คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : ROOM[SOUL]MATE - ROOM:16
Chapter 16
แสงแดดอ่อนลอดผ่านม่านสีหม่นเข้าสาดผิวนวลขาวที่นอนหลับตาพริ้มอย่างสบายใจ ก่อนที่จะรู้สึกตัวเปลือกตาเรียวสวยค่อยๆเปิดช้าๆ หยีตาสู้แสงที่ทำให้เคือง พร้อมกับรับรู้ว่าตอนนี้เป็นเวลาที่ควรลุกออกจากเตียง
มือเรียวยกขึ้นขยี้ตาค่อยๆยันตัวลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะมองไปรอบๆ พลันสมองก็นึกได้ว่าเมื่อคืนเขาไม่ได้นอนที่ห้องตัวเอง ดวงตาคู่สวยกวาดมองไปรอบห้องไม่มีวี่แววเจ้าของห้องที่ควรนอนอยู่ เวลานี้ปกติแล้วจงอินมักจะยังไม่ตื่น
คิ้วเรียวขมวดกันเป็นปมพลางรู้สึกโหวงในใจ ร่างโปร่งลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก้าวออกไปจากห้องเพื่อตามหาร่างรุ่นพี่รูมเมทของตัวเองแต่ก็ไม่พบ
ใจดวงน้อยของเซฮุนเริ่มกังวลอีกครั้ง..
เซฮุนเดินหาโทรศัพท์ของตัวเองที่วางไว้บนโต๊ะหน้าทีวีก่อนจะคว้ามันมากดโทรหาคนที่หายไปรู้สึกไม่ดีที่ตื่นมาไม่เจอจงอิน
เหมือนกับตอนนี้เซฮุนอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีจงอินจริงๆ...
จงอินหายไปอีกแล้วเหรอ..
ไม่เอานะไม่เอา...
เซฮุนยกโทรศัพท์แนบหูฟังเสียงรอสายด้วยหัวใจที่สั่นเทาความกลัวครอบงำจิตใจจนความคิดเริ่มแย่ลงเรื่อยๆ คิดไปต่างๆนาๆ เสียงรอสายยังคงดังอย่างต่อเนื่องแต่ก็ยังไม่มีวี่แววคนรับ ทำเอาเซฮุนเริ่มรู้สึกร้อนที่ขอบตาอีกแล้ว
ทำไมเขาถึงอ่อนแอแบบนี้...
สายถูกตัดไปแล้วโดยไร้การตอบรับจากปลายทางมือเรียวยังคงกดโทรอยู่อย่างนั้นรู้สึกเหมือนน้ำในตาคลอจนเหมือนว่ามันจะไหลลงมาอยู่รอมร่อ
“จะสั่นอะไรนักหนาไอเหี้ย.. กูไม่มีมือรับ”
เสียงทุ้มตะโกนบอกเรียกสติคนที่นั่งจดจ่อกับปลายสาย ร่างโปร่งสะดุ้งแล้วจะรีบหันหลังไปมองต้นเสียงที่สภาพเหมือนพึ่งเข้ามาในห้องพร้อมมือสองข้างที่หอบของพะรุงพะรังทำหน้ายุ่ง เซฮุนมองอีกฝ่ายกระพริบตาปริบๆด้วยความที่สติยังกลับมาไม่ครบ
“ยังจะมองหน้าอีกกดวางสายได้ละครับ สั่นจนกูจะเป็นไส้เลื่อนละ” จงอินว่าก่อนจะเดินหายเข้าไปในครัว
เซฮุนกดตัดสายยังคงนั่งอยู่ที่ด้วยสติที่เริ่มกลับมาครบยกมือขึ้นเขกหัวตัวเองด้วยความอับอายกับอาการกระต่ายตื่นตูมไม่เข้าท่า
ทำไงได้ล่ะก็เขากลัว...
