คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : : : Chapter 5 : :
Chapter 5
สันหนังสือเล่มหนากระแทกโดนข้างแก้มอย่างแรงแต่พยอนแพ คฮยอนกลับไม่ส่งเสียงร้องให้เล็ดรอดออกมาแม้แต่น้อย เจ้าของร่างเล็กยืนนิ่งฟังคำพูดแสนเกรี้ยวกราดจากคุณนายคิม...ผู้ชุบเลี้ยง เขามา
“แกมันไม่ได้เรื่องแพคฮยอนถ้ามั่นใจแล้วว่าใครเป็นเหยียนเห อทำไมยังไม่รีบจัดการมันอีก อย่าให้มันโผล่มาในวันประกาศว่าใครจะได้เป็นผู้สืบทอดของตระกูลคิมได้”คุณ นายคิมสะบัดหน้าไปอีกทางด้วยไม่ต้องการจะเห็นลูกน้องที่ไม่เอาไหนคนนี้
“ผมมีวิธีจัดการไม่ให้เหยียนเหอปรากฏตัวออกมาให้ท่านขวางหูขวางตาโดยที่มือเราไม่ต้องเปื้อนเลือดเลย”แพคฮยอนพยามใช้เหตุผลหว่านล้อมให้คุณนายคิมเลือกวิธีที่เสี่ยงน้อยที่สุด
“ทำยังไง?”คุณนายคิมมีทีท่าสนใจ
“ผม บังเอิญล่วงรู้ความลับสำคัญของอู๋หลงเข้า เชื่อผมเถอะว่าเขาไม่กล้าเสี่ยงให้ความลับนั้นถูกเปิดเผยแน่นอน”ริมฝีปากบาง คลี่ยิ้มเย็น เหตุผลที่เขาเข้าไปเป็นศิลปินของบริษัทในเครือตระกูลอู๋ก็เพื่อสืบเรื่องของ เหยียนเหอ ลูกชายที่หายสาบสูญไปของคิมแทวู เขาต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ต้องทำกระทั่งการเอาตัวเข้าไปใกล้ชิดกับปาร์คชานยอลนายน้อยของตระกูลอู๋ มันจึงทำให้เขาบังเอิญรู้เรื่องบางเรื่องที่แม้แต่ตัวชานยอลและเซฮุนเองอาจ จะไม่รู้
“ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ต้องกำจัดเหยียนเหอให้ได้”
แพคฮยอนหมุนกายออกจากห้องทำงานของคุณนายคิมหญิงวัยกลางคนที่ดูภายนอกเป็นผู้ดีทุกกระเบียดนิ้วแต่ภายในกลับซ่อน ความเลือดเย็นเอาไว้ ร่างเล็กเดินออกจากคฤหาสน์จึงสวนทางกับคิมจงอินที่เพิ่งเข้ามาพอดี เขากับจงอินแม้จะเห็นกันมาตั้งแต่เด็กเพราะจะว่าไปแล้วก็อยู่ในสถานะเดียว กัน แต่ก็ไม่ได้สนิทสนมกันนัก ความสัมพันธ์ของพวกเขาเป็นเพียงคนรู้จัก คนอาศัยในคฤหาสน์แห่งนี้เหมือนกัน เวลาพบหน้าส่วนมากจะแค่สบตาทักทายไม่ค่อยได้พูดคุยเท่าไหร่
“ปาร์คชานยอลคนนั้น...บอบบางจังเลยว่ามั้ย”
ประโยค ลอยๆ ของจงอินทำให้ร่างเล็กที่กำลังจะเดินผ่านไปหยุดชะงัก ดวงตาเล็กหยีจ้องมองเข้าไปในแววตาเจ้าเล่ห์ของอีกฝ่ายอย่างต้องการค้นหา คิมจงอินฉลาด...ฉลาดแกมโกงเป็นคนที่แม้แต่คุณนายคิมกับคิมจุนมยอนเองยัง หวั่นเกรง
