คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 3 ละครเพลงโศกนาฏกรรม
Chapter 3 ละครเพลงโศกนาฏกรรม
อ๊อดดดด......
เสียงออดแทบจะดังขึ้นพร้อมเสียงเฮของนักเรียน บอกให้รู้ว่า 1 วันของการเรียนได้หมดไปแล้ว นักเรียนทุกคนเริ่มทยอยออกจากห้องรวมทั้ง โยเกิร์ต รัน และณิชา
“เป็นการเริ่มต้นชีวิต ม.ปลายที่ห่วยแตกมาก อาจารย์ไปกิน M150 มารึไงนะ แต่ละคนพูดแบบไม่มีลิมิตชีวิตเกิน 100 จริงๆ” ณิชาบ่นออกมา
“โธ่!ที่อาจารย์พูดก็เพื่อแนะนำให้เราปฏิบัติถูกต้องนั่นแหละ แล้วที่เธอบ่นก็เพราะว่าถูกอาจารย์ทำโทษที่หลับในห้องใช่มั้ยล่ะ”
“เพื่อนกันเค้าไม่เอาเรื่องขายหน้ามาพูดตอกย้ำกันหรอกนะ เออๆฉันเชื่อเธอก็ได้ยัยรัน เค้าพูดกันว่าผู้หญิงวัยเดียวกันย่อมเข้าใจกัน” ต้องใช้เวลาหลายอึดใจที่เดียวกว่ารันจะเข้าใจตามที่ณิชาพูด
“ณิชา..ฉันไม่ได้แก่ขนาดนั้นซะหน่อย”
“ฮ่าๆๆ โยเกิร์ตจะไปไหนรึเปล่า? เมื่อวานฉันได้คูปองกินฟรีของร้านอาหารที่เปิดใหม่อยู่หน้าโรงเรียนนี่เอง ไปด้วยกันเถอะ รันด้วย”
“ไปค่ะไป” รันตอบทันทีอย่างไม่ต้องคิด
“ไม่ล่ะ..จะกลับบ้าน” พูดจบโยเกิร์ตก็เดินออกไป ทิ้งให้คนชวนถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย
“นายกฯคงจะดีใจนะที่มีคนประหยัดพลังงานคำพูดอย่างนี้
“นั่นสิคะ” “เฮ้อ..” ทั้ง 2 คนถอนหายใจออกมาพร้อมกัน
“ไปเถอะค่ะ”
“ไปไหน”
“เอ้า!ก็ไหนมีคูปองของร้านเปิดใหม่ไม่ใช่เหรอคะ”
“ใช่ที่ไหนเล่า ฉันแค่อยากชวนโยเกิร์ตก็เท่านั้น..เธอนี่น่าจะเปลี่ยนชื่อเป็นสินนะรัน เชื่อคนง่ายเหลือเกิน ยัยสินเชื่อ ฮ่าๆๆ”
“ณิชา..” เฮ้อพูดไปก็เท่านั้นคนอย่างนทีรัยไม่เคยตามณิชาได้ทันหรอก..
++++++++++++++++++++++++++++++
ตึ้ง ตึ้ง ตึ้ง โครม..
“โย..กลับมาแล้วเหรอ ทำไมกลับช้าจัง ไปไหนมาลูก”
เสียงพ่อตะโกนถามออกมาจากในครัวเมื่อได้ยินเสียงโครมครามมาจากทางด้านประตูหน้าบ้าน นี่คงล่อเอาชั้นรองเท้าหรือไม่ก็กระถางต้นไม้ล้มอีกแน่ๆ โชคดีนะที่เค้าเปลี่ยนกระถางต้นไม้เป็นพลาสติกแล้ว
“ไปหาแม่กับพี่ยามาค่ะ” โยเกิร์ตอบหลังจากจัดชั้นรองเท้าให้เรียบร้อย จัดการถอดแว่นใส่กระเป๋า แล้วส่งสายตาอาฆาตไปให้ชั้นรองเท้าอีกครั้ง
จะขวางทางฉันไปถึงเมื่อไร???
