คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : ROOM[SOUL]MATE - ROOM:O9
Chapter 9
เช้าวันเสาร์ที่แสนสดใสของใครหลายๆคน แต่ไม่ใช่สำหรับเซฮุน วันว่างที่ควรจะนอนอยู่ห้องกลิ้งไปมาบนเตียงนุ่มทำตัวขี้เกียจทั้งวัน กลับต้องโดนไอรุ่นพี่รูมเมทลากออกมานั่งหงอยอยู่ข้างสนามบอลของมหาลัย เนื่องด้วยว่าตัวเขานั้นไม่เคยรู้ว่าก่อนว่าคนอย่างไอพี่จงอินมันจะชอบเล่นกีฬากับเขาด้วย วันๆเห็นแต่นอนอืดเป็นหมีควายอยู่ที่ห้อง แถมยังเป็นนักกีฬาประจำเวลามีแข่งต่างๆของคณะ
คนตัวขาวเท้าคางมองผู้คนที่วิ่งอยู่ในสนามอย่างขวักไขว่ตัวเขาเองไม่ถนัดเล่นกีฬากลางแจ้งเท่าไหร่นัก แต่ก็ใช่ว่าจะถนัดกีฬาในร่ม(?) เอาง่ายๆคือไม่ถนัดอะไรที่ต้องใช้แรงกายเท่าไหร่นัก
ร่างโปร่งมองไปรอบสนามเห็นผู้คนมาดูการซ้อมอยู่พอสมควร มีกลุ่มนักศึกษาของมหาลัยที่ชื่นชอบ นักกีฬารวมถึงไอรุ่นพี่หมีควายที่มีแฟนคลับมาเชียร์อยู่เยอะพอสมควรก่อนจะเบ้ปากอย่างหมั่นไส้ แต่เซฮุนก็อดยอมรับไม่ได้จริงๆว่าจงอินเหมาะกับการเล่นกีฬาแบบนี้เวลาที่อยู่กลางแจ้ง เม็ดเหงื่อที่ไหลอาบชุ่มเคลือบผิวสีแทนของเขาให้ดูเซ็กซี่ขึ้นอย่างชวนหยุดสายตา
“ทำเป็นเท่ห์” เซฮุนบ่นงึมงำเมื่อเห็นคนผิวคล้ำวิ่งโชว์พาวแจกรอยยิ้มรอบสนามเมื่อตัวเองยิงประตูเข้าได้ พร้อมกับเสียงกรี๊ดเชียร์ที่ดังขึ้นทำเอาเซฮุนต้องยกมือขึ้นปิดหู
พวกนี้ก็ติ่งดีๆนี่เองล่ะนะ...
จงอินวิ่งออกมาจากสนามด้วยสภาพเหงื่อท่วมตัว หยุดอยู่ตรงหน้าคนตัวขาวที่มองอย่างมึนๆ
“หยิบผ้าขนหนูให้หน่อย” จงอินพูดขณะที่หลับตาเพราะเหงื่อตอนนี้มันไหลเข้าไปในตาจนมันเริ่มแสบ คนโดนใช้ก็รีบหยิบยื่นส่งให้ มือหนาปัดป่ายหาผ้าขนหนูไม่เจอ ทำเอาเซฮุนต้องถอนหายใจพรูออกมา ยกผ้าขนหนูซับเบาๆที่หน้าเปื้อนเหงื่อให้อีกคน
จงอินชะงักกับสัมผัสเบาบางลมหายใจร้อนกับกลิ่นหอมๆจากคนตัวขาวลอยปะทะจมูกของเขาอย่างจัง จนเขารู้สึกแปลกๆ ยิ่งตอนลืมตามองใบหน้าใสใกล้ๆ ก็พาลเอาจังหวะการเต้นของหัวใจเร็วขึ้น
“เอาคืนกูเหรอ..”
“ห๊ะ?”
