ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO FIC] ROOM[SOUL]MATE l KAIHUN

    ลำดับตอนที่ #7 : ROOM[SOUL]MATE - ROOM:O6

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 10.92K
      32
      10 ส.ค. 56

    Chapter 6

     

     

                ภายในห้องนอนมีร่างหมีควายนอนอืดอยู่บนเตียงกว้าง ผ้านวมสีเข้มที่ม้วนเป็นก้อนอยู่ปลายเตียง ร่างหนาขยับตัวเล็กน้อยหยีตาขึ้นเพราะแสงแดดที่สาดส่องเข้ามา เขายันตัวขึ้นมองนาฬิกาก็เป็นเวลาสายมากแล้ว ยกมือขึ้นยีผมตัวเอง พร้อมกับความรู้สึกมึนงงในหัวที่เป็นผลมาจากแอลกอฮอล์เมื่อคืน

     

     

                คนขี้เกียจพยายามหาทางนอนต่อแต่ก็ไม่เป็นผล ด้วยความที่ข่มตาลงไม่หลับ ก็จำใจลุกขึ้นเดินออกจากห้อง ภายในห้องนั่งเล่นว่างเปล่า และเงียบสงบ ก่อนที่สติสัมปชัญญะของเขาจะเริ่มกลับมาครบ

     

                ก็นึกถึงเซฮุนที่เมาหลับไปเมื่อวาน ปกติแล้วต้องเป็นฝ่ายมาปลุกเขาทุกเช้าแต่คราวนี้ไม่มีวี่แววของร่างขาว อาจจะออกไปแล้ว ..หรืออาจจะยังไม่ตื่น พอคิดได้ดังนั้น จงอินก็ตรงไปยังห้องข้างๆ แล้วค่อยเปิดประตูเข้าไปดู  

     

     

                ผ้าห่มสีขาวที่ม้วนเป็นก้อนทรงยาวที่เห็นเพียงเส้นผมสีอ่อนที่โผล่ออกมาเท่านั้นมองไม่เห็นเจ้าของห้องที่เหมือนจะนอนตะแคงหันหลัง ทำให้ผู้บุกรุกเดาได้ว่า ร่างตรงหน้ายังคงไม่ตื่นจากความฝัน ร่างหนายกยิ้มบาง แล้วคิดแผนปลุกอีกคนในใจ

     

     

                ขายาวค่อยๆชันเข่าขึ้นไปบนเตียงอย่างเบาที่สุด ก่อนจะค้อมตัวลงวาดมือกอดรั้งก้อนผ้าห่มนั้นไว้ ใบหน้าเลื่อนเข้าใกล้ใบหูขาว กลิ่นหอมๆที่คุ้นเคยลอยแตะจมูกคนเป็นพี่ก่อนจะกระซิบเสียงเข้ม

     

                “เซฮุนนา~ ตื่นได้แล้วครับ”

     

               

                ไม่มีปฏิกิริยาการตอบรับจากคนในอ้อมกอดก่อนที่จงอินจะงับแรงๆที่ใบหูขาวอย่างหมั่นเขี้ยว แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อสิ่งที่เค้าได้รับกลับเป็นเสียงงึมงำในลำคอ และเสียงหายใจแรงๆของอีกคน

     

                ร่างหนารีบพลิกร่างผอมแล้วดึงผ้าห่มออกมามองใบหน้าขาวที่บัดนี้แดงซ่านพร้อมกับลมหายใจร้อน ภาพตรงหน้าทำให้รู้สึกใจไม่ดีขึ้นมา มือกร้านยกขึ้นไปแตะเบาๆที่หน้าผากเนียน

     

               

                “เหี้ยแล้วไง ..ตัวร้อนชิบ” จงอินสบถขึ้นอย่างร้อนใจ ก่อนจะเขย่าไหล่บางเบาๆพร้อมกับเรียกเพื่อปลุก

     

     

                “เซฮุน.. เซฮุน ตื่น”

     

     

                “อือ..”

