ตอนที่ 1 : แฟนผมเป็นดารา
เดทครั้งแรกในรอบสองเดือนที่คุณวาดฝันไว้เป็นยังไงครับ..
พาแฟนไปกินข้าวบนดาดฟ้าโรมแรมหรูๆ
ล่องเรือสำราญดูวิวในกรุงเทพยามค่ำคืน
พาแฟนไปเที่ยวต่างจังหวัดสองต่อสองแล้วจบที่ที่เตียง
แบบนี้ไหม..ใช่ผมเคยคิดแบบนั้นเมื่อหลายปีที่แล้ว มันคือความคิดก่อนที่ผมและแฟนจะเรียนจบสมัยยังอยู่มหาลัยเป็นเฟรชชี่ใสๆมีความรักเหมือนวัยรุ่นทั่วไป
แล้วตอนนี้ล่ะ จินตนาการความฝันต่างๆนาๆของผมที่กล่าวมาถูกพังทลายเมื่อแฟนที่คบกันตั้งแต่ปีหนึ่งก้าวเท้าเข้าวงการบันเทิง อะไรๆมันก็ไม่เหมือนเดิม ชีวิตของเขาเป็นที่ถูกจับตามองมากขึ้นออกไปไหนด้วยกันไม่ค่อยได้ต้องปิดหน้าปิดตาตลอดเวลาหรือเดินห่างกันหลายสิบเมตรเพื่อไม่ให้เป็นที่สงสัย แม้กระทั่งเวลาเมื่อก่อนมันเคยเป็นของผมเกือบทั้งหมดผิดกับตอนนี้เขาต้องแบ่งไปทำอย่างอื่นด้วย
ถามว่าผมน้อยใจมั๊ย..ไม่ครับผมเข้าใจทุกคนต่างมีหน้าที่ของตัวเอง ขนาดผมยังมีหน้าที่ที่ต้องทำเลย
ผมมองแผ่นหลังคุ้นตาที่ทิ้งระยะห่างในการเดินเกือบร้อยเมตร เขาเดินนำไปก่อนมันเป็นแบบนี้มาตลอดสองปีเวลาเราออกมาในที่ๆมีคนพลุกพล่าน เขาจะเดินนำเสมอส่วนผมเดินชมนกชมไม้ไปเรื่อย
วันนี้เรานัดกันทานข้าวในรอบหลายเดือนเพราะเขาพึ่งถ่ายละครเสร็จ ส่วนผมยุ่งกับงานที่บ้านด้วยความที่ผมเป็นลูกคนเดียวพอเรียนจบครอบครัวก็โยนงานใส่หน้าให้สมกับส่งเสียเรียนมหาลัยแพงๆตั้งหลายปีกะจะใช้งานให้คุ้นเงินกันเลย
แฟนของผมหายเข้าไปในร้านอาหารชื่อดังสำหรับพวกเซเลปไฮโซมีเงินโดยเฉพาะถึงจะเข้ามาได้ ที่ผมเลือกร้านนี้เพราะต้องการความเป็นส่วนตัวด้วย เข้าใจผมไหมมาเดทกับแฟนแต่กินข้าวแยกโต๊ะมันก็ยังไงอยู่
ผมยืนอยู่ในร้านไล่สายตาหาคนที่เข้ามาก่อนแล้วก็เจอมันนั่งฟังเพลงในมุมอับๆมุมหนึ่ง
“ช้าจังวะ”
นี่คือคำทักทายแรกในรอบเดือน นอกจากคุยผ่านโทรศัพท์
“พูดมากอยากกินอะไรก็สั่งๆกูต้องกลับไปทำงานอีก” นี่มันเวลาพักเที่ยงของบริษัท ไม่แปลกถ้าผมจะพูดแบบนั้นถึงผมจะอยู่ในตำแหน่งสูงกว่าคนทั่วไปจะเข้าออกบริษัทเมื่อไหร่ก็ได้ก็เถอะ
