คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ROOM[SOUL]MATE - ROOM:O2
Chapter 2
หลังจากที่เซฮุนได้ย้ายเข้ามาได้เกือบอาทิตย์ก็เริ่มที่จะปรับตัวเข้าได้กับสังคมและการดำเนินชีวิต เขาเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็วด้วยหน้าตาคมโดดเด่นเป็นที่สนใจแก่สาวๆ(หนุ่มๆ) แต่เซฮุนก็ไม่ได้สนใจอะไร เหมือนตอนที่เขาอยู่ม.ปลาย ที่มักจะมีคนจับตามอง แต่ก็ไม่ได้นึกคะนองตัวเองแต่อย่างใดเพราะเขาก็เป็นพวกมีโลกส่วนตัวและไม่ชอบสุงสิงกับใคร
แต่ทุกวันนี้ก็มักจะมีเรื่องที่ทำให้เซฮุนต้องสนใจและปวดหัวทุกวัน และนั่นมันล้วนมีสาเหตุมาจากรูมเมทของเขา คิม จงอิน
เมื่อได้ใช้ชีวิตร่วมกันมาเป็นเวลาเกือบสัปดาห์ไม่มีวันไหนที่เซฮุนจะได้หยุดปากต่อล้อต่อเถียงกับรุ่นพี่คนนี้ และนั่นทำให้เซฮุนรู้ว่า คิม จงอิน เป็นผู้ชายประเภทที่มีสปีชี่ความเป็นชายสูงมาก ซึ่งเขาไม่ได้คิดว่ามันเท่ห์และมีเสน่ห์ตรงไหน ก็ผู้ชายธรรมดาๆ ที่เอาแต่นอน กิน และดูบอล
คิม จงอินเป็นที่รู้จักและดังพอสมควร เป็นเพราะ รูปร่าง หน้าตา สีผิวของเขา และยังไอนิสัยแบบผู้ชายธรรมดาๆไม่สนใจอะไรสิ่งรอบข้างเท่าไหร่ มันเป็นเสน่ห์อย่างดีดึงดูดทุกเพศทุกวัย
ร่างขาวปรายตามองคนที่นอนเหยียดยาวอยู่บนโซฟานอนอืดเป็นหมีควายดูรายการเกมส์โชว์ด้วยใบหน้ามึนๆเหมือนจะหลับแหล่ไม่หลับแหล่
“มองอะไรครับ ..น้องเซฮุน”
เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นแล้วหันใบหน้ามามองรุ่นน้องตัวขาวที่นั่งอยู่บนโซฟาอีกตัว คนที่พึ่งรู้ตัวว่าเผลอมองสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะตอบด้วยใบหน้านิ่งๆแบบฉบับตัวเอง
“เปล่ามอง”
“โกหก..”
เซฮุนขมวดคิ้วมุ่นรู้สึกไม่พอใจคนตัวคล้ำที่จ้องหน้าเขาอย่างจับผิด
“เกิดพิศวาสกูขึ้นมาเหรอครับ.. น้องเซฮุน”
นั่นคิม จงอินเริ่มอีกแล้ว ..เริ่มที่จะกวนประสาทโอ เซฮุน
“แหน่ะ.. ไม่ตอบแสดงว่าใช่”
น้ำเสียงยียวนกวนประสาทยังคงดังขึ้นต่อเนื่องพร้อมกับร่างหนาๆที่ผุดนั่งเขยิบมาชิดโซฟาตัวยาวด้านที่ติดกับโซฟาที่โซฮุนนั่งอยู่ กระแซะกายแล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้เพื่อกระเซ้าแหย่
“ไหนบอกไม่ตุ๊ดไงครับ ..น้องเซฮุน” นิ้วกร้านยกขึ้นเขี่ยคางมนเพิ่มความกวนประสาทยิ่งขึ้น
“ไอพี่จงอิน ..มึงกวนตีนว่ะ กูไปละ”