“อย่ายุ่งกับเขา”แพคฮยอนพูดเสียงรอดไรฟัน ถึงแม้เขาจะเข้าหาชานยอลเพราะงาน แต่พอได้สัมผัสความใจดีแม้จะเพียงน้อยนิดที่ฝ่ายนั้นหยิบยื่นให้ มันทำให้หัวใจที่แห้งแล้งของเขากลับมามีชีวิตอีกครั้ง จากแรกเริ่มที่เขาต้องการหลอกล่อให้ชานยอลตกลงสู่หลุมพลางเสน่หาที่เขาเป็น คนสร้างขึ้นกลับกลายเป็นเขาเองที่ร่วงลงสู่ก้นหลุมนั้น
แพคฮยอน...เผลอใจไปกับปาร์คชานยอลเสียแล้ว
“หวง หรือห่วงละ แพคฮยอน”รอยยิ้มกริ่มอย่าคนรู้ทันปรากฎบนใบหน้าคมสัน จงอินสืบมาหมดแล้ว เพราะเติบโตมาด้วยกันเขาจึงรู้ดีว่าคนเย็นชาอย่างแพคฮยอนตีบทเล่นเป็นคนรัก ใครไม่ได้หรอกถ้าไม่ได้รู้สึกอะไรด้วยเลย และช่วงที่ชานยอลเงียบหายไปเขาก็เจอเจ้านี่ไปกินเหล้าเมาหัวราน้ำที่ไนต์คลับของเพื่อนชานยอลเป็นประจำ
“ฉัน ขอเตือนนะคิมจงอิน อย่าแตะต้องชานยอล ไม่งั้นฉันไม่ปล่อยนายไว้แน่”แพคฮยอนพูดทิ้งท้ายแล้วเปิดประตูขึ้นรถไป ปล่อยให้จงอินมองตามหลังด้วยความรู้สึกหลากหลาย
แพคฮยอนเอ๋ย...ขอให้นายปกป้องคนที่นายรักให้ได้แล้วกัน
•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•
อี้ ฝานตื่นนานแล้วเพียงแต่ยังไม่อยากขยับกายลุกจากเตียงตอนนี้เพราะมีร่างเล็กๆ ของน้องชายขดซุกอยู่ในอ้อมอก ร่างสูงใหญ่พลิกตัวนอนตะแคงเพื่อให้มองใบหน้าสวยหวานราวกับเด็กผู้หญิงได้ เต็มตาขึ้น มือหนาไล้สัมผัสเบาไปตามแก้มเนียนใส เปลือกตาบางที่ยังปิดสนิทบวมช้ำเพราะผ่านการร้องไห้อย่างหนัก เมื่อคืนชานยอลสะอื้นไห้ไม่หยุดคนเป็นพี่อย่างเขาทำได้เพียงแค่กอดปลอบน้อง เท่านั้น
นานแล้วเหมือนกันที่เขาไม่ได้ส่งชานยอลเข้านอนหรือมานอน เป็นเพื่อนแบบนี้ ตั้งแต่เกิดเรื่องคืนนั้นเมื่อหกปีก่อน เขาก็กลัวจนไม่กล้าเข้าใกล้ กลัวว่าจะห้ามหัวใจและความต้องการของตัวเองไม่ได้ เขาถึงต้องถอยห่างจากชานยอลฝืนทิ้งหัวใจตัวเองไปอยู่ไกลแสนไกล เขาตัดสินใจไปเรียนต่อที่แคนาดากับลู่หานโดยให้อี้ชิงอยู่ดูแลชานยอลแทน ตลอดเวลาสี่ปีอี้ฝานไม่เคยกลับมาเยี่ยมน้องชายเลยสักครั้งไม่แม้แต่จะตอบ จดหมาย เพราะกลัวว่าถ้าเห็นน้ำตาของปาร์คชานยอลหรือถ้อยคำตัดพ้อเขาจะใจอ่อนจน ละทิ้งทุกอย่างแล้วโอบกอดเด็กน้อยคนนี้ที่กุมหัวใจของเขาเอาไว้
