คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ตระกูลกลอเรซ - เปิดตัว
“โอเค ดีมาก งั้นต่อไปเธอลุยเรื่องโทพาซกับคริสตัลได้เลย” เสียงเข้มของแคลร์ กลอเรซ นักธุรกิจสาวสวยอายุย่างสามสิบคนเก่งผู้เลื่องชื่อในการบุกเบิกธุรกิจอัญมณีตั้งแต่อายุสิบเก้าพูดกับลูกน้องผ่านทางโทรศัพท์ “แล้วส่งคอลเล็คชั่นสำหรับต้นฤดูหน้ามาให้ทางคอมพิวเตอร์ด้วย อย่าลืมอีกนะว่าต้องส่งเม็ดทับทิมไปให้คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ภายในเที่ยงคืนให้เขาไปประดับชุดให้ทัน”
หลังจากเธอวางสายไปได้ไม่กี่นาที ก็มีสายโทรศัพท์เข้ามาใหม่ เธอยกหูขึ้นพร้อมกับถอนหายใจ
“อย่าไปไหนนะ ฉันจะเข้าออฟฟิศ อ้อ นี่เคธี่” เสียงใสๆ ของน้องสาวแสนสวยของแคลร์พูดผ่านโทรศัพท์
แคลร์กลอกตาไปมาก่อนจะวางสายโทรศัพท์ลงเป็นครั้งที่สอง
สักพัก เสียงประตูของเธอก็ดังแกร๊ก หญิงสาวผมบลอนด์ร่างสูงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบห้าเซนติเมตรเดินมาด้วยท่าทีที่สง่างามราวกับเจ้าหญิง เธอยิ้มอย่างมั่นใจให้กับพี่สาว ก่อนจะเลื่อนเก้าอี้นั่งลง
“เป็นไงบ้าง” เธอยิ้มให้
“ก็โอเคน่ะ” แคลร์ตอบด้วยท่าทีเหนื่อยเล็กน้อย “ช่วงนี้งานชุกหน่อย แต่ก็สนุกดี”
“พี่น่าจะพักบ้างนะ” เคธี่ กลอเรซ นางแบบสาวชื่อดังก้องโลกพูดกับพี่สาวอย่างเป็นห่วง “หรือว่าอยากลองงานสบายๆ ดี”
แคลร์ขมวดคิ้วด้วยท่าทีสงสัย
“คืองี้...” เคธี่อธิบายด้วยท่าทีแคล่วคล่องว่องไว “ฉันรู้จักรุ่นพี่คนนึง เขาเป็นเจ้าของบริษัทการออกแบบและตกแต่งชื่อดังเลยล่ะ เขาตั้งใจว่าจะมีโปรเจ็คท์ใหม่ คือเขากำลังอยากแสดงถึงความหรูหราแต่เรียบง่ายของการตกแต่งบ้าน และแน่นอนล่ะ มันก็ต้องมีอัญมณีมาเกี่ยวข้องนิดหน่อย แต่ระดับนี้ เขาจ่ายพี่ไม่อั้นหรอกน่า”
“บริษัทอะไร” แคลร์กอดอก พิงไปกับพนักพิงเก้าอี้ “ถ้าฉันไม่รู้จักฉันไม่รับทำให้นะ”
“แมร์ชรีฟส์อินทีเรียดีไซน์” เคธี่พูดอย่างคล่องแคล่ว “ใครๆ ก็รู้จักกัน”
แมร์ชรีฟส์ บริษัทการออกแบบและตกแต่งภายในที่โด่งดังไปทั่วโลก เปรียบได้กับกลอเรซเจเว็ลแห่งวงการสถาปนิกนั่นเอง
“ขอพี่คิดดูก่อน” แคลร์กอดอก ทำท่าไม่ไว้วางใจ
“ห้าม!” ผู้เป็นน้องสาวตะโกนเสียงดัง พร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์มีเลศนัย “เพราะฉันตอบตกลงเขาไปแล้ว”
“อะไรนะ!?” แคลร์ลุกขึ้นพร้อมกับเบิกตากว้างกว่าเดิมพันเท่า “นี่เธอ...”