     

     

                เสียงครางรับในลำคอ คิ้วบางขมวดขึ้นแม้ดวงตายังปิดอยู่ ก่อนจะค่อยๆลืมตาที่หนักอึ้งช้าๆ

     

     

                “พี่จงอิน.. เข้ามาได้ไง”

     

                คนตัวขาวทำหน้าตกใจพร้อมกับท่าทางที่เหมือนจะอยากขยับเด้งหนีร่างหนาของรูมเมทที่ใบหน้าใกล้กันเกือบแค่คืบแต่อาการปวดที่หัวจนแทบจะระเบิด แล้วยังอาการครั่นเนื้อครั่นตัว จนรู้สึกขยับไปไหนไม่ได้นี่อีก

     

                เขากำลังไม่สบายใช่ไหม...

     

     

     

                “อย่าดื้อ.. มึงไม่สบาย”   มือประคองกดแผ่นอกอีกคนให้นอนลง ฉายแววตาเป็นห่วงอีกคนอย่างชัดเจน

     

     

                “ผมปวดหัว..”

     

     คนป่วยพูดเสียงอ่อนอย่างจำยอม ไม่มีแรงแม้จะขยับตัว ตาก็หนักอึ้งจนอยากจะหลับอีกสักระลอก พยายามนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืน แต่มันก็แค่เลือนรางบางเบาในสมอง ลำคอของเขารู้สึกแห้งแล้วแสบหนึบทำให้กลืนน้ำลายได้ยากลำบาก

     

     

    “แค่นี้ ?”

     

    “อือ..”

     

    “อย่าโกหก... ตอนนี้สภาพมึงโคม่ามาก”

     

    คนเป็นพี่พูดขัดขึ้นเสียงจับผิด ทำเอาร่างขาวแอบจิ๊ปากทำหนางอ ก่อนจะรู้สึกว่าหมดตัวเองหมดฤทธิ์จริงๆ แค่พยายามจะยกมือฟาดคนตัวดำข้างหน้ายังก็ทำได้แค่เอามือไปวางที่แขนอีกคนแค่นั้น

     

     

    “อย่าทำซ่า.. นอนไปเลย เดี๋ยวกูมาเช็ดตัวให้ เน่าและไม่ได้อาบน้ำตั้งแต่เมื่อคืนเนี่ย..” พูดแค่นั้นก่อนจะสะบัดตัวเดินออกไปอย่างที่พูด

     

    คนตัวขาวที่ก็ไม่มีสิทธิ์จะค้านได้แต่นอนยอมรับชะตากรรมตัวเอง ว่าเขาไม่สบายจริงๆ นึกย้อนถึงคำพูดของคนที่เดินออกไปเมื่อกี้ ก็รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาอย่างประหลาด ไม่รู้ทำไมทั้งๆที่คำพูด ท่าทาง ไม่ได้มีความอ่อนโยนแม้แต่น้อย เหมือนกับผู้ใหญ่ดุเด็กที่ดื้อไม่ยอมฟัง

     

    แต่ก็นะ..เซฮุนกลับรู้สึกได้ถึงความห่วงใยจากอีกคนอยู่ลึกๆ

     

     

     

     

     

    ไม่นานเจ้าของร่างหนาก็เดินเข้าพร้อมกะละมังที่เซฮุนจำได้ว่ามันเอาไว้ซักชั้นใน ดวงตาอันหนักอึ้งพร้อมกับอาการปวดรุนแรงที่หัวของเขาทำให้อ้าปากท้วงหรือด่าอะไรออกไปได้ จงอินวางกะละมังลงแล้วหันมาจ้องหน้าคนป่วยที่จ้องตอบมาเช่นกัน

     

     

    “ลุกไม่ไหวใช่ปะ”

     

    คนป่วยไม่พูดอะไรได้แต่พยักหน้าช้าๆก่อนที่มือกร้านจะยืนลงมาช่วยพยุงให้ร่างอ่อนเปลี้ยนั่งพิงกับหัวเตียง ก่อนจะเอื้อมมือไปกลัดกระดุมเสื้อเชิ้ตตัวบางที่เซฮุนใส่ตั้งแต่เมื่อคืน แต่มือนุ่มก็ตะปบมือกร้านนั้นทันที พร้อมถลึงตาใส่คนเป็นพี่