“กูหายไปเป็นเดือนมึงเคลียร์งานไม่เสร็จอีกหรอพี่สิง” คนตัวหน้าผมกระชากหูฟังออกจากหู หน้ามันแดงขึ้นเรื่อยๆแน่นอนกว่าไม่ได้เขิน มันกำลังโกรธต่างหาก
“งานกูมีทุกวันเคลียร์เสร็จสิแปลก” ขึ้นชื่อธุรกิจมันไม่มีวันสิ้นสุดหรอกครับ แฟ้มงานที่ผมต้องเซ็นต้องศึกษามีมาทุกวัน
“แล้วเมื่อไหร่จะจำกูบอกหลายครั้งแล้วอย่าขึ้นกูมึง”
ผมเปิดเมนูอาหารไล่สายตาดูว่ามันมีอะไรที่พอจะให้คนกินจุอย่างผมกินแล้วอิ่มถึงตอนเย็นบ้าง
“ก็มันหงุดหงิดนี่” ถึงจะเถียงแต่ผมสัมผัสได้ว่าโทนเสียงที่ส่งมามันอ่อนลงมากอยู่
“แล้วเอามาลงกับกูมันใช่หรอ”
“เออ ขอโทษก็ได้วะสั่งอาหารสักที” เถียงไม่สู้หรือรู้ว่าตัวเองผิดมันจะเปลี่ยนเรื่องหนีทันทีผมไม่ได้อะไรต่อเพราะชินแล้วไง คบกันมาสี่ปีตั้งแต่อยู่ปีหนึ่ง อ้อ ผมเป็นพี่มันหนึ่งปีแต่เข้าเรียนช้ากว่ารุ่นเดียวกันเพราะช่วงที่มหาลัยเปิดรับสมัครผมดันขาหักพักไปหลายเดือนเลยต้องเรียนพร้อมรุ่นน้องแล้วก็เจอมัน..
“สลัดทูน่า?”
ผมมองอาหารที่อีกคนสั่งมา ไม่ผิดหรอกใช่ไหมถ้าผมจะแปลกใจคือมันไม่ชอบกินผักแล้วสั่งผักมาแบบนี้ไม่ให้แปลกใจก็บ้าแล้ว ผมบังคับแทบตาย ตีกันเพราะผักใบเขียวยังทำมาแล้วด้วยซ้ำ
“พี่ผึ้งให้คุมน้ำหนักอาทิตย์หน้าถ่ายแบบ” มันตอบเสียงเบา ผมพยักหน้าส่งดีครับที่หันมาสนใจผักบ้างไม่ใช่กินแต่
“ใช่คริสหรือเปล่าคะ คือพี่อยากจะขอถ่ายรูป..”
ผมเงยหน้าจากสปาเก็ตตี้ของตัวเองมองผู้หญิงอยู่ในชุดพนักงานของร้านยืนตัวบิดไปบิดมา บางทีร้านอาหารดังๆก็ไม่ได้ช่วยเรื่องความเป็นส่วนตัวอย่างที่ผมตั้งใจไว้เท่าไหร่
คริส ที่พี่เขาเรียกก็ชื่อแฟนผมนั่นแหละครับ ช่วงนี้มันฮอตไปไหนก็เจอแต่หน้าตามห้างบ้าง ตามแบรนด์ต่างๆ ไม่เว้นแม้แต่ป้ายโฆษณาตามถนน
“เอ่อ..ครับ”
คริสหน้าเครียดขึ้นมา คิ้วผูกกันเป็นปมมันคงไม่ได้เตรียมใจว่าจะเจอสถานการณ์แบบนี้กลางร้านอาหารราคาแสนแพงแต่ก็ยังยิ้มสู้กล้องโทรศัพท์พี่เขาอยู่ คือถ้าคริสให้ถ่ายรูปมันอาจไม่จบที่คนเดียวอาจจะมากันอีกเรื่อยๆ แล้วเปอร์เซ็นเสี่ยงติดหน้าผมไปด้วยมันมีสูง เหนือปาปารัชชี่ก็แฟนคลับมันนี่แหละ