จงอินทำให้เขาเป็นคนที่คิดมากเกินไป...
“คราวนี้เป็นไรอีกล่ะ”
จงอินที่เดินออกมาจากห้องครัวหยุดมองภาพที่เซฮุนนั่งอยู่ที่พื้นปากก็พร่ำบ่นบางอย่างกับตัวเองทั้งหยิกทั้งเขกหัวตัวเอง เรียกให้จงอินต้องยกยิ้มออกมา นั่งลงตรงหน้าแล้วยกมือขึ้นหยิกแก้มขาวอย่างหมั่นเขี้ยว
“ผมเจ็บนะพี่” คนตัวขาวเงยหน้าแยกเขี้ยวใส่อย่างเอาเรื่อง จงอินหัวเราะออกมาเสียงดังกับท่าทางที่ดูเหมือนจะน่ากลัวแต่ก็ไม่เลยมันกลับน่ารักซะมากกว่า
“ตกลงเป็นอะไรครับหืม?” ดวงตาคมมองหน้าหวานที่หลุบตาต่ำทันทีเมื่อได้ยินคำถามปากอิ่มเม้มเข้ากันแน่นอย่าใช้ความคิด
“พี่ไปไหนมา..” เซฮุนเอ่ยถามเสียงเบากลัวอีกคนรู้ว่าตัวเองกลัวว่าเจ้าตัวจะหายไป
“ลงไปซื้อของมา ในตู้เย็นโคตรว่าง จริงๆมันหน้าที่มึงนะ ซื้อของไม่ถูกใจอย่าโทษกูนะ”
“แล้วทำไมไม่ปลุกผมไปด้วยเล่า” ร่างขาวขมวดคิ้วก่อนจะตีเข้าให้ที่ไหล่อีกคนแล้วยันตัวเองขึ้นเต็มความสูง
“ก็กูเห็นมึงนอนหลับสบาย” น่ารักจนไม่อยากปลุก
“ไม่ต้องทำหน้างอ กลัวกูหายหรือไงครับหื้ม?” จงอินเงยหน้ามองคนที่ยืนหน้างอ ก่อนจะยกยิ้มกวนแล้วถามคำถามจี้ใจดำจนเซฮุนทำหน้าไม่ถูกออกมา
“...”
“กูไม่หายไปจากมึงหรอก ไม่ว่าจะยังไงกูก็จะอยู่ตรงนี้ล่ะ” จงอินดึงมืออีกคนขาวมากุมเอาไว้เงยหน้ามองอีกคนด้วยสายตาจริงจังแล้วยันตัวขึ้นเพื่อให้ระดับสายตาสบเข้ากันพอดี
“มึงไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น” จงอินบีบมือเซฮุนให้แน่นขึ้นเพื่อเป็นเครื่องยืนยันว่าตัวเองพูดความจริง
สายตาจริงจังยังคงถ่ายทอดมาให้เซฮุนที่ตอนนี้หน้าร้อนผ่าวอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรได้แต่สบตาคมแสนเร่าร้อนนั้นด้วยริ้วหน้าที่คงจะแดงเป็นปื้นไปถึงใบหูพร้อมกับหัวใจที่เต้นแรง
ทำอะไรไม่ถูก...