     

    “ไม่ต้องถอด.. เดี๋ยวผมเช็ดเองพี่ออกไปข้างนอกไป”

     

     “อย่ามาปากเก่ง.. จะตายอยู่แล้ว ผู้ชายด้วยกันอายไรวะ”

     

    ร่างหนาพูดก่อนจะสะบัดมือขาวออกก่อนจะปล้ำถอดเสื้อตัวบางออกได้สำเร็จอย่างทุลักทุเลเพราะเจ้าตัวไม่ให้ความร่วมมือแถมยังขัดขืนด้วยใบหน้าเป็นริ้วแดงอีกต่างหาก

     

    แต่จงอินก็รู้สึกได้ว่าเขาคิดผิด...

     

    คิดผิดที่ดึงดันถอดเสื้ออีกคนออก เมื่อผิวกายขาวเนียนที่นึกติดใจปรากฏเต็มสองตาเขาอยู่ตอนนี้ ไม่รู้ตัวว่าตัวเองเผลอจ้องและกลืนน้ำลายเหนียวลงคอไปกี่ครั้ง

     

    คนป่วยไม่พูดอะไรได้แต่หันไปทางอื่นใบหน้าขาวขึ้นสีจัดโดยที่จงอินคิดว่ามันเป็นเพราะพิษไข้ เขาหยิบผ้าชุบน้ำแล้วบิดหมาดๆเช็ดลงที่ลำคอขาวลงมายังหน้าอกเนียนที่มีตุ่มไตสีชมพูน่ามองจนจงอินเผลอกดย้ำแรงๆ ทำเอาคนป่วยตะปบจับมือขึ้นอีกครั้ง

     

     

    “เหี้ย.. มึงทำไรเนี่ย”

     

    คนบนเตียงแหวขึ้นหน้าขาวขึ้นสีแดงจัด จนคนที่เผลอตัวได้สติกลับมา แล้วรีบเลื่อนมือเช็ดไปตามหน้าท้องแบนราบและแขนทั้งสองข้างโดยสายตาเอาแต่จ้องที่ผ้าปูเตียงสีขาว รู้สึกถึงจังหวะหัวใจตัวเองที่เต้นแรงขึ้น

     

     

    “อะ..เสร็จแล้ว ข้างล่างไม่ต้องหรอก กูขี้เกียจ ..นี่เสื้อเปลี่ยน”

     

    จงอินพูดขึ้นตัดบททันทีโดยที่ไม่มองหน้า ร่างหนาจัดการยกกะละมังที่บรรจุน้ำเดินออกไปจากห้องอย่างเร่งรีบ ไม่สนใจคนป่วยที่มองการกระทำของอีกคนอย่างไม่เข้าใจ

     

     

    แกร๊ก..

     

    ร่างหนารีบเดินอย่างรวดเร็วเข้ามาในห้องน้ำก่อนจะวักน้ำล้างหน้า จ้องตัวเองในกระจก  ก้มมองลงที่ช่วงล่างกลางลำตัวของตัวเอง

     

    “เหี้ย.. แม่งตื่นได้ไงวะ”

     

    จงอินยกมือกร้านยีหัวตัวเองอย่างหงุดหงิด ความรู้สึกที่เกิดขึ้นเมื่อเพียงแค่ผิวขาวท่อนบนเปลือยเปล่า เขาไม่น่าจะเกิดอารมณ์กับผู้ชายด้วยกันเอง พยายามหาเหตุผลกับความรู้สึกที่ค่อนข้างที่จะต่อต้าน

     

    เซฮุนแม่งเหมือนตุ๊ดไง ..กูเลยเป็นงี้

     

     

     

    .