คนมือขาวปัดมันออกก่อนจะถอนหายใจแรงอย่างหงุดหงิดแล้วผุดลุกขึ้นหวังจะเดินเข้าไปขลุกตัวเล่นไอแพดในห้อง จะได้ไม่ต้องมาหงุดหงิดกับรูมเมทกวนประสาทคนนี้
แต่คนช่างยั่วอารมณ์ไม่ปล่อยให้เป็นเช่นนั้นคว้าข้อมือขาวไว้ทันแล้วกระตุกแรงๆ คนร่างบางกว่าที่ไม่ทันระวังก็เสียการทรงตัวล้มลงมานั่งบนตักหมีควายแข็งแรงอย่างพอดิบพอดี
“เหี้ย!! ..ปล่อยนะเว้ย”
เสียงโวยวายของคนบนตักดังขึ้นด้วยความตกใจดิ้นพล่านจะฟาดงวงฟาดงา แต่ก็โดนคนที่ซ้อนหลังอยู่ล็อคเอาไว้ เซฮุนรู้สึกว่าเขาก็ไม่ใช่คนที่แรงน้อยหรืออ่อนแออะไร แต่เป็นเพราะไอบ้าข้างหลังของเขานั้นมีแรงเยอะมากอย่างไม่น่าเชื่อ
“บอกแล้วไงว่าคนครับ ไม่ใช่เหี้ยนะ น้องโอเซฮุน”
เสียงทุ่มนุ่มที่ดังอยู่ข้างหูบวกกับลมหายใจร้อนๆที่เป่ารด ทำให้เซฮุนรู้สึกแปลกๆ ที่เขาคิดว่ามันคือความรู้สึกขยาดและอยากจะหลุดจากสถานการณ์เสียเปรียบนี้
รู้สึกตื่นเต้น...
“เออ.. พี่จงอิน มึงปล่อยกูดิ..”
คนตัวขาวพูดเสียงแข็งแต่ในน้ำเสียงแสดงถึงอาการเว้าวอนออกมาจนจงอินอยากจะแกล้ง กลิ่นหอมอ่อนๆนุ่มๆของคนตรงหน้าที่ลอยเข้ามาเตะจมูก ทำเอาจงอินนึกในใจว่าคนตรงหน้าเป็นผู้ชายจริงๆหรือเปล่า
ทั้งผิวขาวเนียนและนุ่ม...
กลิ่นกายหอมอ่อนๆ...
มันชวนเคลิ้มจนจงอินเผลองับลงไปที่หลังคอขาว
“เห้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!! ..ไอเหี้ยมึงทำอะไรกู!!!”
คนตัวขาวดิ้นพล่านจนหลุดจากการเกาะกุมแล้วหันมามองหน้าไอคนเล่นพิเรนด้วยสายตาเขียวปั๊ด มือขาวเอื้อมปิดคอด้านหลังที่โดนกัดเมื่อคู่
“มึงเล่นไรวะ ..ไอพี่จงอิน” น้ำเสียงบ่งบอกว่าไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด
“ล้อเล่นหน่อยเดียวเอง ..ทำเป็นจริงจัง” จงอินต้องคลายสีหน้ากวนประสาทแล้วตอบทีเล่นทีจริง ก่อนจะก้มหน้าทำเป็นสนใจอย่างอื่นต่อ
“กูไม่ใช่ตุ๊ด ..ไม่ใช่เกย์ บอกไว้เลยนะ” คนตัวขาวหายใจฟึดฟัดหงุดหงิดก่อนที่เดินกระแทกเท้าเข้าไปในห้องตัวเอง
.
เมื่อประตูปิดลงร่างโปร่งกระโดดขึ้นบนเตียงของตัวเองหยิบไอแพดมาเสียบหูฟังและหาอะไรดูไปเรื่อยเพื่อคลายอารมณ์หงุดหงิดเมื่อครู่
ก่อนที่มือเรียวจะเอื้อมไปแตะเบาๆที่หลังคอตัวเองพร้อมกับหัวใจที่เต้นแรงขึ้นจนต้องผ่อนลมหายใจตัวเอง เซฮุนนึกคาดโทษรูมเมทตัวเองในใจ
มึงทำอะไรกับกูเนี่ยไอเหี้ยหมีควาย..