“ไหนบอกว่ามากินร้านนี้จะไม่มีคนมายุ่งไง”
หลับหลังพี่พนักงานแม่งก็ใส่ผมทันที อะไรวะผมทำอะไรผิดมันเองไหมที่อยากมากินข้างนอกเอง ผมบอกให้มันสั่งข้าวมากินที่คอนโดแล้วแต่เสือกเรื่องมากไม่เอาท่าเดียว ใครกันแน่ที่ผิด
“กูแค่บอกว่าร้านมันส่วนตัวไม่ได้บอกว่าจะไม่มีใครเข้ามายุ่ง”
“มันก็เหมือนกันนั่นแหละ”
“มึงจะกินหรือทะเลาะเลือก” ไม่กงไม่กินมันละทิ้งช้อนนั่งกอดอกจ้องหน้ามันนิ่งๆ
ผมไม่ใช่คนมีความอดทนสูงทะเลาะกับมันเรื่องไม่เป็นเรื่องขนาดนั้น ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมก็เถียงนะ เถียงกันตายไปข้างจนกว่าจะมีคนยอมแต่ตอนนี้ผมจับทางถูก ถ้าผมไม่เถียงมันก็เงียบเอง
“อะไรวะแค่นี้ทำไมต้องดุด้วย”
“ก็มึงชอบทำตัวแบบนี้ไง”
“ทำตัวยังไง”
“จะจบไหม”
“เออ!”
กว่าจะกินข้าวเสร็จผมโคตรเหนื่อยเลยเหมือนไปวิ่งมาราธอนยาวๆหลายชั่วโมงมา ก่อนจะออกจากร้านผมทะเลาะกับมันอีกยกเรื่องมันไม่ยอมโทรหาผู้จัดการให้มารับ คือตอนมาผมกับมันแยกกันมาไงเจอกันที่ห้าง ตอนกลับผมคิดว่าจะมันจะโทรเรียกพี่ผึ้งมารับเหมือนเดิมแต่ที่ไหนได้..
“ไม่รู้ล่ะวันนี้ผมจะกลับกับพี่” ขนาดออกมาข้างนอกมันจะเถียงไม่เลิก
“กูเข้าบริษัทมึงจะตามไปเพื่อ” คิดสิคิด
“งั้นไปส่งก็ได้”
“มันคนละทางกันกูขี้เกียจกลับรถเรียกพี่ผึ้งมารับหรือเรียกแท็กซี่”
แน่นอนว่าผมไม่มีทางไปส่งมันที่คอนโดแน่ๆไกลกันคนละฝั่ง เสี่ยงรถติดอีกต่างหาก คริสทำหน้านิ่ง มันยืนนิ่งด้วยไม่คิดจะขยับขาเดินคนก็เริ่มมองดีกน่อยตอนนี้อยู่ลานจอรถคนไม่เยอะมากแต่ผมจะโดนแฟนคลับมันดักเอาเปลือกทุเรียนฟาดหน้าไหม
“อย่าไร้สาระน่า ครั้งหน้ากูไม่พามาอีกนะ”
“อะไรก็ไม่ได้ มึงเป็นอะไรห๊ะพี่สิงกูเริ่มไม่โอเคแล้วนะ”
เอาล่ะตอนนี้เดทแรกในรอบเดินผมพังไม่เป็นท่าแล้วครับ ที่จริงควรเรียกว่านัดกันมาทะเลาะดีกว่า ผมถอนหายใจอยากหาอะไรมาตีปากมันจริงๆบอกหลายครั้งแล้วอย่าเรียกกูมึง