     

    หลังจากเสร็จภารกิจ(?)ร่างหนาก็เดินออกมาจากห้องน้ำยกผ้าขนหนูสีขาวขึ้นเช็ดหัวก่อนจะโยนมันลงไปที่โซฟาตัวกว้างหันมองนาฬิกาบอกเวลาเกือบบ่ายโมง จริงๆแล้วเขามีเรียนตอน 11 โมง แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจจะไปเพราะมีคนป่วยที่ปล่อยไว้ไม่ได้

     

    พลันสมองก็นึกได้ว่าตั้งแต่เช้าคนป่วยยังไม่มีอะไรตกถึงท้อง เมื่อนึกได้ก็ต้องยกมือขึ้นตบกบาลตัวเอง

    กูลืมไปได้ไงว่าคนป่วยต้องกินข้าวกินยา ...

     

     

    จงอินรีบเดินเข้าไปในครัวพลางนึกถึงอาหารคนป่วย ก็ต้องเป็นโจ๊ก คนร่างหนาขมวดคิ้วก่อนจะนึกได้ว่า เขาไม่รู้วิธีการทำมัน

     

    “โง่ซ้ำโง่ซ้อน ..ยุ่งยาก”

     

    บ่นเบาๆก่อนจะเดินออกไปหยิบไอโฟนที่วางอยู่ตรงโต๊ะกินข้าว พลางเลื่อนหาชื่อคนที่ต้องการก่อนจะกดโทรออก รอไม่นานปลายสายก็รับ

     

     

    ว่าไง..ที่รัก

     

    “บอกวิธีทำโจ๊กหน่อยเร็ว”

     

    นี่ฉันฝันไปหรือเปล่าเนี่ย...$%$^*(&))(#’

     

    เสียงประหลาดใจดังขึ้นแถมยังเอฟเฟ็คประกอบต่างๆถึงความตื่นเต้นของคนในสาย เรียกให้จงอินต้องเอ่ยเตือนสติขอวิธีทำอย่างที่บอก

     

     

    .

     

    ร่างโปร่งนั่งพิงหัวเตียงสีขาวกระพริบตาปริบๆมองรูมเมทตัวเองกับข้าวต้มหนึ่งถ้วยที่หน้าตาดูไม่น่าค่อยไว้ใจเท่าไหร่ พอๆกับหน้าตาคนทำที่ดูจะไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่นัก

     

    ตอนแรกคนป่วยอึ้งเหมือนกันที่จงอินบอกว่าทำโจ๊กเอง เพราะปกติรุ่นพี่ของเขาแทบจะไม่เข้าครัวเลยนอกจากหาของในตู้เย็นกินหรือไม่ก็ใช้เขาทำตลอด ไม่คิดว่าอย่างหมีควายจอมขี้เกียจจะทำกับข้าวกับเขาเป็นด้วย

     

    และนั่นก็ทำเอาเซฮุนใจชื้นขึ้นมาและเผลอลืมไปเลยว่าเขาเคยไม่พอใจคนตรงหน้าแค่ไหน...

     

     

    “มึงห้ามป่วยอีกนะ.. กูสาบานเลยว่าจะไม่ทำอีกเป็นครั้งที่สอง”

     

    คนผิวคล้ำบ่นก่อนจะค่อยๆ ตักโจ๊กพอดีคำขึ้นมายื่นป้อนให้คนตรงหน้า ใบหน้าหวานทำหน้าไม่ค่อยวางใจนักแต่ก็ยอมอ้าปากรับ

     

     

    “แค่ก แค่ก ..ร้อน !!!” เซฮุนร้องตะโกนขึ้นเพราะความร้อนของเมล็ดข้าวทำให้รู้สึกว่าลิ้นของเขามันคงจะพองไปเรียบร้อย

     

    “เฮ้ย.. โทษๆ ลืมเป่า”

     

    “กูว่ากูกินเองดีกว่าพี่”

     

    มือขาวว่าพรางเอื้อมหมายจะหยิบช้อนมาจากมือรุ่นพี่ แต่อีกคนก็เบี่ยงหลบก่อนจะพูดยืดยาว

     

     

                “ไม่ต้องๆ กูป้อนเอง รับรองว่าต่อไปกูไม่ลืมเป่า”

     

     

                มือหนาตักข้าวต้มในชามขึ้นมาอีกครั้งก่อนจะยกขึ้นเป่าเบาๆ ให้พออุ่น ก่อนจะยื่นไปจ่อตรงหน้าคนป่วยที่ทำหน้าอิดออดแต่ก็รับมันเข้าปาก

                รสชาติก็ไม่แย่นะ...

