ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Seem sweet [ Krisyeol + Sehun x Luhan ]

    ลำดับตอนที่ #8 : Seem Sweet - 7 { past sweet }

    • อัปเดตล่าสุด 22 ก.พ. 57




    Chapter 7



    เสียงก๊อกแก๊กตรงริมระเบียงเรียกให้ชานยอลที่นั่งอ่านหนังสืออยู่บนเตียงเดินไปชะโงกหน้ามอง ร่างบางเลื่อนม่านออกมองหาที่มาของเสียงนั่น และก็พบคริสยืนโบกไม้โบกมืออยู่ตรงข้างกำแพงบ้านจึงเปิดประตูระเบียงและเดินออกไปมองใบหน้าตื่นๆ ของเด็กหนุ่มร่างสูงอย่างแปลกใจ ชานยอลไม่เคยเห็นสีหน้าแบบนี้ของคริสมาก่อน

     

    เป็นอะไรไป

                   

    ชานยอลกดโทรศัพท์ส่งข้อความไปถามคนที่ยืนอยู่ข้างล่าง ไม่นานคริสก็ส่งข้อความตอบกลับมา

     

    ไปทำงานให้พ่อมา เลยแวะมาหา

                   

    ชานยอลรู้สึกว่าเพื่อนมีท่าทางแปลกๆ จนน่าเป็นห่วง เลยส่งข้อความกลับไปอีกครั้งบอกให้เขารออยู่ตรงนั้นก่อนจะไต่ระเบียงและเกาะกิ่งก้านของต้นไม้ปีนไปจนถึงขอบกำแพงบ้าน

                   

    “ทีหลังอย่าปีนลงมาแบบนี้อีกนะ มันอันตราย”

     

    คริสว่าแต่ก็อ้าแขนรอรับเด็กหนุ่มร่างบางที่กำลังกระโดดลงจากกำแพงสูงเข้าสู่อ้อมอก ถ้าตกลงมาแข้งขาหักจะทำยังไง

     

    “ทีนี้เข้าใจรึยัง ว่าเวลาเห็นนายไปชกต่อยกับคนอื่นฉันรู้สึกยังไง”

                   

    ชานยอลดันตัวออกจากแผ่นอกของคริส จ้องมองนัยย์ตาที่ซ่อนรอยตื่นตระหนกบางอย่างเอาไว้ เมื่อสักครู่เขารู้สึกได้ว่ามือของอีกฝ่ายกำลังสั่น

     

    “นายเป็นอะไรไป”

                   

    คริสไม่ตอบแต่ดึงตัวร่างบางเข้ามากอดไว้อีกครั้ง ซบใบหน้าไว้กับไหล่เล็ก เขาไม่กล้าบอกว่างานที่พ่อใช้ให้ไปทำวันนี้คือการฆ่าคน เขาลงมือฆ่าคนเป็นครั้งแรก แววตาหวาดกลัวของเหยื่อยังคงติดตาเขา เสียงร้องขอชีวิต เลือดที่สาดกระเซ็นยังลอยวนอยู่ในหัว

     

    เขายอมรับว่า...กลัว

     

    “ฉันแค่...เหนื่อย”

     

    คริสพาชานยอลซ้อนดูคาติกคู่ใจ สายลมแรงที่ปะทะใบหน้าทำให้รู้สึกดีขึ้นยิ่งเมื่อมีชานยอลกอดเอวไว้ทำให้เขาอบอุ่นไม่อ้างว้างอีกต่อไป เขาขับพาคนด้านหลังมาริมแม่น้ำฮันอันเป็นสถานที่โปรดของพวกเขา เขาคริสมองกลุ่มเด็กวัยรุ่นที่ทำกิจกรรมกันอย่างสนุนนาน ถ้าเขาได้ใช้ชีวิตธรรมดาเหมือนเด็กคนอื่นก็คงจะดี

     

    คริสจูงมือชานยอลให้ไปนั่งริมแม่น้ำ เอนศีรษะซบไหล่เล็กส่วนมือก็ยังคงกุมกันไว้ไม่ยอมปล่อย

                   

    “ถ้าวันหนึ่งฉันไม่เหมือนเดิม เธอจะยังอยู่ข้างๆ กันแบบนี้มั้ย”

     

    เขาถามอย่างไม่แน่ใจ ถ้าวันหนึ่งชานยอลรู้ความจริงว่ามือเขาแปดเปื้อนด้วยคาวเลือดจะกลัวเขามั้ยนะ

                   

    ชานยอลขมวดคิ้วน้อยๆ ปรายตามองคนที่ซบอยู่ที่ไหล่ ตั้งแต่วันนั้นที่คุณแม่ของคริสจากไป คริสก็ไม่ค่อยจะแสดงด้านที่อ่อนแอออกมาเท่าไหร่นัก แต่ทำไมวันนี้ถึง...

                   

    “ฉันไม่เข้าใจว่านายหมายความว่ายังไง แต่คำตอบของฉันคือ ไม่ว่านายจะเปลี่ยนไปยังไง นายก็ยังคงเป็นอู๋อี้ฟ่านคนสำคัญของฉันเสมอ

     

    ฝ่ามือบางลูบศีรษะคนที่ซบอยู่อย่างอ่อนโยน ต้องการจะถ่ายทอดความอบอุ่นที่คริสได้ขาดหายไป ชานยอลอยากมอบความรักของตนเองทดแทนความรักที่คริสไม่เคยได้รับจากคนเป็นพ่อ เขารู้ว่าแท้จริงแล้วคริสเป็นคนใจดี อ่อนโยน แต่เพราะขาดความรักจากครอบครัวทำให้มักจะแสดงแต่ด้านที่ก้าวร้าวออกมาเท่านั้น

     

    “ขอบใจนะ ชานยอล”

     

    ดวงตาคู่คมที่เอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตาพริ้มลงซึบซับความอบอุ่นที่ชานยอลมอบให้ บนโลกนี้เขาเหลือเพียงแค่ชานยอลที่ให้ความรัก ความอบอุ่นใจแก่เขาเสมอมา เขาจึงยอมทำทุกอย่างเพื่อปกป้องคนๆ นี้ไว้

     

    .เหมือนที่วันนี้เขาปลิดชีวิตของคนอื่น เพียงเพื่อต่อไฟชีวิตให้ชายอล

     

    สัมผัสอุ่นชื้นบริเวณท่อนแขนใหญ่ที่ชานยอลสัมผัสได้ทำให้ใบหน้าหวานขมวดคิ้วอย่างแปลกใจก่อนจะดันร่างของคนที่เอนซบไหล่ตนไว้ออกเล็กน้อยเพื่อสำรวจหาความผิดปกติ และก็เป็นไปอย่างที่กังวล เมื่อความอุ่นที่เขาสัมผัสได้เมื่อครู่มันคือเลือดแดงฉานที่ซึมออกมาจากเสื้อคลุมของคริส

     

    “นายบาดเจ็บเหรอ”

     

    ชานยอลถอดเสื้อตัวนอกของคริสออกอย่างรวดเร็วโดยไม่ค่อยได้รับความร่วมมือจากเจ้าตัวสักเท่าไหร่ บาดแผลสดถูกพันไว้ด้วยผ้าเช็ดหน้าเพื่อห้ามเลือดอย่างลวกๆ ชานยอลขมวดคิ้วอย่างไม่ชอบใจ เขาไม่ชอบเลยที่เห็นคริสได้รับบาดเจ็บแบบนี้

     

    คริสเป็นเด็กหนุ่มวัยรุ่นทั่วไปที่มักจะมีเรื่องชกต่อยตามประสา และทุกครั้งที่เห็นคริสบาดเจ็บชานยอลก็รู้สึกเจ็บปวดไปด้วย ทุกครั้งที่รู้ว่าคริสทำเรื่องเสี่ยงอันตราย หัวใจของเขาจะสั่นวูบด้วยความเป็นห่วง ครั้งนี้ก็เช่นกันเพียงแค่ได้เห็นเลือดที่ไหลออกมาจากตัวของอีกฝ่ายน้ำตาก็พาลจะไหลออกมาเสียอย่างงั้น

