ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fiction NutSin : รักที่ไม่รู้

    ลำดับตอนที่ #2 : Fiction NutSin : รักที่ไม่รู้ # 2

    • อัปเดตล่าสุด 13 ก.ย. 55


    === Fiction  ก็คือไม่ใช่เรื่องจริงนะคะ ทุกอย่างคือจินตนาการค่ะ ขอบคุณลวงหน้าที่เข้าใจ^^ =

     

    -------------------------------------------------------------------------------

    NutSin : รักที่ไม่รู้ # 2

     

    ดวงตาคู่สวยที่ไม่ได้ฉายแววสดใสอย่างเคยเหม่อมองออกไปข้างนอกหน้าต่าง  ลมเย็นๆเข้าปะทะร่างบาง  ความรู้สึกเย็นวูบๆทำให้ชันเข่าสองข้างของตัวเองขึ้นมากอดเอาไว้  มีคนเคยบอกว่าอย่านั่งด้วยท่านี้  เป็นท่าของคนอมทุกข์  เขาเคยเชื่อและพยายามจะไม่นั่งท่านี้ตาม  แต่ในเมื่อความรู้สึกภายในใจของเขาตอนนี้ก็ไม่ได้ต่างออกไปจากคำว่าอมทุกข์มากนัก  ก็คงไม่มีค่าอะไรที่จะหลอกตัวเองว่าเรามีความสุข

     

    “ซินขอโทษที่เห็นแก่ตัว” คำพูดที่เขาจำได้ว่าตัวเองพูดกับนัทไปวันนั้น

     

    อีกคนทำหน้าเศร้าสร้อยเหลือเกิน  นั่นยิ่งทำให้เผลอคิดเข้าข้างตัวเองว่าเขาไม่ได้อยากไปรักคนอื่น 

    แต่ถ้าคนรักกันก็คงไม่เป็นแบบที่เราสองคนเป็น......

    ซินรู้ดีว่าความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อนัทมันคืออะไร  มันค่อยๆเกิดขึ้น และชัดเจนขึ้นมานานแล้ว  แต่ก็รู้อีกเช่นกันว่ามันไม่แฟร์สำหรับนัท  ตัวเขาเองมีพี่ท็อปยังคงรักษาความสัมพันธ์ฉันคนรักเอาไว้  แต่ในหัวใจกลับใกล้นัทมากเหลือเกิน...

    มันคงเป็นความกลัว  กลัวลึกๆในใจ นัทไม่เคยมีความสัมพันธ์ “แบบนี้” มาก่อน  มันอาจเป็นเพียงความใกล้ชิด  อาจเป็นความเผลอใจ  ใครจะกล้ายืนยันว่าคือความรัก  และถ้าซินเลือกสักทาง  ก็กลัวว่าผลสุดท้ายซินอาจจะไม่เหลือใครก็ได้

     

    วันนั้นนัทไม่เอ่ยอะไรออกมาอีกเลยนอกจากขอโทษ  และขอโทษอยู่อย่างนั้น  จำไมได้เสียด้วยซ้ำว่าตัวเองอยู่ในอ้อมกอดของนัทนานแค่ไหน  ร้องไห้หนักเหลือเกิน  ไม่มีแรงจะขัดขืนอย่างที่ใจคิด กอดของนัทอุ่นเสมอ แต่ครั้งนี้กลับเป็นกอดที่ทำให้ใจเหน็บหนาวมากที่สุด  นัทเป็นคนโทรไปแคนเซิลพี่ท็อป และพาร่างที่อ่อนแรงเหลือเกินมาส่งที่บ้าน

    ตลอดทางเขาและนัทไม่ได้พูดอะไรกันเลย  นัทขับรถไปเรื่อยๆ และจอดข้างทางเป็นระยะ เมื่อเกิดเสียงสะอื้นออกมาเป็นระรอกแล้วก็ขาดหายไปเอง  มือใหญ่พยายามกุมมือเอาไว้  แต่ยิ่งกุมยิ่งทำให้สะอื้นหนักกว่าเดิม

     

    รถเทียบลงที่หน้าบ้านหลังที่คุ้นเคย

     

    “นัทขอจูบอีกสักครั้งได้ไหม”

    มือใหญ่รั้งเขาเอาไว้ก่อนที่จะเปิดประตูรถ

     

    .......เพื่ออะไร...... 