     

     

                “อร่อยปะ” จงอินถามขึ้นอย่างไม่แน่ใจ

     

     

                “พอกินได้”

     

     

                “กินไม่ได้นี่กูเสียใจมากอะจริง มือกูโดนหม้อด้วยครับ เจ็บสัด” คนตัวโตบ่นยาวพลางยื่นฝ่ามือที่พองให้อีกคนดู

     

     

                “อันนี้เรียกโง่ปะพี่”

     

     

                เซฮุนแอบกัดก่อนจะต้องยกมือขึ้นตีแขนอีกคนที่ยัดข้าวต้มใส่ปากคำโตจนแทบกลืนไม่ทัน ใบหน้ากวนประสาทยิ้มอย่างสะใจก่อนจะเร่งป้อนเอาป้อนเอาจนหมดถ้วย แล้วหยิบยาพร้อมกับน้ำใส่มือเซฮุน

     

     

                “มันมีแต่ยาแก้ปวดหัว กินไปก่อน ..ถ้าไม่หายเดี๋ยวกูพาไปหาหมอ”

     

     

                “ผมว่าพี่พาผมไปเลยเหอะ อยู่กับพี่ผมอาจตายได้..” จนตัวขาวว่าอย่างไม่จริงจังนัก แล้วหยิบยาขึ้นมากินตามที่รุ่นพี่ตรงหน้าสั่ง

     

     

                “ปากดีงี้ กูว่าใกล้หายแล้วล่ะ”

     

     

                จงอินว่าก่อนจะรับแก้วน้ำมาวางถือไว้กดร่างตรงหน้าให้นอนก่อนจะห่มผ้าให้พร้อมเสร็จ ก่อนจะหยิบของแล้วเตรียมจะเดินออกไป

     

                “หลับซะ”

     

     

     

                “พี่..!!

     

                คนถูกเรียกหันมองอีกคนที่เลียริมฝีปากก้มหน้าหลบตาจนคางแทบชิดอกอย่างน่ารักในสายตาจงอิน

     

                “อยู่กับผมก่อนดิ ผมไม่ชอบอยู่คนเดียวเวลาป่วยอะ”

     

                คนตัวขาวเอ่ยเสียงอู้อี้ยกผ้าห่มขึ้นมาคลุมจนเห็นแค่ดวงตา จนคนเป็นพี่ต้องหัวเราะออกมาแล้วเอื้อมมือไปขยี้ผมคนป่วยอย่างอดเอ็นดูไม่ได้

     

                เขาแทบไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองนั้นอ่อนโยนขึ้นแค่ไหน...

                อ่อนโยนเพราะโอเซฮุน...

     

     

     

                “เออ.. ว่าแต่พี่ไม่ไปมหาลัยเหรอ” คนตัวขาวเอ่ยขึ้นหลังจากเงียบอยู่พักใหญ่เบนสายตาหันมองรูมเมทที่นั่งอยู่ข้างเตียง

     

     

                “จะไปได้ไงล่ะ ..มึงป่วยเนี่ย”

     

                คำตอบของจงอินเมื่อได้ฟัง ฝ่ายได้รับคำตอบกลับรู้สึกร้อนขึ้นซ่านที่ใบหน้า อาการปวดหัวอ่อนๆที่เหมือนจะเพิ่มขึ้นมาอีก

     

                “แล้วเมื่อวาน.. ไปผับทำไม” จงอินถามต่อเสียงทุ้มติดจะแข็งขึ้นมานิดหน่อย

     

     

                “ก็.. พี่แบคฮยอนชวน ผมว่างๆก็เลยไป”