แล้วคืนนี้กูจะหลับลงไหม..
เสียงหัวเราะจากโทรทัศน์ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องแต่คนที่นั่งอยู่ตรงหน้ากลับไม่ได้สนใจมันเลย คนผิวเข้มที่ตาจ้องจอแต่คิ้วกลับขมวดกันเป็นปม ในหัวหวนคิดเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่นาทีเมื่อกี้
การกระทำที่เขาทำไปโดยไม่รู้ตัว เพราะอะไร...
เขาไม่ผิด..
ถ้าจะโทษก็ต้องโทษ กลิ่นกายหอมอ่อนๆ กับเนื้อตัวนุ่มนิ่ม ของโอเซฮุน ที่มันบังคับและเชิญชวนให้เขาพลั้งเผลอไป และคงจะบวกกับอาการอยากแกล้งของเขาด้วย แต่ครั้งนี้เขาก็ว่ามันก็ออกจะเกินไปหน่อยกับคนที่พึ่งรู้จักกันได้ไม่นาน แล้วยิ่งกับผู้ชายด้วยกันแล้ว
สาบานได้ว่า คิม จงอิน ก็ไม่ได้ตุ๊ด ไม่ใช่เกย์ และไม่ได้มีรสนิยมชอบผู้ชายด้วยกัน
แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าโอ เซฮุนนี่ไม่ใช่ขี้ๆ
ก็ความรู้สึกหวานๆนุ่มๆนี่ มันยังติดอยู่ที่ปลายเขี้ยว คิม จงอินอยู่เลย
.
หลังจากเหตุการณ์ฝังเขี้ยวในคืนนั้นทั้งจงอินและเซฮุนก็ทำตัวตามปกติทั้งคู่ไม่ได้เอ่ยรื้อฟื้นเรื่องคืนนั้นอีก ทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่คนตัวดำร่างหมีควายก็รู้สึกถึงความอึดอัดในช่วงเวลาที่พวกเขาอยู่ด้วยกัน เขารู้สึกได้ว่าคนตัวขาวโกรธเขาและไม่พยายามปราดตัวเข้ามาใกล้เขาเกินความจำเป็น
ไม่ค่อยออกมาดูโทรทัศน์ด้วยกัน...
แถมยังตอบคำถามของเขาน้อยกว่าเมื่อก่อนซะอีก...
แกล้งอะไรก็ไม่เถียงไม่ตอบโต้...
จงอินมองร่างโปร่งที่เดินออกจากห้องน้ำและตรงเข้าไปในห้องตัวเองโดยไม่ได้ปรายตามองเขาแม้แต่นิด จนจงอินเริ่มจะหงุดหงิดใจ กับอาการนิ่งเกินไปของอีกฝ่าย
ร่างหนาจ้องมองจอโทรทัศน์เครื่องแต่ในหัวก็คิดถึงเรื่องของรุ่นน้องรูมเมทตัวเองจนตัวเขาเองยังไม่เข้าใจ
ผ่านไปไม่นานเซฮุนก็เดินออกมาจากห้องของตัวเอง และเดินตรงไปที่ประตู จงอินมองตามร่างโปร่งที่นั่งลงใส่รองเท้าก็เผลอเอ่ยถามออกไป
“จะไปไหนครับ น้องโอเซฮุน..”
“...”