“เปล่า หยิบน้ำมาดิ้” จงอินตอบปัดแย่งผ้าขนหนูออกจากมือขาวมาเช็ดเอง แล้วชี้มือไปที่ขวดน้ำที่วางอยู่บนเก้าอี้ คนถูกใช้ทำหน้าไม่พอใจแต่ก็เดินไปหยิบให้แต่โดยดี
“ซ้อมอีกนานปะพี่ผมง่วง ผมหิว ผมร้อน” เซฮุนบ่นอย่างงอแง เบะหน้าใส่รุ่นพี่ตรงหน้า
“พึ่งมาเมื่อชั่วโมงเองนะมึง”
“เออ แล้วไมพี่ต้องให้ผมมานั่งเฝ้าด้วยวะ” เซฮุนกระแทกตัวนั่งลงบนม้านั่งพลางกอดอกอย่างขัดใจ ทั้งหิวทั้งร้อน แถมยังหงุดหงิดเสียงกรีดร้องจากพวกที่มาดูซ้อมอีก
จงอินอมยิ้มกับท่าทางงอแงเหมือนเด็กๆของเซฮุน ขายาวก้าวไปทิ้งตัวลงข้างๆคนที่นั่งหน้าหงิก วาดแขนโอบไหล่มนเอาไว้
“มึงไม่เห็นคนพวกนั้นเหรอ มองอย่างกับจะงาบกูเข้าไปทั้งตัว” จงอินชี้ไปที่บรรดาเหล่าแฟนคลับของเขา ความจริงเขาก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดไม่ใช่ว่าไม่ชอบที่มีคนมาชื่นชม แต่ก็ไม่ได้สนใจเท่าไหร่
“แล้วไง ..เขาจะงาบพี่ ไม่ได้งาบผม” คนตัวขาวหันมองหน้าอีกคนอย่างกวนๆ
“ไม่หึงกูหน่อยเหรอครับน้องเซฮุน” มือกร้านยกขึ้นผลักหัวกลมเบาๆอย่างหมั่นเขี้ยว ยกยิ้มกับท่าทางกวนประสาทน่ารักๆนั้นอย่างไม่รู้ตัว
คนโดนถามชะงักไปสักพักหันมามองหน้ารุ่นพี่ที่จ้องตนอยู่ก่อนแล้ว รอยยิ้มเรียวกระตุกที่มุมปากเลียนแบบคนตรงหน้าอย่างเจ้าเล่ห์ มือขาวยกลูบเบาๆที่ข้างแก้มนั้น
“ไม่หึงหรอก ก็เมื่อคืนพี่บอกว่าพี่มองผมคนเดียวนี่ครับ”
จงอินพึ่งจะได้รับรู้ว่าอาการเขินมันเป็นยังไง ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาจนต้องเบนหลบมองทางอื่น อาการเหมือนจะระเบิดตีขึ้นสูง หูแว่วได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอของคนข้างๆ
นี่เอาคืนกูใช่ไหม...
ใบหน้าหล่อหันกลับมามองคนตัวขาวที่ตอนนี้ก็มีริ้วแดงที่ข้างแก้มประดับอยู่ จนอดจับมาฟัดแรงๆไม่ได้ เซฮุนดิ้นหนีสัมผัส ใบหน้าร้อนผ่าวเพราะนี่มันเป็นที่สาธารณะ หลายคนเริ่มจับจ้องมาที่พวกเขา
“อ่าวๆ จะเอากันตรงนี้เลยเหรอ” เสียงทุ้มต่ำเรียกให้ทั้งคู่หันไปมอง ก็พบร่างตัวสูงชะลูดของปาร์ค ชานยอล ซึ่งเป็นรูมเมทกับ แบคฮยอน คนตัวสูงก้าวเข้ามานั่งลงข้างจงอินก่อนจะเอ่ยแซวเล็กๆ