     

     

                เซฮุนตอบเสียงซื่อๆ ทำเอาจงอินต้องถอนหายใจออกมาอย่างเสียไม่ได้เมื่อนึกไปถึงอาการเมาของคนตรงหน้าที่ถ้าปล่อยไว้นานกว่านั้นคนตรงหน้าคงสร้างเรื่องมากกว่านี้เป็นแน่

     

                “วันหลัง.. ถ้าไม่มีกูมึงห้ามไปเข้าใจปะ” น้ำเสียงจริงจังเรียกสายตากลมเบนมองอย่างไม่เข้าใจ

     

     

                “ทีพี่ยังไปเกือบทุกวัน..” คนตัวขาวแขวะเบาๆ ก่อนที่คนผิวคล้ำจะได้เถียง

     

     

                Rrrrrrr…..

     

                เสียงโทรศัพท์เครื่องเดิมก็ดังขึ้นพร้อมกับคนคนเดิมที่เซฮุนเหลือบมองว่าเป็นสาวคนเดิมคนนั้น จงอินหยิบขึ้นมาก่อนจะกดรับ

     

     

                คืนนี้ที่เดิมนะดาลิงค์

     

                “คืนนี้ไม่ไป”

     

                ทำไมๆๆๆๆ ไม่ไป

     

                “ รูมเมทไม่สบาย ..คืนนี้ไม่ต้องไปหรอกพักบ้าง”

     

                อยากไปอะ ..

     

                “ห้ามไป ..โอเคนะ ถ้ารู้ว่าแอบไปโดนแน่”

     

                ติ๊ด..

     

               

                ร่างหนาวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะก่อนจะหันมาจ้องรุ่นน้องที่มองตนอยู่ด้วย แต่ด้วยรู้สึกไปเองหรือเปล่าว่าแววตาของเซฮุนมันแปลกๆไป

     

                “จริงๆผมอยู่ได้นะ พี่จะไปก็ได้”

     

                “ไม่ไป มึงป่วย ถ้ามึงตายขึ้นมาไม่ดีแน่”

     

                จงอินพูดมือก็เอื้อมไปหยิกแก้มขาวๆอย่างหมั่นเขี้ยว คนตัวขาวทำท่าอึกอักจะพูดอะไรออกมาจงอินก็ต้องดักทางไว้ด้วยสายตาดุๆ

     

     

                “กูเป็นห่วงมึงไง ..ให้กูไปกูก็ไม่สนุกหรอก”

     

     

                เอาอีกแล้วจงอินทำให้เซฮุนหัวใจเต้นโครมครามอีกแล้ว...

     

                ใบหน้าขาวขึ้นสีอีกครั้งพร้อมกับอาการปวดหัวที่เพิ่มมากขึ้นทำให้เซฮุนต้องยอมข่มตาลงด้วยความกระสับกระส่าย พร้อมกับหัวใจที่พองโตอย่างไม่รู้สาเหตุ จนคนเป็นพี่ต้องยื่นมือมาลูบหัวให้อีกคนที่นอนหน้าแดงด้วยความเป็นห่วง

     

                หลับดีกว่าเซฮุนไม่ชอบสายตาที่ทอดมองด้วยแววตาแบบนั้นของจงอินเลยให้ตาย...

     

    .

     

                ร่างหนานั่งมองหน้ายามหลับของอีกคนมานานเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ทำให้จงอินได้รู้ว่าใบหน้าของเซฮุนนั้นสวยเหมือนผู้หญิงจริงๆ ถ้าไว้ผมยาวแล้วจับแต่งตัวนิดหน่อย คงไม่มีใครจับได้แน่ว่าเป็นผู้ชาย ทั้งโครงหน้าเรียวเล็ก ผิวขาว จมูกโด่งที่เชิดรั้น แถมริมฝีปากสีชมพูธรรมชาตินั่นอีก  

     