     

    ใบหน้าสวยหันกลับไปมอง  ดวงตายังคงบอกช้ำ น้ำใสๆยังเอ่อคลอล่อเลี้ยงดวงตาอย่างนั้น

     

    “ครั้งสุดท้ายหรอ?”

    ถามออกไปแบบคนไร้ค่ามาก  เกลียดตัวเองที่สุด  ก็เพราะกลัวการถามของนัทแบบนี้  ถามแบบนี้ต่างจากการบอกลาไหม เหมือนคนที่เขาบอกเลิกกันหรือเปล่า  แต่คงไม่  เพราะเรายังไม่ทันได้คบกันเสียด้วยซ้ำ

     

    ............แปลว่าหลังจากนี้........ อาจไม่มีอีกแล้ว..........

    “ถ้าเป็นการจูบลา...ฮึก..อย่าดีกว่า..ซินไม่อยา...”

     

    พยายามแกะมืออีกคนออก  แต่แรงของนัทเขาไม่เคยสู้ได้เลย สุดท้ายก็ถูกมือใหญ่กว่าประคองใบหน้าเข้าไปใกล้

    ริมฝีปากอุ่นประทับลงบนกลีบปากสวย  แผ่วเบาและนุ่มนวล  ดวงตาหลับพริ้มและก็พร้อมกับน้ำตาที่หยดลงอาบแก้ม  มือเล็กจิกลงบนแขนแกร่งอย่างเผลอตัว  มันคงเป็นจูบที่สวยงามและเจ็บปวดมากเช่นกัน เขารู้ว่าตัวเองจูบตอบนัทกลับไปอย่างโหยหาไม่ต่างกัน  อยากหยุดเวลาไว้ตรงนี้ เพราะหลังจากนี้ คนคนนี้อาจไม่ใช่คนของเขาอีกแล้ว....

     

    ให้เป็นความคิดถึง...แม้นานเท่าไรเธอจะอยู่ในใจเป็นเรื่องจริงในความทรงจำ....

    จะเก็บมันเอาไว้....
    จะเก็บมันเอาไว้......

     

    เขาไม่ได้เจอนัทมาหลายวันแล้ว เพราะตารางงานมีอีกทีก็อาทิตย์หน้า และเขาเองก็เลือกที่จะขออนุญาตพี่โอ๊ตไม่เข้าบริษัท  อยากอยู่กับตัวเองมากกว่า  อยากให้ทุกอย่างหยุดเงียบแบบนี้ เผื่อว่าความทรงจำจะได้อยู่กับเราไปนานๆ...

    ก๊อก ก๊อก ก๊อก 
    !!


    “ซิน  โทรศัพท์ลูก” เสียงเรียกทำให้เขาหลุดออกจากผวัง แล้วลุกไปเปิดประตู

     

    “ใครครับม๊า”

    “พี่ท็อปลูก เขาบอกโทรเข้าเครื่องลูกแล้วลูกไม่รับ”

    “อ่าวหรอฮะ ..ซินปิดเสียงเลยไม่เห็น.. เดี๋ยวซินรับครับม๊า” ส่งยิ้มหวังให้อีกคนคลายเป็นห่วง เพราะเขารู้ดีว่าการที่เก็บตัวเงียบอยู่ในห้องแบบนี้  ม๊าคงเป็นห่วงไม่ใช่น้อย  ร่างบางเดินกลับเข้าห้องแล้วหยิบโทรศัพท์เครื่องในห้องกดโอนสายแล้วรับ

     

    “ฮะพี่ท็อป”

    “น้องซิน.. ทำไมไม่รับโทรศัพท์พี่เลย !” น้ำเสียงปลายสายดูเป็นห่วงและกระวนกระวายใจ

    “ซินลืมเปิดเสียงฮะ” เขาปิดเสียงจริงๆ  ....แต่ตั้งใจปิดถึงจะถูก....

