SF Singular: ผมไม่ใช่นางฟ้า # Cleansing - SF Singular: ผมไม่ใช่นางฟ้า # Cleansing นิยาย SF Singular: ผมไม่ใช่นางฟ้า # Cleansing : Dek-D.com - Writer

    SF Singular: ผมไม่ใช่นางฟ้า # Cleansing

    Short Fiction : เรื่องนี้เกิดขึ้นมาจากงาน SINGULAR 'S CONCERT DVD LAUNCH DAY ค่ะ ...

    ผู้เข้าชมรวม

    827

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    827

    ความคิดเห็น


    35

    คนติดตาม


    1
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  17 ต.ค. 55 / 01:11 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      == Fiction คือ การมโน มโน เอาจ้าาา ==

      ****************************************

       

      SF NutSin : ผมไม่ใช่นางฟ้า # Cleansing

       

      “ซินอย่าเพิ่งไป”

      เสียงห้าวร้องเรียกพร้อมขาก้าวเดินตามร่างบางที่ตอนนี้สวมแว่นกันแดดเตรียมเดินเพื่อออกจากห้องรับรองภายในงานเปิดตัวดีวีดีคอนเสิร์ตของเขาสองคน 

       
       

      “................” ร่างบางนั้นเดินเปิดประตูออกไปพร้อมกับทีมงานที่เดินนำหน้าไปก่อน

      เสียงเรียกไร้ความหมาย  พยายามคิดว่าอีกคนคงไม่ได้ยินและคงรีบจึงเดินออกไปโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง

       
       

      .......แต่ในใจรู้สึกได้ว่ามันไม่ใช่แค่นั้น..........
      แล้วถามว่าอย่างเขาจะทำอะไรได้นอกจากยืนมองอีกคนเดินออกไปแบบนั้น

       

       

      - - - โมโหเรื่องหอมหรอ - - -

       
       

      วินาทีนี้การส่งข้อความคงเป็นช่องทางเดียวที่จะสามารถพูดกับอีกคนได้บ้าง เพราะโทรไปก็ไม่รับแน่นอนอยู่แล้ว  แม้ซินจะไม่ตอบกลับมาแต่เขารู้ว่าทางนั้นจะต้องได้อ่าน  และก็อย่างที่คิด ไม่มีการตอบรับใดใด 

       
       

      นั่นก็แปลว่าสิ่งที่เขาคิดมันถูกต้องทุกประการ....

       
       

      สักพักใหญ่ๆทีมงานก็มาส่งสัญญาณว่าซินกลับไปแล้ว  ทีนี้ก็เป็นคิวของเขาที่จะสามารถกลับบ้าง

      ปกติเขาเองจะรู้สึกดีใจและมีความสุขเสมอเวลาได้อยู่พูดคุย ถ่ายรูปกับแฟนๆก่อนกลับบ้าน  แต่สำหรับวันนี้ มีสิ่งอื่นที่เขาอยากทำมากกว่า และดูเหมือนว่าจะต้องรีบทำโดยด่วนก่อนที่จะยิ่งแย่ไปกันใหญ่เสียด้วย  อารมณ์ที่อยากจะยิ้มอยากจะคุยเล่นตอนนี้ยอมรับว่าติดลบ  ออกจะร้ายๆไปทางอยากจะไล่ให้ทุกคนกลับบ้านไปก่อนเสียด้วยซ้ำ  แต่ก็เพราะยังแคร์แฟนคลับจึงทำได้เพียงคิด  ทุกคนตั้งใจมาดูเขาสองคนก็เป็นธรรมดาที่เขาอยากจะเห็นภาพที่เราร่าเริงและเป็นกันเอง


      ด้วยอุณหภูมิที่ค่อนข้างอบอ้าวทำให้รู้สึกอึดอัดทีเดียว และอารมณ์ก็ไม่ค่อยพร้อมจะยิ้มแย้มเท่าไรแล้ว  จริงๆไม่ใช่ว่าไม่ชินกับการเข้ามามุงขอถ่ายรูปขอลายเซ็นของแฟนคลับ  แต่คงเพราะตอนนี้ในใจมันร้อนรนมากกว่า



      กลัวว่าจะตามไม่ทัน....



