คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Need Not To Do 1 ; Don't follow them , Let's be yourself !
NNTD 1 : Don’t follow them Let’s be yourself.
แค่ชื่อเรื่องน้องๆก็คงงงกันแล้ว เอ๊ น้องอยากสอบเตรียมนี่แล้วมันเกี่ยวอะไรกับหัวข้อนี้ล่ะ !?
สำหรับพี่แล้วพี่คิดว่ากฏข้อแรกสำหรับการเดินทางที่แสนยาวไกล(?)สู่เตรียมอุดมฯนั่นคงจะเป็นเรื่องนี้แหละจ้า
‘อย่าเลือกสายการเรียนตามเพื่อน’ เรื่องนี้อาจจะดูไม่เป็นประเด็นสำคัญเท่าไหร่สำหรับคนที่แน่ใจแล้ว มีสายที่อยากเข้าอยู่แล้วเน้อ แต่สำหรับหลายๆคนที่ยังไขว้เขวสับสนอยู่พี่ก็อยากให้น้องๆให้เวลาตัวเอง ทบทวนกับตัวเองดูว่าน้องแน่ใจแล้วใช่มั้ยสำหรับสายนี้ พี่เคยอ่านเรื่องของรุ่นพี่หลายๆคนที่มาเปลี่ยนสายเอาวันสมัคร หรือก่อนสมัครไม่กี่อาทิตย์ทำให้อ่านหนังสือไม่ทัน และยังเป็นการเสียโอกาสของตัวน้องๆเองด้วย เช่น ตอนแรกน้องคิดว่าจะเข้าสายวิทย์ น้องก็ทุ่มกับตรงนั้นเต็มที่ แล้วก่อนสอบไม่นาน น้องก็ค้นพบว่าตัวเองไม่ได้ชอบที่จะเรียนแบบสายวิทย์นี่ แล้วเปลี่ยนใจไปสอบสายศิลป์ มันทำให้น้องเสียโอกาสที่จะฝึกทำ บฝ.อย่างเต็มที่สำหรับสายศิลป์
ต่อไปก็จะเป็นการเล่าประสบการณ์ของพวกพี่ที่ผ่านมาสำหรับ NNTD 1 ล่ะจ้า พี่ก็อยากให้น้องๆอ่านไว้เป็นอุทาหรณ์ เก็บไปคิดดูน้า
ตัวอย่างที่ 1;
พี่ไม่เคยคิดเลยว่าตอนนี้ตัวเองจะมาอยู่สายศิลป์ !! เมื่อตอนพี่อยู่ ม.ต้น พี่คิดว่าพี่จะเข้าสายวิทย์มาตลอดเลย พี่ไม่มีความคิดที่จะเข้าสายศิลป์เลย ทำไมน่ะหรอ !? เพราะพี่ถูกไซโค(?)มา ฮ่าๆ รอบตัวพี่มีแต่คนชอบเรียนวิทย์คณิต (ซึ่งตอนนี้มันก็อยู่สายวิทย์กันหมดยกเว้นพี่- -;) พวกนั้นก็จะเข้าสายวิทย์กัน ก็เอาสิ ! วิทย์ก็วิทย์พี่ไม่รู้หรอกมันเป็นยังไง เพื่อนไปพี่ก็ตาม (นี่เป็นตัวอย่างที่ผิดนะค่ะ 55) เพราะห้องพี่มีคนน้อยด้วยแหละแค่ 13 คนเอง พี่อยู่โปรแกรมพิเศษด้วย (ตอนอยู่โรงเรียนเก่าเน้อ รัฐบาลต่างจังหวัดไกลแสนไกลแห่งหนึ่ง) ทำให้บรรดาเพื่อนฝูง(?) ที่อยู่ห้องธรรมดาไม่ค่อยชอบห้องพี่กันเท่าไหร่ แต่นั่นก็แค่บางห้อง อย่างเช่นห้องท้ายๆ ที่ไม่ค่อยตั้งใจเรียน แล้วโรงเรียนพี่เด็กเข้าสายศิลป์ส่วนมากมักจะเป็นห้องท้ายๆนั่นไง - -;; พี่ก็ไม่อยากเข้าสายศิลป์เลย 555 ต่อมาแก้วก็มาชวนพี่สอบเตรียมไง พี่ก็ไม่เคยมีความคิดจะเข้าสายศิลป์อยู่แล้วนี่ก็เต็มที่เลย ซื้อหนังสือวิทย์คณิตมานั่งทำ (ทั้งๆที่เรียนในห้องพี่อ่อนวิทย์คณิตอยู่นะ = =;) บอกตรงๆเลยว่าพี่ทำไม่ได้ ร้องไห้ดีกว่า(นี่พูดจริงๆนะ 555) พี่รู้สึกแบบนี่มันอะไร มันใช่ภาษาคนหรอ ไม่เห็นเข้าใจเลย แล้วก็นั่งร้องไห้เลยค่ะ แล้วแม่ก็ด่าว่าร้องทำไม (มันบ้า 555) พี่ก็เลิกเลย เลิกไม่อ่านแล้วภาษามนุษย์ต่างงดาวไม่เข้าใจโว้ย พี่ก็เปลี่ยนใจอยากสอบศิลป์ญี่แทนด้วยความที่พี่บ้าดูอนิเมะอยู่แล้ว มันก็สร้างแรงบันดาลใจให้พี่อยากเข้าสายนี้มากขึ้น พี่ก็ไปร้านหนังสือใหม่เลย ซื้ออีกรอบอันนี้ทุ่มเต็มที่หนังสือเพื่อสายศิลป์ล้วนๆ เสียไปพันหน่อยๆ ;w; ตัวพี่โชคดีตรงที่ว่าตอนซื้อหนังสือวิทย์พี่ไม่รู้ว่าต้องซื้ออะไรไงก็ซื้อมาเล่มสองเล่ม ยังไม่เสียเงินมากเท่าไหร่ นี่ก็เป็นเรื่องที่ผ่านมาแล้วของพี่(ที่ไม่มีสาระเท่าไหร่ = =;) ที่อยากเตือนน้องๆ เพราะจากที่พี่ผ่านมามันทำให้พี่รู้ข้อเสียของการตามเพื่อน คือ
1.เสียเงิน พอดีพี่เป็นคนขี้งก#ผิด พี่ต้องเสียเงินซื้อหนังสือวิทย์คณิตมาแล้วไม่ได้ทำ ถึงบางคนจะคิดว่ามันอาจจะใช้ประโยชน์ได้ก็ตาม ... แต่คุณคิดผิดค่ะ ! ซื้อแล้วดองจ้า ปัจจุบันมันยังโดนฝุ่นเกาะอยู่ที่เดิม ถ้ารอบนั้นพี่ซื้อหนังสือมามากกว่านี้ล่ะก็ พี่คงเสียเงินฟรีแล้วล่ะ
2.เสียเวลา น้องๆต้องเสียเวลากับการอ่านหนังสือวิชาที่เราไม่ได้ตั้งใจจะทุ่มให้เท่าไหร่ แล้วมันก็ไม่ได้มีผลต่อน้องๆมากนัก มันก็ทำให้น้องเสียเวลาโดยใช่เหตุน่ะสิ
3.เสียกำลังใจ พี่เป็นตัวอย่างได้เลย เสียกำลังใจมากทำเลขไม่ได้ร้องไห้เลย 555 พอเสียกำลังใจไปแล้วน้องๆอาจจะรู้สึกโลกนี้ช่างมืดมนเหลือเกินจนไม่อยากทำอะไร ดังนั้นอย่าเสียกำลังใจไปเด็ดขาด !!
แนวทางการแก้ไขสำหรับปัญหานี่คือ :
1.ให้เวลากับตัวเองค่ะ – ลองทบทวนดูว่าเราใช่สายนี้หรอ เราเหมาะหรือเปล่า เราเรียนไหวมั้ย น้องบางคนอาจจะมีปัญหากับทางบ้านเรื่องการเลือกสายการเรียน แต่พี่อยากให้น้องๆลองอธิบายให้คุณพ่อคุณแม่เข้าใจดูว่าทำไมเราถึงไม่สามารถเลือกสายที่ท่านต้องการได้ อย่าใช้อารมณ์ตัดสินปัญหานะค่ะ คุณพ่อคุณแม่บางคนค่อนข้างคาดหวังกับลูกไว้สูง น้องๆอาจจะลำบากใจในการคุย แต่เชื่อพี่เถอะ ! คนเป็นพ่อเป็นแม่นะ พร้อมจะรับฟังลูกเสมอ
2.ทดลองเรียนสิ่งที่เราเลือก – วิธีนี้อาจจะสำคัญสำหรับน้องๆที่เลือกสายภาษา บางคนอาจจะไม่เคยรู้จักภาษานั้นๆมาก่อน พี่อยากให้น้องลองค้นพื้นฐานภาษานั้นดูว่าตัวน้องชอบมันมั้ยก่อน มันอาจจะช่วยให้เราไม่ตัดสินใจผิดพลาด
-------------------------------------------------------------ตัวอย่างที่ 2 ;