     

    “ร้องไห้อีกแล้ว”

     

    คนเจ็บพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา สิ่งที่คริสเกลียดที่สุดคือการได้เห็นน้ำตาของชานยอล แต่เขาก็มักจะเป็นตัวต้นเหตุที่ทำให้คนๆ นี้ร้องไห้เสมอ คริสใช้หลังมือปาดหยาดน้ำที่หางตาของชานยอลให้อย่างแผ่วเบา

     

    “ก็เพราะใครละ ทำไมนายชอบทำให้ฉันเป็นห่วงอยู่เรื่อย คราวนี้ไปมีเรื่องกับใครมาอีก”

     

    “ขอโทษคร้าบ ผมผิดไปแล้ว แค่อุบัติเหตุนิดหน่อย”คริสโกหกออกไปทั้งที่รู้ว่าชานยอลคงไม่เชื่อ แต่จะให้บอกได้อย่างไรว่าแผลนี่ได้มาจากงานวันนี้ ความใจอ่อนทำให้พลาดท่าถูกยิงยังดีที่กระสุนแค่ถากๆ เท่านั้น

     

    “นายห้ามบาดเจ็บอีกได้มั้ย"ชานยอลอ้อนวอนด้วยน้ำตาเอ่อคลอ

     

    “ฉันรับปากไม่ได้ว่าจะไม่บาดเจ็บ แต่ที่สัญญาคือถ้าเธอไม่อนุญาติ ฉันจะไม่ตายเด็ดขาด”

     

    เพราะฐานะทายาทเพียงคนเดียวของแก๊งมังกร ในวันข้างหน้าเขาคงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องพาตัวเองไปอยู่ในสถานการณ์อันตราย แต่เพื่อชานยอลแล้วเขาจะไม่ยอมตายเด็ดขาด เพราะรู้ว่าคนตัวเล็กนี่คงอยู่โดยไม่มีเขาไม่ได้เหมือนที่เขาเองก็ขาดชานยอลไม่ได้เช่นกัน

     

    “ในเมื่อห้ามไม่ให้นายบาดเจ็บไม่ได้ งั้นฉันจะเป็นหมอคอยรักษานายเอง”

     

    •*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•

     

     

    เสียงโต้เถียงกันลอยมาให้ได้ยินทันทีที่คริสเหยียบย่างเข้ามาภายในบ้านตระกูลปาร์ค น้ำเสียงกระเง้ากระงอดที่เขาจำได้ดีจุดรอยยิ้มบางบนใบหน้าหล่อจัดได้ ฝีเท้ายาวเดินเข้าไปยังห้องนั่งเล่นที่มาของต้นเสียงเหล่านั้นก็เป็นไปตามคาดเมื่อเห็นชานยอลกำลังยืนหน้างอง้ำอยู่ท่ามกลางชายอีกสองคน

     

    “อี้ฟ่านมาพอดีเลย พ่อไม่ยอมให้ไป”ชานยอลที่เห็นเพื่อนสนิทเดินเข้ามารีบตรงเข้าไปกอดแขนแน่นแล้วฟ้องอย่างกับเด็กโดนแกล้ง ไม่รู้คริสจะขำดีหรือไม่เพราะคนถูกฟ้องน่ะเป็นพ่อกับญาติผู้พี่ของคนตัวเล็กเองนะนั่น

     

    “สวัสดีครับหัวหน้าปาร์ค พี่ชางมิน”ถึงแม้คริสจะเป็นลูกชายของเจ้านายทั้งสองแต่ด้วยอายุที่มากกว่าและยังเป็นคนสำคัญของชานยอลเขาจึงให้ความเคารพอยู่มาก

     

