คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Seem Sweet - 5
Chapter 5
ฝ่ามือใหญ่ฟาดลงข้างแก้มเนียนซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยที่ไม่มีใครกล้าเข้าไปห้ามเพราะต่างก็หวาดกลัวกับความโมโหร้ายของนายใหญ่ ไม่ว่าจะเด็กรับใช้หรือบรรดาลูกน้องต่างยืนกันตัวลีบเพราะกลัวจะตกเป็นเครื่องระบายความโกรธเกรี้ยวเหมือนแบคฮยอน ครั้งนี้คุณชานยอลไม่กลับบ้านทั้งคืนทำให้นายใหญ่โมโหจัดหากเกิดอันตรายขึ้นมาเกรงว่าพวกตนคงได้ลาโลกกันยกคณะแน่ๆ
"แกดูแลชานยอลยังไงถึงปล่อยให้หายออกไปข้างนอกคนเดียวทั้งคืน"
คริสกระชากผมเด็กคนโปรดของชานยอลมองอย่างคาดโทษ เพราะชานยอลเอ็นดูเจ้าเด็กนี่เป็นพิเศษทำให้เขาไม่ค่อยจะชอบใจมันเท่าไหร่ มันมีสิทธิ์อะไรถึงได้รับรอยยิ้มและความอ่อนโยนของชานยอลแต่เขากลับไม่ได้
"นายใหญ่ครับ คุณชายยอลกลับมาแล้ว"จื่อเทาวิ่งกลับเข้ามารายงานด้วยใบหน้าโล่งใจ ดวงตาคมกริบมองคนตัวเล็กที่มีสภาพยับเยินด้วยความสงสาร
เมื่อก้าวเข้าตัวบ้านมาชานยอลก็รับรู้ถึงความวุ่นวายที่เกิดขึ้น ร่างสูงใหญ่ยืนรออยู่กลางห้องโถงบนพื้นข้างกายมีร่างของแบคฮยอนกำลังกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ ชานยอลเดินไปย่อตัวลงใกล้ๆโดยไม่สนใจสายตาดุกร้าวของคนตัวโต มือบางแตะที่รอยแตกช้ำตรงมุมปากเล็กอย่างรู้สึกผิดปนสงสาร ทุกครั้งที่เขาหายไปไหนตามลำพังคนที่ต้องมารับเคราะห์ก็เป็นแบคฮยอนทุกที
"จื่อเทา พาแบคฮยอนไปทายาที"
ชานยอลหันไปบอกเด็กหนุ่มตัวสูงพร้อมทั้งโบกมือไล่ให้คนอื่นๆ แยกย้ายกันไปพักผ่อนก่อนที่ตัวเองจะหันไปเผชิญหน้ากับร่างสูงใหญ่ที่อารมณ์เย็นลงไปมากโขเมื่อเห็นว่าคนที่เป็นห่วงกลับมาอย่างปลอดภัย
จนถึงตอนนี้คริสก็ยังไม่เปิดปากพูดอะไร เขากำลังไม่พอใจเป็นอย่างมากที่กลับมาถึงบ้านพบว่าชานยอลไม่อยู่ในใจเริ่มกังวลทั้งห่วงและหวงว่าไปไหนกับใคร เขาพาลระเบิดอารมณ์ใส่พวกลูกน้องไปรอบหนึ่งแล้วที่ปล่อยให้ชานยอลออกไปข้างนอกคนเดียวแถมยังออกไปทั้งคืน
“กลับมานานแล้วเหรอ”ชานยอลถามอย่างไม่ทุกข์ร้อนราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
"ไปไหนมาทั้งคืน"น้ำเสียงที่เปล่งออกมาจากปากของนายใหญ่ไม่ได้ตวาดแต่ก็แฝงไปด้วยแววคาดคั้น
