ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Guard wins Guardian { KRIS x SUHO ft.EXO }

    ลำดับตอนที่ #1 : chapter 1 : Turn back

    • อัปเดตล่าสุด 16 มิ.ย. 55



    The Guard wins Guardian


    genre: A/U , Triangle , Flangst
    rating: PG13 - NC17
    paring: kris x suho , chanbaek , kai x d.o , xiumin & luhan



    บางที .. ก้าวย่างแห่งความสำเร็จก็ไม่ได้มาจากความเพียรพยายามเสมอไป
    เขาว่ากันว่า "ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น"


    ผมเคยเชื่ออย่างนั้น



    .
    .

    เคยเชื่อแบบนั้นจนหมดหัวใจ






    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++





    Chapter 1 : Turn back.





    ปิ๊ง...............ป่อง.......



    เสียงสัญญาณดังขึ้นทันทีหลังจากชายหนุ่มผลักประตูเข้าไป ไม่ช้า พนักงานในร้านที่ยืนประจำหน้าเคาน์เตอร์ก็เปล่งเสียงต้อนรับอย่างขันแข็ง




    "คิมมาร์ทยินดีต้อนรับครับ" 


    เขาหันไปยิ้มให้พนักงานแคชเชียร์ที่ยืนจ้องหน้านิ่ง ดวงตากลมโตบนหน้ากลมๆไม่แพ้กันนั้นเบิกกว้าง คิ้วเริ่มขมวดเข้าหากันในช่วงเวลาที่กำลังใช้ความคิด


    "จุนมยอน!"

    "นึกว่าจำกันไม่ได้แล้วซะอีก" เจ้าของชื่อยื่นมือเข้าไปบีบแก้มกลมนั้นอย่างหมั่นเขี้ยว คนถูกกระทำรีบปัดมือออกแล้วลูบแก้มตัวเอง

    "ก็นายเล่นหายไปเป็นปีนี่นา"

    "สามปีต่างหาก" 

    คนฟังกรอกตาใส่ก่อนพูดต่อ "แล้วนี่กลับมาเยี่ยมคุณลุงหรอ" 



    จุนมยอนวางเป้ใบโตลงบนเคาน์เตอร์โดยที่คนตรงข้ามรีบรับไปวางไว้ด้านหลังทันที ส่วนเจ้าของเป้ก็เดินลิ่วไปยังตู้ที่บรรจุเครื่องดื่มนานาชนิดซึ่งตั้งอยู่ในสุดของร้าน เขาเปิดตู้หยิบนมกล้วยออกมา 



    "หลอดล่ะ"

    "อยู่นี่" แคชเชียร์หนุ่มชูหลอดโชว์ เขาจึงเดินกลับมายืนที่เดิม

    "เท่าไหร่?"

    "โธ่! ร้านนี่มันของนายนะ ใครจะไปกล้าคิดเงินกับเจ้าของร้านกันวะ"

    "อ้าว นึกว่าพ่อยกร้านนี้ให้พี่แล้วซะอีก มินซอกฮยอง"

    "เออดี พ่อลูก ประชดใส่กันเข้าไป! รีบเอาสัมภาระของนายขึ้นไปไว้ที่ห้องเหอะ อยู่นี่ก็เกะกะเปล่าๆ เดี๋ยวลูกค้าเข้าร้านมาแล้วจะยุ่ง" 



    เขารับเป้ที่อีกคนโยนมาให้แทบไม่ทัน ก่อนทำท่าอิดออดไม่ยอมออกไปตามที่พูด



    "คุณลุงไปออกทริปปีนเขากับลุงโกห้องข้างบน กว่าจะกลับก็อาทิตย์หน้านู้นเลย"



    เมื่อได้ยินอย่างนั้นก็ค่อยเบาใจ เลยพยักหน้ารับแล้วเดินออกจากร้านไป

    .
    .
    .







    ถึงแม้จะไม่ได้กลับมาที่นี่เลยตลอดระยะเวลาสามปี แต่ทุกอย่างก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง


    ผมก้าวเท้าขึ้นบันไดไปยังชั้นสองของอพาร์ทเมนท์ที่มีห้องพักของครอบครัวเราอยู่ กดรหัสที่เป็นเลขวันเกิดของแม่โดยไม่ได้คิดเลยว่าตลอดสามปีที่ผ่านมาพ่อเปลี่ยนรหัสบ้างหรือเปล่า แต่แล้วคำตอบก็ชัดเจนเมื่อผมสามารถเปิดประตูเข้าไปได้ พร้อมกับรู้ว่า พ่อไม่เคยเปลี่ยนอะไรเลย

    เฟอร์นิเจอร์ทุกอย่างยังจัดวางอยู่ที่เดิม โซฟาที่แม่ชอบยังคงมีตุ๊กตาสุนัขพันธุ์ดัลเมเชียนที่ไม่เข้ากันวางตั้งอยู่ข้างๆ เพียงเพราะมันเคยเป็นสัตว์เลี้ยงของแม่มาก่อนที่จะย้ายออกมาอยู่ที่นี่กับพ่อ ผมเดินลึกเข้าไปยังห้องในสุด พลางมองเห็นกรอบรูปที่ติดอยู่บนผนัง ทุกรูปยังคงอยู่เหมือนเดิม รูปถ่ายครอบครัวของเรา 3 คน พ่อ แม่ ลูก.... 