“ผม..” เซฮุนอ้อมแอ้มในลำคอหลังจากที่เงียบอยู่นานเบนใบหน้าหลบสายตาจงอินที่ส่งมา
“คือ..ผม”
“...” จงอินเลิกคิ้วมองอย่างรอคำตอบจากอีกฝ่าย
“ผม...หิว”
สิ้นประโยคนั้นทำเอาจงอินขมวดคิ้วหนักกว่าเดิมมองหน้าเซฮุนที่ยิ้มแห้งๆส่งมาให้แล้วก็ต้องหัวเราะออกมาในลำคอยกมือขึ้นมาขยี้ผมตัวเองอย่างขัดใจเล็กๆ
แต่ก็นะ.. มันก็เป็นปกติไม่ใช่เหรอ
บรรยากาศเงียบๆบนโต๊ะอาหารเกิดขึ้นมาตั้งแต่เซฮุนและจงอินหย่อนตัวลงนั่งคนตัวขาวที่ก้มหน้าก้มตากินข้าวส่วนจงอินที่รอบมองเป็นระยะๆ ด้วยสายตาบางอย่าง
เขาไม่รู้ตัวเองเลยว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ดวงตาของเขาที่มักจะชอบมองไปที่เซฮุน ไม่รู้เลยว่านานแค่ไหนแล้วที่ความรู้สึกมากมายก่อตัวขึ้น
จนข้างในหัวใจมันมีแต่เซฮุน..
“เออมึง แล้วพี่ลู่เป็นไงบ้าง” จงอินอยากจะตบปากตัวเองแรงๆสักที ไม่รู้ทำไมถึงถามถึงบุคคลที่สามออกไปทั้งที่อยากจะหาเรื่องคุยทำลายความเงียบแต่เหมือนกับเพิ่มความอึดอัดให้อีกคนหรือเปล่านะ
เซฮุนเงยหน้ามองใบหน้าของรูมเมทนิ่งไปชั่วขณะเมื่อได้ยินชื่อของลู่หาน คนที่เป็นคนรักเก่าไม่นานมานี้ที่อีกคนประสบอุบัติเหตุ
ลู่หาน...
เขาลืมลู่หานไปสนิทเลยจริงๆ...
“ผมไม่รู้..” เซฮุนตอบเสียงเบา แววตาวูบไหว จงอินสัมผัสมันได้ชัดเจน ก่อนจะเบนหน้าแล้วทำทีหัวเราะเสียงดัง
“มึงนี่นะ.. พี่ลู่แม่งไม่เป็นไรหรอก คงเล่นบอลได้เหมือนเดิมละล่ะ”
เซฮุนก้มหน้ามองจานข้าวตัวเองก่อนจะด่าทอตัวเองในใจ ความเป็นห่วงก่อตัวกันขึ้นอีกครั้ง เขาควรจะสนใจลู่หานให้มากกว่านี้ทั้งๆที่ บาดเจ็บ เขามันแย่จริงๆ
แย่ที่ยังเป็นแบบนี้...
ลู่หานเป็นคนสำคัญในชีวิตของเซฮุน ตลอดมาคนตัวเล็กคนนั้นทำทุกอย่างเพื่อเซฮุนมาตลอด คอยดูแลเอาใจใส่ แม้เรื่องเล็กๆน้อยๆ แต่เขาเองกลับเป็นแบบนี้เมื่อถึงคราวลู่หานลำบาก
เด็กอกตัญญูโอเซฮุน...
จงอินลอบมองคนตัวขาวที่ซึมไปเลยหลังจากจบบทสนทนานั้นแม้ว่าอีกคนจะแสดงออกโดยการพยายามทำให้มันเป็นปกติแต่เขารู้ได้ว่า ลู่หาน มีอิทธิพลต่อจิตใจของเซฮุนมากเกินกว่าที่เขาจะทดแทนได้ แม้ว่าเขาจะเล่นไปตามน้ำทำเหมือนว่ามันยังปกติ
แต่เขาก็เห็น ก็รู้สึก.. รู้แม้กระทั่งว่าเซฮุนแอบไปโทรหา ลู่หาน
ทั้งที่คิดไว้แล้วว่าจะไม่รู้สึกอะไร แต่มันก็บังคับไม่ได้เลยจริงๆ..