      รถซีอาร์วีสีแดงจอดข้างทางหลังจากพ้นสมาคมฝรั่งเศสมาได้ไม่ไกล  มือใหญ่ล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอย่างร้อนใจ

       
       

      “ป๊าฮะ ..ถึงไหนแล้ว” รีบถามก่อนที่ปลายสายจะทันพูดอะไรเสียด้วยซ้ำ  รอฟังคำตอบลุ้นๆเพราะกลัวว่าจะไปไกลแล้ว  แต่ก็ได้ใจชื้นตรงที่ป๊าบอกว่ายังไม่ไกลจากจุดที่เขาอยู่มากนัก

       

      “รอก่อนนะครับเดี๋ยวไปหา” ดูท่าคนรับสายจะออกอาการงงๆเล็กน้อยแต่ก็ยอมให้ตามไปยังจุดนัดหมายแต่โดยดี 

       

      รถคันใหญ่จอดต่อท้ายรถสีบรอนเงินกะทัดรัด  ร่างสูงก้าวลงจากรถอย่างร้อนใจมุ่งตรงไปยังประตูข้างคนขับ  แต่กลับไม่พบร่างของคนที่ตัวเองอยากจะเจอ  มีเพียงชายสูงอายุคนขับที่เปิดกระจกรถให้เขา

       

       

      “โน้น ..ในเซเว่นน่ะ”

      เหมือนป๊าจะรู้ว่าเหตุผลที่ทำให้เขาร้อนรนตามมาแบบนี้คืออะไร จึงพยักเพยิดบอกเป้าหมายให้ว่าเจ้าตัวหายเข้าไปในร้านสะดวกซื้อแล้ว นัทยกมือไหว้ขอบคุณทั้งป๊าและม๊า


      “เดี๋ยวผมไปส่งเองนะฮะ..ขอบคุณครับ” พูดแบบไม่รอให้อีกฝ่ายตอบตกลงแล้วเดินตามเข้าเซเว่นไปเลย



      พ้นจากประตูร้านก็ชะเง้อมองหาร่างของนักร้องนำว่าอยู่ตรงส่วนไหน แล้วก็พบร่างบางยืนกอดอกอยู่หน้าตู้น้ำ  ผมยาวถูกรวบขึ้นเป็นมวยไว้ที่ท้ายทอย  สงสัยคงร้อนหลังจากฝ่าดงแฟนคลับออกมาได้  ขายาวก้าวเข้าไปใกล้ แต่แล้วก็ต้องชะงักเพราะซินหันกลับมาพอดี  ใบหน้าสวยถูกปกปิดด้วยแว่นกันแดดดำสนิท  สีหน้าเรียบเฉยถูกส่งมาให้ แล้วร่างนั้นก็เดินเฉียดผ่านหน้าเขาไปแบบเรียกได้ว่าไม่ใยดี  รู้ว่าทำอะไรไม่ได้เลยเดินตามไปหยุดรอซินจ่ายเงินที่หน้าเคาเตอร์

      พอจ่ายเงินเสร็จร่างบางก็ออกจากร้านแบบไม่สนเสียด้วยซ้ำว่าเขาเดินตามออกมาแล้วหรือยัง  แต่สิ่งที่ทำให้นัทยิ้มออกก็ตรงที่รถโฟล๊คคันงามไม่ได้จอดอยู่ตรงนั้นแล้ว  นึกอยากกอดขอบคุณป๊ากับม๊าแน่นๆที่ยอมทำตามคำขอ  หันไปมองคนสวยที่เอามือท้าวเอวตัวเองแล้วเริ่มจึ๊ปากออกมาอย่างไม่สบอารมณ์

       

      ร่างสูงรีบกูลีกูจอไปยังรถของตัวเองที่จอดอยู่แล้วเปิดประตูข้างคนขับเพื่อรอให้อีกคนเดินมาขึ้น  ร่างบางกอดอกอยู่ตรงนั้นชั่วอึดใจ  ดูท่าลังเลเหมือนไม่เต็มใจที่จะทำตามแต่แล้วก็ยอมเดินมาขึ้นรถจนได้  มือสวยจับประตูรถก่อนขึ้นนั่งแล้วหันมาพูดกับมือกีตาร์ที่ยืนรอปิดประตูให้

       
       

      “รีบออกรถไป...ร้อน..ปิดเองได้” วาจาประกาศิตทำให้ร่างสูงรีบวิ่งไปประจำที่คนขับ

       
       

      ขึ้นรถได้ก็รีบปรับเร่งแอร์ให้คนขี้ร้อนได้เย็นชื่นใจขึ้นมาบ้าง หวังว่าจะช่วยให้อารมณ์บ่จอยนั้นทุเลาลง 


      “เราไม่ได้งอนนะ” เสียงเล็กพูดขึ้นมาหลังจากออกรถมาได้ไม่นาน 

      “อ่าว..ก็เห็นรีบออกมาไหนจะไม่ยอมตอบข้อความอีก”

       

      “..............”