    “สวัสดีครับนายน้อย”ทั้งสองเองก็ตอบกลับมาอย่างสุภาพเพราะถึงคริสจะให้ความเป็นกันเองและสนิทสนมกับชานยอลขนาดไหนพวกเขาก็ยังสำนึกอยู่เสมอว่าอีกฝ่ายเป็นเจ้านาย

     

    “ชานยอลไม่ต้องงอแงเลย”หัวหน้าปาร์คที่เห็นลูกชายกำลังหาพวกดุเสียงเข้มจนใบหน้าน่ารักหงอยลง

     

    ดวงตากลมโตช้อนมองเพื่อนร่างสูงอย่างขอความช่วยเหลือ วันนี้เขากับเพื่อนๆ นัดกันไปเที่ยวฉลองหลังจากสอบเสร็จวันแรกแต่พ่อกลับไม่ไป ซึ่งปกติแล้วหากชานยอลไปไหนโดยมีคริสไปด้วยพ่อจะไม่เคยห้ามเพราะรู้ว่าคริสจะสามารถดูแลเขาได้

     

    ถ้าไม่มีคริสชีวิตของชานยอลอาจจะอยู่ห่างไกลจากคำว่าเรียบง่ายมากกว่านี้ก็ได้ เพราะครอบครัวเขาเป็นมาเฟียทำให้การใช้ชีวิตจะต้องมีบอร์ดี้การ์ดล้อมหน้าล้อมหลังอยู่ตลอดเวลา แต่ถ้าไปไหนกับคริสพ่อจะวางใจไม่ต้องสั่งให้มีคนคอยติดตามทำให้ชานยอลได้ใช้ชีวิตปกติเหมือนวัยรุ่นคนอื่นๆบ้าง

     

    ทั้งที่คริสเป็นถึงนายน้อยของแก๊งมังกรแต่กลับไม่ต้องมีผู้ติดตามเพราะฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มาตั้งแต่เล็ก ต่างจากชานยอลที่ไม่ชอบเรื่องพวกนั้นเอาเสียเลย จากที่เขาควรจะเป็นคนดูแลปกป้องนายน้อยกลายเป็นนายน้อยดูแลเขาไปเสียนี่ คิดแล้วก็ตลกดีเหมือนกัน

     

    “ชานยอลไปรอบนห้องก่อนนะ ฉันมีธุรจะคุยกับหัวหน้าปาร์คนิดหน่อย”คริสบอกคนที่กอดแขนเขาแน่นด้วยรอยยิ้มบางพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่เปิดเผยพิรุธออกไป

     

    ชานยอลมองหน้าชายสามคนอย่างสงสัยแต่ก็ยอมพยักหน้าและเดินออกไปอย่างเชื่อฟัง คริสมองตามหลังจนแน่ใจว่าชานยอลขึ้นบันไดไปแล้วจึงเชื้อเชิญเจ้าของบ้านให้ไปคุยกันในห้องทำงานที่มิดชิดแทน

     

    “พวกคุณรีบพาชานยอลหนีไปเถอะ นายใหญ่รู้เรื่องทั้งหมดแล้ว

     

    เรื่องที่หัวหน้าปาร์คทรยศแก๊งมังกรโดยการไปร่วมมือกับแก๊งเสือขาว ไม่อาจหลุดรอดสายตาของนายใหญ่อย่างอู๋ฟงไปได้ นายใหญ่มีคำสั่งให้จัดการกับหัวหน้าปาร์คนานแล้วแต่เป็นเพราะคริสยื้อเวลาเอาไว้ พวกเขาพ่อลูกจึงยังมีชีวิตอยู่มาได้ถึงวันนี้

     

    “แล้วทำไมนายน้อยถึงมาบอกผมละ”

     

    หัวหน้าปาร์คถามทั้งที่รู้ว่าลูกชายตนเองมีความสำคัญภายในใจคริสขนาดไหน แต่เขาก็เพียงอยากจะแน่ใจให้มากขึ้นเท่านั้น เพราะหากมีเรื่องผิดพลาดจนตัวเองต้องตายไป อย่างน้อยก็ยังวางใจว่าชานยอลจะได้รับการปกป้องจากเด็กหนุ่มตรงหน้า