เคธี่กอดอก ทำท่ากวนประสาทเล็กน้อย “ม่าย.. ม่าย... ม่าย ฉันรู้ว่าช่วงนี้พี่ดีไซน์อัญมณีของปีหน้าเสร็จทุกฤดูแล้ว และช่วงนี้พี่ก็เหลือแค่ติดต่องานกับคนอื่นแล้วก็ดูลูกน้องทำงาน”
“ยัยบ้าเอ๊ย...” แคลร์กัดฟัน ทำท่าปวดหัว “โอ๊ย... ฉันล่ะอยากตาย”
“อย่าเพิ่งตายเหอะ ขอร้อง พี่ต้องอยู่กอบเงินเป็นกำนี่ก่อน” เคธี่ยิ้มแฉ่ง ทำท่าห้ามปราม
“เงินที่ฉันหาได้มาทั้งชีวิตก็แทบจะไม่มีเวลาผลาญแล้วย่ะ” สาวสวยไร้ที่ติเป็นอันต้องทำท่าเสียสติ “นี่ฉันกะว่าจะไปเยี่ยมเด็กประเทศโลกที่สามซะหน่อย เธอนี่มันมารผจญชีวิตฉันสุดๆ เลยนะ มาทีไรเป็นอันเกิดเรื่องทุกที”
“แฮ่...” ผู้น้องทำท่าภูมิใจในเรื่องที่พี่สาวมองว่าเป็นเรื่องแย่ๆ ทั้งนั้น “ฉันจะคิดว่าฉันเป็นคนเดียวที่กวนประสาทพี่ได้”
“ช่วงนี้ไม่มีใครจ้างเธอเดินแบบแล้วรึไง ถึงมาป่วนฉันได้เป็นชั่วโมงเนี่ย” แคลร์ฟุบหน้าลงไปกับโต๊ะ
“มีดิ ฉันคือเคธี่ กลอเรซ ซูเปอร์โมเดลชื่อดังก้องโลกนะ” เคธี่ทำท่าภูมิใจสุดตัว “แต่วันนี้ฉันโดดซ้อมมา มันขี้เกียจนิดหน่อย”
“รุ่นพี่เธอคนนั้นชื่ออะไร” แคลร์ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมา
“บิลลี่ แมร์ชรีฟส์” เคธี่ทำท่านับนิ้วไปมา “ถึงชื่อเชยแต่เท่นะพี่”
“ชื่อเชยได้ใจจริงๆ” แคลร์หัวเราะคิกคักอย่างไร้เหตุผล จนทำเอาผู้น้องต้องงงเป็นไก่ตาแตก
“อีกสามวัน นี่คือเวลาที่เขาให้พี่เตรียมตัวกับงานใหม่นะ” เคธี่พูดด้วยท่าทีจริงจัง มองนาฬิกาข้อมือหรูบนแขนตัวเอง
“สามวัน!?” แคลร์ที่มีอารมณ์ขันเมื่อครู่กลายเป็นอีกคนทันที “เธอจะบ้าเหรอ งานแบบนี้มีที่ไหน โปรเจ็คท์ก็บอกมาแค่สั้นๆ ห้วนๆ”
“เอาน่ะ เดี๋ยวพี่ก็รู้เอง” เคธี่สรุปอย่างสั้นๆ ก่อนจะเดินออกไป ทิ้งให้แคลร์เป็นฝ่ายงงแทน
ร่างสูงของรีเบ็คก้า กลอเรซ สาวสวยคนที่สามแห่งตระกูลนี้กำลังโพสท์ท่างามบนพรมแดงงานเปิดตัวอัญมณีชุดใหม่ของกลอเรซเจเว็ล เธอมาที่นี่ในนามรองประธานบริษัท รีเบ็คก้าเป็นสาวผมบลอนด์หน้าตาดีเหมือนกับพี่สาวทั้งสอง อีกทั้งยังมีชื่อเสียงไม่แพ้กัน จู่ๆ เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้เธอหยุดจากการโพสท์ท่าออกไปรับโทรศัพท์แทน
“สวัสดีค่ะ” เสียงที่ปนไปด้วยความแหบเล็กน้อยของเธอพูด
“คุณรีเบ็คก้าครับ นี่ผมแซม โดธรี่ จากสำนักพิมพ์ไวท์รีดนะครับ” ไวท์รีด คือสำนักพิมพ์ชื่อดังที่รีเบ็คก้าตัดสินใจขายนิยายของเธอให้ในชื่อของโบนา ไวท์ โดยทั้งสองฝ่ายมีพันธะสัญญาว่าจะไม่เปิดเผยเรื่องนี้แก่สาธารณชนให้รู้ว่าตัวจริงของโบนา ไวท์เป็นใคร
“ค่ะ” รีเบ็คก้าหลบออกมาคุยข้างนอกงานที่เป็นแหล่งปลอดคน “มีอะไรรึเปล่าคะ”