เซฮุนก้าวเดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับมือที่ยกผ้าขนหนูขึ้นเช็ดผมที่เปียกของตัวเองไปมา ก่อนที่ตาเรียวจะมองไปที่โซฟาตัวเดิมก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อที่ตรงนั้นควรจะมีร่างหนานอนอืดอยู่ก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้มันกลับว่างเปล่า
ดวงตาเรียวไหวระริกขึ้นมาอีกครั้ง ใบหน้าหวานชะเง้อมองหา ขาเรียวก็พาตัวเองเดินวนเวียนไปทั่วห้องแต่ก็ไม่พบร่างรูมเมทของตัวเอง ก้าวเดินกลับมาหวังจะหยิบโทรศัพท์กดโทรออกหาอย่างเคยแต่แล้วดวงตาเรียวก็เหลือบไปเห็นบางอย่างที่วางอยู่กลางโต๊ะหน้าทีวี
เอื้อมไปคว้ามาด้วยความรู้สึกที่เริ่มจะเข้าใจ หัวใจที่เต้นช้าลงกำลังกลับมาเต้นอย่างมีชีวิตชีวาอีกครั้ง สีหน้าที่ออกไปทางกังวลแปรเปลี่ยนเป็นยกยิ้มบาง
หืม.. ตั๋วสวนสนุก
พร้อมกับข้อความสั้นๆที่ได้ใจความว่าให้ไปที่นี่ตอนบ่ายสามโมงเย็น...
เซฮุนไม่ต้องเดาเลยลายมือแบบนี้ไม่ใช่ของใครที่ไหน..
ร่างโปร่งวางมือถือลงที่เดิมอย่างเปลี่ยนใจ ไม่อาจหุบยิ้มลงเมื่อมีอาการยินดีอยู่เต็มอก มองนาฬิกาอย่างจดจ่อพร้อมภาวนาในใจอย่างตื่นเต้นเพื่อให้ถึงเวลานั้นเร็วๆ
ไอพี่จงอิน...
----
ท่ามกลางผู้คนคลาคล่ำในช่วงเย็นหน้าทางเข้าสวนสนุกที่มีคนมากมายเดินเข้าเดินออกกันอย่างขวักไขว่เสียงจากภายในทั้งกรีดร้องและโห่ฮาดังออกมาได้ยินไปทั่วพื้นที่แม้จะเป็นเพียงด้านนอก
ร่างโปร่งขาวหยุดยืนตรงเสาต้นใหญ่เยื้องจากทางเข้าเล็กน้อยก้มมองนาฬิกาข้อมือที่บ่งบอกว่าเขามาก่อนเวลาเกือบสิบห้านาที สายตาเรียวสอดส่องไปทั่วอย่างหาเป้าหมายแต่ก็ไม่พบ และคาดว่าอีกคนยังคงมาไม่ถึง
เขาไม่ได้โทรหาจงอินล่วงหน้าไม่รู้เพราะอะไรที่ทำให้เขาคิดว่าไม่ควรโทรไป ที่จริงแล้วในใจเขาก็แอบคาดหวังอย่างตื่นเต้นว่ามันจะเป็นเซอร์ไพรซ์แสนพิเศษจากรูมเมทผิวคล้ำของตัวเอง
เมื่อนึกถึงใบหน้านั้นเซฮุนก็ต้องอมยิ้มกับตัวเองราวกับคนบ้า..
เลยเวลานัดมาเกือบสิบห้านาทีคนตัวขาวที่มีประกายหน้าสดใสตอนนี้มันง้ำงอลง จากที่ยืนเปลี่ยนท่าเป็นนั่งยองๆ ได้แต่ค่อนขอดรูมเมทของตัวเองในใจ ก้มหน้าใช้นิ้วเรียวเขี่ยพื้นเป็นชื่อของอีกคนอย่างหาอะไรทำ ก่อนจะรู้สึกถึงแรงสะกิดที่ไหล่บางจนต้องเงยขึ้นมอง
“พี่ลู่...”