    ตึกที่เราสร้างไม่ใหญ่มากนัก แต่ละห้องจึงมีเพียงสองห้องนอนซึ่งเหมาะกับครอบครัวขนาดเล็กเช่นเดียวกับเรา ผมแบ่งห้องอยู่กับมินซอกมาตั้งแต่เขาย้ายเข้ามาเรียนในเมืองเมื่อตอนมัธยมปลายปี1 ถึงมินซอกจะเกิดก่อนผมปีนึงแต่เขาไม่ค่อยชอบใจนักหรอกเวลาที่ถูกผมเรียกว่า "ฮยอง


    พี่มินซอกมักจะสบถใส่ว่า "เวลาเรียกช่วยดูหน้าตัวเองหน่อยเถอะ หน้าฉันอ่อนวัยกว่านายตั้งเยอะ"



    ผมหัวเราะทุกครั้งที่เขาพูดอะไรทำนองนั้น ก็คนพูดอวดตัวเองดันหน้าแดงเพราะเขินกับคำพูดตัวเองน่ะสิ




    ห้องนอนที่ถูกครอบครองโดยมินซอกมา 3 ปี แต่ทั้งตู้ เตียง และโต๊ะเขียนหนังสือก็ยังแบ่งเป็นสองส่วนอย่างชัดเจนไม่เปลี่ยนแปลง มินซอกยังคงแยกเสื้อผ้าตัวเองไว้มุมขวา ไม่เอาข้าวของของตัวเองมาวางบนโต๊ะเขียนหนังสือของผม ห้องของเราแคบลงเมื่อพ่อลงทุนซื้อโต๊ะมาตั้งเพิ่มเพื่อให้เราใช้เวลาทำการบ้านและอ่านหนังสือพร้อมกันได้โดยไม่ต้องแย่งโต๊ะกัน




    กุกกัก... เคร้ง


    ผมหันไปมองยังต้นเสียง... นอกหน้าต่าง

    มันเงียบไปสักพักจนผมคิดว่าหูแว่วไป แต่ไม่ทันไรก็ได้ยินเสียงอะไรแปลกๆอยู่ด้านนอกขึ้นมาอีก บางทีอาจจะเป็นเพราะคอมแอร์ทำงานละมั้ง มันถึงได้มีเสียงขึ้นมา ผมเลิกสนใจเพราะคิดว่ายังไงก็คงเป็นเพราะคอมแอร์ที่ตั้งอยู่ตรงนั้นทำงานจึงเกิดเสียงดัง แต่ก็คิดผิด เพราะไม่ทันหันหลังกลับมาหยิบเป้เพื่อเอาเสื้อผ้าเข้าไปไว้ในตู้ กระจกหน้าต่างก็ถูกบางอย่างทุบจนแตก แล้วไอ้เงาดำของอะไรสักอย่างนั้นก็เข้ามารวบตัวปิดปากผมทันที



    "ชู่ว" 



    ถึงจะอ้าปากร้องเรียกให้ใครมาช่วยไม่ได้ แต่ผมก็ไม่ยอมอยู่เฉยแน่ ผมดิ้นและพยายามส่งเสียงแม้จะอู้อี้อยู่ก็ตามที



    "อยู่เฉยๆ" 



    เสียงทุ้มบอกกร้าว แต่ถามหน่อย ใครมันจะไปยอมทำตามกันวะ!



    "ทางนั้น! ตามไป แล้วบอกให้ไอ้พวกคนจีนอ้อมไปอีกทาง เร็ว!" สิ้นเสียงด้านนอกที่ลอยเข้ามาให้ได้ยิน ตัวผมก็ลอยวืดก่อนไปนอนนิ่งอยู่บนเตียง ผู้ชายคนนั้นคร่อมทับแล้วจับรวบมือทั้งสองข้างผมกดลงบนเตียงไว้เหนือหัว ส่วนมืออีกข้างของเขาก็ปิดปากผมแน่นสนิท


    "อยู่เฉยๆ ขอร้องล่ะ ฉันไม่อยากฆ่านาย" ภาษาเกาหลีสำเนียงแปร่งที่พูดออกมาอย่างช้าๆและเนิบนาบฟังดูก็รู้ทันทีว่าผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คนเกาหลี บนใบหน้าของเขามีรอยฟกช้ำซึ่งคงเป็นฝีมือของคนข้างนอกนั่นเอง



    ผมเห็นเขาพยายามชำเลืองมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างระวังตัว พอเห็นเขาเผลอผมเลยออกแรงดิ้นอีกครั้ง



    "อยู่เฉยๆ เดี๋ยวฆ่าซะหรอก!!"