“มันเรื่องส่วนตัวของฉัน ทีนายไปกับใครฉันยังไม่เคยก้าวก่าย”ชานยอลคิดว่าควรทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างกันมันชัดเจนเสียที ยิ่งเขาทำใจอ่อนแบบที่ผ่านมาก็เหมือนเป็นการผูกมัดคริสไว้ทำให้คริสตัดใจไม่ได้
มันถึงเวลาที่พวกเขาควรจะเริ่มใช้ชีวิตของตัวเองเลิกยึดติดซึ่งกันและกันเ
“อย่าลืมสิคริส ว่าจริงๆ แล้วเราไม่ได้เป็นอะไรกัน”
ความรู้สึกของคริสตอนนี้คงเหมือนถูกฟ้าผ่าลงกลางใจ ทั้งที่เคยคิดว่าเวลาจะช่วยเยียวยาทุกอย่างสมานรอยร้าวระหว่างกันได้เผื่อว่าสักวันหัวใจของชานยอลจะกลับมาเป็นของเขาอีกครั้ง แต่เมื่อได้ฟังถ้อยคำที่อีกคนพูดอย่างไร้เยื่อใยมันเหมือนตอกย้ำในสิ่งที่เขากลัว
ปาร์คชานยอลตัดอู๋อี้ฟ่านคนนี้ออกไปจากหัวใจหมดแล้ว
“เราไม่ได้เป็นอะไรกันหรือ ทุกวันนี้ที่เรา...”ยากเหลือเกินที่คริสจะเปล่งคำพูดออกมาได้แต่ก็ถูกอีกฝ่ายตัดบทอย่างเลือดเย็น
“ก็แค่ความสัมพันธ์ทางกายน่ะคริส ไม่ใช่แค่กับนาย...กับคนอื่นฉันก็ทำได้”
“พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง เธอ...เธอไปนอนกับคนอื่นมางั้นเหรอ”รู้จักกันมาทั้งชีวิตนี่เป็นครั้งแรกที่คริสตะหวาดใส่ชานยอล มือใหญ่บีบต้นแขนเล็กแน่นโดยไม่รู้เลยว่าออกแรงไปมากจนทำให้อีกฝ่ายเจ็บ
“แล้วคิดว่าฉันหายไปไหนมาทั้งคืนละ”ชานยอลตอบพร้อมยกยิ้มมุมปากโดยไม่หลบสายตาแม้จะรู้ว่าทำให้คนตัวโตโกธรเพียงใด ก่อนจะสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมและเดินขึ้นบันไดตรงไปยังห้องนอนตัวเอง โดยไม่รู้เลยว่าได้ทำผิดพลาดอย่างมากที่ไปจุดชนวนระเบิดลูกใหญ่เข้าให้
รอยยิ้มเย็นบนริมฝีปากสีสดเหมือนมีดกรีดซ้ำรอยแผลเก่าของคนฟัง สะกิดทั้งความเจ็บปวดและโทสะ ความหึงหวงขึ้นครอบงำจนคริสละทิ้งเหตุผลทุกอย่าง เขายอมมาตลอดยอมทุกเรื่องไม่ว่าชานยอลจะเย็นชากับเขาแค่ไหนก็ทำมองข้ามไม่สนใจ ชานยอลต้องการอะไรเขาตามใจทุกอย่าง ทำร้ายจิตใจเขาขนาดไหนก็ไม่เคยโกรธแต่สิ่งหนึ่งที่เขาไม่มีวันยอมคือการที่ชานยอลจะตกไปเป็นของคนอื่น
ไม่ว่าร่างกายหรือหัวใจของปาร์คชานยอลต้องเป็นของอู๋อี้ฟ่านคนเดียวเท่านั้น
ประตูห้องนอนถูกฝ่ามือใหญ่ยื้อไว้ก่อนที่คริสจะดันร่างเจ้าของห้องเข้าไปพร้อมปิดประตูอย่างแรง จ้องมองร่างโปร่งตรงหน้าด้วยสายตาวาวโรจน์และโดยที่ไม่ฟังคำขับไล่ของอีกฝ่าย คริสเหวี่ยงร่างแบบบางลงบนเตียงนุ่มและโถมกายลงไปคร่อมทันทีไม่ให้ชานยอลได้มีโอกาสลุกหนี สองมือใหญ่รวบกดข้อมือเล็กให้จมลงกับพื้นเตียง
“ฉันอยากพักผ่อน อื้อ...”