    “เราเป็นอะไรรึเปล่า .. ม๊าบอกว่าไม่ยอมออกจากห้อง ทะเลาะกับนัทหรอ พี่เพิ่งกลับมาถึงบ้านจากสัมมนาเดี๋ยวจะรีบไปหา”

    “เปล่าฮะ ซินไม่ได้ทะเลาะกับใคร  พี่ท็อปไม่ต้องเป็นห่วงซินแค่เหนื่อยๆ”

     

     .... จะบอกพี่ท็อปได้อย่างไรว่าที่เป็นแบบนี้เพราะ,,,,นอกใจ,,,,

    “งั้นเดี๋ยวจะเข้าไปหาจริงๆ เสียงดูไม่ดีเลย”

    “ฮะ...”

     

    ไม่ได้บอกปฏิเสธ เขารู้ว่ายังไงพี่ท็อปก็ต้องมาให้ได้อยู่ดี  ความจริงการมาของอีกคนอาจทำให้เขารู้สึกดีขึ้นก็ได้  

     

    เพราะอย่างน้อยเราก็ยังรักพี่ท็อปอยู่.....ไม่ใช่หรอ?....

     

    ไม่นานเสียงรถที่คุ้นหูก็มาถึงที่ลานจอดรถหน้าบ้าน  ซินอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว ไม่อยากให้อีกคนต้องเห็นสภาพโทรมๆ  รอยช้ำที่ดวงตาจางลงไปมากแล้ว  แต่ก็ไม่รู้ว่าอีกคนจะดูออกไหม  ร่างบางลงมายืนรอที่หน้าประตูบ้าน  ใบหน้าสวยส่งยิ้มให้ร่างสูงที่หิ้วถุงพะรุงพะรังเต็มสองมือเดินยิ้มมา

     

    “ของฝากเต็มเลย”  พลางชูสองแขนให้เจ้าของบ้านดู  ร่างบางพาอีกคนเดินตามเข้ามาในบ้าน  ท็อปทักทายป๊ากับม๊าอย่างคนคุ้นเคย  แล้วเอาของไปวางไว้ที่ห้องครัวราวกับเป็นเจ้าของบ้าน

    “อะไรเยอะแยะตาท็อป” ป๊าถามอย่างอารมณ์ดี หลังเดินตามผู้มาเยือนเข้ามาในครัว

    “ของฝากฮะ ท็อปไปสัมมนาที่เชียงใหม่เลยซื้อของมาเผื่อน้องซินกับป๊าม๊า”

    “เกรงใจแย่เลยลูกไม่เห็นต้องซื้อมาเยอะขนาดนี้”

    “เกรงใจอะไรครับคนกันเอง  แล้วก็นี่วิตามินบำรุงฮะ  ท็อปไม่ได้เอามาให้นานแล้วของเก่าหมดรึยังครับ”

     

    ท็อปทำงานเป็นเภสัชกร  สนิทสนมกับบ้านซินมานานแล้ว เขาและซินรู้จักกันเพราะท็อปทำงานอยู่โรงพยาบาลที่ญาติซินเป็นหมออยู่จึงมีโอกาสได้เจอกันหลายครั้ง  และก็เป็นท็อปที่เข้าหาซินก่อน  ท็อปเป็นผู้ชายตัวสูง ขาว ใส่แว่นแต่ไม่ตี๋  พูดจาฉะฉาน เข้ากับคนง่าย  นี่คงเป็นสิ่งที่ทำให้เข้ากับคนในบ้านซินได้อย่างง่ายดาย

     

    ต่างกับอีกคนที่เงอะงะมากในครั้งแรกที่เข้ามาในบ้านหลังนี้.....

     

    “สวัสดีครับ” เสียงทุ้มเอ่ยด้วยท่าทีประหม่า  เขาไม่เคยมาบ้านคนตัวเล็กมาก่อน  แม้จะทำงานด้วยกันมาเกือบปีเพราะซินไม่ใช่คนที่จะเปิดรับใครเข้ามาในชีวิตง่ายๆ  จนกระทั่งวันนี้ซินชวนให้มาคุยเรื่องงานกันที่นี่ เพราะบ้านเราไม่ไกลกันมากนัก

     

    “สวัสดีจ๊ะ”

    หญิงสาวมีอายุเจ้าของบ้านเอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้ม แล้วแล้วหันมาเลิ้กคิ้วเป็นเชิงถามลูกชายตัวเองว่าคนนี้คือใคร

    “นี่นัทฮะ ที่ทำเพลงกับซินไงที่ซินเล่าให้ม๊าฟัง”