“ตกลงไอที่แบคฮยอนบอกว่ามึงกับเซฮุนเป็นผัวเมียกันนี่ใช่จริงๆใช่ปะวะ” ชานยอลยกน้ำขึ้นดื่มยิ้มๆเมื่อเพื่อนตัวดีได้แต่ยิ้มเจ้าเล่ห์ส่งให้เขา แต่เป็นเซฮุนที่ยกมือขึ้นโบกปัดเป็นพัลวัน
“ไม่ต้องเขินหรอกเซฮุนคนกันเอง” ชานยอลยิ้มกว้างส่งให้ ร่างบางที่หน้าแดงจัดยกมือขึ้นตีไหล่คนผิวเข้มซะงั้น คงเพราะหมั่นเขี้ยวที่ทำอะไรไม่ได้
“หิวใช่ปะมึง งั้นขออีกครึ่งชั่วโมงโอเคปะครับ เดี๋ยวพากลับห้องไปนอนต่อ” จงอินหันมาพูดกับเซฮุนที่นั่งหน้างอกว่าเดิม ร่างขาวพยักหน้ารับ
จงอินลุกขึ้นยืนแล้วถอดเสื้อยืดออกจากตัวเผยให้เห็นแผ่นอกสีแทนเซ็กซี่ที่มีซิกแพคเล็กน้อยอย่างดูดีเรียกเสียงกรี๊ดจากแฟนคลับอีกระลอก เซฮุนมองร่างตรงหน้าอย่างอึ้งๆก่อนใบหน้าจะร้อนจนแทบระเบิดออกมาอีกครั้งเมื่อ
“ฝากหน่อยนะ เดี๋ยวจะรีบกลับมา” พูดพร้อมยื่นเสื้อตัวนั้นยัดใส่มือเซฮุนที่สติยังไม่ครบดี ยกยิ้มมุมปากแล้วขยิบตาให้อีกรอบ ก่อนจะวิ่งลงสนามไปหน้าตาเฉย
โบ้มมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม.. /////////
เซฮุนอยากจะระเบิดตัวเอง ตั้งแต่อยู่กันมาเขาพึ่งรับรู้อย่างเต็มขั้นว่า เสน่ห์ของคิมจงอินมันเหลือร้ายขนาดไหน ไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมมักจะมีคนตกหลุมรักผู้ชายห่ามๆแบบนี้
แล้วกูเป็นหนึ่งในคนพวกนั้นหรือยังวะ?
เซฮุนตื่นขึ้นมาในช่วงหัวค่ำ ตั้งแต่ไปกินข้าวและกลับมาที่ห้องคนตัวขาวก็ปิดประตูใส่กลอนนอนตายในห้องตัวเองยาวจนถึงหัวค่ำ มือบางยกขึ้นจับหัวตัวเองด้วยความมึนอาจจะเพราะนอนเยอะเกินไป ขาวเรียวพาตัวเองออกไปนอกห้องก็พบรุ่นพี่ตัวดีนอนดูทีวีอย่างอืดสบายอยู่ในที่ประจำ
เมื่อเห็นร่างโปร่งที่เดินออกมาจากห้องคนที่นอนอืดบนโซฟาก็ผุดลุกขึ้นนั่งพร้อมกับรอยยิ้มบาง จนคนตัวขาวขนลุก คิ้วเรียวขมวดด้วยความไม่เข้าใจ
ไอรอยยิ้มแบบนั้นมันคืออะไร ?
“ตื่นแล้วเหรอวะ นอนหรือซ้อมตาย” จงอินบ่นเสียงกวนประสาท เซฮุนหย่อนตัวลงนั่งข้างๆรุ่นพี่ พลางส่งสายตาไม่พอใจมองรอยยิ้มที่ยังคงประดับอยู่บนใบหน้าหล่อ
ยิ้มห่าอะไรนักหนา..
“มึงยิ้มอะไรบ่อยจังวะพี่จงอิน”
“ไม่รู้ดิ ..มองหน้าน้องเซฮุนทีไร กูต้องยิ้มทุกที” ตอบออกมาพร้อมรอยยิ้มกว้างอย่างไม่มีความอาย คนตัวขาวเมื่อได้ยินก็แทบอยากจะอ้วกออกมาซะมากกว่าเขิน
“เสี่ยวสัดเลยพี่!”