ดวง ตาคมอ่อนโยนลงโดยไม่รู้ตัวยามมองใบหน้ายามหลับของน้องชายมันช่างดูไร้ เดียงสา เด็กหนุ่มที่ตัวสูงเกือบเท่ากับเขาแต่กลับบอบบางจนแทบจะปลิวลม ไม่สามารถยืดหยัดโดดเดี่ยวอยู่ได้โดยลำพังเขาถึงต้องซ่อนชานยอลเอาไว้ สร้างโลกที่อบอุ่นสวยงามให้ทุกอย่างมันควรจะเป็นไปตามที่เขาขีดเส้นกำหนดไว้ เด็กน้อยคนนี้ควรจะได้มีชีวิตที่ดีแต่เขากลับทำพลาด พลาดที่ไม่สามารถควบคุมหัวใจตัวเองได้จนเผลอรักน้องชายตัวน้อยไปหมดหัวใจและเป็นเขาเองที่ฉุดชานยอลให้เข้าสู่วังวนแห่งความเจ็บปวดนี้ ทั้งที่สัญญากับตัวเองไว้ว่าจะทำให้ชานยอลมีความสุขแต่เขากลับเป็นคนที่ทำร้ายเด็กคนนี้มากที่สุด
ร่าง โปร่งบางขยับตัวเล็กน้อยก่อนที่จะลืมตาขึ้น ดวงตาใสแจ๋วสบเข้ากับดวงตาคมที่มองมาอยู่ก่อนแล้ว แสงแดดอ่อนๆ ที่ส่องกระทบโครงหน้าหล่อเหลาขัดเกลาให้อู๋อี้ฝานดูอ่อนโยนขึ้น ยิ่งเมื่อริมฝีปากหยักยกยิ้มเอ่ยอรุณสวัสดิ์ด้วยแล้ว ราวกับโลกของชานยอลหยุดหมุนหัวใจดวงน้อยเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกเต็มตื้นที่ ยากจะบรรยาย ความสุขที่เขาโหยหามันอยู่ตรงหน้าจริงๆ ใช่มั้ย
“อรุณสวัสดิ์”ชานยอลตอบด้วยน้ำเสียงงัวเงียและซ่อนใบหน้าเปื้อนยิ้มของตนไว้กับแผ่นอกกว้างของพี่ชาย
“ลุกได้แล้ว สายมากแล้วนะ”อี้ฝานก้มลงบอกคนที่ขดตัวเหมือนลูกแมว เขาจิ้มแก้มน้องเบาๆให้เด็กขี้เซายอมตื่น
“งื้อออ อยากนอนต่อนี่น่า”ชานยอลม้วนตัวหนีในผ้าห่ม
“ไม่ อยากไปเที่ยวหรือไง? รีบตื่นเร็วเข้าจะพาไปเที่ยวข้างนอก”อี้ฝานพูดทิ้งท้ายแล้วออกจากห้องน้อง ชายไป เมื่อได้ยินดังนั้นร่างโปร่งบางจึงรีบดีดตัวขึ้นจากเตียงวิ่งเข้าห้องน้ำ ทันที
ทิวทัศน์ด้านนอกเปลี่ยนจากตึกสูงเสียดฟ้าเป็นภูเขาและ ทุ่งหญ้า ชานยอลนั่งอยู่บนรถที่มีอี้ฝานเป็นคนขับมาหลายชั่วโมงแล้ว เมื่อเช้าอี้ฝานบอกแค่ว่าจะพาไปเที่ยว พอถามว่าจะไปไหนก็ตอบเพียงแค่เดี๋ยวถึงก็รู้
ไม่รู้มาอารมณ์ไหน
ใบ หน้าหวานหันมองออกนอกหน้าต่างรถในหัวย้อนคิดถึงเรื่องของเซฮุนที่หายไปโดย ติดต่อไม่ได้มาหลายวัน เขากับเซฮุนสนิทกันมากขนาดที่ไม่เคยมีความลับต่อกัน...ยกเว้นก็แต่เรื่อง หัวใจของชานยอลที่ไม่เคยเอ่ยปากบอกใคร เซฮุนไม่เคยขาดการติดต่อจากเขาไปนานขนาดนี้มันทำให้ชานยอลอดเป็นห่วงไม่ได้
“ขมวดคิ้วอยู่นั่น เดี๋ยวก็หน้าแก่ก่อนวัยหรอก”เสียงทุ้มเอ่ยเป็นครั้งแรกตั้งแต่ขับรถออกจากโซล
“เหมือน พี่น่ะเหรอ”ชานยอลตอบกลับทันควันพลางเหลือบมองคนด้านข้าง นึกว่าตั้งหน้าตั้งตาขับรถอย่างเดียว ยังอุตส่าห์เห็นอีกว่าเขาทำหน้ายังไง
“ยอกย้อนเดี๋ยวจะโดน”
เสียง เพลงบัลลาดกับบทสนทที่ดูสนิทสนมระหว่างพวกเขาทำให้ชานยอลเผลออมยิ้มน้อยๆ ดวงตาเรียวที่เต็มไปด้วยความสุขเสมองออกนอกกระจกรถ เขาชอบบรรยายแบบนี้จัง...