    “อ๋อออ ตานัทฝากน้องซินด้วยนะลูก”

    “ซินแก่กว่านัทอีก ไปฝากมันทำไมม๊า” เสียงเล็กพูดกรั่วหัวเราะลงคอ แล้วเดินเข้าไปนั่งตรงโซฟา

    “อ่าวหรอลูก  แต่ก็นั่นแหละ ฝากพี่ซินด้วยนะลูก เขาออกจะดื้อสักหน่อย” ม๊าพูดจาด้วยท่าทางอารมณ์ดีแล้วก็เดินเข้าครัวหายไป

     

    “เอ้า...จะยืนทื่ออยู่อีกนานไหมคุณ มานั่งสิ”

    ซินร้องเรียกให้อีกคนมานั่งด้วยกันที่โซฟา  ก็นัทเล่นยืนงงๆมึนๆไม่รู้จะไปไหนดีอยู่นั่น  คงไม่รู้จะพูดจะคุยอะไรดีเลยเลือกที่จะยืนยิ้ม(บื้อๆ)อยู่ตรงนั้น 

     

    “ก็เจ้าของบ้านไม่เชิญนี่หว่า” ว่าแล้วก็แก้เก้อด้วยการล้มลงมานั่งเบียดคนตัวเล็กที่โซฟา

    “ยังทำเป็นปากดี...โว้ยย เบียดไรเล่า..” เอาขาถีบอีกคนให้ออกห่าง แต่กลับหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี  ดูเหมือนจะหยอกกันเล่นมากกว่า 

    “อยู่บ้านทำเก่งนะซิน ทีอยู่ข้างนอกทำเรียบร้อย แม่งสร้างภาพว่ะ”

    “เขาเรียกว่าวิถีคนฉาดเว้ย”

    “โหหห .. ร้ายนักนะมึ...” เสียงขาดหายไปเพราะพอดีกับที่ม๊าเอาน้ำเข้ามาให้  นัทรีบเขยิบตัวออกห่างแล้วพนมมือขอบคุณม๊าอย่าเกร็งๆ 

     

    “ตามสบายนะลูก ม๊าไม่กวนแล้ว”
    “อ่อครับ  ไม่ได้กวนเลยครับ ขอบคุณมากครับม๊า” ท่าทางขอบคุณผงกๆยิ่งทำให้ซินหลุดขำออกมา  นัทเวลาอยู่กับผู้ใหญ่มักจะเป็นแบบนี้เสมอ  เหรอๆหราๆ เงอะๆงะๆ ทำตัวไม่ค่อยถูก...

     

    “หัวเราะไรครับไอ่คุณซิน” แขนใหญ่กระทุ้งเข้าสีข้างเจ้าของบ้านที่ยังหัวเราะคิกแม้ม๊าจะเดินจากไปแล้ว

    “ก็หัวเราะคนเสร่อ!” ยิ่งอีกคนเขินยิ่งน่าแกล้ง 

     

    นั่นคือครั้งแรกที่คนนั้นมาที่นี่......มันหลายปีมาแล้ว.....แต่เขายังจำได้ไม่เคยลืม...

     

     

    ท็อปพูดคุยกับป๊าม๊าสักพักก็ขอตัวขึ้นมาบนห้องพร้อมซิน  ป๊าม๊าไม่ได้ขัดอะไร แถมม๊าออกจะสนับสนุนเสียด้วยซ้ำ  คงเพราะเป็นห่วงและแน่นอนว่าต้องมีแอบไปถามกันลับหลังเขาแน่นอนถึงอาการซึมเศร้าของเขาคราวนี้

     

    ร่างบางเดินนำเข้าห้องมาก่อนแล้วนั่งลงที่โซฟาข้างเตียง  ท็อปเดินตามเข้ามาแล้วนั่งลงข้างๆร่างบาง ไหล่กว้างรับรู้ได้ถึงแรงกดทับจากหัวของอีกคนที่อิงซบลงมา ซินซบอยู่อย่างนั้นไม่ได้พูดอะไร แขนเล็กสอดเข้าคล้องแขนคนตัวใหญ่กว่าเอาไว้อย่างหาที่ยึดเหนี่ยว มือใหญ่อีกข้างลูบลงบนเส้นผมสลวยของคนตัวเล็ก

     