“อ้อ..สบายดีทั้ง 2 คนใช่มั้ย”
“ก็คงดีกว่านี้ถ้าพ่อไปด้วย”
“เอ้า!ก็เล่นไปไม่บอกแล้วพ่อจะรู้ได้ไง ไปๆไปอาบน้ำจะได้มาทานข้าวกัน” โยเกิร์ตยิ้มให้กับสภาพของพ่อในตอนนี้ ใครจะร้ว่าวิศวกรที่มีลูกน้องเป็นร้อยให้ความเคารพยำเกรงเวลาอยู่บ้านจะใส่ผ้ากันเปื่อนลายเป็ดสีเหลือง มือท้าวสะเอว ใช้ตะหลิวชี้หน้าลูกบอกให้ไปอาบน้ำ ฮ่าๆพ่อเรานี่เจ๋งสุดๆ
“ค่า..”
“เปิดเทอมมาจะ 2 อาทิตย์แล้วไม่เห็นเล่าอะไรให้พ่อฟังบ้างเลย” พ่อถามขึ้นขณะที่ทั้ง 2 คนกำลังทานข้าวอยู่
“ก็...ดีค่ะ”
โยเกิร์ตตอบอย่างประหยัดคำพูด นี่เธอเปิดเทอมมาอาทิตย์กว่าแล้วเหรอ นอกจากรันกับณิชาก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครกล้าพูดกับเธอเท่าไร มีบางคนพยายามที่จะคุยกับเธอในช่วงแรก แต่ก็แค่ช่วงแรกเท่านั้น สิ่งเหล่านี้มันสมควรแล้วที่คนอย่างเธอ คนอย่างโยเกิร์ตสมควรจะได้รับ ความโดดเดี่ยว
“เดี๋ยวโยไปเอาของหวานมาให้นะคะ ซื้อมาตอนขากลับจากเยี่ยมแม่ ของโปรดพ่อซะด้วย” โยเกิร์ตเบี่ยงเบนความสนใจของพ่อ ไม่ต้องการให้ความโดดเดี่ยวฉายออกมาทางสายตาให้พ่อได้รับรู้
ถึงแม้จะจะแคลงใจในคำตอบสั้นๆของลูกสาว แต่เค้าก็ไม่ได้พูดอะไร ที่ผ่านมาโยเกิร์ตเป็นลูกที่ดีเสมอไม่เคยสักครั้งที่จะทำให้เค้าเสียใจ แต่ความรู้สึกลึกๆบอกเค้าว่ามีบางอย่างที่ลูกกำลังปิดบังอยู่...
++++++++++++++++++++++++++++++
“นักเรียนเคารพ”
หัวหน้าห้องบอกทำความเคารพเมื่ออาจารย์กานดาเข้ามาในห้องของโยเกิร์ตในชั่วโมงโฮมรูม อาจารย์กานดายิ้มให้นักเรียนของเธออย่างสดใส นักเรียนรุ่นนี้เป็นนักเรียนรุ่นแรกของเธอ เพราะการดาเพิ่งเข้าบรรจุเป็นครูได้ไม่นาน เธอจึงมีอาการประหม่าบ้างเป็นบางครั้ง แต่ด้วยความสวย(เกี่ยวมั้ยเนี่ย??)และความเป็นกันเองที่มีให้จึงไม่ยากที่จะทำให้นักเรียนยอมรับให้ตัวเธอ กานดารู้สึกภูมิใจทุกครั้งที่ได้ยินคำนำหน้าว่าอาจารย์ออกมาจากนักเรียน คำๆนี้เป็นเหมือนกำลังใจให้เธอสร้างอนาคตของชาติอย่างเต็มความสามารถ..