“คือผมจะบอกว่า งานเขียนชิ้นที่สี่ของคุณที่ตีพิมพ์มาสองล้านเล่ม ตอนนี้เหลือแค่ยี่สิบเล่มเองครับ” เสียงปลายสายพูดด้วยความปลาบปลื้ม “คุณยอมให้เราพิมพ์ครั้งที่สองเลยไหมครับ”
“ถ้าแบบนั้น... ฉันขอให้พิมพ์แค่สองหมื่นเล่มได้ไหมคะ” รีเบ็คก้าพูดเสียงเบา “คือฉันไม่อยากให้มีเยอะเกินไปน่ะค่ะ เพราะสองล้านเล่มนี่ก็เกินพอแล้ว”
“ได้สิครับ” เสียงของชายหนุ่มคู่สนทนาเธอดูดีใจยิ่งขึ้น “งั้นผมจะเรียนให้สำนักพิมพ์ทราบนะครับ”
“ได้ค่ะ ขอบคุณนะคะ” รีเบ็คก้ายิ้มออกมา
“ทางนี้ตะหากล่ะครับที่ต้องขอบคุณคุณ” แซมกล่าวลาด้วยเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความยินดี “ลาก่อนครับ”
“สวัสดีค่ะ” รีเบ็คก้าวางสายโทรศัพท์ลง ก่อนจะรีบเก็บโทรศัพท์เครื่องจิ๋วแล้วเดินไปที่งานต่อ
“มีอะไรหรือเปล่า” เสียงเข้มของสตอลล์ เดนน์ แฟนหนุ่มนักธุรกิจของรีเบ็คก้าที่คบกันมานานถึงสี่ปีถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่หรอกค่ะ” รีเบ็คก้ายิ้ม “แค่ลูกน้องของแคลร์โทรมารายงานผลนิดหน่อย”
“กินอะไรหน่อยไหม” ชายผมดำร่างสูงเอ่ยถาม “ท่าทางคุณดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลยนะ”
“อ๋อ ไม่ดีกว่าค่ะ” หญิงสาวยิ้มเป็นครั้งที่สอง “คือตอนเช้าฉันทานมาเยอะแล้วน่ะค่ะ”
ชายหนุ่มร่างสูงมีสกุลมองหน้าหญิงสาวอันเป็นที่รักด้วยแววตาสงสัย แต่ใบหน้าคมเข้มก็ตัดสินใจที่จะไม่แสดงปฏิกิริยาใดๆ ออกมา
“ขอฉัน...” หญิงสาวผมบลอนด์สง่าพยายามจะผละออกจากแฟนหนุ่ม “ไปดื่มชาได้ไหมคะ คอแห้งนิดหน่อย”
สตอลล์พยักหน้าโดยมีสีหน้าเรียบเฉย “จะให้ผมไปด้วยไหม”
รีเบ็คก้ายิ้ม ก่อนจะส่ายหน้าตอบ “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”
เธอจูบแก้มแฟนหนุ่มของตัวเอง ก่อนจะเดินออกไป
สตอลล์ได้แต่มองท่าทีมีพิรุธและหลบซ่อนของรีเบ็คก้า
หลังจากงานเลี้ยงเลิกรา สตอลล์ก็ขับรถคันงามมาส่งแฟนสาวตัวเองที่คฤหาสน์หลังใหญ่ในย่านไฮโซ
“แล้วเจอกันนะคะ” รีเบ็คก้ายิ้มสดใส ก่อนจะโบกมือให้
“ราตรีสวัสดิ์ครับ” ชายหนุ่มยิ้มตอบ ก่อนจะจูบลาเธอ
หลังจากที่ทั้งคู่ถอนริมฝีปากออกจากกัน รีเบ็คก้าก็เดินเข้าประตูรั้วใหญ่ โดยไม่พลาดที่จะหันมามองแฟนตัวเองเป็นระยะๆ สตอลล์ก็ยังคงไม่ถอนสายตาจากแฟนสาวขณะถอยรถเช่นกัน
ร่างงามระหงของสาวผมบลอนด์ในชุดเดรสสั้นสีดำที่ถูกออกแบบอย่างเรียบง่าย แต่ผู้ใส่ชาญฉลาดพอที่จะทำให้ชุดนี้มีเสน่ห์โดยการเติมแต่งเครื่องประดับให้ดูโดดเด่นขึ้น กำลังถอดรองเท้าส้นสูงจากแบรนด์หรูออก เธอค่อยๆ เลื่อนบานประตูแก้วแข็งแรงก่อนจะก้าวเข้าไปด้วยเสียงเงียบ ลิซซี่ ลี คนรับใช้ของบ้านที่กำลังจัดห้องหนังสือออกมาต้อนรับเธอทันทีที่ได้ยินเสียงก้าวเดินของเจ้านายลำดับที่สาม