“เออ จะไปก็ไปแต่ห้ามงอแงเหมือนครั้งก่อนนะ เพราะกูไม่มาส่งแล้วอยากกลับเรียกแท็กซี่กลับเอง” ผมพูดดักทางไว้ก่อน ที่ไม่อยากให้คริสไปบริษัทด้วยผมประสบพบเจอมากับตัวเองแล้วไง
“อือ” คริสครางรับในลำคอเข้าไปนั่งรอในรถแต่หน้าโคตรนิ่งเหมือนมีปัญหากับที่บ้านมา ผมแต่มองตามเหนื่อยกับมันจริงๆ
“โทรไปบอกพี่ผึ้งก่อนเดี๋ยวเป็นเรื่องอีก” ผมบอกเพราะค่อนข้างจะรู้จักผู้จัดการส่วนตัวมันดีและรู้ด้วยว่าไอ้แฟนตัวดีมันดื้อด้านแค่ไหน คริสไม่พูดแต่ยอมทำตามคุย งุ้งงิ้งกับพี่ผึ้งกันสองคนผมกลายเป็นอากาศแล้วครับ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ผมเข้าบริษัทตามเวลางานช่วงบ่ายพอดี พนักงานเริ่มทยอยกลับเข้ามาแล้วบางคนเห็นผมก็ยกมือไหว้ บางคนทำหน้าตกใจเพราะเห็นคนที่มาด้วย
“น้องคริสไม่ได้เจอกันนานเลยนะว่างหรอคะถึงมากับคุณสิงได้” เลขาหน้าห้องพุ่งเข้าใส่ตัวคริสทันทีที่เจอกัน
“ครับ” คริส
“รุ่นน้องคุณสิงนี่น่ารักจังเลยนะคะ ไม่สิ ต้องบอกว่าหล่อเพราะตอนนี้ไม่น่ารักแล้ว”
เมื่อก่อนมันอ้วนไงแก้มออก ตอนนี้มันผอมแล้วมีกล้ามด้วยหน้าตอบเลยดูหล่อเห็นขาวๆขี้งอนแบบนี้มันแมนมากนะครับกับคนอื่น แต่กลับผมก็อย่างที่เห็นกันมาแล้ว
“ครับ” ผม
“พี่ขอถ่ายรูปไว้ลงไอจีสักรูปได้ไหมคะ”
“อย่าเลยครับพี่ส้ม มันไม่สะดวกให้ถ่ายหรอก” ผมจับมือพี่ส้มที่หยิบมือถือออกมาแล้ว
“ไว้เจอกันข้างนอกผมให้ถ่ายหลายๆรูปเลยดีไหมครับ” คริสคงเห็นว่าเลขาผมหน้าถอดสีถึงพูดปลอบ อีกเหตุผลที่ผมไม่อยากพอคริสมาที่นี่
ผมบอกกับคนอื่นว่าผมกับมันเป็นแค่รุ่นพี่รุ่นน้องกันมีแค่ครอบครัวคนใกล้ชิดเท่านั้นที่รู้ว่าพวกเราเป็นอะไรกัน แล้วถ้าความแตกไม่ใช่ผมที่ซวยแต่คริสรับกรรมเต็มๆ มันไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปแต่เป็นคนของประชาชนจะทำอะไรต้องคิดต้องแคร์หลายอย่าง
