คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 2 พบเจอ
Chapter 2 พบเจอ
เมื่อคล้อยหลังรถของพ่อใบหน้าที่ยิ้มแย้มถูกแทนที่ด้วยความเย็นชา ดวงตาที่สดใสจางหายไปเหลือไว้แต่เพียงความว่างเปล่า มือเรียวสวยหยิบแว่นตาในกระเป๋าขึ้นมาสวม มันเป็นเหมือนปราการแรกที่กันเธอจากบุคคลภายนอก
โยเกิร์ตเดินทอดน่องไปตามทางเท้าที่ทอดยาวไปสู่ประตูโรงเรียนพิชญลีลา สองข้างทางเรียงรายไปด้วยต้นจามจุรีที่ถูกปลูกไว้เป็นแถวคอยยืนให้ร่มเงาและผลิดอกเพื่อแสดงความยินดีกับนักเรียนที่สำเร็จการศึกษาออกไปรุ่นแล้วรุ่นเล่า
พิชญลีลาได้ชื่อว่าเป็นโรงเรียนประจำจังหวัดที่มีความพร้อมในทุกๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านการเรียนการสอนที่จะคัดเลือกแต่บุคลากรที่มีทั้งความรู้และความสามารถในการถ่ายทอด ด้านการกีฬาก็มีทั้งสถานที่และอุปกรณ์ครบครัน รวมทั้งกิจกรรมและความสะดวกสบายต่างๆ และด้วยนโยบายที่ต้องการให้นักเรียนทุกคนมีความสุขกับการเรียน พากเพียรในกีฬา ใฝ่หากิจกรรม จึงทำให้มีคนจำนวนไม่น้อยที่ต้องการก้าวเข้ามาสู่รั้วพิชญลีลา
สำหรับโยเกิร์ตสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เหตุผลที่เธอมายืนที่นี่ แต่เพราะมันเคยเป็นความใฝ่ฝันของใครบางคนต่างหาก ใครบางคนที่ไม่สามารถจะทำความฝันให้เป็นจริง โยเกิร์ตจึงอยู่ที่นี่เพื่อสานต่อความฝันของใครคนนั้น..
++++++++++++++++++++++++++++++
"อ๊ายย..ดูสิๆพวกพี่ๆเค้ามาแล้ว"
"ไหนๆ...จริงๆด้วย กรี๊ด.. คนอะไรนะหล่อพร่ำเพรื่อ หล่อเรื้อรัง ไม่สงสารหัวใจของฉันบ้างเลย"
"นั่นสิ ไม่ได้หล่ออย่างเดียวกีฬาก็เก่ง เรียนก็เยี่ยม เฮ้อ..หนุ่มในฝัน"
"งั้นรีบไปบอกพวกยัยโบว์ดีกว่า ป่ะ "
เสียงบทสนทนาของหญิงสาวกลุ่มหนึ่งดังขึ้น โดยที่เจ้าของหัวข้อไม่ได้สนใจสักนิด อาจเป็นเพราะว่าพวกเขาเคยชินกับเหตุการณ์แบบนี้ หรืออาจจะไม่ได้ยินก็สุดแล้วแต่ แล้วมันก็ช่วยไม่ได้ที่ อาคีรา, ชโลทร และ นภนต์ จะเป็นที่พูดถึงของสาวๆในโรงเรียน เพราะอะไรน่ะเหรอ ก็ไม่เท่าไรหรอก แค่
นภนต์ หรือ ภนต์ งานหลักเป็นนักวิ่งของโรงเรียน งานอดิเรกคือวิ่งหนีสาวที่ตัวเองไปโปรยเสน่ห์ไว้โดยไม่รู้ตัว
