ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    * งานเขียนสารคดี *

    ลำดับตอนที่ #5 : เด็กดี...ลานสานฝัน # Win(d)

    • อัปเดตล่าสุด 16 ก.ย. 52


     
     
                    อุ้ย หรือที่หลายคนในเด็กดี เรียกว่า Win(d) อายุ 19 ปี เธอเป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่ง ตอนแรกเธอตอบกระทู้ตั้งนานแล้ว ทั้งคิดทั้งเรียบเรียง ใช้เวลาอยู่ไม่น้อยกว่าจะถ่ายทอดสิ่งที่อยู่ในใจออกมาได้หมด อีกไม่กี่นาทีต่อมาจะกดส่งให้ฉันแล้ว แต่เธอดันกดผิด สิ่งที่เธอกลั่นกรองออกมาจึงอันตธานหายไปหมด... ฉันพอจะเดาได้นะว่าความรู้สึกในตอนนั้นมันเป็นยังไง คงทั้งเซ็ง อึ้ง โกรธ เสียอารมณ์สุดๆ นั่นแหละความรู้สึกของเธอ ผ่านมาอีก 3 วัน เธอถึงได้กลับมาตอบกระทู้อีกครั้ง จุดเริ่มต้น แรงบันดาลใจ คือคำถามแรก...
                    “แต่ก่อนตอนที่ยังเป็นแค่คนอ่านไม่เคยคิดเลยว่าจะมาเขียนเองอย่างนี้ น่าจะเพราะตอนนั้นบ้าการ์ตูนอยู่ เรื่องแรกที่เขียนคือ ฟิคฮันเตอร์สั้นๆ แล้วก็เออ...มันก็สนุกดีนี่หว่า รู้สึกว่าได้เป็นคนกำหนดทุกสิ่งทุกอย่างในเรื่องเอง เหมือนได้สร้างโลก ได้คิดว่าในโลกที่เราสร้างมันมีอะไรบ้าง” เพื่อนฉันคนนี้บ้าอำนาจพอดูนะเนี่ย สงสัยต้องแอบแซวหน่อยแล้ว
    เธอยังบอกอีกว่า ช่วงนั้นมีเพื่อนคนหนึ่งเขียนลงเด็กดี ก็เลยคิดว่าไหนลองดูมั่งสิ ลงเว็บเฉยๆ ไม่ได้เสียหายอะไร แต่เรื่องแรกนี่โดนคำวิจารณ์หนึ่งเล่นซะจุกไปเลย เรื่องสั้นหักมุมแปลกๆ กับแฟนตาซี เป็นแนวที่เธอเลือกเขียน แค่อะไรที่ไม่มีในโลกแห่งความจริง ก็จับมาใส่หมวดนี้ได้หมด ส่วนเป้าหมายนั้น อยากเก่ง อยากให้มีคนชอบผลงานของตน แค่มีคนมาคอมเม้นต์ก็ดีใจแทบแย่แล้ว
    ทำไมถึงเลือกเด็กดี?... เธอว่าเพราะเพื่อน แล้วในยุคนั้นก็มีเว็บเดียวที่เปิดพื้นที่ให้นักเขียนมือสมัครเล่นเช่นเธอ ได้นำผลงานมาลง และยังเป็นยุค Dr.pop ดังพอดี พลอยทำให้เด็กดีเป็นที่นิยมตามไปด้วย เด็กดีเหมือนที่ที่นักเขียนมือสมัครเล่นเอางานมาลง ทั้งยังเป็นกลุ่มเด็กๆ ถึงวัยรุ่น จะทดลองจะฝึกอะไรก็ลงมันเว็บเด็กดีนี่ล่ะ เธอยังบอกอีกว่าช่วงก่อนหน้านี้เคยลงในพันทิพด้วย รู้เลยว่าคนอ่านเป็นคนละกลุ่มกัน