ดวงตาคมเหลือบมองคนที่นั่งอมยิ้มแล้วก็อด ที่จะแอบยิ้มตามไม่ได้ เมื่อเช้าเขาแค่คิดอยากจะพาชานยอลออกไปเที่ยวบ้างเพื่อชดเชยที่สั่งลงโทษกัก ตัวน้องไว้แต่ในบ้านเป็นเดือน พอขับรถมาได้สักพักเขาก็นึกถึงบ้านตากอากศที่ปูซาน จะว่าไปก็ไม่ได้มาเที่ยวทะเลนานแล้วถือโอกาสนี้ทำหน้าที่พี่ชายที่ดีเสีย หน่อยแล้วกัน
“ตกลงเราจะไปไหนกันเนี่ย ฉันถูกกักบริเวณอยู่ไม่ใช่เหรอไง”ถึงจะดีใจที่ได้ออกมาข้างนอกกับพี่ชาย แต่ชานยอลก็อดที่จะประชดประชันอีกฝ่ายไม่ได้ ระยะเวลาที่ถูกลงโทษยังเหลืออีกตั้งสามวัน
“ปูซาน หรือไม่อยากไปจะได้พากลับบ้าน”คิ้วเข้มเลิกขึ้นถามอย่างเป็นต่อ “แล้วอีกอย่างกักบริเวณในที่นี่หมายถึงต้องอยู่ในสายตาของฉันตลอดเวลา เข้าใจ?”
“เหอะ”
ชานยอลแกล้งทำเสียงขึ้นจมูกทั้งที่ตอนนี้บอกไม่ถูกว่ารู้สึกยังไงกับคำตอบของอี้ฝาน รู้เพียงแต่ว่ามุมปากมันยกขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่
เวลา ผ่านไปสักพักพวกเขาก็มาถึงชายหาดส่วนตัวที่มีบ้านพักตากอากาศหลังเล็กตั้ง อยู่ อี้ฝานโทรเรียกคนดูแลบ้านให้เอากุญแจมาให้ ชานยอลวิ่งลงไปบนชายหาดอย่างอดใจไม่ไหว ก้มลงถอดรองเท้าออกสัมผัสน้ำทะเลเย็นๆ ใบหน้าสวยหวานยิ้มกว้างที่สุดในรอบหลายสัปดาห์
นานแค่ไหนแล้วนะที่ ไม่ได้เห็นรอยยิ้มแบบนี้ของชานยอล ยิ้มทั้งใบหน้าและดวงตา ร่างสูงหยิบแว่นกันแดดสีดำในรถและเดินลงชายหาดไปหาเด็กน้อยที่เตะน้ำเล่น อย่างสนุก กวักมือเรียกชานยอลให้เข้ามาใกล้และบรรจงสวมแว่นให้เพราะเห็นว่าแสงแดดค่อน ข้างแรงกลัวว่าน้องชายจะแสบตา เพราะชานยอลมีมีปัญหาเกี่ยวกับดวงตาตั้งแต่เด็ก
“ขอบคุณฮะ”ใบหน้า หวานยิ้มกว้าง ดีใจที่อี้ฝานจดจำรายละเอียดเล็กๆ เกี่ยวกับตนเองได้ เพราะที่ผ่านมาอี้ชิงจะเป็นคนคอยดูแลใกล้ชิดเขายิ่งกว่าพี่ชายแท้ๆ เองเสียอีก
“อย่าเล่นเพลินละ”
อี้ฝานสั่งก่อนจะหันหลังเดิน กลับแต่ไม่รู้เลยว่ากำลังโดนเด็กขี้แกล้งลอบทำร้าย ชานยอลก้มลงใช้มือตักน้ำสาดใส่พี่ชายหลายครั้งจนเสื้อคนตัวโตเปียกชุ่ม เรียกเสียงหัวเราะใสดังไปทั่วชายหาด
“ฮ่าๆ”
“เพื่อนเล่นเหรอ?”