คนตัวขาวทำท่าเหมือนจะขย่อนอาหารออกมาอย่างโอเว่อร์ เรียกมือกร้านผลักเบาๆลงที่ศีรษะอีกคนพร้อมกับเสียงหัวเราะในลำคอ
“มึงขึ้นไปข้างบนกัน” จงอินลุกขึ้นเต็มความสูงก่อนจะเอื้อมมือไปจับเข้าที่แขนทั้งสองข้างของคนตัวขาวออกแรงดึงให้ลุกขึ้น
“ข้างบนไหน” เซฮุนขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจกับคำพูดคนตรงหน้า จงอินยักคิ้วส่งให้สองทีแล้วลากจูงเซฮุนออกไปจากห้อง
“เออหน่า.. ตามมาเหอะ”
ร่างหนาเปิดบานประตูเหล็กสีขาวออกกว้างเผยให้เห็นบรรยากาศด้านนอกยามค่ำคืน เซฮุนมองมันก่อนจะเบิกตากว้างอย่างตื่นเต้น
จงอินพาเขามาบนดาดฟ้า...
“มาตรงนี้ดิ” เสียงทุ้มเอ่ยเรียกร่างโปร่งที่ยังคงตื่นเต้นอยู่ไม่ยอมขยับไปไหน กวักมือเรียกให้เดินมาริมตึกที่มีคอนกรีตราดขึ้นกั้นเอาไว้ถึงระดับกลางลำตัว
ร่างหนามองอีกคนริมฝีปากวาดยิ้มกับปฏิกิริยาเหมือนเด็กของรูทเมทตัวเอง ยกมือขึ้นเท้ากับคอนกรีตสูงแล้วมองไปยังแสงไฟสวยงามจากตึกสูงใหญ่ ไฟหลากสีระยิบระยับขลับกับท้องฟ้าสีดำสนิทที่มีดวงดาวประปราย
เซฮุนยกแขนขึ้นรับลมปะทะเข้ากับใบหน้าอย่างรู้สึกผ่อนคลาย รู้สึกดีมากๆๆๆๆ อย่างไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้ แสงไฟยาวค่ำคืนมองจากตรงนี้แล้วมันสวยงามมากๆ
“พึ่งรู้ว่าบนนี้สวยขนาดนี้..” เซฮุนพูดเสียงเบาหวิวสูดหายใจเข้าอย่างเต็มปอด อาการง่วงงันเมื่อครู่หายไปเป็นปลิดทิ้ง
หอพักนักศึกษาที่ไม่ได้สูงเสียดฟ้าเท่าตึกรามอื่นๆ แม้จะมีความสูงเพียงแค่ 6 ชั้นก็สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้สวยงามมากขนาดนี้ ต้องขอบคุณคนรูมเมทตัวดีที่ทำให้เขาได้เห็นอะไรดีๆแบบนี้
“เขาเรียกว่าซ่อนรูป”
“เหมือนพี่น่ะเหรอ” เซฮุนตอบออกไปทันควันก่อนจะต้องยกมือขึ้นตะครุบปากตัวเอง
เหี้ย.. มันเป็นประโยคคำชมนี่หว่า
“มึงชมกูเหรอ” รอยยิ้มเดิมปรากฏบนใบหน้าคมเข้มอีกครั้ง เสียงหัวเราะทุ้มต่ำดังขึ้นอย่างชอบใจเมื่อคนตัวขาวพลาดท่า