ชโลทร หรือ เอก หนุ่มน้อยหน้าใสที่แสนอ่อนโยน(เฉพาะกับสาวๆ ??) แต่นิสัยนี้จะเปลี่ยนไปทันทีเมื่ออยู่ในสนามบาสเกตบอล ไม่มีคำว่าปราณีในการแข่งขัน
อาคีรา หรือ เคน สาวๆในโรงเรียนร่วมกันvoteให้เป็นนักกีฬาฟุตบอลที่ยิ้มสวยที่สุด ความที่เป็นคนอารมณ์ดี เป็นกันเองกับทุกคนจึงไม่ยากเลยที่จะเป็นที่หลงใหลได้ปลื้มของสาวๆ
นอกจากความสามารถทางด้านกีฬา บวกกับหน้าตาที่หล่อกระชากใจแล้ว การเรียนของทั้ง 3 ก็ใช่ย่อย ก็บอกแล้วว่าไม่เท่าไรหรอก!!แค่นี้เองชิวชิว
"เฮ้ย!!ดูนั่นดิ" เอกที่เดินนำเพื่อนทั้ง 2 คนชี้ให้ดูอะไรบางอย่างที่อยู่ด้านหน้า
"เออว่ะ.." ภนต์มองตามมือของเอกไปผิดกับเคนที่สะลึมสะลือจนไม่สนใจคำพูดของเพื่อน
"ทำไงดีวะ" "เอ้า!!สวยๆอย่างนี้ก็เข้าไปจีบเลย..โอ้ย..แล้วตบหัวข้าทำไมวะไอ้เอก"
"ที่ข้าพูดนี่หมายถึงหมาที่นอนดิ้นอยู่ข้างหน้าโว้ย..เอ็งนี่มองข้ามช็อตเลยนะ" เอกส่ายหน้ามองเพื่อนลูบหัวป้อยๆแล้วนั่งลงดูหมาที่นอนน้ำลายฟูมปากและชักกระตุกอย่างเมามันอยู่ข้างๆถุงพลาสติกที่ถูกฉีกออกเพื่อใช้เป็นพาชนะรองข้าว โดนยาเบื่อชัวร์ เอกสรุปในใจ
"ก็น่าจะรู้นะว่าสิ่งที่ทำให้ไอ้ภนต์สนใจได้ก็มีแค่ของกินกับผู้หญิง ฮะ..ฮะ..ฮ้าวว.." เคนพูดขึ้นก่อนจะหาวอย่างคนนอนไม่เต็มตื่น
"ทำไงได้วะ..ก็คนมันถือคติกองทัพต้องเดินด้วยท้องพออิ่มแล้วมองหาผู้หญิง"
"คติบ้าอะไรของเอ็ง ขืนยังถือคติแบบนี้ต่อไป ผู้หญิงที่ทนเอ็งได้คงเหลือแค่แม่เอ็งเท่านั้นแหละ"
"เออ..แต่คนที่จะทนพวกเอ็งไม่ได้คือข้านี่แหละมาช่วยกันดูหมาหน่อยดิ..รักษาภาพหน่อยสาวๆจะได้พูดกันว่า..แหมหล่อแล้วยังรักสัตว์อีก"
ถึงแม้จะพูดว่าเป็นการรักษาภาพก็ตามแต่เพื่อนๆต่างรู้ดีว่าเป็นเพียงคำพูดสนุกปากเท่านั้น เพราะเอกเป็นคนหนึ่งที่รักสุนัขเป็นชีวิตจิตใจ
"แล้วจะให้ทำไงวะ..ไม่เคยเป็นหมา" เอกมองหน้าเคนที่พูดอย่างไม่จริงจังนักก่อนจะย้อนกลับไป
"เออ..ข้าก็ลืมไปงั้นเอ็งลองถามหมาในปากดูแล้วกัน"แต่เคนไม่ทุกข์ร้อนหันกลับไปหาภนต์แทน
"ไอ้ภนต์..มันว่าเอ็งปากdogว่ะ" เพื่อนทั้ง 2 หันควับมามองหน้าเคนก่อนจะประสานเสียงตอบไป
"ข้า/มันว่าเอ็งนั่นแหละไอ้เคน"
".........."