เซฮุนนิ่งไปเมื่อภาพคนที่ยืนยิ้มให้อยู่คือลู่หาน ดวงหน้าหวานมองซ้ายมองขวาไปรอบๆ พื้นที่เผื่อจะเจอคนที่เขาหวังไว้แต่ก็ว่างเปล่า
หรือว่า...
“ขอโทษที่พี่มาช้านะเซฮุน”
แขนเล็กออกแรงดึงร่างเซฮุนให้ลุกขึ้น ร่างโปร่งยังคงเงียบอย่างไม่รู้จะพูดอะไร มันไม่ใช่แบบที่เขาคิดเอาไว้เลยสักนิด
“คือ..” เซฮุนแลบเลียริมฝีปากตัวเองอย่างใช้ความคิด ความรู้สึกแน่นตื้อขึ้นมาอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร เขาไม่ได้รู้สึกดีใจเลยที่เจอลู่หานในตอนนี้
พลันใบหน้าของรูมเมทก็เด่นชัดเข้ามาในหัว สมองของเซฮุนเริ่มเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นทีละนิด จงอินต้องการช่วยให้เขากับลู่หานได้คืนดีกัน เรื่องทั้งหมดนี้มันคือความต้องการของจงอิน
ความหวังดีที่ตอนนี้เซฮุนไม่ต้องการมันสักนิด...
ลู่หานมองใบหน้าขาวของอีกคนอย่างไม่เข้าใจ ตั้งใจฟังประโยคของอีกคนที่จะพูดมันออกไปมา แต่ก็นิ่งเงียบไปจนต้องเป็นฝ่ายกว่าเอ่ยปากออกมา
“พี่ว่าเราเข้าไปข้างในกันเถอะ นี่มันก็เย็นแล้วเดี๋ยวจะหมดสนุกนะ”
ลู่หานพูดจบก่อนจะยื่นมือไปตรงหน้าเซฮุนหมายจะให้อีกคนยื่นมือมาจับเอาไว้ แต่ร่างโปร่งกลับมองมันด้วยสายตาวูบไหวยังคงยืนทิ้งแขนทั้งสองข้างไว้ที่ข้างลำตัวนิ่ง จนคนเป็นพี่ต้องขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ
“เซฮุน..”
ร่างโปร่งมองมือเล็กที่เขาจำได้ว่ามันอบอุ่นแค่ไหนเมื่อได้กอบกุมเอาไว้ แต่ตอนนี้มันมีมืออีกคู่หนึ่งที่มันอบอุ่นไม่แพ้กันหรืออาจจะมากกว่า และเซฮุนโหยหามันที่สุดในตอนนี้
และเลือกแล้วว่าถ้าได้จับมันไว้เซฮุนจะไม่ยอมปล่อยเด็ดขาด...
“ผมคงจับมือพี่ต่อไปไม่ได้หรอก...”
