ตอนที่ 7 : ฟ้าเดียวหนึ่งตะวัน
สิทธิ์สักกะ ผู้พันหนุ่มองครักษ์ของท่านจันทรากรบิดาของฟ้าเดียวบุตรชายของท่านเจ้าเมือง มารอพบเขาแต่เช้าตรู่ แต่คนที่เจอคือกษมะ ทหารคนสนิทที่เป็นดุจเพื่อนเล่นกันมาแต่เล็กแต่น้อยแทน
“ท่านฟ้าเดียวอยู่หรือไม่”
“อยู่ขอรับแต่ยังไม่ตื่น” กษมะแก้ตัว
“สายจนป่านนี้ เอาล่ะ ไม่เป็นไร หากท่านฟ้าเดียวตื่นนอนก็ให้ไปพบท่านเจ้าเมืองกับองค์ชายาด้วย” สิทธิ์สักกะถอนใจก่อนเดินออกไป แท้จริงก็พอจะเดาได้ว่า คงไม่อาจได้พบชายหนุ่มผู้ไม่เอาไหนคนนั้น เพราะวัน ๆ นอกจากจะร่ำสุรา นารีและอบายมุขชั้นต่ำแล้วก็ไม่เคยสนใจการบ้านการเมืองอื่นใด สร้างความหนักใจให้กับท่านจันทรากรเป็นอย่างมาก เพราะเมื่อเขาหมดวาระลงก็อยากให้บุตรชายขึ้นครองรัฐจันทรายะต่อจากเขา
เสียงกุกกักที่ดังขึ้นในห้องเป็นการส่งสัญญาณให้คนภายนอกรู้ว่าคนภายในตื่นแล้วหรืออาจยังไม่ได้นอนทั้งคืน
ประตูบานใหญ่จึงถูกผลักเข้าไป ฟ้าเดียวกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้า ท่อนบนเปล่าเปลือยกำยำเผยให้เห็นแผ่นหลังกว้างสมกับกำลังเป็นหนุ่มน้อยแรกรุ่น
“ท่านไม่ควรเผยร่างกายให้ใครเห็นเช่นนี้นะ” กษมะเตือน
“รู้แล้วน่ะ ก็ข้ารู้ว่าเป็นเจ้าไง ข้าถึงไม่คิดจะปิดบัง ว่าแต่เข้ามามีเรื่องอะไร”
“ท่านสิทธิ์สักกะมาตามให้ท่านไปพบท่านเจ้าเมือง”
“พอรู้ไหมว่าเรื่องอะไร”
“ข้าเองก็เดาไม่ถูก”
ฟ้าเดียวหันมายิ้มก่อนยกคนโทน้ำจัณฑ์กรอกคอลงไปหลายอึกใหญ่แล้วเดินตรงไปพบผู้เป็นบิดาและมารดา
ร่างสูงก้าวเข้ามาในห้องโถงใหญ่ เขากวาดตามองก็พอรู้ว่าคงมีเรื่องสำคัญยิ่งใหญ่เป็นแน่เพราะบรรดาอนุภรรยาและพี่น้องร่วมบิดาของเขาก็มากันพร้อมหน้า
“มาได้เสียทีนะฟ้าเดียว ต้องให้รอกันเสียนาน” บิดาเอ่ยตำหนิบุตรชายต่อหน้าทุกคน ธิษณามองบุตรชายด้วยสายตาและสีหน้าเรียบเฉยปิดซ่อนความรู้สึกที่ยากจะเดา ส่วนทีปกา ทิพปภาสองพี่น้องคนละแม่ ซึ่งเป็นอนุภรรยาของจันทรากรก็ลอบยิ้มที่บุตรชายคนโตของชายาเอกถูกตำหนิ ส่วนศดานนท์และวายุ
พี่น้องร่วมบิดาซึ่งมีอายุน้อยกว่าเขาเพียงปีเศษก็ยิ้มเยาะกึ่งสมเพช โดยเฉพาะวายุนั้นเขาสะใจยิ่งนักที่เห็นพี่ชายโดนตำหนิต่อหน้าอำมาตย์ผู้ใหญ่ เพราะถ้าฟ้าเดียวถูกมองผ่านจากหลาย ๆ คน ก็ยิ่งเท่ากับเป็นการเปิดโอกาสให้เขาได้ขึ้นครองเมืองนี้ง่ายขึ้น โดยที่เขาแทบไม่ต้องออกแรงทำอะไรเลย
“อยู่กันพร้อมหน้าเลย” ฟ้าเดียวเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ้อแอ้เพราะฤทธิ์น้ำจัณฑ์ที่ดื่มเข้าไป และยังถือติดมือมาอีกด้วย
“เข้ามาในห้องนี้ ข้าบอกเจ้ากี่ครั้งกี่หนแล้วว่าอย่าถือขวดเหล้าเข้ามา แค่เจ้าดื่มมาก็น่ารังเกียจมากพอแล้ว” จันทรากรเอ่ยเสียงกร้าวตำหนิบุตรชาย
“ท่านพ่อชอบตำหนิข้าต่อหน้าทุกคนอยู่เรื่อย” เขาพ้อแล้วทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ถัดจากศดานนท์ รายนั้นปรายตามองเขาเงียบ ๆ แม้ไม่ชอบหน้าพี่ชายนักแต่ก็ไม่ถึงกับรังเกียจ
“ก็รึไม่จริง เจ้าชอบทำตัวให้ข้าบ่นว่าอยู่เรื่อย ข้าตำหนิเจ้าทุกครั้งแต่เจ้าก็ยังไม่เคยปรับปรุงตัวเอง”
“ข้าว่าท่านพี่เริ่มธุระเลยจะดีกว่า” เสียงเนิบเย็นของธิษณาชายาเอกเอ่ยขึ้นขัดจังหวะสวามี ทำให้จันทรากรชะงัก หันไปเริ่มพูดคุยธุระสำคัญ
+++++++++++++
เรื่องนี้เขียนยากนิดนึงนะคะ มีใครรออ่านอยู่ไหมคะเนี่ย ^_^
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

รออยู่นะคะ