“เปล่าชมเว่ย แค่พลั้งปากไปเฉยๆ” แต่ในใจก็คิดว่า มันก็เป็นเรื่องจริง
คิม จงอินผู้ชายที่มองภายนอกแล้วดูหยาบกระด้าง คร้ามแดด หน้าตาไม่น่าไว้วางใจ เอาง่ายๆคือหน้าตาไม่น่าคบ เซฮุนยกยิ้มขึ้นเมื่อนึกไปถึงช่วงแรกๆที่พวกเราอยู่ด้วยกัน ผู้ชายที่ชื่อคิม จงอินคนนี้ ทำเขาปวดหัวได้ทุกวัน ช่างกวนประสาท ขี้เกียจ สกปรก ซกมก แทบจะไม่มีอะไรดีในสายตาเขาแม้แต่นิดเดียว
แต่พอวันเวลาผ่านไปความใกล้ชิดก็ทำให้เซฮุนได้รู้ว่าคนเรามองแต่ภายนอกและผิวเผินไม่ได้ จริงๆแล้วคิม จงอินก็มีข้อดีหลายอย่าง แม้บางครั้งจะโง่ไปบ้าง ความรู้สึกช้าไปบ้าง แต่ก็อ่อนโยนมากๆ ถึงจะปากเสียแต่ก็จริงใจ และยังทำให้เขามีความสุขเวลาที่อยู่ด้วยกัน
“คิดอะไรอยู่” จงอินเอ่ยถามขึ้นเมื่อคนตัวขาวเอาแต่เงียบมองไปยังท้องฟ้าสีหม่น รอยยิ้มบางประดับบนใบหน้า จนเขาต้องลอบมองแล้วอดยิ้มตามไม่ได้
“คิดถึงวันแรกที่ผมเจอพี่” เซฮุนยิ้มทะเล้นส่งให้คนเป็นพี่ที่ทำหน้าเซอร์ไพรซ์กับคำตอบ
“วันแรกเหรอ.. มึงเจอหน้ากูครั้งแรกก็ด่ากูเหี้ยเลย แถมยังถีบกูจังๆตรงนี้เลย” จงอินดึงมือขาวให้ทาบลงบนอกแกร่งของตัวเอง พร้อมกับจ้องหน้าอีกคนที่หัวเราะเบาๆอย่างขบขันเมื่อนึกถึงภาพตอนนั้น
“ก็พี่มาหาว่าผมเป็นตุ๊ดอะ”
“เออ.. ตอนนั้นไม่ตุ๊ด แต่ตอนนี้ตุ๊ดใช่ปะ.. โอ๊ย!”
มือเรียวระดมฟาดไปตามแขนแกร่งเมื่อได้รับคำตอบ จนคนที่โดนฟาดร้องโอดโอย ด้วยความเจ็บเพราะแรงที่ใช้นี่คงเต็มแรง จงอินรวบมือทั้งสองข้างของอีกคนไว้ด้วยมือเดียวเมื่อไม่มีท่าทีว่าอีกคนจะหยุดตี มืออีกข้างโอบเอวบางให้มาแนบชิดกับลำตัวของเขาเพื่อป้องกันไม่ให้คนฤทธิ์เยอะขยับตัวได้
เซฮุนหายใจกระตุกเมื่อรับรู้ถึงความแนบชิดของทั้งคู่ สัมผัสได้ถึงกลิ่นสบู่อ่อนๆของร่างตรงหน้า ดวงตาเรียวเบนสบกันพอดีเมื่อดวงตาคมจ้องมองเขาอยู่ก่อนแล้ว ดวงตาคู่สวยจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีนิลของอีกคน สบมองกันอย่างไม่อาจถอดถอนเหมือนต้องการสื่อบางอย่างแก่กัน
อันตราย...