เสียงตอบแผ่วเบาของเซฮุนยิ่งเพิ่มความไม่เข้าใจให้กับร่างคนตัวเล็กกว่า ตาใสยังคงจ้องใบหน้าที่ก้มลงไม่ยอมเงยขึ้นมามองหน้ากัน
“หมายความว่ายังไง..” ลู่หานเอ่ยถามตามที่ใจคิด รู้สึกถึงอกด้านซ้ายที่มันเริ่มเต้นช้าลงเรื่อยๆ เหมือนกับเป็นลางสังหรณ์บางอย่าง ลดมือตัวเองลงมาไว้ที่ข้างลำตัวช้าๆ โดยที่ดวงตายังคงจับจ้องที่ใบหน้าของอีกคน
ร่างโปร่งสูดหายใจเข้าลึกๆ กลั้นใจเพื่อควบคุมเสียงตัวเองไม่ให้สั่น แรงกดดันค่อยๆถาโถมเข้ามาจนหัวใจเต้นรัว
“พี่เป็นคนรักที่ดีมากๆ ดีจนผมไม่รู้ว่าชีวิตนี้ผมจะหาคนที่ดีแบบพี่ได้ไหม..” กลั้นใจพูดออกมาเสียงหนักแน่นแต่ก็ยังคงสั่นไหวในน้ำเสียงนั้น
“พี่รักเรานะ” คนตัวเล็กกว่าพูดขึ้นอย่างหวังจะบอกความรู้สึกที่มีข้างในแม้ในใจจะพอรู้สึกถึงเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นที่เขาภาวนาให้มันไม่เป็นแบบที่เขาคิด
เซฮุนเงยหน้าขึ้นสบตากับดวงตาใสของอีกคนทันทีเมื่อได้ยินคำรัก แก้วตาคู่สวยสั่นไหว พร้อมกับขอบตาที่เริ่มร้อนขึ้นมา ก่อนจะคว้ากอดร่างตรงหน้าเอาไว้อย่างไม่อาจพูดอะไรต่อจนลู่หานต้องยกมือขึ้นลูบหลังปลอบ
“ผมก็รักพี่นะ”
“แต่.. ไม่ใช่ในฐานะคนรัก แต่ในฐานะพี่ชายคนเก่งของผม”
ลู่หานอยากจะคิดไปว่าตัวเองฟังผิดหรือหูฝาด ในเมื่อไม่กี่วินาทีที่หัวใจเขาเหมือนจะเต้นเร็วขึ้นมาแต่ตอนนี้มันกลับเต้นลงช้ากว่าเดิมอีกหลายเท่า ช้าจนคิดว่ามันอาจจะหยุดเต้นไปแล้ว
“ผมขอโทษ..” เสียงขอโทษแผ่วเบาพร้อมกับความรู้สึกเปียกชื้นที่ไหล่เรียกสติของลู่หานให้กลับมาดังเดิม ก่อนปากจะขยับเอ่ยประโยคที่ค้างในใจออกมา
“จงอินเหรอ..?”
ร่างในอ้อมกอดนิ่งไปเรียกความมั่นใจให้กับลู่หานได้เป็นอย่างดี คนตัวเล็กกว่าถอนหายใจยาว ก่อนจะลูบหลังปลอบอีกคนที่เหมือนจะสงบลง แม้ว่าภายในจะเสียใจแต่ไม่รู้ทำไมน้ำตามันถึงไม่ไหลออกมา
“พี่เข้าใจ ไปสิ..” ลู่หานดันอีกคนออกจากอ้อมกอดก่อนจะพูด มองตาแดงๆของรุ่นน้องที่ส่งสายตารู้สึกผิดมาให้ก็อดสงสารไม่ได้
“ผมขอโทษ”
“เลิกขอโทษพี่ได้แล้ว พี่ไม่เป็นไร ไม่ได้ขี้แงเหมือนเราสักหน่อย” ลู่หานยิ้มส่งให้อีกคนที่ทำท่าเหมือนจะร้องไห้ออกมาอีกรอบ จนต้องยกมือขึ้นบีบจมูกแดงๆนั้น
“ไปได้แล้ว ไปหาจงอินซะ ก่อนที่หมอนั่นจะทำอะไรพิเรนทร์ๆอีก”
คนตัวเล็กกว่ารั้งแขนเซฮุนให้เดินตามเขาไป ก่อนจะเรียกแท็กซี่ให้เสร็จสรรพ แล้วยัดตัวเซฮุนเข้าไปข้างใน ร่างโปร่งได้แต่มองท่าทางอีกคนด้วยสายตารู้สึกผิด มองรอยยิ้มนั้นที่ยังคงส่งมาให้เหมือนเดิม
เสี่ยวลู่ของเขาเข้มแข็งแบบนี้เสมอ..
“เสี่ยวลู่...”