“อย่างที่ทุกคนรู้นะจ้ะว่าปีนี้โรงเรียนของเราก่อตั้งครบรอบ 100 ปี ทางโรงเรียนก็มีกิจกรรมทำบุญตักบาตรในวันเกิดโรงเรียนเหมือนทุกปี แต่ที่จะพิเศษขึ้นมาก็คือจะมีการจัดกิจกรรมทางการกุศลเพื่อบริจาคเงินแก่โรงเรียนที่ขาดแคลนอุปกรณ์การเรียน...ว่าไงจ้ะญาดา”
กานดาถามเมื่อเห็นนักเรียนคนหนึ่งของเธอยกมือขึ้น
“อาจารย์คะ กิจกรรมการกุศลนี่ใช่ถ่ายทอดสดการร้องเพลงแล้วให้คนโทรศัพท์เข้ามาบริจาคเงินเข้ามารึเปล่าคะ..งั้นหนูของสมัครเป็นนักร้องนะคะ”
ญาดาที่ทุกคนยกให้เป็นสาวช่างฝันประจำห้องที่รักการร้องเพลงแม้เสียงจะไม่ให้ก็ตาม
“อย่าเลยยัยดา ถ้าเธอร้องเดี๋ยวจะกลายเป็นงานอกุศล”
ควับ..
ญาดาหันกลับมาที่นาวีผู้ซึ่งเป็นคนออกความเห็นเมื่อครู่และเป็นทั้งคู่กัดของเธอ
เฟี๊ยวววว..ปุ “โอ้ย!!”
สิ่งมหัศจรรย์สิ่งที่ 8 ของโลก กล่องดินสอบินได้ตรงไปที่หัวของนาวีอย่างแม่นยำ เพื่อนๆต่างหัวเราะในละครฉากสั้นๆของทั้ง 2 คนแม้แต่อาจารย์การดาก็อดยิ้มไม่ได้
“ไม่ใช่จะญาดา นาวีว่าเพื่อนอย่างนี่ไม่ดีนะ..” กานดาเว้นช่วงเพื่อให้นักเรียนของเธอเงียบลง
“กิจกรรมการกุศลของเราก็คือจะมีการตั้งร้านและซุ้มต่างๆแล้วแต่ว่าห้องไหนจะได้รับผิดชอบเรื่องอะไร และจะมีการเปิดให้บุคลภายนอกเข้ามาชม ส่วนห้องของเราเรื่องที่ได้รับมอบหมายให้ทำก็คือ..”
กานดาไม่ได้ตอบในทันทีได้แต่ยิ้มและกวาดตามองไปรอบๆห้อง ยังความตื่นตื่นเต้นให้แก่นักเรียนทุกคน
“ละครเวทีร่วมกับรุ่นพี่ ม.5 จะ”
มีเสียงฮือฮาขึ้นมาจากทุกมุมห้องเหมือนที่กานดาคิดไว้
“ทำเรื่องอะไรครับอาจารย์”
“พี่ ม.5 ห้องไหนคะ”
“หนูเป็นนางเอกได้มั้ยคะ”
ปัง ปัง ปัง “เงียบ!!!”
อาจารย์ที่แสนสวยและใจดีหายไปกลายเป็นอาจารย์เฮียบจอมโหดแทน..