ใบหน้าคมคายค่อยๆขยับเลื่อนเข้าใกล้เหมือนกับแรงดึงดูดในภวังค์ของกันและกัน ใบหน้าขาวเลื่อนเข้าไปจนชิดรู้สึกถึงริมฝีปากร้อนที่แตะสัมผัสกันเพียงแผ่วเบากดย้ำซ้ำๆอย่างติดใจ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสัมผัสหนักหน่วงขึ้นเมื่อริมฝีปากของทั้งคู่บดเบียดกันอย่างแนบชิดและรุนแรง ริมฝีปากหยุ่นร้อนโลมเลียลามจากริมฝีปากไปถึงข้างแก้ม เสียงหอบหายใจร้อนแรงของคนตัวขาวเหมือนเติมเชื้อไฟให้กับรุ่นพี่ ริมฝีปากหนาทาบลงหนักหน่วงขึ้นอีกอย่างกระหายอยาก
คนตัวขาวยกแขนขึ้นโอบรอบคอแกร่งอย่างหาที่ยึดเหนี่ยวเอียงหน้ารับองศาจูบร้อนแรงที่คนตรงหน้ามอบให้ กลีบปากเล็กเปิดรับลิ้นร้อนที่เข้ามาช่วงชิมความหวานในโพรงปากอย่างเอาแต่ใจ จนรู้สึกถึงน้ำเหนียวที่เปรอะเปื้อนรอบๆปาก เสียงหายใจรุนแรงของทั้งคู่ค่อยๆดังขึ้น เหมือนกับอารมณ์ดิบที่ค่อยๆครอบงำพัดพาสติสัมปชัญญะให้มลายหายไปแทนที่ด้วยความต้องการเปี่ยมล้นที่เหมือนว่าทั้งคู่ต้องการเติมเต็มมัน
ริมฝีปากร้อนผละพรมจูบไล้ไปตามลำคอขาวหอมกรุ่นขมเม้นสร้างรอยจางๆให้คนตัวขาวที่ครางอย่างทรมานในลำคอ จงอินยกยิ้มเบาๆกับความน่ารักของคนตรงหน้าที่คงเคลิ้มจนสอดมือเข้าจิกที่เส้นผมของเขาจนรู้สึกเจ็บหัว
“อื้อ.. พี่.. มึงกัดเหรอ พะ..พอ” เซฮุนเอ่ยเสียงหวิวด้วยสติที่ยังไม่ครบดีนัก ความรู้สึกที่อ่อนเปลี้ยไปทั้งตัวขนาดแค่เสียงยังไม่สามารถบังคับให้เอ่ยออกไปแบบไม่สั่นไหวได้ แขนบางเปลี่ยนมาผลักดันที่หน้าอกแกร่งด้วยแรงที่มี ขนลุกซู่เมื่อสัมผัสถึงความชื้นแฉะและแรงดูดเบาๆจากรุ่นพี่
ไม่ไหว.. น่าอายเกินไป..
“พอ.. อะ.. ไอดำ!” คนตัวขาวตะโกนใส่หูคนหื่นกามที่ใบหน้าแทบจะฝังเป็นเนื้อเดียวกับลำคอเขา ก่อนจะยกมือขึ้นจิกทึ้งเส้นผมสีดำอย่างเต็มแรง จนหัวกลมๆเอนไปตามแรงพร้อมเสียงโวยวายด้วยความเจ็บ
“ซี๊ด.....เซฮุน กูเจ็บ!!!” จงอินแกะมือขาวออกจากเส้นผมของตัวเองอย่างทุลักทุเล เงยหน้ามองคนตัวขาวที่ยืนหน้าแดงจัดมือขาวนั้นจับอยู่ที่ลำคอ
คงเขินมากเลยดิ...
“ก็มึงอะ.. มึงอะ มึง มึง มึง..” เซฮุนหันหนีอีกคนด้วยความอายที่พุ่งขึ้นสู่ใบหน้าร้อนผ่าน ไม่กล้าสู้หน้าไม่กล้าสบตาตอนนี้ ตะโกนเสียงดังและค่อยๆลดระดับเสียงลงมาด้วยความคิดนึกย้อนเหตุการณ์เมื่อครู่ก็ต้องทำให้หน้าแดงก่ำขึ้นอีกรอบ
“กูทำไมเหรอหืม?” ร่างหนาเดินมาซ้อนหลังกระซิบลงข้างๆหูขาวที่แดงจัด อย่างนึกแกล้ง มองรอยสีแดงจางๆบนลำคอสองสามรอยจากฝีมือตนเอง
“ไปไกลๆเลยพี่ มากไปละ” ผลักอีกคนให้เซไปเบาๆ อย่างหมั่นไส้ ใบหน้าคมคายที่มีรอยยิ้มประดับอยู่บนหน้า แล้วยังแววตาที่ชอบใจแบบนั้นอีก
“เวลามึงเขินเนี่ย..” เดินมาหยุดตรงหน้าคนตัวขาวที่ขมวดคิ้วเป็นปมอย่างไม่เข้าใจ ยกยิ้มกว้างออกมาเมื่อมองใบหน้าขาวนั้น ก่อนจะพูด
“...”