    “เป็นอะไรครับ”

    “.......”  อีกคนไม่ยอมตอบอะไรแต่กลับส่ายหัวแล้วนิ่งซบเขาอยู่อย่างนั้น

     

    การมีพี่ท็อปข้างๆแบบนี้ เขาถือว่าเป็นคนโชคดีมากๆ อีกฝ่ายไม่เคยเรียกร้องอะไร ไม่ขี้บ่น  ไม่ขี้หึงแถมยังมีความเป็นผู้ใหญ่แบบที่เขาไม่เคยมี ความรู้สึกที่มีให้พี่ท็อปคงเป็นความรัก  แต่ก็ไม่รู้ว่าแล้วที่มีให้นัท

     

    .....มันเรียกว่าอะไรกัน.....

     

    “น้องซิน” เสียงทุ้มเอ่ยเรียก
    “.......”  
    มือเล็กจับมือใหญ่กว่าขึ้นมาแล้วประทับริมฝีปากลงไปบนหลังมือ แล้วเอามือใหญ่นั้นมาแนบข้างแก้มใสของตังเอง 

    เห็นแก่ตัวที่สุด นอกใจเขาแล้วยังมีหน้ามาให้เขาปลอบใจในวันที่ช้ำมา
    เราเป็นคนนิสัยไม่ดีแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรกันนะ

      “ซิน....ร้องไห้ทำไม”
    เสียงเรียกคราวนี้ทำให้เขาออกจากห้วงความคิดแล้วเพิ่งรู้ตัวว่าน้ำตาอาบแก้มตัวเองตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ รีบเอามือเช็ดออก ใบหน้าหล่อคมหันกลับมามองหน้าคนตัวเล็ก แววตาของอีกคนเป็นห่วงและเต็มไปด้วยคำถาม

      “ทะเลาะกับนัทหรอ” คำถามนี้ยิ่งทำให้ซินร้องไห้ออกมาอีกครั้ง เสียงสะอื้นยิ่งทำให้อีกคนหนึ่งเป็นห่วง แล้วจับซินเข้าไปกอดเอาไว้ในอ้อมแขน มือใหญ่ลูบหัวปลอบประโลมอย่างห่วงหา  


    “ท็อป...ฮึก..ซินมีเรื่องจะบอก”
    เสียงเล็กๆค่อยเอ่ยออกมาอย่างยากลำบาก คนตัวใหญ่กว่าคลายอ้อมกอดลง แล้วมองหน้าคนตรงหน้าเพื่อรอให้อีกฝ่ายเอ่ยอะไรออกมา  

    “เรื่องของนัทรึเปล่า”
    “........”
    พยักหน้าพร้อมกับแรงสะอื้นที่หนักขึ้นไปอีก  

    “ซิน..ฮึก...คิดว่าซินนอกใจท็อป”
    เขาไม่กล้าสบตาคนตรงหน้า ทำได้เพียงก้มมองมือตัวเองอยู่อย่างนี้ และรอ  รอว่าอีกฝ่ายจะว่าอย่างไร

    ห้องสีขาวปกคลุมไปด้วยความเงียบงัน  เป็นอึดใจที่ลอยเคว้งอยู่อย่างนั้น ท็อปเงียบอยู่นานทีเดียว  

    “รักเขามากไหม? แล้วยังเหลือรักให้เราไหม? ”น้ำเสียงแผ่วเบาเหลือเกิน

    เขารู้ดีว่าท็อปไม่ได้โง่ ก็ไม่ต่างจากเขาเองตอนเริ่มรู้เรื่องน้องดาต้า  แต่ท็อปก็เลือกที่ทำเป็นไม่สนใจและไม่เคยว่าเขาเรื่องที่เขาสนิทสนมกับนัทมากขนาดที่ผ่านมาเลย   

    “ซินยังรักท็อป ...แต่ก็ไม่รู้ว่ารักนัทมากไหม”

    คนฟังคำตอบไม่ได้เอ่ยตอบอะไรกลับมา และไม่มีท่าทีโกรธอะไรยิ่งทำให้ซินรู้สึกผิด ใบหน้าสวยค่อยๆเงยขึ้นมองใบหน้าคม  แววตาท็อปเศร้าเหลือเกิน ทำไมถึงไม่โกรธล่ะ  โกรธเราสิท็อป อย่างน้อยเราจะได้มีลดความรู้สึกว่าตัวเองแย่ลงไปได้บ้าง  