                    คำถามต่อไปคงไม่พ้นเรื่องขั้นตอนการเขียนและอุปสรรค เหมือนที่ทุกคนเจอมาแล้ว การหาข้อมูล เธอว่าส่วนใหญ่มาจากอินเทอร์เน็ต บางทีก็หนังสือ ข้อมูลทั่วไป ประวัติศาสตร์ นิยาย หรือบางทีก็เก็บเกี่ยวจากเวลาไปเที่ยว ส่วนพล๊อตเริ่มจากภาพรวมที่ได้จากข้อมูลตีพื้นไว้ก่อน คิดเป็นภาพหรือคำพูดไว้เป็นจุดๆ มันไม่ค่อยเชื่อมต่อกันเลย อะไรมาก่อนมาหลังก็ไม่รู้ จะปล่อยทิ้งไว้ในหัวก่อนแล้วค่อยหาความสัมพันธ์ของแต่ละภาพ เพิ่มจุดเข้าไปเชื่อมไปแทรก หลังจากนั้นตัวละครจะมาเอง ทีนี้พอมีจุดเยอะก็เริ่มเขียน แล้วดึงทุกสิ่งทุกอย่างเข้าไปหาจุดต่อๆ ไป บางทีจุดไม่คาดฝันโผล่ขึ้นมาเฉยเลยก็มี เธอคิว่านี่เป็นปัญหาอย่างหนึ่งที่ต้องแก้ โครงเรื่องมันไม่ค่อยแน่นอนเลย แต่พอเขียนแบบนี้แล้วเหมือนได้ไหลไปตามเนื้อเรื่อง ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป มันก็สนุกดีพอจะลองวางพล็อตตามรูแบบแล้วมันรู้สึก...ไม่ลุ้น เหมือนเขียนตามแผน เธอบอกเรา ส่วนด้านของอุปสรรคก็หนีไม่พ้นความขี้เกียจของตัวเอง นิสัยหลายๆ อย่าง และจะเขียนตอนที่มีคนในบ้านอยู่ใกล้ไม่ได้เลย
    มาถึงคำถามสุดท้าย “คุณรู้สึกอย่างไรกับงานเขียน?”   
     “ชอบนะ เราคิดว่าเราสนุกกับมัน เหมือนเวลาไปเที่ยวที่ที่ไม่เคยไป ไปทำอะไรแปลกๆ ที่ไม่เคยทำ แล้วลากคนอื่นไปกับเราด้วย ได้แสดงโลกของเราให้คนอื่นเห็น แอบมีบ้างที่บางมุมมอง สิ่งต่างๆ จะประชดเสียดสีในบางเรื่อง จะว่าเพ้อฝันก็ใช่นะ แต่ชีวิตมันต้องมีบางช่วงเวลาที่ปล่อยใจไม่ต้องจมอยู่กับสังคมเครียดๆ บ้างสิ” หลังจากนั้นเธอบอกกับเราว่าเธอนั่งหัวเราะอยู่หน้าคอม
    “นั่นสินะ” ฉันเห็นด้วยกับเธอ
    “โลกเราตอนนี้มีแต่ความเคร่งเครียด วุ่นวาย ใช้ชีวิตกันอย่างเร่งรีบ แข่งขันกับเวลากับคนอื่น บางทีแทบไม่มีเวลาว่าง เวลาพัก ไม่คิดแม้จะหยุดมองสิ่งต่างๆ รอบตัว พวกเขาจะรู้บ้างไหมนะ ว่าในบางครั้งก็ได้ทำบางสิ่งหรือเรื่องดีๆ หล่นหายไปตามทางที่วิ่งไป อาจจะมองข้ามหรือละเลยมันไป ถ้าเราลองมองย้อนกลับมาดูก็อาจจะเห็น มันอาจจะยังไม่สายเกินไปที่จะกลับไปเก็บมันขึ้นมา หรือบางทีกว่าเราจะรู้ก็สายเกินไปซะแล้วที่จะทำจะแก้ไขมัน” มันเป็นสัจธรรมของชีวิต
    “คุณมองเห็น แต่คุณไม่ได้สังเกต....”
     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×