      แต่ซินเงียบไปไม่ยอมตอบ นัทก็ได้แต่เงียบรอฟังว่าอีกฝ่ายจะว่าอย่างไร


      จนกระทั่งรถมาเทียบจอดที่หน้าร้านอาหารญี่ปุ่นที่คุ้นตา  นัทค่อยๆปลดกระดุมคอเสื้อตัวเองให้ผ่อนคลายมากขึ้น  ก่อนดับเครื่องแล้วหันไปหยิบกระเป๋าตังค์จากกระเป๋าใบใหญ่ออกมา

       

      “กินข้าวก่อนป๊ะ”  แล้วนัทก็เดินลงจากรถนำเข้าร้านไป ซินไม่ได้ตอบว่าไงแต่ก็เดินตามลงมา

       

      ร้านนี้เป็นร้านที่เขาสองคนเคยมากินแล้วสองสามครั้ง  รสชาติใช้ได้และที่สำคัญคือที่ชั้นสองมีแยกเป็นห้องๆแบบส่วนตัวสำหรับลูกค้า  พนักงานรับคำสั่งจากนัทแล้วก็พาเดินนำขึ้นไปบนชั้นสองแล้วเชิญให้เข้าห้องอาหารที่เป็นแบบโต๊ะญี่ปุ่นนั่งกับพื้นให้ทั้งสองเข้าไปพร้อมรับออร์เดอร์ตามคำสั่งของมือกีตาร์  ร่างบางนั่งลงแล้วกดมือถือต่อสายหาใครบางคน

       
       

      “ป๊าใจร้าย..จะไปไม่บอกสักคำ”

      เสียงอ้อนส่งไปให้คนปลายสาย ทำให้นัทห้ามยิ้มไว้ไม่อยู่  ถึงจะทำเป็นนิ่งแค่ไหน แต่เวลาซินอยู่กับป๊ากับม๊าก็จะกลายเป็นเด็กๆทุกที

       

      “ฮะ...กำลังจะกินข้าว ป๊าม๊าไม่ต้องซื้อเผื่อ” คุยสายต่ออีกนิดหน่อยร่างบางก็เก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกง

       

      “ไม่มีตังค์นะ..บ๋อแบ๋” วางโทรศัพท์แล้วก็หันมาบอกเขาพร้อมทำท่าทางแบมือสะบัดไปราวเด็กเล็กๆชอบทำ

       

      “เออ..งกตลอด”

      ว่าแล้วก็เริ่มนั่งเหยียบขาให้สบายเนื้อสบายตัวมากขึ้น  พลางหันไปมองคนสวยที่ตอนนี้ฟุบหน้าเข้ากับโต๊ะอาหารอยู่ฝั่งตรงข้าม  มือใหญ่เอื้อมไปลูบหัวฟูๆของคนสวยเบาๆ

       

      “เป็นไร”

      “.......” คำตอบที่ได้คือการส่วยหันไปมา


      ไม่นานอาหารก็มาเสิร์ฟ  เรียกได้ว่าจัดชุดใหญ่  ใบหน้าหวานเริ่มยิ้มออกมาได้บ้าง สงสัยคงเพราะหิวจึงรีบจับอาวุธพร้อมทาน 

       
       

      “ใจเย็นๆไม่แย่งหรอกหน่า” เสียงห้าวเอ่ยแซว พลางนั่งดูร่างบางลงมือทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย

       
       

      แก้มป่องเคี้ยวข้าวตุ้ยๆ ดูสนอกสนใจอาหารมากกว่าคนตรงหน้าจนนัทเริ่มเอือม  เลยเอื้อมไปแย่งจานปลาที่ซินหมายจะคีบมาไว้กับตัวเองแทน  ใบหน้าสวยเบะอย่างเอาแต่ใจที่โดนแกล้ง