แม้คริสจะบอกกับคนอื่นว่ามีแฟนแล้ว แต่เขาไม่รู้ว่าแฟนของมันเป็นใคร ผู้ชายหรือผู้หญิง แฟนคลับบางคนถึงขั้นขุดรูปแฟนมันสมัยมัธยมมาจับประเด็นว่าคนนี้หรือเปล่า บางคนก็เอารูปที่มันถ่ายกับเพื่อนผู้หญิงในคณะสมัยเรียนปีหนึ่งออกมาจับผิด แต่ดีที่ไม่สาวมาถึงผมเพราะผมไม่ค่อยเล่นโซเซียลอะไรอยู่แล้ว คริสก็ลบรูปที่ผมกับมันถ่ายด้วยกันแล้วชอบเอาลงไอจีออกจนหมด กลายเป็นว่าไม่มีใครรู้ว่าแฟนมันคือใคร
“เอางั้นก็ได้ค่ะ” พี่ส้มกลับไปทำงานของตัวเองส่วนผมหนีเข้าห้องทำงานเหมือนกัน
“ไม่อยากให้คนอื่นรู้ขนาดนั้นเลยหรอ”
นั่นไงประเด็นใหม่มาอีกแล้ว..ขยันหาเรื่องจริงๆ
“กูบอกมึงหลายครั้งแล้วไงไม่ใช่”
“แต่การกระทำมันไม่ใช่อ่ะ”
“ทำไมจะไม่ใช่”
“แค่พี่ส้มขอถ่ายรูปทำไมต้องห้ามขนาดนั้นด้วยพี่กลัวอะไรกลัวใครรู้”
“ถ้ามึงอยากถ่ายก็เดินออกไปถ่ายจะได้จบๆ พูดมากจังวะคราวหลังไม่พามาแล้วแม่ง” วันนี้ผมจะสะสางงานบนโต๊ะเสร็จไหมงานก็เร่งคนชวนทะเลาะก็ขยันชวนทะเลาะทุกห้านาทีแบบนี้
“ไม่ถ่ายแล้วกูจะกลับ”
นั่นไง...
“แท็กซี่อยู่ข้างตึกไปเรียกเอา” ผมบอกแล้วไงว่าจะไม่ไปส่ง
“พี่สิง!!” คริสเรียกชื่อผมเสียงดัง เอาโทรศัพท์ตบโต๊ะรับแขกไม่แตกให้มันรู้ไปเครื่องที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ผมไม่ได้นับด้วยแต่เงินค่าตัวแม่งละลายไปกับไอโฟนเกือบครึ่ง
“จะหงุดหงิดหาอะไรวะง่วงก็ไปนอนเดี๋ยวตอนเย็นพาไปกินบิงชู” ลุกจากเก้าอี้ทำงานลากแขนมันเข้าห้องพักส่วนตัวมันเป็นห้องนอนในห้องทำงานผมเนี้ยแหละเวลาประชุมข้ามประเทศดึกๆขี้เกียจกลับบ้านผมจะนอนที่นี่ประจำ และผมรู้ว่าตอนนี้ไอ้แฟนตัวดีมันจะนอน ที่หงุดหงิดหน้าบึ้งคือง่วง เลิกกองเสร็จมันก็พุ่งมาตามนัดเลยได้พักหรือเปล่าก็ไม่รู้
“อาทิตย์หน้าผมไปจีน”
“กูไปไม่ได้”
อาทิตย์หน้ามันสิ้นเดือนแน่นอนว่างานเยอะแน่ๆ ผมเลยดักแม่งไว้ก่อนลองเกริ่นมาแบบนี้ต้องบังคับให้ผมไปด้วยชัวร์
“ทำไม? ทำไมไปไม่ได้ไหนมึงบอกไปได้ไง” มันแกะมือผมออกจากแขนทันทีที่ผมปฏิเสธอย่างไร้เยื้อใยและความหวัง
ผมเคยบอกมันว่าไปได้จริงแต่ใครจะรู้ว่าไปสิ้นเดือนวะ
“สิ้นเดือนงานกูเยอะมึงก็รู้ไม่ใช่หรอ”
“งานอีกแล้วงานตลอดเลย กูถ่ายละครจบไปเรื่องหนึ่งแล้วงานมึงยังไม่ลดสักที!!”