“เห้ย.. ถามตอบดิ”
“เดินเล่น”
อยู่ๆความรู้สึกไม่อยากให้อีกคนไปก็ผุดขึ้นมาในสมองของคนร่างหนา จนต้องลุกขึ้นเดินมาหยุดยืนข้างหลังคนที่กำลังนั่งใส่รองเท้าอยู่ก่อนหน้า แล้วพลั้งปากพูดออกไป
“ไม่ต้องไป”
“ทำไมจะไปไม่ได้” เซฮุนยืนขึ้นหันกลับมาเผชิญหน้าแล้วจ้องหน้าอีกคนเชิงว่า ‘มีสิทธิ์อะไรมาห้ามกู’
จงอินยกยิ้มแล้วก้าวเข้าใกล้คนตัวขาวช้าส่วนอีกคนก็เริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมาจึงเดินถอยหลังรักษาระยะห่างเรื่อยๆ จนแผ่นหลังชนเข้ากับประตูห้อง
ทำไมมึงน่ากลัวงี้วะไอดำ..
“ห้ามออกไปไหน..”
“มีสิทธิ์อะไรมาบังคับวะ”
“ไม่มีสิทธิ์อะไรหรอกแต่... วันนี้เวรมึงซักผ้าครับ”
.
เซฮุนที่ยกกองผ้าลงมาซักด้วยใบหน้าที่ไม่สู้ดีนัก เหตุการณ์นี้เหมือนเคยเกิดขึ้นแล้ว แต่หลังจากนี้มันก็คงเกิดขึ้นบ่อยซ้ำๆ จน ทุกคนคงจะชิน รวมถึงตัวเซฮุนเอง
“ทำมาเป็นพูดเวรกู... สุดท้ายกูก็ทำทุกวันปะวะ”
คนตัวขาวบ่นกับตัวเอง ตั้งแต่อยู่กับรูมเมทหมีควายตัวนี้เซฮุนก็รู้สึกว่าตัวเองไม่เคยชนะเลยสักครั้ง สุดท้ายแล้วคนที่ต้องยอมก็เป็นเขา
เพราะผู้ชายอย่าง คิม จงอิน ไม่ค่อยจะยอมแพ้ใครสักเท่าไหร่ มักจะเอาแต่ใจตัวเอง และอยากได้อะไรก็ต้องเอาให้ได้
นึกแล้วก็โมโหทั้งที่เขาโกรธเรื่องวันนั้นอยู่แท้ๆ ไม่ใช่ว่าเขาจะโกรธอะไรมากมาย แค่ไม่อยากเข้าใกล้ และไม่อยากโดนแกล้งอีก เพราะยังไงเซฮุนเองก็ไม่ใช่พวกที่จะชินได้กับการสัมผัสถึงเนื้อถึงตัวแม้จะเป็นผู้ชายด้วยกัน อย่าลืมว่า โอ เซฮุน ไม่ค่อยคุ้นเคยกับการคลุกคลีอยู่กับผู้คนเท่าไหร่นักหรอก แค่เพื่อนสนิทที่โรงเรียนเก่าอย่างมากก็แค่กอดแบบอกไม่ชนอกด้วยซ้ำ
คนตัวขาวที่กดลิฟต์เพื่อจะกลับขึ้นไปบนห้องก็เจอกับรูมเมทที่ทำเขาอารมณ์ไม่ดีที่เดินออกมาจากลิฟต์พอดี ร่างโปร่งเลิกคิ้วก่อนจะเอ่ยถามออกไป
“ไปไหน”
“เดินเล่น” คนผิวคล้ำหันมาตอบด้วยใบหน้ามึนๆ
ทีกูจะไปล่ะห้าม...
“เออ..อย่าลืมหุงข้าว แล้วก็กรอกน้ำด้วยนะครับ น้องเซฮุน..”
ร่างหนาเดินไปแล้วแต่เซฮุนยังคงยืนอยู่ที่เดิม พร้อมกับอารมณ์แปรปรวนที่ทิ้งไว้ เซฮุนกำลังหงุดหงิดอีกครั้งอีกครั้งและอีกครั้งให้กับผู้ชายคนนี้
“ไอเหี้ยดำเอ้ย!!!”
คนตัวขาวระบายอารมณ์ด้วยการกดปิดลิฟต์รัวๆ พร้อมกับมือที่กำแน่น ด้วยความหงุดหงิดในใจสาปแช่งรูมเมทตัวเอง ให้เดินออกไปแล้วเจอรถจักรยานชนให้ตายไปเลย
.