     

    ผมทนเห็นชานยอลตายไม่ได้ เพราะฉะนั้นพวกคุณรีบไปจากเกาหลีเสียเถอะ ไปให้ไกล

     

    ไม่ใช่ว่าคริสอยากจะปล่อยชานยอลไป แต่ถ้าให้เลือกระหว่างอยู่ด้วยกันแต่ชานยอลต้องตกอยู่ในอันตราย เขายอมที่จะไม่ได้เจอชานยอลอีกแต่รับรู้ว่าอีกฝ่ายยังมีชีวิตปลอดภัยอยู่ที่ไหนสักแห่งบนโลกนี้ก็เพียงพอแล้ว

     

    “ถ้าหากผมตายไป ขอฝากให้นายน้อยดูแลชานยอลแทนผมด้วย เขาไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้เลย”ชานยอลไม่เคยรับรู้เรื่องราวภายในแก๊งหรือเรื่องที่เขาทำ เขาไม่อยากให้ลูกชายที่แสนบอบบางคนนั้นต้องแปดเปื้อนไปกับความโสมมของวงการนี้


    “นายน้อยไปบอกลาเขาเถอะ ผมจะจองไฟท์บินเดินทางพรุ่งนี้เลย”

     

    “บอกลาอะไรกัน”

     

    อยู่ๆ ชานยอลก็พรวดพราดเข้ามาในห้องทำงานของผู้เป็นพ่อ มองชายสามคนสลับกันไปมาอย่างต้องการคำตอบ เขาไม่ได้ตั้งใจแอบฟังแต่ท่าทางแปลกๆของคริสทำให้อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้

     

    “เราจะไปไหนฮะพ่อ?”

     

    ชายต่างวัยทั้งสามคนที่มีคนสำคัญคนเดียวกันส่งสายตาอย่างสื่อความหมายก่อนที่ชายสูงวัยสุดจะเดินออกจากห้องไปตามด้วยชิมชางมินหลานชาย ทิ้งให้คริสกับชานอลได้คุยกันตามลำพัง

     

    “ชานยอล งานในแก๊งมีปัญหานิดหน่อย เธอกับพ่อแล้วก็พี่ชางมินต้องไปอยู่ต่างประเทศสักพักเพื่อความปลอดภัย”แต่คริสก็ไม่รู้ว่าสักพักที่ว่ามันนานเท่าไหร่ กี่ปีหรือกี่สิบปีกว่าจะได้เจอกันอีก

     

    “แล้วนายละ”

     

    ถึงจะไม่รู้ว่าปัญหาที่ว่าคืออะไร แต่ชานยอลก็รู้สึกได้ว่ามันต้องเป็นเรื่องใหญ่ไม่ใช่น้อย ถ้าครอบครัวเขาจะได้รับอันตราย แล้วคริสละจะปลอดภัยหรือหากอยู่ที่นี่

     

    “ฉัน...ต้องอยู่ที่นี่”เขาต้องอยู่เพื่อขัดขวางไม่ให้นายใหญ่ตามล่าครอบครัวหัวหน้าปาร์ค

     

    “งั้นฉันก็ไม่ไป จะอยู่กับนาย”

     

    มือเล็กกุมฝ่ามือใหญ่ไว้แน่น ใบหน้าเริ่มดื้อรั้นแบบที่นานๆ ครั้งชานยอลจะเป็น เห็นแล้วคริสก็อดไม่ได้ที่จะดึงร่างบางเข้ามากอดไว้แนบอก

     

    “อย่าดื้อสิ ที่นี่มันอันตราย เธอไปกับหัวหน้าปาร์คก่อนนะ แล้วฉัน...จะตามไป”ก้านนิ้วยาวลูบผมนุ่มอย่างอ่อนโยน เขาโกหก เขารู้ดีว่าคงไม่มีวันที่จะได้ตามไป ตอนนี้เขาเป็นนักฆ่าทำงานให้นายใหญ่ คนอย่างอู๋ฟงไม่มีวันปล่อยให้เขาเป็นอิสระอย่างแน่นอน