ฮี่ๆ กับมาเจอกันอีกครั้ง =w=b อ่านจากที่แอ๋มบอก พี่ดูมีเป้าหมายแน่วแน่ใช่มั้ยว่าจะเข้าสายวิทย์ แต่น้องเชื่อมั้ย พี่เคยคิดที่จะสอบสายศิลป์เพียงเพราะพี่เห็นว่ามันมีโอกาสติดมากกว่าด้วย ! เรื่องมันเกิดจากพี่อ่านวิชาวิทย์ เลข แล้วพี่ท้อมากอ่ะ ตอนนั้นพี่เห็นแอ๋มอ่านพวกอังกฤษ ไทย แล้วแบบ เฮ้ย มันง่ายกว่านะ เราถนัดวิชาแบบนั้นมากกว่านะ หลังจากนั้นพี่ก็เริ่มนั่งคิดกับตัวเอง จนในที่สุดตอนนั้นพี่ก็ตัดสินใจจะเลือกสายศิลป์-เยอรมัน ตอนนั้นที่พี่จะเลือกสายนี้พี่ก็อ่านหนังสือนะ แต่อ่านแบบกังวล กังวลว่าเราทำอะไรอยู่ เราจะเลือกสายนี้เพราะแค่อยากติดเตรียมฯน่ะหรอ ตอนนั้นพี่เครียดมาก ต้องขอบคุณเพื่อนพี่คนนึง ที่มานั่งไซโคพี่ให้พี่เข้าสายวิทย์ พี่เลยมานั่งคิดๆ กับตัวเองอีกที ว่าเราอยากเรียนสายศิลป์จริงๆ หรือเพียงแค่คิดว่ามันง่ายกว่าเลยทำให้เรารู้สึกว่าเราอยากเข้า ในที่สุดเมื่อพี่ได้คำตอบกับตัวเอง พี่ก็เลือกสายวิทย์เป็นคำตอบสุดท้ายของพี่
สำหรับวิธีที่จะทำให้น้องๆ รู้ว่าตัวเองเหมาะกับสายไหนนั้น พี่ก็ไม่ค่อยรู้ไรมากหรอก แต่พี่จะมาแบ่งปันวิธีของพี่แล้วกัน :)
1.ทำแบบประเมินความชอบต่างๆ ขอบตัวเอง อาชีพที่เหมาะกับเรา อันนี้พี่แนะนำว่าให้เป็นแค่ตัวประกอบหนึ่งในการตัดสินใจนะ เพราะเวลาพี่ทำพี่มักจะได้อะไรที่มันไม่ตรงกับอาชีพที่พี่อยากจะเป็น พี่เลยไม่ค่อยอยากเชื่อมันเท่าไหร่ ฮ่าๆ
2.วิธีนี้เป็นวิธีพื้นฐานทั่วๆไป คือนั่งคิดว่าเราอยากทำอาชีพอะไร แล้วชั่งน้ำหนักมันดู
ยกตัวอย่างของพี่แแล้วกันตอนนั้นที่พี่อยากเป็นก็มี หมอ ทนาย นักการฑูต พวกที่อยู่เบื้องหลังของการทำหนัง โปรแกรมเมอร์ ฯลฯ จะเห็นได้ว่าอาชีพที่พี่อยากเป็นนั้นมีทั้งอาชีพทางสายศิลป์และสายวิทย์ แต่อาชีพแรกที่เราเขียนลงไป พี่เชื่อว่าส่วนใหญ่ก็เป็นอาชีพที่เราใฝ่ฝันมากที่สุดอยู่แล้ว พี่จึงเลือกเรียนสายวิทย์ แต่ถ้าอาชีพที่น้องเขียนมาแต่ละอย่างสายศิลป์ล้วนๆ และน้องแน่ใจแล้วว่าจะเอาแน่ๆ ไอ่อาชีพเนี้ยะ น้องก็เลือกสายศิลป์ไปเล้ย จะมานั่งเรียนเลขเรียนวิทย์ให้ปวดหัวไปเพื่ออะไร ในทางกลับกันถ้าน้องมีแต่อาชีพสายวิทย์น้องก็เลือกสายวิทย์ไปแหละ ไม่ต้องนั่งพิจรณาสายศิลป์หรอก
3.ดูจากวิชาที่ชอบ อันนี้ก็พอช่วยได้แต่แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ถ้าน้องยี้วิทย์ยี้เลขมาก อันนี้ก็ไม่ต้องถามแล้วล่ะ เรียนสายวิทย์ไปก็เหนื่อยเปล่าๆ ตารางเรียนเกินครึ่งมีแต่วิชาที่น้องยี้ น้องจะอยากเรียนมั้ยล่ะ? แต่ถ้าน้องชอบเรียนอังกฤษ ไทย ก็ไม่ได้หมายความว่าน้องจะต้องเหมาะกับสายศิลป์ น้องอาจจะไปทางวิทย์ คณิตไหวก็ได้ วิธีนี้เลยใช้ได้กับแค่บางคนเท่านั้น
อ่าา วิธีของพี่ก็มีเท่านี้แหละ ลองทำๆดูเน้ออ ได้ผลยังไง กลุ้มใจคิดไม่ตก ก็ปรึกษาพวกพี่ได้นะ สู้ๆนะจ๊ะน้องๆ
ความคิดเห็น