“โคตรน่ารักเลยอะ”
คนตัวขาวหน้าแดงก่ำขึ้นมาทันทีจนจงอินชอบใจแล้วจับมาฟัดแก้มอีกรอบ คนตัวขาวดิ้นขัดขืนอย่างเหนื่อยอ่อน ไม่นึกเลยว่าไอรุ่นพี่หมีควายจะหื่นขนาดนี้ เอะอะจูบ เอะอะฟัดอย่างเดียว
“พอเลยพี่ ..น่ารักบ้าไรผมเป็นผู้ชาย เก็บไว้ไปชมแฟนพี่เหอะ” เซฮุนเอ่ยขึ้นกลบเกลื่อนอาการเขินอย่างเต็มขั้น
“กูไม่เคยมีแฟนนะ” จงอินมองหน้าอีกคนพร้อมพูดเสียงจริงจัง
“จริง ?” เซฮุนเอียงคออย่างไม่อยากเชื่อในคำตอบของคนตรงหน้า หน้าตาอย่างคิมจงอินแทบไม่อยากเชื่อว่าจะไม่เคยผ่านมือใครมาก่อน
“เออจริง ไม่รู้จะมีไปทำไม” จงอินไหวไหล่ก่อนจะหันไปมองตึกที่ประดับด้วยแสงไฟสีสวยตั้งตระหง่านอย่างสวยงาม คนตัวขาวพยักหน้ารับเบาๆ ภายในใจรู้สึกตื่นเต้นและดีใจกับคำตอบของอีกฝ่ายแปลกๆ
“แต่อย่างพี่ก็หาได้สบายๆแหละ สาวๆชอบพี่เยอะแยะ” คนตัวขาวพูดลอยๆอย่างไม่ได้คิดอะไร เพียงแต่ไม่อยากให้บรรยากาศมันเงียบและต่อบทสนทนากับคนตรงหน้า
“เหรอวะ..” ร่างหนาหันกลับมามองคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ซึ่งอีกฝ่ายก็หันมองกลับเช่นกัน
“ใช่ดิ..” เซฮุนพยักหน้าทำตาจริงจัง เป็นสัญญาณว่าเขาพูดความจริงแน่นอน ใบหน้าคมคายระบายยิ้มเป็นเอกลักษณ์พลางยื่นหน้าเข้าใกล้คนตัวขาวอีกนิด
“แล้วมึงล่ะ... อยากมาเป็นแฟนคนแรกของกูไหมครับ?”
คนตัวขาวสะบัดไล่คำพูดที่มันวนเวียนอยู่ในหัวตั้งแต่เมื่อคืนคำพูดของรูมเมทตัวดีที่เดี๋ยวนี้มันจะมีอิทธิพลกับความรู้สึกของเขาอย่างไม่รู้ตัว เรื่องราวเมื่อวานที่ยิ่งคิดยิ่งสร้างความรู้สึกร้อนวูบวาบให้กับเขาได้เมื่อนึกถึง
มือขาวยกขึ้นแตะลำคอของตัวเอง ที่เขารู้ว่ามันมีรอยสีแดงจางโดยฝีมือของคิมจงอินที่ชอบฉวยโอกาสปรากฏอยู่ นึกคาดโทษในใจที่ทำอะไรไม่รู้จักคิด แล้วเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนเวลาที่ต้องออกไปข้างนอก
เซฮุนไม่รู้หรอกว่าประโยคสุดท้ายที่คิมจงอินพูดแหย่กับเขานั้นมันเป็นประโยคที่ต้องการคำตอบหรือเปล่า แต่เป็นเขาเองที่ทนอยู่ในสถานการณ์ที่มีสายตาคมเข้มจ้องมองลึกเหมือนจะแทรกซึมเข้ามาในจิตใจของเขาไม่ไหวจนต้องเบี่ยงประเด็นแล้วหนีกลับมาที่ห้อง ถึงแม้จงอินจะหวังแกล้งให้เขาเขินอายก็บอกได้เลยว่ามันได้ผล