"หลีกสิ.."
เฮือก..
สามหนุ่มสะดุ้งโหยงที่จู่ๆก็มีเสียงเย็นเยียบดังขึ้น ฟังแล้วรู้สึกเหมือนกำลังเผชิญหน้ากับอาจารย์ฝ่ายปกครองตอนปีนรั้วหนีเรียนไม่มีผิด(ประสบการณ์สูง??) แต่เมื่อหันไปกลับพบเพียงหญิงสาวในชุดนักเรียน ม.ปลาย ดวงหน้าขาวเนียนภายใต้กรอบแว่นคงจะน่ารักไม่น้อยถ้าเจ้าตัวไม่ทำหน้าราวกับแบกดาวพฤหัสฯไว้ทั้งดวง (หนักกว่าทำหน้าเหมือนแบกโลกไว้ทั้งใบอีก!!)
ในมือถือถุงใส่ไข่ไก่ 3 ฟอง โดยไม่พูดพร่ำทำเพลง หญิงสาวค่อยๆกรอกไข่ลงไปในปากของหมาที่กำลังชักกระตุกในจังหวะ hiphop (ตรงไหนเนี่ย) เคนที่ได้สติเป็นคนแรกจึงร้องออกไปอย่างตกใจ
"เฮ้ย!!ทำอะไรน่ะ เดี๋ยวมันก็ตายพอดี" ไม่พูดเปล่ายังถือวิสาสะไปจับมือหวังจะหยุดการกระทำของหญิงสาว แต่เธอกลับบิดข้อมือและสะบัดออกจากการเกาะกุมอย่างรวดเร็ว เคนตกใจอยู่ครู่หนึ่งกับปฏิกิริยาโต้กลับของหญิงสาว แต่ก็แค่ครู่เดียวเท่านั้น
ผู้หญิงคนนี้น่าสนใจ..
"มันจะตายเพราะนายไม่ให้ฉันทำต่อนี่แหละ" แล้วเธอก็ลงมือปฏิบัติการภารกิจไข่ยัดไส้(หมา)ต่อไปอย่างไม่สนใจใคร
"แล้วแน่ใจได้ไงว่าที่ทำไปจะดีขึ้น" ถึงจะเห็นเอกทำปากพะงาบๆแบบปลาทองมาบอกแล้วว่า..ที่เค้าทำน่ะถูกแล้วเอ็งไม่ต้องไปหาเรื่อง..แต่ก็มามีเหตุผลที่จะต้องหยุดส่งคำถามที่ท้าทายและสายตาทรงเสน่ห์ในสายตาของสาวๆทั้งโรงเรียน แต่คงเป็นสาวตากวนโอ๊ยในสายตาของสาวเจ้าเป็นแน่ เพราะเธอหลับตาลงครู่หนึ่งอย่างข่มอารมณ์
เคนได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆจึงหันไปมอง พบว่าภนต์กำลังยิ้มและส่ายหน้ามองเค้าอยู่
ให้ตายสิ !! ตลอดเวลาเค้าถูกมองว่าเป็นคนที่เจ้าชู้ที่สุดในกลุ่มแต่ใครจะรู้ว่าตัวจริงคือคุณชายอาคีรา ไอ้นี่แหละเจ้าชู้ลึกเลยหล่ะ
สายตาใต้กรอบแว่นว่างเปล่าไม่แสดงความรู้สึกใดๆ และแฝงไปด้วยความเย็นชา แต่ไม่ใช่ก่อนที่เคนจะเห็นแววโกรธเกรี้ยวระคนรำคาญที่ฉายออกมาเพียงครู่เดียวเท่านั้น
เก็บอารมณ์เก่ง..