                จงอินยกยิ้มกับความคิดของตัวเองอย่างไม่รู้ตัว เวลาคนตัวขาวหลับมันน่ารักจนไม่อาจละสายตาได้ ดวงหน้าหวานที่หลับพริ้ม ปากอิ่มมีริ้วยกยิ้มน้อย เหมือนกำลังฝันดี มองเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ

     

                เขาเคยคิดว่าผู้ชายที่ไหนจะเหมาะกับสีขาว  ของใช้หวานแหวว และตุ๊กตาน่ารักๆ แต่ตอนนี้เขาต้องยอมรับว่าของเหล่านั้นมันเหมาะกับเซฮุนมากๆ เบนสายตามองกระต่ายตัวโตที่นอนอยู่บนเตียงอีกด้านของคนป่วย แล้วก็ทำให้รู้สึกว่า กระต่ายตัวนี้โชคดีมากที่ได้นอนอยู่เป็นเตียงเดียวกับเซฮุน

     

               

                “อย่าไป.. อย่าไปนะ”

     

     

                เสียงละเมอเรียกสติคนดูแล คนป่วยที่พึมพำออกมา ก่อนที่จะหนักขึ้นพร้อมกับใบหน้าและมือที่ปัดป่ายคว้าอากาศ ทำเอาจงอินตกใจเข้าไปรวบแขนอีกคนไว้

     

                “เซฮุน.. เฮ้ย”

     

                “อย่าไป ..ฮึก ..อย่าทิ้งผม”

     

                คนป่วยดึงแขนจนอินมากอดไว้แน่นทำเอาร่างหนาต้องเซลงใช้อีกข้างเท้ากับเตียงอีกด้านไม่งั้นอาจล้มลงทับร่างตรงหน้าได้

     

                “อยู่นี่แล้วครับ ..ไม่ทิ้ง” จงอินกระซิบเสียงเบา จ้องใบหน้าอีกคนไม่กระพริบ ระยะที่ห่างนั้นเพียงแค่คืบ ลมหายใจร้อนของคนป่วยเป่ารดใบหน้าของเขา

     

     

                เหมือนกับตกอยู่ในภวังค์ที่รอบข้างเวลาหยุดหมุนเขาไม่รับรู้ถึงบรรยากาศภายนอกเหมือนว่าโลกนี้มีแค่เขาและคนตรงหน้า ไม่รู้แม้กระทั่งวิธีควบคุมตัวเอง ใบหน้าคมเลื่อนเข้าใกล้ใบหน้าหวานจนจมูกโด่งชนกัน

     

                แต่อยู่ๆคนป่วยก็ลืมตาโพรงขึ้นมาทำเอาร่างด้านบนผงะเล็กน้อย คนด้านล่างเบิกตากว้างแต่ก็ไม่รู้ทำไมร่างกายถึงไม่ขยับหนีไป ทำได้เพียงแต่จ้องลึกเข้าไปในดวงตาของรูมเมทตัวเองเท่านั้น ก่อนที่ทั้งคู่จะตกอยู่ในวังวนของกันและกันอีกครั้ง

     

                ริมฝีปากหนาเลื่อนกดทาบทับริมฝีปากหยุ่นสีหวานที่เฝ้ามองมานานก่อนจะกดน้ำหนักลงไปเมื่ออีกฝ่ายหลับตาพริ้มลงรับจูบร้อนที่ค่อยๆบดละเลียดชิมกลีบปากที่จงอินคิดว่ามันหวานกว่าใครๆที่เคยได้ลิ้มลองมา หัวใจเต้นแรงขึ้นอีกเมื่อคนข้างใต้ตอบรับอย่างดี

     

    แขนบางยกขึ้นโอบรอบคอแกร่งกดน้ำหนักหน้าริมฝีปากแนบสนิทลึกซึ้งเข้าไปอีก หัวสมองของทั้งคู่ขาวโพลนไม่รับรู้อะไรทั้งนั้นนอกจากความหอมหวานจากรสชาติที่กำลังลิ้มลอง มือกร้านที่ถูกปล่อยจากการควบคุมเมื่อครู่เริ่มซุกซนไต่หายเข้าไปในเสื้อตัวบาง ค่อยๆไล้ สูงขึ้น สูงขึ้น .. 