“คุณหนูเล็กคะ จะทานอาหารเย็นไหมคะ” ร่างเล็กของคนรับใช้ผู้ซื่อสัตย์และจงรักภักดีถามด้วยหน้าที่
“ไม่ต้องหรอก” เธอยิ้มอ่อนโยนให้ “ฉันเหนื่อยน่ะ ขอขึ้นไปพักดีกว่า”
คนรับใช้ผิวคล้ำผมหยิกสีดำเข้มรับคำ ก่อนจะไปจัดการกับสิ่งทั้งหลายที่เธอต้องรับผิดชอบต่อ
รีเบ็คก้าเข้ามาในห้องนอนหรูของตนเอง ก่อนจะลั่นกลอนล็อคประตูห้อง เธอค่อยๆ หยิบหนังสือที่อยู่ลึกสุดในชั้นวางหนังสือที่ส่วนใหญ่เต็มไปด้วยหนังสือกลเม็ดการลงทุนทางธุรกิจ เธอคิดว่าบางทีการที่เธอเอาแต่เพ้อฝันถึงเรื่องรักที่ไม่มีวันเป็นจริงดูโง่เง่าและไร้สาระจนน่าอาย รีเบ็คก้าจึงตัดสินใจที่จะเก็บเรื่องนี้ใส่ไว้ในคอมพิวเตอร์ส่วนตัวและลิ้นชักที่ไม่มีใครเปิดได้นอกจากเธอเท่านั้นตั้งแต่อายุสิบเจ็ด จนบัดนี้ ก็ยังไม่มีใครล่วงรู้ถึงเรื่องการเป็นนักเขียนนิยายของเธอ นอกจากตัวเธอเอง และสำนักพิมพ์ไวท์รีดเท่านั้น เธอหยิบนิยายเรื่องแรกของเธอที่ได้รับการตีพิมพ์และมียอดขายที่ยอดเยี่ยมมา มันเป็นหนังสือเล่มหนาประมาณสี่ร้อยหน้า ว่าด้วยความรักต่างเวลา ระหว่างมนุษย์ยุคปัจจุบันและคนจากอนาคตที่ได้รับการไปสร้างเป็นภาพยนตร์และละครทางโทรทัศน์ เธอยิ้มกับความสำเร็จของตัวเองเมื่อมองหน้าปกที่เป็นรูปนาฬิกาเรือนทองบนพื้นหลังสีขาวนวล และจดบทสนทนาจากหน้าจอโทรทัศน์พลาสม่าหรูที่กำลังเปิดละครซึ่งสร้างมาจากนิยายประโลมโลกของเธออยู่
“เอ็ดวิน ฉันไม่ได้คิดที่จะทิ้งคุณ แต่เป็นเพราะฉันหลงเวลามา และมันเป็นเรื่องที่ผิด” บีบี โลรองต์ ตัวละครที่เธอสร้างมาให้เป็นนางเอกของเรื่องกล่าวทั้งน้ำตา
“ผมไม่ต้องการให้มันเป็นแบบนี้เช่นกัน” ร่างบึกบึนของเอ็ดวิน ชลอฟส์ ขุนนางรูปหล่อแห่งศตวรรรษที่สิบเก้าโอบร่างเล็กน่าทะนุถนอมของหญิงสามผมน้ำตาลอ่อนไว้ “แล้วคุณจะทำอย่างไรล่ะ” ร่างสูงโน้มตัวมองสาวสมัยใหม่
“ฉัน...” ร่างเล็กผิวขาวกัดปาก กล่าวทั้งน้ำตา “ฉันยังมีใครหลายคนที่รอฉันอยู่ในที่ที่ฉันสมควรจะอยู่ แต่ที่นี่... ฉันไม่สำคัญ ไม่มีใครรู้จักและรอคอยฉัน”
“ผมคนเดียว...” ชายหนุ่มผมดำส่ายหน้า “ไม่พอสำหรับคุณใช่ไหม”
มันยากที่จะให้เอ่ย... เสียงความคิดของบีบีดังก้องภายในใจ เธอเบือนหน้าหนีเขา ก่อนจะมองที่แสงอาทิตย์ที่กำลังสาดส่องทั้งคู่ เธอส่ายหน้า ทั้งๆ ที่ยังหันหลังให้บุรุษ “ฉันไม่ได้ต้องการว่าใครจะรู้จักฉัน” เธอปาดน้ำตาออก “ฉันแค่อยากเจอคนที่จะรักและคิดถึงฉัน”
เอ็ดวินบรรจงจูบหน้าผากบีบีด้วยใจอาวรณ์ “คุณจะจากผมไป... ใช่ไหม”
บีบียังคงมีน้ำตาไหลออกมาไม่ขาดสาย เธอสูดหายใจเข้า ก่อนจะมีฉากเครดิตท้ายเรื่องตัดจบโดยมีดนตรีคลาสสิคแสนเศร้าประกอบ
รีเบ็คก้าถอนหายใจ ปิดโทรทัศน์ ก่อนจะเดินไปอาบน้ำและล้มตัวลงนอน
ความคิดเห็น