       
       

      “ก็กินไม่สนใจกูเลยครับ”

       

      “ก็หิวอ๊ะ” แล้วก็ขยับจานปลามาไว้ใกล้ตัวเองอีกครั้ง  นัทไม่ได้ว่าอะไรแถมด้วยการคีบกุ้งเทมปุระของตัวเองใส่จานของซิน

      “กินเยอะๆ”


      “ไม่ต้องมาเอาใจ...ก็บอกแล้วว่าไม่ได้งอน”

       

      “งั้นแล้วเป็นไร”

      “หงุดหงิดตัวเอง”

      คำตอบทำให้นัทแปลกใจปนงงในเวลาเดียวกัน  คิ้วเข้มขมวดแสดงออกชัดเจนว่าไม่เข้าใจในคำตอบของคนตัวเล็ก ทำให้ซินหลุดหัวเราะออกมา  แล้วกลับไปสนใจกินต่อ

       
       

      “คุยให้รู้เรื่องก่อนดิวะซิน” เสียงท้วงทำให้มือสวยชะงักหยุดคีบอาหาร

       

      “ซินหงุดหงิดตัวเอง....ที่ไม่ชอบเห็นใครทำแบบนั้นกับคุณ”

       
       

      ใช่...เขาไม่เคยชอบตัวเองสักครั้งที่หึงที่หวงกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง  การที่แฟนคลับชื่นชอบและหลงใหลในตัวนัทนั่นควรจะเป็นเรื่องดี  แฟนคลับยอมสละเวลาเพื่อมาเป็นกำลังใจให้พวกเขา แค่การจับมือ  ถ่ายรูป กอด หรือแม้แต่หอมแก้ม ก็คงจะเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วที่ศิลปินพึงจะให้กับแฟนคลับได้

       
       

      แต่ทุกครั้งที่เห็นในใจมันรู้สึกไปเอง  มันควบคุมอะไรไม่ได้เลย ยังจำสิ่งที่เกิดขึ้นในงานช่วงบ่ายได้ดี  วันนี้มันเป็นวันที่ดีอย่างเหลือเชื่อ และรู้สึกดีมากๆที่เห็นแฟนๆที่เขารักเรามาคอยมาทุ่มเททำอะไรให้ขนาดนี้   เรียกได้ว่าอารมณ์บวกร้อย แต่แล้วเสียงกรี๊ดโวยวายของแฟนคลับตอนช่วงเวลานั้นพร้อมกับเสียงที่ลอยมาว่ามีคนหอมแก้มนัท  ...ก็รู้เลยว่าตัวเองยิ้มไม่ออก  มันคงไม่ใช่ความหึงหวงไปซะทีเดียว  แต่มันคือความรู้เหมือนถูกล่วงล้ำเข้ามาในอาณาเขตโดยไม่ได้รับอนุญาต  ไม่ได้มองว่านัทเป็นสิ่งของแต่อยากแสดงความเป็นเจ้าของ...

       
       

      มือสั่น และพยายามอย่างมากที่จะไม่หันไปมอง  รู้แต่ว่าตอนนั้นแค่การกระตุกยิ้มขึ้นมันช่างยากเหลือเกิน  เขาเป็นแบบนั้นนานแค่ไหนก็จำตัวเองไม่ได้  มาเรียกสติตัวเองได้อีกทีก็ตอนที่มีน้องแฟนคลับมาขอจับมือจึงเงยหน้าส่งยิ้มไปให้

       

       

      “คุณไม่ได้ผิด..คนที่หอมคุณก็ไม่ผิดหรอก” ใบหน้าสวยส่งยิ้มจางๆไปให้คนตรงหน้า 

       
       

      .....ไม่อยากเป็นคนงี่เง่าแบบนั้น.....
      ........แต่ขอเวลาเราจัดการอารมณ์ตัวเองหน่อยนะ..............