หญิงสาวยื่นถุงพลาสติกใส่กองข้าวข้างๆหมาใส่มือหนุ่มปัญหามาก
"ลองกินดู" แล้วหันไปสำทับกับกับเอกและภนต์
"ถ้าเพื่อนพี่น้ำลายฟูมปากแล้วชักกระตุกเหมือนหมาตัวนี้ก็เอาไข่กรอกใส่ปาก..จะได้เลิกปัญหามากซะที" ประโยคสุดท้ายจงใจพูดใส่บางคนโดยไม่ต้องสงสัย
"อ้าว..เฮ้!! น้องแว่น แล้วนั้นจะไปไหนหล่ะไม่ช่วยหมาต่อรึไง" เคนถามออกไปเมื่อเห็นน้องแว่นของเค้าเดินออกไปเสียดื้อๆ
"โอ๊ย..เอ็งไม่ต้องไปหาเรื่องน้องเค้าแล้วข้าทำต่อเองได้หน่า"เอกหัวเราะในท่าทีของเพื่อนที่ดูท่าจะหาเรื่องน้องแว่นคนนี้ไม่หยุด
" ผู้หญิงอะไรวะ..เย็นชาเป็นบ้าน่าจับมาทำน้ำแข็งใส" เคนหัวเราะอย่างไม่เข้ากับน้ำเสียงที่ไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆสักนิด
"เอ็งเห็นน้องเค้าเป็นกระดูกหรือไงกัดอยู่ได้..โอ้ย..แล้วมาคบหัวข้าทำไมวะไอ้เคน นี่ข้ามีเพื่อนซาดิสม์หรือไงตบเอาๆ ระวังเหอะตบมากๆข้าอดใจไม่ไหวจูบพวกเอ็งเข้า เคยได้ยินมั้ยวะ ตบจูบ ตบจูบ อ่ะ"
ผลัวะ ผลัวะ
ปากพาซวย...คือคำพูดที่ภนต์ได้เรียนรู้ในเช้าวันนี้
++++++++++++++++++++++++++++++
สายลมที่พัดอ่อนๆพาเอากลิ่นหอมของดอกมะลิโชยมาแตะจมูกของผู้ที่นั่งอยู่ใน ลานลีลา ทำให้เป็นเช้าวันเปิดเทอมที่สดใสทีเดียว ยิ่งในช่วงเช้าที่นักเรียนยังไม่พลุกพล่าน จึงไม่แปลกที่นทีรัยหรือรัน และณิชาใช้ลานลีลาเป็นสถานที่ประจำเพื่อนั่งคุยกันในตอนเช้าและรอเพื่อนอีกคน
"ฮ้า..ปิดเทอมไปตั้งนานคิดถึงลานลีลาที่ซู้ดดด...ว่ามะรัน ดีจังเนอะที่เราได้อยู่ห้องเดียวกันอีก" ณิชาสูดกลิ่นมะลิเข้าไปเต็มปอด และหันไปยิ้มกับรัน
"จริงค่ะ.." ใบหน้าหวามแฉล้มของรันยิ้มรับ แล้วมองร่างสูงระหงส์แบบนักกีฬาที่วิ่งไปกระโดดไปรอบม้านั่งรอบๆม้านั่งอย่างสนุกสนานไม่สมกับเป็นนักเรียนม.ปลาย แต่ก็นะพวกเธอก็เพิ่งขึ้น ม.4วันแรกนี่นา ยังมีเวลาอีกเยอะที่จะปรับตัว
"อ่าว..โยเกิร์ตมาแล้วหรอคะ" รันเอ่ยทักทายเพื่อนอีกคนที่กำลังรออยู่
"แฮก แฮก โอ้ยเวียนหัว..อ่าวโยเกิร์ต" ณิชาทักขึ้นอีกคน