ก๊อก ..ก๊อก ..ก๊อก
ปัง..ปัง !!
เสียงเคาะประตูดังขึ้นอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็นเสียงทุบทำให้คนตัวขาวที่ง่วนอยู่กับการตากผ้าต้องรีบวิ่งออกมาเปิดประตูให้ผู้ที่กำลังทำท่าจะพังประตูห้อง
“ใจเย็นๆ ดิวะ มาแล้วๆ”
มือเรียวคว้าลูกบิดหมุนเปิดออกก็พบรุ่นพี่ตัวเล็กที่ชื่อ พยอน แบคฮยอน ที่อยู่ข้างห้องของเขาและแน่นอนเป็นเพื่อนกับรูมเมทของเขา
“พี่แบคฮยอน มีไรเปล่า”
คนตัวเล็กยิ้มให้แล้วก้าวเข้ามาในห้องอย่างเคยชินแล้วกวาดมองรอบห้อง เพื่อหาคนตัวดำแต่ไม่เจอเลยหันมาถามผมเพื่อคลายความสงสัย
“ไอดำไม่อยู่เหรอ เซฮุน”
“เห็นว่าออกไปเดินเล่นน่ะครับ” เซฮุนตอบเผลอใส่ใช้น้ำเสียงประชดประชันออกไป แบคฮยอนพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ
“ขอโทษที่มารบกวนนะเซฮุน แต่ขอรบกวนหน่อยนะ เบื่อห้อง..”
คนตัวเล็กกว่าเอ่ยด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดซึ่งเซฮุนคิดว่าคงมีเรื่องผิดใจหรือทะเลาะกับรูมเมทของตัวเองนั่นแหละ เพราะบ่อยครั้งเวลามีปัญหาแบบนี้คนตรงหน้ามักมาขออยู่กับไอหมีควายจงอินตลอด
“ตามสบายครับพี่” เซฮุนพูดจบก็ออกไปที่ระเบียงเพื่อตากผ้าอีกสองสามตัวที่ค้างไว้ ก่อนจะเดินกลับเข้ามาในห้อง ก็พบเพื่อนของรูมเมทนอนดูโทรทัศน์จอใหญ่อย่างสบายใจ
หวนให้เซฮุนนึกถึงคนตัวดำที่ชอบทำเขาปวดหัวบ่อยๆ...
เซฮุนเดินไปนั่งลงที่โซฟาตัวประจำก่อนที่แบคฮยอนจะชวนเขาคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้ตามประสาคนอัธยาศัยดีและคุยเก่ง จนไม่เป็นปัญหากับเซฮุนที่ไม่คุ้นเคยกับผู้คน ทั้งคู่คุยกันไปดูโทรทัศน์ไปอย่างเพลิดเพลินจนเวลาล่วงเลยไปหลายชั่วโมง
คนตัวขาวเหลือบมองนาฬิกาบอกว่าเป็นเวลา 18:00 น.
ทำไมไอดำยังไม่กลับ..
จู่ๆคำถามนี้ก็ผุดขึ้นมาในสมองของเซฮุนอย่างไม่มีสาเหตุ ร่างโปร่งเหลือบมองแบคฮยอนที่กำลังขะมักเขม้นกับการตอบโซเชียลเน็ตเวิร์คในโทรศัพท์เครื่องสวยของตัวเองด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่เขาไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่นัก
แกร๊ก..!
เสียงลูกบิดประตูเปิดออกเรียกความสนใจของทั้งสองร่างที่อยู่บนโซฟาให้หันไปมองอย่างพร้อมเพียงปรากฏร่างหนาที่เดินรอดผ่านบานประตูเข้ามา จนคนตัวขาวแอบคิดในใจ
ตายยากชิบหาย..
“เดินเล่นที่ไหนมาวะไอดำ เดินเล่นนานนะมึง..”