    “ท็อปพูดอะไรบ้าง.....จะโกรธซินก็ได้”

    “เรื่องหัวใจ..ท็อปบังคับซินคงไม่ได้”
    เสียงทุ้มพูดตอบกลับมาสั่นเครือ น้ำตาคลอที่เบ้าตาคนพูดแล้วหยดแหมะลงอย่างเกินจะควบคุม

     

     

    มือสวยเอื้อมขึ้นไปเช็ดน้ำใสใสที่อาบข้างแก้มคนตรงหน้า ทั้งๆที่ตัวเองก็ร้องไห้ไม่หยุดเช่นกัน

     

    ทำได้เพียงคิดถึงแม้นานเท่าไร  เธอจะอยู่ในใจเป็นเรื่องจริงในความทรงจำ....

     

    เหมือนมีอะไรมาบีบหัวใจตัวเองเอาไว้ บีบแน่นเสียจนราวกับจะไม่มีแรงหายใจต่อ

    การโดนคนอื่นทำให้เสียใจ กับการทำร้ายความรู้สึกคนอื่นก็แย่ไม่ต่างกัน

     

    “แต่เราจะยังรักซินต่อไปนะ”

    ใบหน้าสวยค่อยๆขยับเข้าใกล้คนตัวใหญ่กว่า แล้วกดริมฝีปากตัวเองอย่างแผ่วเบา  คราบน้ำตายังไม่จางหายไปจากทั้งสอง แขนแกร่งโอบกอดร่างบางเอาไว้แนบกาย เมื่อถอนริมฝีปากออก ใบหน้าหล่อก็ซบลงที่ไหล่บางอย่างคนอ่อนแอ

     

    ....เราไม่รู้เลยว่าพรุ่งนี้จะเป็นยังไง....

     

    ........เราจะรั้งอีกคนไว้...........


    .....หรือเราจะยอมปล่อยมือทุกทางเพื่อหยุดทำร้ายกัน.......

     

    กลับไปที่เก่า เหมือนว่าเรานั้นไม่เคยเดินก้าวผ่าน

    คืนวันที่โหดร้าย ที่เคยทำร้ายกัน

     

    ล้อรถผ่อนความเร็วแล้วหยุดลงที่ข้างรั้วบ้านหลังที่คุ้นตา คนขับค่อยๆหันเข้าไปดูในบ้านที่เปิดไฟสว่างเอาไว้  นี่ก็ดึกมากแล้วแต่ไฟจากห้องนอนห้องนั้นยังเปิดสว่าง  ไม่รู้ว่าเจ้าของห้องทำอะไรอยู่ อาจแต่งเพลง วาดรูป หรือกำลังร้องไห้อยู่นะ...

     

    แต่ไฟข้างล่างก็ปิด ป๊าม๊าคงหลับหมดแล้ว  แล้วก็พลันเหลือบไปเห็นรถที่จอดอยู่หน้าบ้าน รถของคนอื่นที่คุ้นตา  รถของคนที่เขาไม่เคยอยากให้มาจอดในบ้านหลังนี้  ยกแขนขึ้นมองนาฬิกา นี่ก็จะตี1แล้วแต่ยังไม่กลับบ้าน  คงค้างที่นี่สินะ...

     

     

     

    .......อย่างน้อยก็มีคนอื่นมีคอยกอดซินเอาไว้......

    ......ในวันที่นัทไม่สามารถทำได้แล้ว.......



    P.K.M  Talk = พี่นัทออกมาน้อยจังเลยยย  แต่งจบแล้วก็เซ็งตัวเอง ฮ่าฮ่า ~ ตอนต่อไปต้องออกมาเยอะๆนะพ่อนะ 
                   
    แต่ตอนนี้หน่วงอีกละ เห้ออออ  หน่วงไรนักหนา (แต่งเองหน่วงเองเนอะแก)

    คงคอนเสปเดิมนะจ๊ะ Fic Otop แต่งเองอ่านเอง ฮ่าาาา  แต่ถ้ามีใครหลงเข้ามาอ่านก็อย่าลืมเม้นให้ประหลาดใจกันนะค๊าาา
     

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×