ชิ้งง.. เงียบยิ่งกว่าป่าช้า
“รายละเอียดต่างๆพี่ๆเค้าจะแจ้งให้ทราบเองตอนบ่ายนี้ที่หอประชุมจะ”
รอยยิ้มที่สดใสของอาจารย์กลับมาอีกครั้งแต่เป็นรอยยิ้มที่นักเรียนทุกคนคิดว่า
เอื๊อก..น่ากลัว
++++++++++++++++++++++++++++++
ช่วงบ่ายของทุกวันศุกร์นักเรียนทุกคนต้องเข้าชมรม แต่เนื่องจากอีกหนึ่งเดือนข้าวหน้าจะมีงานการกุศลของโรงเรียน ฝ่ายวิชาการจึงเปลี่ยนให้นักเรียนใช้เวลาช่วงนี้เป็นการเตรียมงาน บรรยากาศในตอนนี้จึงเต็มไปด้วยความตื่นเต้นกับงานใหญ่ครั้งนี้ ทุกคนเลือกสถานที่เพื่อนัดแนะและเตรียมงานกันให้วุ่น ส่วนห้องของโยเกิร์ตนั้นสถานที่ไม่เป็นปัญหาเพราะทำละครเวทีต้องแสดงในหอประชุมอยู่แล้ว
ทุกคนในห้องจึงไปที่นั่นตามที่อาจารย์กานดาบอก
“นี่ รันเธอว่าเราจะได้ทำงานกับรุ่นพี่ห้องไหนเหรอ”
“เดี๋ยวก็รู้ค่ะ..” รันไม่ได้ตอบเพื่อนออกไปตรงๆ
“พูดอย่างนี้แสดงว่าเธอรู้??” รันยิ้ม ณิชาเลยมองไปที่โยเกิร์ตที่เดินข้างๆเพื่อขอความเห็น แต่ใบหน้าเรียบเฉยก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย
เมื่อทุกคนเดินเข้ามาในหอประชุมก็เห็นไกลๆว่าพวกรุ่นพี่นั่งรออยู่แล้วบนเวที
หอประชุมของโรงเรียนพิชญลีลานับได้ว่าใหญ่พอสมควร เมื่อเข้ามาแล้วจะรู้สึกเหมือนอยู่ในโรงละครแห่งหนึ่งเลยทีเดียว โดยเฉพาะกับโยเกิร์ตที่แห่งนี้เต็มไปด้วยความทรงจำที่อบอุ่น..
เสียงกรี๊ดกร๊าดดังขึ้นเมื่อทุกคนนั่งกันเรียบร้อยแล้วทำให้คำถามที่ณิชาสงสัยได้คำตอบ รุ่นพี่ที่พวกเธอจะทำงานด้วยคือห้องของเคนนั่นเอง โยเกิร์ตจึงเลือกที่จะนั่งให้ห่างจากเวทีมากที่สุด และนึกสงสารผู้ชายห้องเธอขึ้นมาชอบกล
“สวัสดีน้องๆทุกคนนะครับ พี่ชื่อนภนต์ เรียกว่าพี่ภนต์ก็ได้”
ภนต์ยิ้มเท่ๆให้ทุกคนอย่างที่รู้ดีว่ายิ้มของเค้ามีอิทธิพลต่อคนฟังมากแค่ไหน ดูได้จากเสียงกรี๊ดมากมายจากน้องๆ(ผู้หญิง) ที่ดูเหมือนจะกระตือรือล้นในการหาที่นั่งให้ติดเวทีมากที่สุดก็รู้แล้ว
“วันนี้พี่จะชี้แจงรายละเอียดคร่าวๆของงานที่เราจะทำร่วมกันนะครับ และก็ขอบอกว่างานครั้งนี้จะประสบความสำเร็จได้ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกคน ใครมีความคิดเห็นอะไรก็บอกมาได้ พี่ๆทุกคนยินดีจะรับฟัง”
หลังจากยิ้มละลายกระดูกสาวๆไปแล้วภนต์ก็เข้าเรื่องทันที แต่ก็นั้นแหละไม่ว่าจะทำอะไรก็ดูเหมือนจะทำให้สาวๆคลั่งได้ไม่ยาก
โยเกิร์ตได้ยินเสียงณิชาพึมพำข้างๆ “ไอ้ไก่แจ้เอ้ย”
รันยิ้มในท่าทีของเพื่อน ณิชาเป็นรุ่นน้องของภนต์ในชมรมนักวิ่งตั้งแต่
ม.2 จึงมีความสนิทสนมกันพอสมควร แต่มีสิ่งหนึ่งที่ณิชาไม่เคยศรัทธาในตัวรุ่นพี่คนนี้เลยก็คือความเจ้าชู้นี่แหละ
เมื่อหันไปมองที่เวทีอีกครั้งโยเกิร์ตเห็นว่าภนต์กำลังส่งต่อไมโครโฟนไปให้รุ่นพี่ผู้หญิงอีกคน แล้วเดินไปนั่งข้างๆเอกกับเคนที่กำลังมองหาใครอยู่
“พี่ชื่ออัยนะคะ รับผิดชอบในเรื่องการเขียนบท ละครที่เราจะแสดงเกี่ยวกับความรักค่ะ เนื้อเรื่องย่อๆก็คือผู้ชายคนหนึ่งที่โดดเดี่ยวอยู่คนเดียวมาทั้งชีวิต กับผู้หญิงคนหนึ่งที่โดเดี่ยวอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมาย แล้วเมื่อทั้ง 2 ได้พบกันจึงต่างรู้ว่าความโดดเดี่ยวกไม่มีอีกต่อไป..”