คน เป็นพี่แกล้งทำหน้าโหดและวิ่งไล่ตามคนน้องหวังจะแก้แค้น แต่อีกฝ่ายก็ใช้ช่วงขายาวๆ วิ่งหนีอย่างรวดเร็ว แต่มีหรือที่อี้ฝานจะยอมปล่อยให้รอดมือได้ ร่างสูงใหญ่วิ่งพุ่งตัวเข้าล็อคเอวน้องชายไว้แล้วจับเหวี่ยงลงทะเลอย่างสะใจ
ตูม~
“อี้ฝานบ้า โยนลงมาได้ หยุดให้จับเลยนะ”
ชาย หาดที่เคยเงียบสงบบัดนี้กลับเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของสองพี่น้องดังก้อง ภาพเด็กหนุ่มร่างโปร่งที่วิ่งไล่ชายหนุ่มร่างสูงอย่างเอาเป็นเอาตายทั้งที่ ใบหน้ายังเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุขคงมีแต่ท้องฟ้าและทะเลกว้างที่ได้เห็น
ชานยอลอยากจะลองหยิกแขนตัวเองให้แน่ใจว่าเขาไม่ได้กำลังฝันไปที่ได้หยอกล้อวิ่งเล่นกับอี้ฝานเหมือนตอนวัย
เด็ก แต่ถ้ามันเป็นความฝันเขาก็ไม่อยากจะตื่นขึ้นเลย
ขอให้ช่วงเวลาแบบนี้อยู่กับปาร์คชานยอลไปนานๆด้วยเถอะ
.
.
.
.
“ฮัดชิ้ววว”
เสียง จามของคนที่เพิ่งเดินออกจากห้องน้ำเรียกให้คิ้วเข้มขมวดนิดๆ ร่างสูงที่อยู่ในชุดคลุมอาบน้ำแบบเดียวกันกับอีกคนหันไปมองแต่แล้วก็แทบอยาก จะเบือนหน้าหนี เมื่อเห็นแผ่นอกขาวเผยออกมาจากสาบเสื้อคลุม
“รีบเช็ด ผมให้แห้งเดี๋ยวจะเป็นหวัด”อี้ฝานสั่งเสียงห้วน เพราะพวกเขามาแบบไม่ได้เตรียมตัวจึงไม่มีเสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยนเลยต้องใส่ ชุดคลุมอาบน้ำไปพลางๆระหว่างรอใ
ห้เสื้อผ้าแห้ง แต่การต้องอยู่ในสภาพล่อแหลมแบบนี้กับชานยอลสองต่อสองมันไม่เป็นผลดีกับ หัวใจของเขาเลย เขารู้สึกได้ว่าจังหวะการเต้นมันผิดไป
“ขี้เกียจ เดี๋ยวมันก็แห้ง”หัวกลมสะบัดไปมาสองสามทีจนน้ำกระเซนออกจากเส้นผม
“ดื้อ มานั่งนี่”
อี้ ฝานตบพื้นที่บนโซฟาข้างๆเรียกให้เด็กดื้อมานั่งด้วย ชานยอลค้อนขวับไปทีหนึ่งแต่ก็ยอมเดินไปทิ้งตัวลงข้างๆ พี่ชายอย่างว่างง่าย มือใหญ่ใช้ผ้าขนหนูในมือขยี้ลงบนเส้นผมสีอ่อน