แบคฮยอนเอ่ยทักก่อนจะลุกขึ้นเดินไปหาเพื่อนตัวคล้ำของตัวเอง ที่วางถุงสีขาวลงบนโต๊ะกินข้าว เพื่อนตัวเล็กก็เดินเปิดดูอย่างสนอกสนใจ
“นี่มันซุปเต้าหู้กับเนื้อทอดนี่หว่า ซื้อมาซะเยอะเชียวนะมึง ..น่ากินอะกูแดกด้วยนะ”
ไม่รอให้เจ้าของอนุญาตร่างเล็กก็เดินเข้าไปหยิบถ้วยชามในครัวอย่างคล่องแคล่วพร้อมกับแกะอาหารใส่จานเองเสร็จสรรพ ไม่ต้องมีใครรู้ว่าท่าทางคงจะหิวมาก
จงอินที่ในตอนแรกกะจะซื้อมากินกับเซฮุน เป็นการง้อและจะได้ปรับความเข้าใจกันโดยการที่... อะไรสักอย่างที่คนผิวคล้ำยังไม่ได้คิด แต่ในเมื่อไม่ได้เป็นไปตามคาดโดนมีเพื่อนรักตัวแสบมาเสนอหน้าในห้องแบบไม่ได้รับเชิญก็ได้แต่ปล่อยเลยตามเลย
แต่มองอีกแง่เขาก็ไม่ใช่คนที่พูดเก่งมีแบคฮยอนก็ดีเหมือนกัน
ทั้งจงอินและแบคฮยอนที่ลากเก้าอี้มานั่งพร้อมเตรียมลงมีกินข้าว แต่เซฮุนก็ไม่มีทีท่าว่าจะลุกขึ้นมาร่วมวงด้วยยังคงนั่งดูโทรทัศน์ต่อไปโดยไม่ได้สนใจทั้งสองคน จนแบคฮยอนเอ่ยปากเรียก
“เซฮุนนา~ มากินข้าวกัน” พูดแล้วกวักมือเรียกเซฮุนที่ทำหน้านิ่งแล้วตอบเสียงเนือยๆ
“ผมกินแล้วน่ะ..”เซฮุนเหลือบมองอีกคนที่จ้องหน้าเขาอยู่วูบหนึ่งก่อนจะโกหกออกไป
“ไปกินตอนไหน ..ก็คุยอยู่กับพี่ตลอด”
“อ๋อ.. ผมกินก่อนพี่แบคฮยอนจะมาแปบเดียวเอง ตอนนี้ผมยังไม่หิวเลยกินไปเยอะมาก พวกพี่กินไปเหอะ ผมติดรายการนี่ด้วย”
เซฮุนพูดเหยียดยาวความรู้สึกเหมือนโดนจับผิดแต่ก็ทำเนียนสนใจรายการบ้าบอที่เปิดค้างไว้แบบเดิม แบคฮยอนที่ทำท่าจะอ้าปากพูด แต่อีกคนก็ขัดขึ้น
“ปล่อยแม่งเถอะ ..ไม่กินก็ไม่ต้องกิน”
จงอินพูดก่อนที่จะลงมือกินข้าวส่วนแบคฮยอนที่ยอมเลิกสนใจและลงมือกินข้าวตรงหน้าตนเองทันที แต่คนที่ออกปากว่าออกมานั้นคอยเหลือบมองเซฮุนเป็นระยะๆ
หงุดหงิดที่เป็นไม่เป็นไปดังคาด...
หงุดหงิดที่อีกคนทำเป็นไม่สนใจ...
ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้ว่าเซฮุนกำลังโกหก ซึ่งเขาเดาเอาว่าคงเพราะไม่อยากเสียฟอร์ม ...