เมื่อได้ฟังเรื่องย่อแล้วรุ่นน้องแต่ละคนก็เคลิ้มไปตามๆกัน วัยรุ่นถ้าไม่คู่กับความรักแล้วจะคู่กับอะไรได้
“นี่เป็นโครงเรื่องหลักๆนะคะ ถ้าใครคิดว่าควรจะมีอะไรเพิ่มเติมก็บอกได้ เพราะบทยังเขียนไม่เสร็จ ถ้าจะแก้ก็ต้องแก้กันช่วงนี้”
ละครรักโรแมนติกจบแบบhappy ending เหรอ.. น้ำเน่าชะมัด!! โยเกิร์ตคิดในใจ โดยไม่รู้ตัวว่าได้แสดงความคิดออกมาทางสีหน้าด้วย และไม่ทันสังเกตว่าไมค์บนเวทีได้ถูกเปลี่ยนไปอยู่ในมือของคนที่เรียกเสียงกรี๊ดได้มากกว่าใคร..
“อย่างที่พี่ภนต์กับพี่อัยบอกนะครับว่างานนี้ต้องอาศัยความคิดเห็นจากน้องๆทุกคน ถ้าไม่เห็นด้วยก็บอกว่าไม่ดีตรงไหนและจะแก้ไขยังไง ไม่ใช่อมพะนำไว้คนเดียว ใช่มั้ยครับ น้องโยเกิร์ต”
โยเกิร์ตสะดุ้งทันที ไม่ใช่เพราะทุกสายตาหันมามองที่เธอเป็นจุดเดียว แต่เพราะนอกจากคนในครอบครัว ณิชากับรัน แล้วก็ไม่มีใครเรียกชื่อเล่นของเธอด้วยความสนิทสนมแบบนี้ นายนี่กล้าดียังไงนะ
เคนยิ้มเหมือนเด็กเล่นเกมซ้อนหาชนะ หลังจากที่หาโยเกิร์ตอยู่นานก็เจอจนได้ ในขณะที่ทุกคนกำลังเคลิ้มกับบทละครที่อัยเล่าให้ฟัง พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นใบหน้าที่แสดงความเบื่อหน่าย มันน่าแกล้งจริงๆ
“หรือว่าเห็นด้วยกับบทละครที่พี่แต่ง..”
เพื่อนๆมองเคนด้วยหน้าตาเหรอหรา
มันไปแต่งตอนไหนวะ..
ตอนที่เพื่อนกำลังช่วยกันคิดว่าจะแสดงเกี่ยวกับเรื่องอะไร มันยังหลับอยู่หลังห้องอยู่เลย แต่เคนไม่ใส่ใจ เค้าไม่ได้โกหกนี่นา เค้าเป็นคนแต่งจริงๆ แต่งเรื่องขึ้นมาว่าเค้าเป็นคนแต่งบทละครไง..
เค้าส่งยิ้มอย่างท้าทายไปให้โยเกิร์ต แต่คนอื่นกลับมองว่า นัยน์ตาเข้ม ผิวเนียน จมูกโด่งรั้นนิดๆ กับริมฝีปากนั่น.. ช่างเท่ซะไม่มี
อดทนไว้นะโยเกิร์ต ไม่ต้องสนใจ เงียบไว้ เค้าจะทำอะไรก็ช่างจะละครโรแมนติกหรืออีโรติกก็ไม่ต้องไปยุ่ง แต่ไอ้สายตานั่นมัน...