คริสไม่สนใจคำท้วงของคนใต้ร่าง ความโกรธทำให้เขาขาดสติริมฝีปากหยักบดขยี้ลงบนกลีบปากสีสดอย่างรุนแรงแม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ยินยอมคริสก็ไม่สนใจ ฟันคมงับหนักๆ จนชานยอลเผลอร้องด้วยความเจ็บลิ้นร้อนจึงได้โอกาสรุกล้ำเข้าไปกวาดต้อนทุกหยาดหยดในโพรงปากหวานดูดดึงอย่างเอาแต่ใจโดยไม่สนแม้อีกฝ่ายจะพยายามดิ้นหนีอย่างไร
......................คัท.......................
.
กว่าที่ชานยอลจะตื่นมาอีกครั้งก็เป็นเวลาหัวค่ำ เพียงแค่ขยับตัวเบาๆ ก็ร้าวระบมไปทั้งร่างแต่เขาก็ฝืนที่ผละออกจากอ้อมกอดอุ่นของตัวต้นเหตุที่ยังคงหลับใหลลุกขึ้นจากเตียง ทันทีที่เท้าแตะลงพื้นชานยอลก็แทบจะทรุดฮวบเมือความเจ็บแล่นริ้วขึ้นมาจากบริเวณสะโพกแต่ถึงอย่างนั้นก็ยังกัดฟันทนลากสังขารไปถึงห้องน้ำได้โดยไม่ลืมที่จะคว้าชุดคลุมอาบน้ำปกปิดร่างกายที่เต็มไปด้วยรอยต่างๆ
อีกแล้ว อีกครั้งที่ชานยอลเกลียดภาพของคนที่สะท้อนกลับมาในเงากระจก
เกลียดที่ร่างกายไม่ปฏิเสธคริส ความรู้สึกมันช่างแตกต่างเมื่อเทียบกับใครอีกคน
เบาะด้านหลังของรถยุโรปสไตล์เรียบหรูกำลังเปลี่ยนเป็นฉากอันร้อนแรงของคนสองคน เจ้าของรถกำลังอยู่ในอ้อมอกร่างสูงผอมที่กำลังซุกไซ้ไปตามซอกคอขาวจูบเร่าร้อนที่ไล่ต่ำลงไปเกือบถึงแผ่นอกบางสร้างความวาบหวิวให้ก็จริงหากแต่ไม่ได้ทำให้ชานยอลเคลิ้มตามได้เลย ในเมื่อภาพชายอีกคนกำลังซ้อนทับเข้ามาในห้วงความคิด
หยาดน้ำอุ่นไหลลงจากหางตาเงียบๆ เมื่อดวงตาคู่สวยปิดลง พยายามสลัดภาพชายคนเดียวที่เคยได้ครอบครองตนเองออกไป อยากปล่อยกายไปตามแต่อีกคนจะชักพาเผื่อจะช่วยฉุดดึงให้ชานยอลหลุดพ้นจากความรู้สึกที่มันตีพันกันอยู่ภายในหัวใจนี้ได้
แต่จูบร้อนแรงที่ได้รับไม่ทำให้เขาหวั่นไหวได้เท่ารสสัมผัสอ่อนหวานที่ใครอีกคนบรรจงมอบให้
ยิ่งมือร้อนสัมผัสเขาเท่าไหร่ความอบอุ่นจากมือของผู้ชายคนนั้นก็ยิ่งชัดเจน
"ฟ่าน..."