ลู่หานชะงักทำหน้าประหลาดใจเมื่อได้ยินสรรพนามที่อีกคนไม่ได้ใช้กับเขามานาน ใบหน้าหวานยกยิ้มขึ้นส่งไปให้คนในรถขณะที่ยังไม่ปิดประตู
“ขอบคุณจริงๆนะ”
“ไม่เป็นไรครับ ก็เซฮุนเป็นน้องรักของพี่นี่นา”
ลู่หานมองรถแท็กซี่ที่ขับออกไปอย่างเลื่อนลอย ก้าวกลับมานั่งที่ม้านั่งข้างหน้าสวนสนุกแห่งเดิม ในมือก้มมองตั๋วสวนสนุกสองใบ ที่อีกใบเซฮุนยื่นมาให้เขาก่อนที่รถจะออกไป
ถามว่าเขาเสียใจกับเหตุการณ์เมื่อกี้ไหมสารภาพเลยว่ามาก แต่มันจุกจนพูดไม่ออก เหมือนมีก้อนบางอย่างมาขวางลำคอ และกั้นบ่อน้ำตาของเขาเอาไว้
ลู่หานคนนี้ยอมรับว่ารักเซฮุน ถึงแม้ว่าจะมีช่วงหนึ่งที่เขาเผลอปันใจให้หนุ่มรุ่นน้องผิวเข้ม แต่คนที่เขาทุ่มเทให้ทั้งหมดคือเซฮุน แม้ว่าจะเป็นคนที่เขารักทั้งคู่รักกันแต่มันก็ยังรู้สึกแปลบๆในอกอยู่ดี
แต่จะเป็นอะไรไปกับอีแค่ยอมเสียสละมอบความสุขให้คนที่รักอีกครั้งเท่านั้นเอง...
ลู่หานส่ายหัวยิ้มๆกับโชคชะตาของตัวเอง ไล่ความทุกข์ เศร้า เหงา ซึม ออกไปจากหัวใจ มือเรียวทำท่าจะขยำบัตรสวนสนุกทั้งสองใบและทิ้งๆมันไปซะ แล้วกลับบ้านไปกินยานอนหลับให้มันลืมเรื่องราวต่างๆ แล้วตื่นมาเป็นคนใหม่ในวันต่อไป
แต่ก็ต้องชะงัก...
“เอ่อ.. ขอโทษนะครับ”
สำเนียงภาษาเกาหลีแปร่งๆดังขึ้นตรงหน้าเขา ทำให้ต้องเงยหน้าไปมอง ร่างที่ยืนค้อมตัวลงมาหาเขา ผมซอยสีบรอนด์รับกับใบหน้าขาวของอีกคน รอยยิ้มแหยที่ส่งมาให้ ข้างแก้วมีลักยิ้มบุ๋มลงอย่างน่ารัก ทำเอาลู่หานเอ่ยชมอีกคนในใจ
“ครับ” คนตากวางตอบรับเมื่ออีกคนขมวดคิ้ว ทำหน้าไม่แน่ใจว่าเขาเข้าใจที่อีกคนพูดหรือเปล่า
“เอ่อ.. คือรู้ไหมครับ ว่าจะซื้อบัตรที่นี่ต้องทำยังไง” น้ำเสียงสำเนียงแบบนี้ทำให้ลู่หานคิดในใจ และเดาได้ว่าอีกคนอาจจะมีสัญชาติเดียวกับเขาหรือเปล่า เพราะด้วยสำเนียงแบบนั้นทำให้ลู่หานแน่ใจว่าคนตรงหน้าไม่ใช่คนเกาหลี
“คุณเป็นคนจีนหรือเปล่า?” เอ่ยถามไปเพราะความอยากรู้และความรู้สึกตื่นเต้นภายในใจ อีกคนทำท่าแปลกใจเมื่อลู่หานถามออกไป
“คุณรู้ได้ยังไง”
“ผมก็เป็นคนจีนเหมือนกัน” ลู่หานยิ้มกว้างขึ้นอีกนิดก่อนจะเปลี่ยนภาษาที่ใช้สื่อสารกันทันที เพื่อให้อีกคนรู้ว่าพวกเขาทั้งคู่เป็นคนบ้านเดียวกัน