“เหอะ นี่นายแต่งเหรอ น้ำเน่า คงจะเป็นละครที่ซ้ำซาก ไม่มีความน่าสนใจเลยสักนิด”
อึ้ง...
ทุกคนในหอประชุมดูจะใบ้กินไปชั่วขณะ
โยเกิร์ตพูดได้ นี่คือความคิดของเพื่อนๆโยเกิร์ต
คนที่น่าสงสารทุกที่สุดคงจะเป็นอัยเจ้าของบทตัวจริงที่โดนวิจารณ์อย่างหนัก อัยหันหน้าไปมองเพื่อนแล้วทำหน้าราวกับจะถามว่า นี่บทฉันแย่ขนาดนี้เลยเหรอ? เพื่อนก็ได้แต่ทำหน้าเจื่อนๆตอบกลับมา
“ก็ฉันเห็นเธอแต่งเพลินๆเลยไม่อยากขัดน่ะ..ขอโทษนะ”
เคนยกมือทำสัญญาณขอโทษอัย และนึกขอบคุณความช่วยเหลือเล็กน้อยๆของรัน
อาทิตย์ก่อนเค้าบอกรันว่าจะได้ทำละครเวทีด้วยกันและถามข้อมูลของคนในห้องรันเพื่อจะได้จัดหน้าที่ให้เหมาะสม พอมาถึงโยเกิร์ตจึงถามเพิ่มอีกนิดหน่อย
“โยเกิร์ตเค้าเป็นคนเงียบค่ะ แทบจะไม่พูดเลย ไม่ชอบยุ่งกับใคร ไม่ชอบให้ใครมายุ่ง แต่เค้าเป็นคนดีนะคะ ชอบช่วยเหลือรันกับณิชาเรื่อย ถึงแม้จะไม่ค่อยยอมรับแต่รันก็รู้ค่ะว่าเค้าช่วย อ้ออีกอย่าง..เค้าไม่ค่อยชอบให้ใครมาดูถูกค่ะ”
ท่าทางจะไม่ชอบมากซะด้วย เข้าทางล่ะ
“ไม่มีความน่าสนใจเหรอ??” เคนยิ้มอีกครั้ง “แล้วควรจะทำยังไงให้มันน่าสนใจล่ะ”
ให้ตายเถอะ เกลียดใบหน้าที่ดูถูกกันอย่างนี้ที่สุดเลย
“ละครโศกนาฏกรรม ไม่สมหวัง พระเอกตาย นางเอกตาย ตายทั้ง 2 คนหรือไม่ก็พรากจากกัน”
“หา!!!” ทุกคนดูจะตกใจกับการเปลี่ยนบทครั้งใหญ่ จากละครโรแมนติกกลายเป็นฆาตกรรมไปแล้ว
“แค่นี้เหรอที่จะทำให้มันน่าสนใจ”
โยเกิร์ตมองเคนราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่สนใจ กลับส่งสายตาขบขันกลับมาอย่างไม่ปิดปัง
“ทำเป็นละครเพลง..”
ถ้าโยเกิร์ตฟังไม่ผิดเสียงฮือฮาอีกรอบในหอประชุมดูจะเห็นด้วยกับความคิดนี้ของเธอนะ โยเกิร์ตมองไปข้างๆเห็นณิชาหัวเราะชอบใจ ส่วนรันอ้าปากค้างไปแล้ว แน่สิไม่มีใครเคยเห็นเธอพูดมากขนาดนี้มาก่อน บ้าจริง!! อีตาเคนนี่มีอะไรในแววตาที่ทำให้เธออยากจะพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมานะ
“อืม....” เคนเอามือไขว้หลังเดินไปมาบนเวทีอย่างใจเย็น เริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงในหอประชุมอย่างที่โยเกิร์ตเห็น
งั้นคงไม่มีปัญหาเรื่องเสียงส่วนใหญ่..