"อืม.." เพื่อนของพวกเธอคนนี้ก็ยังคงพูดน้อยเช่นเดิม ตั้งแต่ที่คบกันมาถึงตอนนี้ก็เป็นเวลา 3 ปีแล้ว แต่โยเกิร์ตยังคงเป็นคนที่พูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย เย็นชาพวกเธอไม่เคยเห็นโยเกิร์ตยิ้ม หัวเราะหรือร้องไห้ รันและณิชาก็ไม่รู้ว่าทำไม่จึงเป็นแบบนี้รู้แค่เพียงว่าภายใต้ใบหน้าที่เย็นชาท่าทีที่แข็งกร่าวนั้นเต็มไปด้วยความมีน้ำใจอย่างที่พวกเธอรู้สึกได้
"นี่แล้วไหงทำหน้าแบบนั้นล่ะคะ"รันถามโยเกิร์ตเมื่อเห็นเจ้าตัวคิ้วขมวดจนแทบจะชนกัน
"เออ..จริงด้วยแต่เอ..ทำหน้าอย่างนี้แสดงว่าไปโกรธใครมาแน่ๆ
เดี๋ยวๆงั้นอย่าเพิ่งบอกให้ฉันเดาก่อนนะอืมมม.." ณิชาใช้นิ้วชี้เคาะหัวอย่างคนใช้ความคิด
"อ๋อ..ฉันรู้และมีแค่คนเดียวแหละที่ทำให้โยเกิร์ตทำหน้าแบบนี้ได้"
"แล้วใครล่ะณิชา" คราวนี้ไม่ได้มีแค่โยเกิร์ตคนเดียวแล้วที่เล่นเกมผูกโบว์ที่คิ้วรันก็ร่วมด้วย
" โธ่!! จะใครซะอีกล่ะรันนอกจากพี่สนิทของเธอ ฉันทายถูกใช่มั้ยล่ะโยเกิร์ต" ณิชายิ้มแล้วใช้นิ้วชี้กับนิ้วโป้งไล้คางอย่างวางภูมิ
"หืม..พี่สนิทของฉันเหรอ??อ๋อพี่เคนน่ะเหรอ.."
พ่อแม่ของเคนและรันเป็นเพื่อนสนิทกันทั้งสองจึงรู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก เวลาที่ณิชาพูดถึงเคนกับรันจึงมักเรียกเค้าว่าพี่สนิท เสมอ
"ใช่..ก็คงจะรำคาญเสียงกรี๊ดกร๊าดของสาวๆที่คอยตามพี่เคนนะสิ..ฉันเห็นเธอทำหน้าแบบนี้ทุกทีนั่นแหละ ใช่มะ อะ อ่าวแล้วจะไปไหนล่ะโยกะ..เฮ้อไปซะแล้ว" ณิชามองร่างบางที่จู่ก็ผลุดลุกขึ้นแล้วเดินออกไปเลย
"หรือว่าจะโกรธเรา 2 คนคะ"
"โธ่!เธอก็รู้ดีพอๆกับฉันว่าโยเกิร์ตไม่ได้โกรธ ฉันว่าคงไปหาเจ้าตัวเล็กนั้นแหละ"
++++++++++++++++++++++++++++++
ก๊อง ก๊อง ก๊อง....
โยเกิร์ตเดินแตะกระป๋องไปเรื่อยๆ พลางนึกถึงเรื่องที่ณิชาพูดเมื่อครู่ มันก็มีส่วนถูกนะ เธอไม่ค่อยอยากจะเอาตัวเข้าไปยุ่งกับหนุ่ม pop ของโรงเรียนเท่าไรนักหรอก ถ้าไม่ติดตรงที่เห็นหมานอนชักอยู่ตรงหน้า ถ้าขืนไปยุ่งมากคงโดนพวกแฟนคลับดักตบเอา เสียงกรี๊กกร๊าดของสาวๆที่คอยตามพวกเค้าก็น่ารำคาญไม่น้อย
"กรี๊ด..พี่เคนเดินมาแล้ว" "อ๊ายย..พี่เอกกินข้าวน่ารักจัง" "กรี๊ด..พี่ภนต์ยิ้ม"
เฮ้อ..พวกนี้คงจะกรี๊ดสลบถ้าเห็น 3 คนนี้แคะขี้มูก
อืมม..