“อย่างี่เง่า” ผมดุ แต่คงไม่ได้ผลมันยังใส่ผมเรื่อยๆ
“คนอื่นก็มีแฟนเป็นแบบมึงเขายังมีเวลาให้กันเลย ทำไมมึงเบื่อหรอคบกันนานเลยเบื่อใช่ไหมบอกดิ”
“แล้วมึงจะเอายังไงไปบอกพ่อกูไหม” ผมกอดอกผลักมันออกเพราะมันทุบผมอยู่ คิดว่าเป็นผู้หญิงหรือไงทุบเอาๆจุกไปหมดแล้วเนี้ย ตัวมันกับผมก็พอกันแต่ผมสูงกว่านิดหน่อยยกเว้นมันอยากใส่เสริมส้นขึ้นมาอ่ะนะ
“นั่นไงมึงเบื่อกูจริงด้วย”
“กูไม่ได้พูดถ้าเบื่อกูเลิกกับมึงไปนานแล้วจะทนคบทำไม”
“...”
“เป็นเมนส์ไงอารมณ์ขึ้นๆลงๆ”
“...”
คริสหันหน้าไปทางอื่นแสดงว่าโอเคขึ้นแล้ว ผมถอนหายใจลูบหัวมันโยกเบาๆ นี่ผมยอมมันสุดๆแล้วนะคนบ้าอะไรหาเรื่องทะเลาะได้ตลอดเวลา ขี้งอน งี่เง่า เอาแต่ใจ มาครบสูตรแฟนในตำนานเลย
“ไอ้เหี้ยพี่”
“ถ้าขนาดนี้มึงอย่าเรียกกูพี่”
ไม่เตือนหน่อยเอาใหญ่ด่ากูสนุกเลยคริสหันกลับมากอดเอวผมไว้ เอาหน้าซบไหล่เหมือนที่มันชอบทำเวลาอยากอ้อนงอแงใส่ ดีครับดีด่าเสร็จก็อ้อนเหมือนถูกตบหัวแล้วลูบหลังปล่อยมันไปผมจะเข้าใจว่าช่วงนี้มันเหนื่อย
“ง่วงก็นอนอย่าออกมาอาละวาดอีกเดี๋ยวคนอื่นตกใจ” ไม่วายจิกกัดแม่งทิ้งท้าย มันชักสีหน้าใส่ผลักไหล่ผมออกห่างกระโดดขึ้นเตียงมุดผ้าห่มแล้วก็หลับจริงๆ ผมถึงได้ออกไปจัดการงานของตัวเองต่อแบบไม่ต้องกังวลว่าจะมีคนมาป่วนให้เสียสมาธิ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
อากาศช่วงเช้าแบบนี้ทำให้ผมขี้เกียจขยับตัวลงจากเตียง นานแค่ไหนแล้วนะที่ผมไม่ได้นอนครบแปดชั่วโมงแบบนี้ ก่อนเปิดกล้องละครที่ผมถ่ายเพิ่งจะจบไปเมื่อวานนั่นแหละ
ผมตวัดมือคว้านหาโทรศัพท์ตัวเองด้วยความเคยชิน อย่าคิดว่าผมจะหาตัวเจ้าของคอนโดนะครับ เพราะรู้ไงว่ามันยังนอนอยู่ไม่ตื่นจากการเฝ้าพระอินทร์ง่ายๆยิ่งวันหยุดสุดสัปดาห์แบบนี้แล้วด้วยเอาช้างทั้งฝูงมาฉุดก็ไม่สะเทือนหรอก
“ปิดม่านดิแดดส่อง”
ผมไม่ได้นอนทางฝั่งระเบียงแต่ไอ้คนใช้อ่ะมันนอนฝั่งนั่นแล้วดันใช้ผมปิดผ้าม่านให้โคตรดีห้องที่ว่ามืดอยู่แล้วพอปิดผ้าม่านยิ่งมืดกว่าเดิมยังกับตอนกลางคืน คนบ้าอะไรแต่งห้องสีดำทั้งหมดเหมือนไว้อาลัยให้ตัวเอง ผมนับถือความชอบในสีดำมันจริงๆ
“คริสกูบอกปิดม่าน” เสียงมันเริ่มหงุดหงิดกว่าเดิม ไม่ใช่แค่เสียงแล้วครับเท้าก็มามันใช้เท้าสะกิดเร่งหยิกๆ หมดกันมาดนักธุรกิจที่สั่งสมมานานมาตายให้กับแสงแดดตอนเช้า