มองไข่ดาวในกระทะที่กำลังทอดอยู่ส่งกลิ่นไหม้ขึ้นมานิดๆ ทำเอาเซฮุนต้องรีบช้อนมันขึ้นมาใส่จานที่มีไข่ดาวรูปร่างสวยอีกฟองหนึ่งที่ทำเสร็จเรียบร้อยอยู่แล้ว
“อันนี้ให้ไอพี่ดำกินแล้วกัน เกรียมเหมือนกัน”
เซฮุนพึมพำพร้อมยกยิ้มอย่างชอบใจ แต่ในขณะที่กำลังชื่นชมผลงานตรงหน้าก็มีวงแขนที่คุ้นเคยวาดโอบรอบเอวจากด้านหลังพร้อมกับคางที่วางลงบนไหล่ คนตัวขาวสะดุ้งเบาๆหันมองใบหน้าด้านข้างที่เหมือนจะยังไม่ตื่นดีจมูกโด่งฝังจูบลงบนลาดไหล่และเหมือนจะลามมาที่ลำคอ จนต้องออกแรงดันเอาไว้
“มึงทำไรวะ ..กลิ่นหอมดี” เสียงทุ้มเอ่ยถามทั้งๆที่ยังไม่ลืมตา คนตัวขาวเบี่ยงตัวออกจากอ้อมกอดแข็งแรงที่ทำท่าจะไม่ปล่อยง่ายๆ จนต้องยอมอยู่ในอ้อมกอดนั้นอย่างช่วยไม่ได้
“หิว..” เสียงเดิมบ่นเบาๆ ทำหน้าทำตาน่าสงสารเสียเต็มประดา จนเซฮุนต้องหัวเราะออกมา เบี่ยงกายออกจากอ้อมกอดสำเร็จแล้วดันให้ร่างหนาออกไปจากห้องครัว
“ไปอาบน้ำ ล้างหน้า แปรงฟัน ให้เรียบร้อยก่อนเหอะพี่ แล้วค่อยออกมากิน.. เร็วๆด้วยผมหิวแล้ว” คนตัวขาวยิ้มบางมองอีกคนที่ถอนหัวใจอย่างยุ่งยาก แล้วหยิบผ้าขนหนูเข้าห้องน้ำไป
เซฮุนมองคนที่หายเข้าห้องน้ำไปแล้วก็ต้องยิ้มขำ อยู่กับรูมเมททีไรเขาต้องทำตัวเหมือนแม่ทุกที ทำให้ตั้งแต่ปลุกตอนเช้า หาข้าวหาน้ำให้กิน ไล่ไปอาบน้ำ แต่เดี๋ยวนะ ทำไมเขาถึงต้องเปรียบตัวเองเป็นแม่ ในเมื่อเขายังแมนอยู่นะ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก !
เสียงเคาะประตูเรียกสติของเซฮุนให้กลับมา มองบานประตูที่สั่นด้วยแรงเคาะจากด้านนอก พลางนึกถึงรุ่นพี่ข้างห้องที่มักจะมาขอของกินจากเขาเป็นประจำ มือเรียวเดินไปคว้าลูกบิดหมุนเปิดบานประตูออกช้าๆ พร้อมกับรอยยิ้มต้อนรับผู้ที่มาใหม่
แต่เมื่อปรากฏร่างหลังบานประตูก็ต้องยิ้มค้าง เหมือนกับว่าหัวใจหยุดเต้นไปครู่หนึ่งแล้วกลับมาเต้นดังเดิมด้วยจังหวะที่บ้าคลั่ง เหมือนว่าร่างกายโดยสต๊าฟให้แข็งทื่อ หาไม่เจอแม้เสียงที่จะเปล่งออกมา และร่างหลังบานประตูก็มีอาการเช่นเดียวกัน
“เซฮุน..”
ความคิดเห็น