หัวใจดวงน้อยสั่นไหว เมื่อระยะห่างจากใบหน้าตนเองกับพี่ชายเหลือไม่มากนัก ดวงตาเรียวลอบมองใบหน้าหล่อจัดที่กำลังตั้งอกตั้งใจเช็ดผมให้เขาอยู่ ชานยอลลอบพินิจคนตรงหน้าอี้ฝานมีใบหน้าเรียวได้รูปที่มาพร้อมกับจมูกโด่ง เป็นสันบวกกับดวงตาสีเข้มที่สะกดใจผู้คนทำให้ผู้ชายนี้ดูไร้ที่ติราวกับ หลุดออกมาจากเทพนิยาย ดวงตาเรียวไล่มองลงมาถึงริมฝีปากหยักได้รูปก้อนเนื้อภายในอกก็ยิ่งเต้นระรัว เมื่อคิดไปว่าครั้งหนึ่งเขาเคยได้สัมผัสมัน
“มองอะไร”น้ำเสียงทุ้มห้าวถามทำให้คนตัวบางสะดุดและรีบผลุบสายตาหลบ
“มะ...มองว่าพี่ใช่อี้ฝานจริงๆหรือเปล่า ทำไมวันนี้ใจดีแปลกๆ”คนถูกจับได้รีบหาข้อแก้ตัว
“ฉัน ใจดีมาตั้งนานแล้ว แต่จะใจดีกับเด็กที่ทำตัวน่ารักเท่านั้น”อี้ฝานตอบพลางเช็ดผมให้น้องต่อ เขาไม่ได้อยากใจร้ายกับชานยอลเลย เมื่อก่อนชานยอลเป็นน้องที่น่ารักเชื่อฟังแต่หลังๆ มานี้ชอบยั่วโมโหจนเขาต้องดุใส่เพื่อห้ามปราม
“ฉันทำตัวไม่น่ารักตรงไหน มีแต่พี่นั่นแหละชอบดุฉัน เอะอะก็สั่งลงโทษๆ”เด็กไม่น่ารักเถียงกลับ ปากบางเบะอย่างไม่พอใจ
“เธอขัดคำสั่ง และทำในสิ่งที่ฉันไม่ชอบ”ดวงตาคมก้มสบเข้ากับดวงตาเรียวของคนน้องอย่างจริงจังติดจะแฝงไปด้วยความไม่พอใจเล็กๆเสียด้วยซ้ำ
“อะไรละที่พี่ไม่ชอบ”ชานยอลถามกลับเสียงเบาโดยไม่หลบสายตา
“เธอ รู้”ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ไม่ได้ดังไปกว่าชานยอลเลย อี้ฝานรู้ว่าชานยอลรู้ดีว่าเขาไม่ชอบอะไร แต่เจ้าตัวก็ยังทำมันน่าโมโหมั้ยละ เขาโกรธทุกครั้งที่รู้ว่าชานยอลคบหากับใคร โกรธชานยอลที่ไม่เคยเห็นค่าความรักของเขา
ใช่...ชานยอลรู้ว่าอี้ฝานไม่ชอบให้เขาทำอะไร อี้ฝานไม่ชอบให้ใครสัมผัสแตะต้องเขา เขารู้ว่าอี้ฝานหวงตนเองมากเพียงใดแต่เพราะรู้ถึงได้ทำยังไงละ ชานยอลก็แค่อยากเรียกร้องความสนใจจากพี่ชายเท่านั้น
“นอกจากพี่...ฉันก็ไม่เคยให้ใครสัมผัสร่างกายนี้”ใบหน้าหวานแดงซ่านขณะพูดสายตาเสมองไปทางอื่นปกปิดความเขินอาย ชานยอลอาจจะมีคู่ควงไม่ซ้ำหน้าแต่ไม่มีใครรู้ว่าแท้จริงแล้วเขาไม่เคยมี สัมพันธ์ลึกซึ้งกับใครจริงๆสักที แม้จะอยากประชดอี้ฝานมากเพียงใดแต่พอถึงเวลานั้นจริงๆ ถ้อยคำสัญญาที่เคยให้กันไว้จะย้ำเตือนจนเขาทำไม่ลง
“เด็กดี...”