“โชคดีจริงๆ ผมไม่คิดว่าจะเจอคนจีนในเกาหลีแบบนี้ ภาษาเกาหลีผมแย่มากๆ” อีกคนพูดอย่างตื่นเต้นก่อนจะยกมือขึ้นเกาท้ายทอยอย่างเขินๆกับภาษาเกาหลีของตัวเอง ลู่หานยิ้มให้อีกคนแล้วเอ่ยแนะนำชื่อตัวเองออกไป
“ผมลู่หาน”
“ผมจางอี้ชิง”
อี้ชิงยื่นมือมาตรงหน้าลู่หานเป็นเชิงทำความรู้จัก คนที่นั่งอยู่มองมือนั้นพลางนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่เงยหน้ามองรอยยิ้มสดใสที่ส่งมาให้ ก่อนจะยื่นมือไปจับมืออีกคนเขย่าเบาๆ
“ผมมีตั๋วอยู่ คุณไปเอาสิ” ลู่หานยืนตั๋วสองใบไปให้อีกคนที่ทำหน้างงๆส่งมาให้
“เห..จะดีเหรอ” อี้ชิงมองตั๋วในมืออีกคนอย่างเกรงใจ พึ่งเจอกันครั้งแรก แถมยังใจดี แบบนี้มีที่ไหนกัน
“พอดีได้มาฟรีน่ะ รับไปเถอะ ไม่ต้องเกรงใจ” ลู่หานยัดมันใส่มืออี้ชิงที่จำใจต้องรับไว้อย่างเสียไม่ได้ก่อนจะขอบคุณกลับมาหลายที
“งั้นผมไปก่อนนะครับ ขอบคุณลู่หานมากๆเลย” อี้ชิงโค้งให้ลู่หานเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินไปออกไป
ลู่หานมองแผ่นหลังอีกคนที่เดินห่างออกไปเรื่อยๆ พร้อมกับหัวใจที่เต้นเร็วขึ้นอย่างตื่นเต้นกับสิ่งที่เขาคิดและตัดสินใจที่จะทำต่อไปนี้
บางทีเขาก็ควรจะเริ่มต้นใหม่...
ถึงมันจะดูเร็วไป แต่เรื่องแบบนี้จะช้าจะเร็วปลายทางมันก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอ ?
“จางอี้ชิง!!”
ลู่หานตะโกนเรียกอีกคนที่เดินห่างไปไม่ไกลมากนัก พลางกวาดตามองคนแถวนั้นที่คาดว่าจะรู้จักกับอี้ชิง หรือคนที่มาด้วยกัน เจ้าของชื่อหันมาตามเสียงเรียก เลิกคิ้วมองอีกคนอย่างงงๆ มองร่างที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ดังเดิม มองมาที่เข้าด้วยสายตาแปลกๆ
“คุณมากับใครน่ะ” คนเรียกกลั้นใจเอ่ยถามออกไป
“ผมมาคนเดียว” คำตอบที่ได้ยินทำเอาจังหวะหัวใจของลู่หานเพิ่มขึ้น
“จะได้ไหมถ้าผมจะขอเที่ยวกับคุณในวันนี้...”
อี้ชิงขมวดคิ้วมุ่นเมื่อได้ยินคำขอของอีกคนอย่างใช้ความคิด ก่อนที่ใบหน้าจะคลายลงเป็นรอยยิ้มกว้างจนเผยให้เห็นรอยบุ๋มตรงข้างแก้ม
“ได้สิครับ..”
บางทีลู่หานก็คิดว่ามันอาจเป็นพรหมลิขิต ที่ฟ้ากำหนดเอาไว้แต่แรก
ว่างั้นไหม.. ?
ความคิดเห็น