม่ได้พูดอะไรได้แต่เดินโหลเหลเข้าไปอาบน้ำอย่างที่โดนบอก ขืนพูดอะไรออกไปกลัวว่าจะโดนกวนประสาทจนห้องต่อปากต่อคำให้เสียพลังง่ายเข้าไปอีก

     

                เซฮุนเดินออกมาจากห้องน้ำก็พบร่างหมีควายที่นั่งอืดดูทีวีอยู่ท่าเดิม แล้วเดินเข้าห้องตัวเองไปด้วยความเหนื่อยล้าที่เกาะกินกล้ามเนื้อจนมันครั่นตัวไปหมด

     

                ร่างโปร่งพาดผ้าเช็ดตัวไว้บนราว แล้วทอดกายลงบนเตียงนุ่มจัดท่าจัดทางให้เข้าที่ ดึงเอากระต่ายตัวใหญ่มากอดไว้ตะแคงข้างเมื่อรู้สึกสบายตัวก็หลับตาลงเพื่อพักผ่อนจากความเหนื่อยล้า แต่ในขณะที่เซฮุนกำลังจะเข้าสู้ห่วงแห่งความฝัน ก็รู้สึกถึงแรงยวบที่เตียงแต่เจ้าตัวก็ไม่ได้เอะใจเพราะกำลังกึ่งๆระหว่างความจริงกับความฝัน

     

                สัมผัสที่ตวัดรอบเอวกระชับขึ้น ลมหายใจที่เป่าลดนั้นเริ่มชัดเจน พร้อมทั้งกลิ่นสบู่อ่อนๆที่เป็นกลิ่นที่เข้าใช้ลอยมาเตะจมูก ตามมาด้วยสัมผัสร้อนที่ทายทอยเรียกสติให้เซฮุนสะดุ้งรู้ตัวว่ามันเริ่มไม่ใช่ความฝันอย่างที่คิด จนต้องปล่อยกระต่ายขาวพลิกตัวหันไปผลักคนฉวยโอกาสออกไปให้พ้นระยะอันตราย

     

                “ไอพี่จงอิน มึงทำไรเนี่ย!!” แขนขาวยันที่หน้า ส่วนขายันไว้ที่หน้าท้องแกร่งของอีกคน เล่นเอาคนที่แอบเข้ามาถึงกับร้องโวยวายให้ปล่อยเพราะหายใจไม่ออก

     

                “ชักเยอะไปแล้วนะพี่ ในโรงหนังยังไม่พอหรือไงวะ” เซฮุนหน้างอเอื้อมมือไปเปิดโคมไฟที่หัวเตียง จ้องมองใบหน้าดำสลัวที่ผุดลุกขึ้นนั่งตาม

     

                ในโรงหนังวันนี้เซฮุนแทบจะไม่สามารถจดจำเนื้อเรื่องได้เพราะคนข้างตัวที่เอาแต่ใจ จ้องจะจับโน่นแตะนี่ตลอด จนเขาเหนื่อยที่จะห้ามปราม คงเพราะเด็กน้อยที่เจอเมื่อเย็นทำให้อีกคนได้ใจจนมาแกล้งเซฮุนต่อในโรงหนัง ซึ่งมันก็ได้ผล

     

                “ขอนอนด้วยดิ” จงอินขอด้วยใบหน้านิ่งๆตามแบบฉบับตนเอง

     

                “มานอนห้องผมทำไมล่ะพี่ กลับไปนอนห้องพี่ไป” คนตัวขาวโบกมือเป็นเชิงไล่ ในใจก็คิดว่ามันอันตรายเกินกว่าจะให้จงอินนอนร่วมเตียงกับตัวเองได้

     

                จงอินไม่ได้พูดอะไรแต่ตะครุบกอดเอวเซฮุนแล้วซุกหน้ากับหน้าท้องหอมกรุ่นของอีกคน คนขาวโวยวายอย่างตกใจพยายามแงะรุ่นพี่ตรงหน้าออกจากหน้าท้องของตัวเองด้วยทั้งเขินทั้งอาย

     