สายลมอ่อนๆพัดผ่านใบหน้าขาวเนียนภายใต้กรอบแว่น เธอชอบบรรยากาศตอนเช้าอย่างนี้มันทำให้ผ่อนคลายก่อนที่จะนำตัวเองเข้าสู่ห้องสี่เหลี่ยม
โฮ่งๆๆ ปัก เอ๋งๆๆๆ...
"เสียงอะไรน่ะ" โยเกิร์ตพูดกับตัวเองแล้วมองไปทางต้นเสียง จู่ๆ
ก็เบิกตากว้างเหมือนพึ่งนึกอะไรขึ้นมาได้
"เจ้าตัวเล็ก" โยเกิร์ตรีบวิ่งไปทางต้นเสียงในทันที
เมื่อไปถึงโยเกิร์ตเห็นชายคนหนึ่งกำลังถือไม้ ที่เท้ามีลูกหมาครางหงิงๆอยู่
"นายกำลังทำอะไร"
ชายคนนั้นสะดุ้งแล้วค่อยๆหันมา โยเกิร์ตตกใจเล็กน้อยกับใบหน้าที่ปรากฏ นายปัญหามากอีกแล้วเหรอ!!
"ถามได้ก็กำลังช่วยลูกหมาอยู่น่ะสิ.." เคนตอบยิ้มๆน้องแว่นอีกแล้วเหรอ
"ด้วยการถือไม้ตีมัน ?!" สีหน้าคนถามเย็นชาไม่แพ้น้ำเสียง
"ใช่ซะที่ไหนเล่า..เมื่อกี้มีหมาอีกตัวจะมากัดเจ้าตัวเล็กนี่..."
คำตอบขาดหายไปเพราะเจ้าตัวกำลังคิดหาสรรพนามที่จะใช้ระหว่างกัน เหลือบไปเห็นดาวบนที่ปักบนอกเสื้อ อ่อ..รุ่นน้อง
"..พี่ก็เลยเอาไม้ไล่ตีมัน"
"เฮอะ..อย่างนายจะช่วยใครได้ อย่ามากุเรื่องดีกว่า"
ยัยแว่นนี่ท่าทางจะมนุษยสัมพันธ์แย่แต่สุนัขสัมพันธ์เยี่ยมแฮะ..
"เอาเถอะๆแล้วแต่จะคิด..ว่าแต่จะเอาข้าวมาให้หมาไม่ใช่เหรอ ถือนานเดี๋ยวเมื่อยนะ" เคนพูดตัดบทด้วยขี้เกียจมากความ
โยเกิร์ตมองชายหนุ่มด้วยความแปลกใจ ปกติถ้าเธอพูดอย่างไม่ไว้หน้าใครอย่างนี้ อีกฝ่ายมักจะไม่พอใจหรือไม่ก็โกรธแล้วก็ไม่ยุ่งกับเธออีก มันเป็นวิธีการป้องกันตัวเองจากคนอื่นทุกครั้งที่เห็นว่าบทสนทนายืดเยื้อเกินความจำเป็น แต่คนนี้กลับใช้ไม่ได้ผล เค้าไม่ใส่ใจกับคำพูดของเธอ แต่เมื่อมองเห็นรอยยิ้มที่จงใจโปรยเสน่ห์ของชายตรงหน้าแล้วก็ต้องก็เปลี่ยนความคิดทันที
"นี่!มองพี่นานๆเดี๋ยวก็ท้อง เอ้ย!..ซีดกันพอดี สาวๆคนอื่นเค้าจะไม่พอใจนะ"
หมอนี่คงคิดไม่เป็นมากกว่า..
++++++++++++++++++++++++++++++
ย้อนกลับไปตอนที่เคน เอก ภนต์ ช่วยอนุเคราะห์เจ้าหมาที่แสนจะโชคร้ายให้มีอาการดีขึ้นแล้ว (ขอได้รับความขอบคุณจากน้องแว่น) กำลังเตรียมตัวเข้าโรงเรียน ก็พบกับคาราวานหญิงสาวที่มาต้อนรับ ทำให้วิ่งหนีกันแทบมาทัน
ให้ตาย !! ผู้หญิงตอนเปิดเทอมนี่น่ากลัวชะมัด..