น้ำเสียงแสนเศร้าที่หลุดออกมาจากกลีบปากอิ่มหยุดชะงักอารมณ์และการเคลื่อนไหวของเซฮุนทันที เขาเงยขึ้นมองใบหน้าสวยที่มีคราบน้ำตาแววตาที่เคยเย็นชาของชานยอลกลับเต็มไปด้วยความทุกข์ระทม ภาพเบื้องหน้าบีบรัดหัวใจเขาจนปวดหนึบ มือใหญ่ปาดน้ำตาบนแก้มเนียนให้อย่างอ่อนโยน
"ขอโทษ...ฉันทำไม่ได้"
ชานยอลทาบฝ่ามือลงบนแผ่นอกกว้างเพื่อหยุดบทรักระหว่างกัน หากไม่ใช่ผู้ชายคนนั้น ไม่ใช่คริสชานยอลไม่อาจทำเรื่องแบบนั้นด้วยได้จริงๆ ทั้งที่คิดมาตลอดว่าระหว่างพวกเขามันเป็นเพียงสัมพันธ์ทางกายแต่พอเป็นคนอื่นชานยอลกลับทำไม่ได้ ร่างโปร่งปล่อยน้ำตาให้รินไหลออกมาต่อหน้าผู้ชายที่เขาไม่คิดจะไว้ใจหากแต่เวลานี้หัวใจของชานยอลอ่อนแอเหลือเกิน กำแพงน้ำแข็งที่เคยสร้างเอาไว้ปกป้องตัวเองมันกำลังถูกกัดกร่อนอย่างช้าๆ
"ผมขอโทษ ผมไม่ควรฉวยโอกาสตอนคุณเมา"
เซฮุนผละตัวออกมานั่งพิงเบาะด้านข้างพยายามระงับอารมณ์ดิบภายในกายลง ดวงตาเรียวเหล่มองคนที่นั่งร้องไห้อยู่เงียบๆไม่มีแม้เสียงสะอื้นสักคำหลุดออกมา เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับชานยอลจึงไม่รู้ว่าควรจะปลอบอย่างไรแต่ที่รู้คือเขาไม่อยากทิ้งอีกคนไว้ลำพังในสภาพนี้
ไม่รู้ว่าผ่านไปเนิ่นนานเท่าไหร่ที่คนสองคนนั่งเคียงข้างกันโดยไม่มีคำพูดใดหลุดออกมา จนกระทั้งคนที่ปล่อยจิตใจให้จมดิ่งสู่ใต้ก้นบึ้งแห่งความคิดฉุดรั้งตัวเองขึ้นมา กลีบปากอิ่มสดจึงเปิดบทสนทนาขึ้น
"นายบอกว่าอยากรู้จักฉัน...แต่รู้มั้ยว่าฉันยังไม่รู้จักตัวเองเลย"
"..."
"บางครั้งฉันก็ไม่รู้ว่าควรจะต้องทำยังไง ไม่รู้ว่าควรจะต้องรู้สึกอย่างไร"
ชานยอลอยากเกลียดคริสแต่ก็ไม่เกลียด อยากโกรธแต่ก็ไม่โกรธ แต่ก็รักไม่ได้
ร่างโปร่งทรุดตัวลงกับพื้นกระเบื้องเย็นเฉียบเขาไม่รู้จะจัดการกับความรู้สึกตัวเองอย่างไร ทั้งที่ชานยอลรู้ดีว่าหัวใจต้องการอะไรแต่เขาไม่สามารถทำตามได้
ชานยอลไม่เคยเลิกรักคริส...เพียงแค่เขาไม่ได้นำพาความรักนั้นก้าวเดินมาพร้อมกัน ชานยอล ‘หยุด’ มันเอาไว้ ณ ช่วงเวลาหนึ่งในชีวิตเท่านั้น
หัวใจที่เจ้าของไม่ได้ใส่ความรักเพิ่มเติมเข้าไป ทำไมมันกลับไม่เหี่ยวเฉาแบบที่เขาเคยคิดไว้ หรืออันที่จริงชานยอลไม่เคยหยุดล่อเลี้ยงมันด้วยความรักเลย
TBC~
สปอย.....ตั้งแต่ตอนหน้าจะพานั่งไทม์แมชชีนเจาะเวลาหาคริสยอลสมัยละอ่อนนะคะ ><
TALK~
วิธีอ่านคัทซีนอยู่ในบนอินโทรคะ
ปล. จะดีใจมากถ้าท่านผู้อ่านจะทิ้งคอมเม้นและ(หรือ)ช่วยสกรีมใส่แท็ก #Seemsweet เป็นกำลังไตให้เรา ~~ ขอบคุณค่า
Matesoulmy
ความคิดเห็น