                   

    “นายต้องรีบตามมานะ”ชานยอลพูดด้วยน้ำเสียงอู้อี้มาจากอ้อมกอด ยิ่งทำให้คริสกระชับวงแขนแน่นขึ้น อยากกอดไว้นานๆ ตักตวงความสุขสุดท้ายจากร่างเล็กนี้ให้มากที่สุด

     

    “อื้ม”

     

    :

     

    ภายในสนามบินที่แสนวุ่นวายขณะยืนรอพี่ชายไปจัดการเรื่องเอกสาร ปาร์คชานยอลยืนอย่างโดดเดี่ยวดวงตาคู่สวยมองซ้ายขวาหาเงาร่างสูงของใครบางคนแต่กลับไม่พบ ทั้งที่วันนี้ชานยอลต้องเดินทางไปยังอีกซีกโลกหนึ่งแล้วแต่ใครคนนั้นก็ยังไม่ยอมมาหากัน

     

     อี้ฟ่านจะไม่มาส่งเขาจริงๆ หรือ?

     

    “ชานยอลไปกันได้แล้ว”ชิมชางมินสะกิดเรียกคนเป็นน้อง วันนี้มีเพียงแค่พวกเขาเดินทางกันสองคนเพราะคุณลุงต้องการจะอยู่สะสางเรื่องราวต่างๆ เสียก่อนถึงตามมา

     

    ใบหน้าหวานก้มลงอย่างหม่นหมองก่อนจะยอมก้าวตามหลังพี่ชายไปทางประตูเกท ทุกอย่างมันกระทันหันจนเขาตั้งตัวไม่ทัน ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีวันที่ต้องใช้ชีวิตโดยไม่มีคริส

                   

    พอคิดแบบนั้นแล้วหัวใจก็คล้ายวูบโหวง ตลอดเวลาที่ผ่านมาพวกเขาเหมือนยืนอยู่บนเส้นแบ่งระหว่างคำว่าเพื่อนกับคนรัก เพราะคิดมาตลอดว่ายังไงเสียเขาก็มีคริสอยู่เคียงข้าง ทำให้ไม่เคยค้นหาคำตอบให้กับความสัมพันธ์ที่คลุมเครือนั่น

     

    ชานยอลไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ที่รู้คือสิ่งที่คริสบอกนั้นมันไม่จริง! เขารู้จักคริสมาทั้งชีวิตมีหรือจะดูไม่ออกว่าอีกฝ่ายกำลังโกหก มีเรื่องปิดบังกันอยู่ ชานยอลมีรู้สึกว่าถ้าไปจากเกาหลีครั้งนี้จะไม่ได้พบกันอีกเลย เรื่องนี้เขาทนไม่ได้

     

    ชีวิตของปาร์คชานยอลขาดอู๋อี้ฟ่านไม่ได้จริงๆ

     
     

    “พี่ชางมิน ฉันอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีอี้ฟ่าน ฉันขออยู่ที่นี่กับเขานะ แล้วจะติดต่อไป

     

    ชานยอลตะโกนบอกพี่ชายที่เดินผ่านเข้าไปด้านในแล้ว ไม่ทันรอให้ชางมินรั้งไว้ ชานยอลหันหลังกลับวิ่งออกไปทันที บนถนนสายนี้ คนที่อยู่สุดปลายทางคือคำตอบสำหรับทุกสิ่ง

     

    คำตอบ...ว่าทำไมถึงมีความสุขเมื่อได้ใช้เวลาร่วมกัน

    คำตอบ...ว่าทำไมถึงอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีคนๆ นั้น

                   

    “ฉันจะก้าวผ่านเส้นแบ่งไปหานาย อี้ฟ่าน”






    TBC




    TALK

    หายไปนานเพราะว่าเปิดเมมที่เซฟฟิคไม่ได้ ตอนนี้กลับมาแล้วววววว สั้นไปหน่อย ><

    Matesoul my
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×