เมื่อลงความเห็นกันว่าร่วมกันเราตายหมู่ จึงตัดสินใจแยกกันอยู่(เพื่อตายเดี่ยว) เคนจึงวิ่งเดี่ยว500เมตรมาที่บริเวณบ้านพักภารโรงที่อยู่ติดกับชมรมฟุตบอล
ยังไม่ทันหายเหนื่อยก็ต้องมาฟาดฟันกับไอ้ 4 ขาหน้าขนอีก เจ้าหมาน้อยก็ดูจะสำนึกบุญคุณของเค้าอย่างท่วมท้น มาครางหงิงๆแทบเท้า สักพักเค้าก็รู้สึกวาบที่หลัง เนื่องจากน้ำเสียงที่ส่งมานั้นเต็มไปด้วยความเย็นชา บางทียัยแว่นคนนี้อาจจะน่ากลัวกว่าคาราวานหน้าโรงเรียนก็ได้..
"เอาข้าวมาให้เจ้าตัวเล็กทุกวันเลยเหรอ..."
เคนเปิดฉากสนทนาก่อน เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายต่อให้เอาจอบมาง้างก็คงไม่พูดอะไรแน่
"............"
"ไม่สิเนอะ..เพราะวันนี้เปิดเทอมวันแรก"
"............"
"แล้วเจอมันที่ไหนล่ะ"
"......."
"จะเอาไปเลี้ยงที่บ้านรึเปล่า"
".........."
แต่ความพยายามก็ต้องหมดลง เมื่อเจอสายตาที่บอกว่าเงียบเสียจะได้ไม่เป็นศพ..เคนจึงเลือกที่จะมองเงียบๆเพื่อรักษาชีวิตให้รอดในวันเปิดเทอม..
เคนสังเกตว่าใบหน้าของหญิงสาวอ่อนลงเมื่ออยู่กับเจ้าตัวเล็กที่กำลังกินข้าวอย่างเอร็ดอร่อย แม้จะไม่ได้ยิ้มก็ตาม ดวงตากลมโตที่ถูกปกปิดไว้ใต้กรอบแว่นแสดงถึงความเอ็นดูอย่างไม่รู้ตัว ปากเล็ก จมูกได้รูป ทุกส่วนประกอบบนใบหน้าทำให้เธอเป็นผู้หญิงที่น่ารักคนหนึ่ง ไม่จัดว่าสวยมากเหมือนรัน แต่ก็มีเสน่ห์ดึงดูดอย่างประหลาด
ชายหนุ่มไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังยื่นมือไปถอดแว่นให้หญิงสาวตรงหน้าจนกระทั้ง
ครืด....ครืด..
เสียงสั่นของโทรศัพท์มือถือของโยเกิร์ตดังขึ้น เคนรู้ตัวจึงรีบชักมือกลับ
เมื่อกี้เค้ากำลังจะทำอะไรเนี่ย!!
พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นชื่อที่แสดงหน้าจอโทรศัพท์..
รัน..ox-xxxxxxx
อ่าว..เบอร์ยัยรัน นี่.. เพื่อนกันหรอกเหรอ เคนนึกถึงลูกสาวของเพื่อนสนิทของพ่อ แม่เค้าที่เห็นมาตั้งแต่เด็ก
"โยเกิร์ต..อยู่ไหนจะเข้าแถวแล้วนะคะ"
"อืม จะไปเดี๋ยวนี้แหละ"
เคนยิ้มแล้วมองโยเกิร์ตจะเดินไปไกลแล้ว
อยู่ห้องเดียวกับรัน..
งั้นคงได้เจอกันอีกแน่..
ความคิดเห็น