“รู้แล้ว!! จะเร่งอะไรนักหนาวะ” ผมลุกขึ้นยืนเดินข้างตัวแม่งไปปิดผ้าม่านให้ สงสัยละสิคอนโดแพงขนาดนี้ทำไมไม่มีระบบอัตโนมัติเหมือนในหนัง มีครับแต่ผมหาไม่เจอเลยใช้แรงงานตัวเอง
ผมนั่งมองแฟนตัวเองที่อุตส่าห์คบกันมาสี่ปี ตั้งแต่ปีหนึ่งตอนแรกมันมาในรูปแบบเพื่อนร่วมสาขา ร่วมคณะ กลุ่มเดียวกัน ไปๆมาๆคบกันได้ไงไม่รู้ผมยังไม่รู้เลยว่าใครเริ่มจีบใครก่อน รักกันตอนไหน เมื่อไหร่ แต่สรุปคือคบกันเป็นแฟนแล้ว แล้วเสือกคบกันนานด้วยผมเองก็ไม่คิดคบได้นานขนาดนั้นทั้งที่ตีกันเกือบทุกวันเหมือนเมื่อกี้ไง
สิงโตอายุมากกว่าผมหนึ่งปี แต่ผมไม่เคารพมันเป็นพี่หรอกดูมันดิอยากให้ผมเรียกพี่แต่ขึ้นกูมึงกับผมตลอดใครจะไปเรียกลง
“พี่สิงกินข้าวไหนผมหิว” ผมเขย่าแขนคนซ้อมตายเบาๆ
“สั่งขึ้นมา”
“ไม่เอาไปกินข้างนอก”
“กุญแจรถกูอยู่บนโต๊ะขับออกไปซื้อเอง”
“พี่จะเอาอะไรไหม”
“ซื้อๆมาเหอะ”
ผมไม่เซ้าซี้ให้มากความอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ เอากุญแจที่พี่มันบอกว่าอยู่ตรงไหนก็ออกไปหาอะไรใส่ท้องเลย อย่าถามว่าโมเม้นติดแฟนห่างกันไม่ได้แม้นาทีเดียวครับมันไม่มีกับคู่ผม เราต่างคนต่างอยู่ถ้าคิดถึงหรือว่าค่อยเจอกัน นิสัยสิงโตเป็นคนมีโลกส่วนตัวสูง ยิ่งมันทำงานแล้วนี่ยิ่งอยู่คนเดียวตลอดเวลาว่างแทบไม่มี ส่วนผมชอบสังสรรค์ ติดเพื่อน ชอบเข้าสังคมนิสัยเราสองคนต่างกันสุดจนเพื่อนกลุ่มเดียวกันแปลกใจว่าทำไมยังคบกันอยู่ ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันตอบไม่ได้ แค่อยู่ตรงนี้แล้วมันโอเคดี
ถึงคอนโดพี่สิงก็อาบน้ำอยู่ในชุดธรรมดาคือเสื้อยืดสีดำ กางเกงขาสั้น อ่านนอนการ์ตูนสบายใจ ผมไม่พูดอะไรเดินเอาอาหารที่ซื้อมาไปเก็บเพราะกินมาแล้ว
“ไปนานจังวะ กูนึกคิดว่ามึงไปปลูกข้าวซะอีก” ดูความปากเสียของเขานะครับ
“ผมบอกจะไปกินข้าวไม่ได้ไปซื้อข้าวสักหน่อย”
“เออๆ”
พี่สิงเลิกต่อบทผมนั่งดูหนังที่เปิดทิ้งไว้แต่ไม่ยักจะดู เหอะ อ่านการ์ตูนแต่เปิดหนังไว้อวดรวยชิบ
“มึงมีงานที่ไหนอีกไหม”
ตารางงานผมไม่แน่นอนผมรู้ล่วงหน้าไม่กี่วันเพราะผู้จัดการเป็นคนรับงานให้บางทีก็บริษัท ผมมีหน้าที่ไปแค่บอกพี่เขาว่าไม่อยากรับงานแบบไหน ประมาณไหนเท่านั้น ผมไม่ชอบรับงานช่วงเช้าเพราะขี้เกียจตื่นอาศัยรับงานช่วงบ่ายแทนหรือไม่ต้องรับเลยก็ได้ยิ่งดี
“มีตอนบ่าย ทำไมอ่ะ”
“พ่อแม่กูมา”
“แล้วไงอ่ะให้ผมยกเลิกป่ะ”
พี่สิงละสายตาจากการ์ตูนเรื่องโปรดมองผมนิ่ง กูทำอะไรผิดตับอีกล่ะคราวนี้
“ถ้ารับปากแล้วทำไม่ได้คราวหลังอย่าทำ”
เหอะ!