เมื่อกินข้าวเสร็จสักพักแบคฮยอนก็ขอตัวกลับห้องไปเพราะเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นพร้อมกับประโยคสนทนาที่ไม่สู้ดีเท่าไหร่ทำให้เจ้าตัวต้องเดินฟึดฟัดกลับห้องอย่างจำยอม
และสภาพห้องทั้งห้องก็ตกอยู่ในสภาวะชวนอึดอัดเจ้าของห้องทั้งคู่อยู่ในตำแหน่งประจำตัวของตัวเอง คนตัวหนาที่นั่งนิ่งจ้องจอทีวีอย่างเอาเป็นเอาตาย ส่วนคนตัวขาวที่ทำเป็นสนใจเกมส์ในโทรศัพท์อย่างเอาเป็นเอาตายเช่นกัน
โครก..
เสียงท้องร้องทำเอาคนตัวขาวสะดุ้งปล่อยเกมส์โอเวอร์เหลือบมองคนผิวคล้ำที่นั่งนิ่ง กลัวว่าอีกคนจะได้ยินเสียงน่าอาย ที่บ่งบอกว่าเขากำลัง ..หิว
โครก...คราก
เหมือนกับกลั่นแกล้งท้องเจ้ากำดันร้องหนักขึ้นกว่าเดิมคนตัวขาวที่ใจเริ่มเต้นแรงด้วยความตื่นเต้น มองอีกคนที่นั่งยังนั่งนิ่ง แอบโล่งใจนิดๆเพราะคิดว่าอีกคนคงจะไม่ได้ยิน
“ไหนบอกว่าไม่หิว..”
เสียงทุ้มเอ่ยนิ่งแต่ใบหน้ายังคงจ้องอยู่ที่เดิม...
“ใครหิว.. เปล่าหิว”
“แล้วเสียงจากท้องมึงเมื่อกี้เรียกเสียงแมวอะไรครับ น้องเซฮุน”
คนผิวเข้มหันมองเขาตรงๆก่อนจะยกยิ้มเจ้าเล่ห์ตาคมเบนมองที่ท้องอีกคน คนตัวขาวยกมือขึ้นกุมท้องตัวเองก่อนจะผุดนั่ง แล้วตอบด้วยท่าทางมีพิรุธจนจงอินต้องกลั้นยิ้ม
“เสียงไร ไม่เห็นได้ยินเลย..”
โครก....
เออเวรไอท้องไม่รักดี...
“ชวนกินข้าวก็ไม่ยอมกิน ทำเป็นปากเก่ง..” จงอินว่าเข้าให้ก่อนจะส่ายหัวเอือมๆกับความรั้นของอีกคน
“เออ!!! หิว”
“แล้วเมื่อกี้ทำไมไม่กินวะ”
คนตัวขาวถอนหายใจยาวก่อนจะพูดเสียงอ่อน
“แพ้เต้าหู้ ..แล้วก็แพ้เนื้อ “
คำตอบทำเอาคนรอฟังรู้สึกหายอาการไม่พอใจในตัวคนตรงหน้า แล้วแปรเปลี่ยนความรู้สึกมาเป็นการโกรธตัวเองที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรกับเรื่องที่ถือว่าสำคัญสำหรับเซฮุน
อย่าพึ่งเข้าใจผิด ไม่ใช่ว่าเขาพิศวาส รุ่นน้องตรงหน้านี้มากมายอะไร แค่ก็ไม่ได้ใจร้ายถึงขนาดไม่แคร์ความรู้สึกของรูมเมทที่ต้องอยู่ร่วมห้องกันอีกหลายปี
แต่ยังไงเขาก็ไม่ได้ผิด..
ใครจะไปรู้วะว่าแม่งแพ้อะไรเยอะแยะงี้...
ร่างหนาผุดลุกขึ้นยืนถอนหายใจเหนื่อยหน่ายก่อนจะเดินไปหายเข้าไปในห้องของตัวเองสักพักก็เดินออกมาแล้วหยิบกุญแจรถ กดปิดโทรทัศน์ที่ดังน่ารำคาญ เซฮุนมองการกระทำของอีกคนอย่างไม่เข้าใจ
“ไปเปลี่ยนชุดดิ ..จะไปกินปะข้าวอะ”
ความคิดเห็น