    มันพูดว่าอะไรนะ ฆ่างั้นเหรอ!? เฮ้ย..ใครจะไปยอมวะ!!
    ผมดิ้นหนักกว่าเก่าจนข้อมือหลุดมาได้ก็กำหมัดชกไปไม่ยั้ง พอเห็นเขาเอามือขึ้นมาบังหน้าผมก็จัดการถีบจนมันหงายหลังตกเตียง



    "ช่วยด้วย! มินซอก!! พ่อ!! .. ช่วยด้วย!!!"



    ยิ่งไอ้ตัวสูงนี่ตั้งหลักได้แล้วลุกขึ้นมาจับแขนผมไว้ผมก็แหกปากดังกว่าเก่า เอาให้ไอ้พวกข้างนอกที่วิ่งวุ่นหามันอยู่ได้ยินได้ยิ่งดี! 



    "เงียบ..เงียบเถอะซูโฮ ขอร้อง" 



    เงียบหรอ? ใครเงียบก็บ้าแล้ว! มีใครโดนขู่ฆ่าแล้วจะยืนเงียบนิ่งๆให้นายจับหักคอกันเล่า!



    "ซูโฮ!!!!..." 




    พลั่ก


    อะ .. เมื่อกี้มันพูดว่าอะไรนะ

    ผมมองผลงานที่ล้มลงไปกองกับพื้นเพราะหมัดขวาที่กำแน่นอยู่นี่อย่างฉงน เมื่อกี้ออกแรงกระโดดต่อยไปเต็มเหนี่ยวไม่แปลกที่ไอ้โย่งนี่จะล้มคว่ำไปแบบนั้น ยิ่งเห็นมันโอดครวญเอาแต่กุมแก้มผมเลยรีบหนีไปที่ประตู




    "ซูโฮอ่า..."



    มือจับลูกบิดประตูค้างไว้ในตอนที่ผมหันไปตามเสียงเรียก



    ซูโฮ.. 

    ชื่อที่ไม่มีใครเรียกมานาน ..นานกว่าการที่ผมไม่ได้กลับมาเหยียบบ้านนี้เสียอีก




    พลั่ก


    ผมโดนแรงกระแทกจากประตูเซจนล้มไปแหมะอยู่ข้างไอ้คนบุกรุก 



    "จุนมยอนแย่แล้ว!!! มีพวกมาเฟียเต็มหน้าร้านไปหมดเลย นายคงไม่ได้ไปมีหนี้กับไอ้พวกนั้นใช่มั้ย!?" 


    "น...นี่ใคร......หรือว่าเป็นไอ้พวกนั้น!? จุนมยอนนายไม่เป็นไรใช่มั้ย! ตำรวจ..ต้องเรียกตำรวจ!"



    เจ้าตัวการที่ทำร้ายร่างกายผมด้วยประตูห้องนอนรีบเข้ามาฉุดผมลุกขึ้นแล้วเดินออกมาให้ห่างอีกคนที่ไม่มีใครรู้จัก 



    "มือถืออยู่ไหนจุนมยอน โทรเรียกตำรวจเร็ว!"


    "มาเฟีย นายบอกว่าข้างนอกมีมาเฟียหรอ" คนตัวเล็กพยักหน้ารัวก่อนจะรีบหันหน้าไปหาอีกคนที่มองมายังพวกผมนิ่ง


    "เค้าไม่ใช่พวกนั้น"


    "แล้วมันเป็นใคร มันทำอะไรนายหรือเปล่า"



    สภาพสะบักสะบอมและรอยช้ำที่มีเลือดซึมบนหน้าของหมอนี่คงทำให้มินซอกวางใจว่ามันคงไม่มีแรงลุกขึ้นมาทำอะไรเราได้


    ผมส่ายหน้า..
    ก่อนหันไปเห็นรอยยิ้มของใครอีกคนที่นั่งอยู่บนพื้น



    "ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ......... ซูโฮ"



    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ 


    special talk: 
    จบตอนแรกไปอย่างสั้นๆง่ายๆ ทิ้งอะไรไว้ให้เดากันสักเล็กน้อยทั้งเรื่องที่ซูโฮหายไปไหนมาตั้ง 3 ปี 
    และใครหนอที่เรียกจุนมยอนว่าซูโฮ (อันนี้เดาง่ายมาก) แต่ทั้งคู่จะเคยมีความสัมพันธ์กันยังไงนั้น รบกวนติดตามกันด้วยนะคะ 

    สำหรับฟิคเรื่องแรก เราฝากติ-ชมด้วยนะคะ ถึงแม้จะรู้ว่าน่าจะไม่ค่อยมีคนติดตามเพราะเป็นฟิคทางเลือกสำหรับคู่ที่ไม่ค่อยมีคนนิยม 
    แต่ใครอ่านแล้วมีความคิดเห็น หรืออยากให้เรื่องเป็นไปในแนวทางใดก็เสนอได้เลยค่ะ เพื่อเราจะเป็นไอเดียในตอนต่อๆไปด้วยค่ะ



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×