     

     

     “เฮ้ย!!

     

     

    พลั่ก !!

     

    เหมือนเหตุการณ์การนี้เคยเกิดขึ้น ฝ่าเท้าสวย ยันเข้าไปที่ท้องแกร่งเต็มแรงด้วยความตกใจ พร้อมกับร่างใหญ่โตที่กระเด็นเกือบติดข้างฝา กุมท้องตัวงอ เพราะความจุก

               

                คนตัวขาวยกมือขึ้นปิดปากตัวเองทันทีเมื่อสติเริ่มกลับมาครบถ้วนหัวสมองเริ่มประมวลภาพเหตุการณ์เมื่อครู่ใบหน้าขาวก็แดงจัดขึ้นมันทันที

     

                “ตีนหนักเหมือนเดิม ...มึงป่วยจริงปะวะเนี่ย” จงอินว่าทำท่าเจ็บปวดร้องโอดโอย

     

                “กะ..ก็ พี่อะ ทำกูตกใจ”

     

     

                จงอินเลิกกุมท้องก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาแล้วสบตาเรียวพอดี ทำเอาทั้งคู่ต้องเสหน้าไปทางอื่นกันแทบไม่ทัน

     

     

                “กูเปล่าเกย์นะ ..มึงยั่วกู” เสมองไปทางอื่นพูดทั้งๆที่ไม่หันมองอีกคน

     

     

                คนตัวขาวหน้าแดงจัดทั้งอารมณ์เขิน อาย โกรธ และอีกมากมาย

     

     

                “กูก็ไม่ใช่เกย์ ..มึงอะพี่จงอิน มีเมียแล้วมาจูบคนอื่นเขาทำไม!!

     

     

     ร่างโปร่งตะโกนก่อนจะคว้ากระต่ายตัวขาวข้างตัวมาปาใส่หัวคนเป็นพี่เต็มแรง ทำเอาคนตัวคล้ำคอแทบหักหันหน้ากลับมามองอีกคนด้วยสายตาโหดเพราะความเจ็บ

     

    “ไอเหี้ยกูเจ็บนะ..”

     

    จงอินทำท่าจะยกกระต่ายทุ่มใส่คนบนเตียงที่ไม่ยอมแพ้คว้าโคมไฟหัวเตียงเตรียมง้างเป็นเชิงว่า ถ้ามึงทุ่มลงมาหัวมึงแตกแน่ แต่ดูแล้วคนเป็นพี่ก็ไม่ได้มีอันกลัว

     

     

    ปัง ปัง ปัง !!!  

     

    ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง !!!!!

     

     

    เสียงประตูทำเอาทั้งคู่ลดมือลงมองไปทางต้นเสียงจงอินถอนหายใจดัง หันกลับมาถลึงตาคาดโทษคนป่วยที่เหมือนจะเริ่มหายแล้วเพราะฤทธิ์มากเหลือเกิน แล้วเดินออกไปเปิดประตูด้วยท่าทางหงุดหงิด

     

    ใครแม่งมามืดๆค่ำๆว่ะ ...

     

    ในใจคิดแบบนั้นแต่ก็พอเดาได้ว่าเป็นใครไม่ได้นอกจากเพื่อนตัวดีข้างห้อง จงอินก้าวสามขุมไปหน้าประตูที่คนข้างนอกเหมือนจะพยายามพังมันเข้ามาอยู่แล้ว

     

    แกร๊ก..

     

    “ไอเหี้ยแบค ..ประตูกูจะพะ...”

     

    คนตัวคล้ำเปิดประตูออกไปยังไม่ทันที่จะพูดจบก็ต้องตกใจเมื่อพบกับเพื่อนของตัวเองยืนยิ้มแป้นอยู่กับผู้หญิงอีกคนหนึ่งที่เขาไม่ค่อยอยากจะเจอที่หน้าประตูห้องเท่าไหร่

     

                “คิม ฮเยจิน!

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×