“ก็น่าสนนะ แต่ลืมไปรึเปล่าว่าเรามีคนแค่ 60 ถ้าจะทำละครเพลงทั้งร้อง ทั้งเต้น ทั้งดนตรี คิดว่าจะทำทันรึไง ไม่ได้มีเวลาเป็นชาตินะ”
หมอนี่หล่อแต่โง่รึไง..
โยเกิร์ตลุกขึ้นยืน มือจับพนักพิงของเก้าอี้ด้านหน้าแน่นอย่างข่มอารมณ์
หอประชุมเงียบกริบ เอกสะกิดเคนเบาๆ “เฮ้ย ข้าว่าเอ็งแหย่น้องเค้าแรงไปรึเปล่าวะ พอเหอะ เดี๋ยวให้อัยพูดต่อ”
แต่เคนยังคงยิ้มรอคำตอบของโยเกิร์ต
ภนต์ส่ายหน้ามองเพื่อน มันเอาอีกแล้ว
“โยเกิร์ต ใจเย็นก่อนนะพี่เคนคงไม่ได้ตั้งใจพูดดูถูกหรอก ใช่มั้ยณิชา”
รันพยายามไกล่เกลี่ย แต่ณิชากลับนั่งกอดอกยิ้มอย่างสบายใจ
“เค้าดูถูกเธอแน่ ๆโยเกิร์ต” ณิชานะณิชาไม่ช่วยแล้วยังยุต่ออีก พี่เคนก็อีกคนทั้งที่บอกไปแล้วว่าโยเกิร์ตไม่ชอบให้ดูถูกก็ยังทำ
“ถึงจะไม่ทำเป็นละครเพลงมี 60 คนก็ไม่ทันอยู่ดี แล้วไม่คิดจะประสานงานกับชมรมอื่นรึไง ดนตรีก็ชมรมดนตรีสากล เสื้อผ้าก็ชมรมคหกรรม เต้นก็ชมรม dancing ถามอะไรโง่ๆ”
“หึ หึ หึ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า.............”
พี่เคน/ไอ้เคน/หมอนี่ บ้าไปแล้ว..
นี่ไม่ใช่ปฏิกิริยาของเคนที่ทุกคนคาดว่าจะได้เห็นเมื่อโดนตอกหน้าว่า ถามอะไรโง่ๆ
“โอเค!ใครเห็นด้วยกับความคิดของน้องโยเกิร์ตยกมือด้วยครับ”
เคน ภนต์ เอก ณิชา รัน เป็นกลุ่มแรกที่ยก จากนั้นไม่ช้า 54 มือที่เหลือก็ค่อยๆยกขึ้นมา
“ตกลงครับ เราจะทำละครเพลงโศกนาฏกรรมที่ทำให้คนร้องไห้ด้วยความซาบซึ้งกันทั้งโรง”
ตึก ตึก ตึก
เสียงจังหวะของหัวใจที่เต้นรัวบอกให้รู้ว่าเจ้าของหัวใจดวงนี้กำลังตื่นเต้น
โอย ไม่นะ การตื่นเต้นที่จะได้ทำอะไรที่ถูกใจไม่ใช่ความรู้สึกที่เธอควรจะมี ให้ตาย นายเคนนี่อันตรายจริงๆ
+++++++++++++++++++++++++++++
“เอ่อ..คืองั้นเราแสดงเกี่ยวกับประวัติการก่อโรงเรียนดีมั้ยคะ เป็นเรื่องเกี่ยวกับความรัก จบแบบเศร้าๆ ตรงกับที่เราต้องการ คนภายนอกก็ได้รู้ประวัติโรงเรียนของเราด้วย”
ญาดาพูดและดูเหมือนจะเป็นคนแรกที่ได้สติหลังจากการผูกขาดบทสนทนาของเคนกับโยเกิร์ต ตอนนี้ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ เคนคืนไมค์ให้อัยที่ดูจะเสียศูนย์ไปแล้วตั้งแต่เรื่องบทละคร แต่เธอก็มีเหตุผลพอที่จะรับฟัง โยเกิร์ตนั่งลงด้วยใบหน้าที่ไร้ความรู้สึกเช่นเดิม