      “นัทก็ไม่ทันตั้งตัว....อยู่ๆมาหอมเลย..เหอะๆ” พูดไปพร้อมเกาหัวตัวเองแก้เขิล

       

      “อื้มม..เขารักเขาชอบคุณก็ต้องอยากแสดงออกเป็นธรรมดา...ซินไม่เป็นไรจริงๆ...ขอโทษที่งี่เง่าไปแล้ว”

       

      นัทมองหน้าซินแล้วยิ้มออก ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาสองคนผ่านเรื่องราวอะไรมามากมาย  หลายๆเหตุการณ์เป็นบททดสอบหัวใจได้เป็นอย่างดี  และเขารู้ว่าซินพยายามอย่างมากที่จะเข้าใจและปรับตัวเสมอ แต่ทุกครั้งมันก็มีเรื่องดีเจืออยู่

       
       

      ......เพราะผมเชื่อเสมอว่าถ้าไม่รักคงไม่หึง.....




      นึกแล้วก็ยิ้มแป้นออกมาคนเดียว  ก่อนคีบซูชิไปจ่อตรงปากรอให้ซินกิน  คนถูกป้อนขมวดคิ้วงงเล็กๆ

       

       

      “มาไม้ไหนเนี่ย”

       

      “ก็ให้รางวัลที่ทำตัวน่ารัก”

      คำตอบทำให้คนสวยคว่ำปากแบบเอือมๆพร้อมหัวเราะร่วน

       

      “มีรางวัลอื่นแทนมะ”
      เสียงเล็กเอ่ยถาม พร้อมยิ้มตาหยีอย่างน่ารักน่าชัง(ในสายตานัท)

       

      นัทไม่ได้ตอบอะไรแต่ชักมือที่คีบซูชิให้ซินกลับมาที่ตัวเอง แล้วคาบชิ้นซูชิไว้ที่ปากตัวเองค้างไว้แบบนั้น  มือใหญ่กวักเรียกคนตรงหน้า  แล้วชี้มาที่ปากตัวเอง

       
       

      “มีแต่เนี่ย..มาเอามา” เสียงพูดอู้อี้ แต่คนฟังได้ยินชัดเจนจนหลุดยิ้มเขินออกมา

      “ไอ้บ้า”  หน้าร้อนวูบๆ

       

      แต่นัทยังคงคาบซูชิค้างอยู่อย่างนั้นและกวักมือเรียกไม่เลิก แถมตบเบาะข้างๆเร่งให้รีบไปหา เสียงห้าวเริ่มร้องโวยวายว่าให้ร่างบางย้ายไปนั่งข้างเร็วๆเพราะเริ่มเมื่อยปาก  สุดท้ายร่างบางก็ย้ายร่างตัวเองมาแหมะอยู่ข้างๆนัทจนได้

       

      “เย็ววววว” ร้องเร่งพร้อม ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ 

      ใบหน้าสวยขยับเข้าไปหา  เอียงคอในองศาที่เหมาะที่จะงับชิ้นซูชิจากปากนั้น  แต่ระหว่างที่กำลังกะจังหวะอยู่นัทก็ดึงชิ้นซูชิออกจากปากตัวเอง  มือใหญ่จับต้นคอระหงแล้วโน้มเข้าไปหา แล้วจุ๊บปากบางนั้นแรงๆหนึ่งที

       

       

      “จุ๊บๆ”

      นัทแกล้งทำเสียงจุ๊บๆใส่จนถูกซินฟาดเข้าให้

       
       

      “ขี้โกง” เสียงเล็กบ่นงุบงิบแล้วทำท่าจะลุกกลับไปนั่งที่ตัวเอง แต่ถูกแขนแกร่งรั่งเอาไว้

      “นั่งนี่แหละ..ตรงนั้นไกลไป” ว่าแล้วก็เอื้อมไปบริการย้ายจานกับแก้วน้ำของซินมาให้ถึงที่

       
       

      เห็นนัททำตัวน่ารักแบบนี้ยิ่งรู้สึกหัวใจพองโต

      และทุกครั้งที่รักมากขึ้นเท่าไรมันก็ยิ่งหวงมากขึ้นเท่านั้น

      รู้ว่าเป็นคนงี่เง่า ขี้เอาแต่ใจ แต่จะพยายามเป็นคนมีเหตุผลให้ได้

       

       

      .....เพื่อนัท....
      .....เพื่อรัก.....