                “ให้กูนอนกับมึงนะ กูเหงา..” เสียงอู้อี้น่าสงสารพูดออกมา เซฮุนที่นิ่งอยู่นานก็ไม่มีท่าทีว่าจงอินจะยอม เลยต้องส่ายหัวและจำใจยอมคนเอาแต่ใจตรงหน้าโดยปริยาย

     

                “เออ.. คืนเดียวนะ” เซฮุนพูดอย่างเหนื่อยใจ มือทั้งสองข้างดันไหล่คนเป็นพี่ที่ได้ยินดังนั้นก็คลายตัวออกมามองหน้าขาวด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

     

                “ใจดีแบบนี้ต้องให้รางวัล”

     

     

                จมูกโด่งฝังลงที่ซอกคอขาวก่อนจะพรมจูบไล้ขึ้นไปตามสันคางเรียว คนโดนกระทำได้แต่แดดิ้นไปมา แขนเล็กผลักรุ่นพี่จอมหื่นออกไปให้ไกลหน้า ก่อนจะพูดออกมาอย่างหัวเสีย

     

                “หยุดเลยไอพี่จงอิน ไม่งั้นไม่ต้องนอนนี่ละ” ถลึงตาใส่อย่างเอาจริง ทำเอาจงอินต้องจิปากอย่างขัดใจก่อนจะยอมทิ้งตัวนอนลงบนหมอนข้างๆเซฮุน

     

                คนตัวขาวมองร่างอีกคนหน่ายๆ รู้สึกว่าหน้าร้อนๆขึ้นอย่างบอกไม่ถูก สัมผัสเมื่อครู่ทำให้ขนแขนตั้งชันขึ้นได้อย่างง่ายดาย เซฮุนส่ายหัวไล่ความคิด เอื้อมมือไปปิดโคมไฟหัวเตียงแล้วล้มตัวลงนอนบ้าง แต่ทันทีร่างหมีควายข้างๆก็จะครุบเขาไว้ จนต้องออกแรงดิ้นอีกครั้ง

     

                “อย่าดิ้นดิมึง แค่ขอกอดเฉยๆ” เสียงทุ้มดังอยู่อย่างหู ทำให้เซฮุนหยุดเคลื่อนไหวลง

     

                แต่เป็นภายในอกด้านซ้ายที่เพิ่มจังหวะขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่...

     

     

                ตึก ตัก ตึก ตัก ..

     

                “มึงเป็นเกย์แล้วเหรอวะพี่จงอิน” เซฮุนโพร่งคำถามแปลกๆออกมากลบเสียงหัวใจตัวเองที่กลัวว่าคนที่กอดเขาอยู่จะได้ยิน

     

                “กูไม่ได้เป็นเกย์”

     

                “แต่มึงกอดกูอยู่นะพี่ กูเป็นผู้ชาย”

     

                “แล้ว ..เอ่อ มึงก็จูบกู” เซฮุนพูดเสียงอ้อมแอ้มในลำคอ ตอนแรกก็แค่จะปกปิดเสียงหัวใจตัวเอง แต่พอไปๆมาๆจริงๆแล้วคำถามพวกนี้เขาเองก็อยากจะถามมานานแล้ว

     

                เซฮุนลืมตาโพรงในความมืดได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอของคนข้างๆ พร้อมกับแรงกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น ลมหายใจร้อนที่เป่าลดท้ายทอยของเขาอยู่ เสียงทุ้มเสน่ห์ที่เขารู้สึกว่ามันน่าฟังเอ่ยถ้อยคำที่ เขาอยากจะมลายหายไปจากตรงนี้นอกจากหัวใจเขาจะไม่กลับมาเต้นเป็นจังหวะปกติแต่มันกับรัวเร็วขึ้นเมื่อได้ยินคำตอบของอีกคน

     

                “กูไม่ใช่เกย์... กูไม่ได้ชอบผู้ชาย แต่มึงเป็นข้อยกเว้น เพราะมึงเป็นผู้ชายคนเดียวที่อยู่ในสายตากู”

     

     

     

     

                

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×