“อืม..จริงสิ ทุกคนเห็นด้วยมั้ยคะ..โอเคเราจะแสดงเกี่ยวกับประวัติการก่อตั้งโรงเรียน งั้นต่อไปพี่จะแบ่งหน้าที่ของแต่ละคนนะคะ” อัยส่งไมค์ต่อไปให้เอก
โยเกิร์ตต้องถอนใจอีกครั้งกับเสียงกรี๊ด นี่เธอกำลังอยู่ในคอนเสิร์ตหรือไงนะ แต่เป็นแบบนี้ก็คงดีกว่าให้หอประชุมเงียบกริบแล้วทุกสายตามองมาที่เธอเหมือนเมื่อกี๊แน่
เอกจัดการแจกแจงหน้าที่ให้ทุกคนได้ตรงตามกำลังและความสามารถตามข้อมูลที่เคนถามมาจากรัน ทำให้ข้อสงสัยของโยเกิร์ตที่ว่าทำไมต้องเลือกทำงานกับห้องเธอได้รับคำตอบ คงเป็นเพราะพ่อแม่ของเพื่อนแต่ละคนทำอาชีพที่เอื้อต่อการทำละครเวทีครั้งนี้
อย่างพ่อเป็นช่างไม้ก็หาไม้มาทำฉาก ที่บ้านทำกิจการโรงพิมพ์ก็ทำใบปลิวหรือโปสเตอร์ประชาสัมพันธ์ ที่บ้านร้านเสริมสวยก็จัดการเรื่องแต่งหน้า และก็มีคนอื่นอีกมากมาย พอสรุปรายจ่ายที่จะใช้ในงานครั้งนี้ออกมาคงประหยัดได้มากโข
แต่หน้าที่ที่ต้องเพิ่มขึ้นมาใหม่คือการประสานงานกับชมรมอื่น ซึ่งทุกคนลงความเห็นให้เคนกับรันเป็นตัวแทน ด้วยหน้าตาที่คงทำให้แต่ละชมรมยอมให้ความร่วมมืออย่างไม่ยาก
ดังนั้นการแบ่งหน้าที่จึงไม่มีปัญหา แต่มีรุ่นพี่คนหนึ่งยกมือถามขึ้นมา
“นี่ แล้วจะตั้งชื่อเรื่องว่าอะไร ต้องรีบตั้งนะจะได้รู้คอนเซปท์ของเรื่อง อัยจะได้ไม่แต่งบทแบบไม่มีจุดมุ่งหมาย ”
มีการเสนอขึ้นมาหลายชื่อแต่ก็ไม่เป็นที่พอใจของทุกคน เอกใช้นิ้วชี้ไล้ริมฝีปากอย่างใช้ความคิด ในที่สุดเค้าก็เสนอมาชื่อหนึ่งที่ดูเป็นที่ถูกใจของหลายๆคน
“ละครเวทีของพวกเราจะชื่อ..มหัศจรรย์แห่งรัก..”
ดูจากหน้าตาที่เคลิบเคลิ้มของทั้งรุ่นน้องและรุ่นพี่แล้วถึงเอกจะตั้งชื่อว่ามนต์รักความเฒ่าทุกคนก็คงตกลง เสียงนุ่มๆกับหน้าตาที่อ่อนโยนอย่างนี้อะไรก็ยอม..
“ที่ใช้ชื่อนี่ก็เพราะว่าความรักสามารถเปลี่ยนให้เราเป็นคนที่ดีขึ้นซึ่งสอดคล้องกับเนื้อเรื่อง..” เอกหยุดพูดเพื่อหาเหตุผลมาสนับสนุนความคิดของตัวเองเพิ่ม
“และไม่ได้หมายถึงความรักระหว่างหญิงชายเท่านั้นแต่ยังหมายถึงความรักที่ผู้ก่อตั้งโรงเรียนมีต่อคนรุ่นหลังจึงสร้างโรงเรียนนี้ขึ้นมา..ดีมั้ยครับ”
คำถามนี้คงไม่จำเป็นอีกแล้ว..
ความคิดเห็น