“มึงควรบอกตัวเองมากกว่านะพูดแล้วทำไม่ได้อย่าพูด”
ผมยังไม่ลืมเรื่องที่มันไปจีนกับผมไม่ได้หรอกนะ ที่ไม่พูดเพราะรอดูก่อนว่าถึงวันจริงๆจะไปได้หรือเปล่า ถ้าไม่ได้มีตายกันไปข้างแน่ๆไม่ผมก็มัน ผมพร้อมตีอ่ะพูดเลยนี่ยังเคืองไม่หาย
“คริส”
“อะไร”
“นี่ห้องกู จะโยนมึงออกไปข้างนอกเมื่อไหร่ก็ได้”
ดูมันพูดครับในปากนี่สะสมหมาไว้กี่ตัววะทำไมไม่หมดสักที ผมปัดเท้าของพี่สิงออกจากตัก ผมมีความรู้สึกนะครับไม่ใช่ไม่มีถึงจะชินกับสกินปากหมาของแม่งแล้วก็เหอะ
“อะไรอีก”
“....”
“กูล้อเล่นจริงจังเพื่อ”
“แต่กูไม่ตลกนะ มึงเล่นไม่รู้เรื่องละ” ผมเถียงดูหน้ามันดิใครจะไปแยกออกอันไหนเล่นอันไหนจริง ยิ่งตอนนี้ทำเหมือนรำคาญผมตลอดเวลาไม่ให้คิดได้ไงเป็นใครก็คิดไหม
“เลิกงอแงสักทีรำคาญตกลงกูมีเมียหรือมีลูกวะ”
ผมได้ยินมันบ่นนะเว้ย พี่มันไม่พูดอะไรอีกเหมือนโดนการ์ตูนดูดไปอีกโลกเรียบร้อยปล่อยให้ผมนั่งๆนอนๆอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมกว้างๆรอว่าเมื่อไหร่พี่ผึ้งจะขึ้นมารับ เนี้ยแหละครับชีวิตผมกับมนุษย์แฟนจืดชืดมากใช่ไหม
เปิดเรื่องใหม่เฉยเลย เรื่องเก่ายังแต่ไม่จบด้วย เรื่องนี้ไม่มีดราม่ายืดๆออกไปเรื่อยๆอยากจบเมื่อไหร่ก็จบ บ้าไปแล้ว
มาต่อนะ ทั้ง 2 เรื่องเลยนะ ติดตามอยู่
ทะเลาะกันตลอด แต่ก็ยังอยู่ด้วยกันได้ เหมือนจะรักบางทีก็ไม่สนใจ แต่ก็มีแคร์กันบ้าง ต่างกันสุดขั้ว เอาที่อยู่ในจุดที่สบายใจละกัน
ชอบมากกกกกกก งื้ออออ มาต่อไวๆนะคะ
ลูกจะได้ ดกๆ ไง