       
       

      หันไปแอบมองใบหน้าหล่อคมที่เริ่มลงมือกินอาหารบนโต๊ะ ปากได้รูปเคี้ยวหมุบหมับดูท่าทางก็คงหิวไม่ต่างกัน

      ปากสวยยกยิ้มขึ้นมาอย่างเอ็นดูเพราะเม็ดข้าวที่ติดอยู่ตรงข้างแก้มใบหน้ามาเฟียนั้นช่างไม่เข้ากันเสียเลย ถ้าแฟนคลับมาเห็นภาพนี้คงลงมติเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่ใช่มาเฟียแล้ว นี่มันเด็กอนุบาลชัดๆ  ส่ายหน้าขำแล้วเอื้อมมือเข้าไปหา..



      “เลอะเทอะ
      !

       แล้วปัดเศษข้าวออกจากแก้มให้นัท  คนถูกจับแก้มหันกลับมาหางงๆแล้วเอามือเช็ดปากตัวเองพร้อมยิ้มเหรอหราแบบที่ทำบ่อยๆส่งมาให้

       
       

      “แหะๆ”  

      เห็นรอยยิ้มของนัทที่ส่งมาให้ทำให้รู้สึกอิ่มเอาซะดื้อๆ แขนเล็กท้าวคางตัวเองดูคนข้างกายกินแทน 

      ความจริงหน้าตาแบบนัทนี่ไม่ใช่สเปคเขาเลย  แต่ไม่รู้ทำไมพออยู่ๆไปกลับมองว่าไอ้หน้าแบบนี้มันดูน่ารักอย่างไม่น่าเชื่อ  หรือจริงแบบที่ใครเขาบอกว่าความรักทำให้คนตาบอด .....





      “เดี๋ยวนะ...”

      มือเล็กจับแขนเรียกให้นัทหยุดกินก่อน คนถูกเรียกชะงักตามเสียงแล้วหันไปมองหน้าเลิกคิ้วถามว่าร่างบางจะเอาอะไร

       

       

      “ข้างนี้ใช่มะ?”

      นิ้วเรียวจิ้มที่ข้างแก้มขวาของนัท  แต่จากคำถามที่ไม่มีที่มาที่ไปทำให้คนฟังได้แต่ทำหน้าเหวอๆงงๆอยู่อย่างนั้น

       
       

      “อะไรวะ”

      “ลบรอยก่อน”



      พูดจบก็เอามือตัวเองมาถูๆที่ข้างแก้มนัทแรงๆ ถูไปถูมา แล้วก็เอาปลายนิ้วปัดๆเหมือนปัดเศษฝุ่นออกไปก็ไม่ปาน

      ถูและปัดจนพอใจก็ยิ้มสวยชื่นชมผมงานตัวเอง  ก่อนโน้มหน้าเข้ามาใกล้จรดริมฝีปากตัวเองลงบนแก้มนัท...



      “จุ๊บ
      ~!

       

       

      .......โอเคสบายใจ.....กินต่อได้....

       

       

      -END-

       *************************************************************************************************************************
      P.K.M Talk>>> มาต่อฟิคแว้วววว แต่คราวนี้มาแปลกหน่อยตรงเป็นฟิคสั้นนะจ๊ะ เพื่อให้เข้ากับเหตุการณ์ปัจจุบันซะโหน่ยยยย


      เรื่องของเรื่องคืออย่างที่ทุกคนรู้แหละเนอะ
      งาน SINGULAR 'S CONCERT DVD LAUNCH DAY มีแต่เรื่องทำให้ฟินกลับมา 

      และเราก็โชคดีอย่างไม่น่าเชื่อที่ได้บัตรตั้งแต่รอบแรกที่เล่นทางเฟสบุ๊ค จึงได้มีโอกาสไปเห็นความฟินกะตา อิอิ ฟิคตอนนี้อาจจะไม่ได้เล่ารายละเอียดในงานวันนั้นนะคะขอโทษด้วยค่าา แต่เราเก็บตกหลังงานมา หุหุ  น่ารักรึเปล่าก็ไม่รู้สิ (หวังว่าจะถูกใจกันนะค๊าาา) 55555


      ส่วนฟิคยาว ยังมีต่อนะคะ กำลังปั่นนะ ในไม่ช้าจะเอามาลง อย่าลืมติดตามกันด้วยเน้อออออออ

      Fic OTOP จงเจริญ ~~~  รักนะตะเอ๊งงงง

       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×