มือ ใหญ่นาบลงบนผิวแก้มชมพูเปล่งให้ดวงตาที่ฉายแววขัดเขินหันมาสบกัน ในดวงตาของชานยอลไม่เคยปิดบังความรู้สึกได้เลยเหมือนในครั้งนี้ที่สายตาของ เด็กตรงหน้าบ่งบอกสิ่งที่อยู่ในหัวใจออกมาจนหมดสิ้น
ถ้าเขาบอกความจริงทุกอย่างแก่ชานยอล เด็กคนนี้จะรับมันไหวหรือเปล่า
ชานยอลจะรักเขามากพอที่จะยอมแลกกับทุกอย่างในชีวิตมั้ย
นิ้ว หยาบสัมผัสแผ่วเบาที่กลีบปากอิ่มสด มันเชิญชวนให้ก้มลงไปใกล้และค่อยๆประทับริมฝีปากลงไปบนกลีบบางนุ่ม สัมผัสอ่อนโยนหวานละมุนก่อนจะถอนริมฝีปากออกมาแต่ยังคลอเคลียอยู่ไม่ห่าง
“จะยอมผิดบาปไปกับฉันมั้ย...ชานยอล”เสียงทุ้มกระซิบถาม นัยย์ตาสองคู่ต่างสะท้อนเพียงภาพของกันและกัน
-------------------------คัท-------------------------
•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•
ลู่ หานก้าวลงจากรถแวนสีดำโดยมีจางอี้ชิงรีบเข้ามาช่วยพยุงคนที่ร่างกายยังไม่ หายจากอาการบาดเจ็บดี แขนซ้ายของลู่หานต้องเข้าเฝือกแบบอ่อนไว้เพราะกระดูกเคลื่อนเนื่องจากตกม้า ระหว่างการถ่ายทำมิวสิควีดีโอ ตามเนื้อตัวมีรอยฟกช้ำจางๆ และบนหน้าผากขวามีผ้าพันแผลปิดรอยศีรษะแตกไว้
“ไม่ต้องมายุ่งได้มั้ย กลับบ้านนายไปได้แล้ว”
ลู่ หานพูดอย่างไม่สบอารมณ์ขณะเดินเข้าตัวบ้านอย่างทุลักทุเล สาเหตุที่ลู่หานรีบบินกลับมาเกาหลีทั้งที่ยังไม่หายดีเป็นเพราะเขาไม่อยากจะ อยู่ตามลำพังกับผู้ชายตรงหน้านี้ ยิ่งอยู่ใกล้ก็รู้สึกหงุดหงิดเพราะหัวใจไม่รักดีมันยังคงหวั่นไหวยามเมื่อใกล้ชิดและได้รับความอ่อนโยนจากจางอี้ชิง
ทั้งๆ ที่ลู่หานรู้ดีว่าที่อี้ชิงทำไปทั้งหมดก็ด้วยหน้าที่ เพราะเขาขึ้นชื่อว่าเป็นคนรักของอู๋อี้ฝาน เจ้านายที่อี้ชิงเทิดทูนบูชานักหนา
“ผมบอกคุณคริสแล้วว่าจะขออยู่ ดูแลคุณต่อที่นี่”อี้ชิงไม่สนใจมือเล็กที่พยายามสะบัดออกจากการเกาะกุม เขาก้มหัวให้เล็กน้อยก่อนจะถือวิสาสะโอบเอวบางช่วยพยุงคนขี้หงุดหงิดเข้า บ้าน
“ไม่จำเป็น ฉันดูแลตัวเองได้ บ้านฉันก็มีคนอยู่เยอะแยะ”
ลู่ หานสะบัดมือที่โอบเอวตัวเองอยู่ออกทันทีที่หย่อนตัวลงบนโซฟาใหญ่ภายในห้อง นั่งเล่น เด็กรับใช้ในบ้านเขามีเป็นสิบคนไม่ต้องลำบากรบกวนคนสนิทของประธานอู๋หรอก ร่างเล็กแอบประชดในใจ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าตอนนี้จิตใจของอีกฝ่ายคงกำลังลอยไปถึงคฤหาสน์ตระกูลอู๋หา คุณหนูชานยอลแล้ว ตอนอยู่ญี่ปุ่นก็โทรกลับมาเกาหลีถามถึงความเป็นอยู่ของชานยอลแทบจะทุกวัน นี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ลู่หานรีบกลับเพราะไม่อยากจะเห็นคนบางคนขาดใจตาย
“แต่ เป็นเพราะผมดูแลคุณไม่ดีถึงได้รับบาดเจ็บแบบนี้ เพราะฉะนั้นผมจะอยู่ดูแลจนกว่าคุณจะหาย”ชายหนุ่มพูดขณะก้มลงถอดรองเท้าบูธ ให้คนหน้าหวาน โดยที่ลู่หานพยายามชักขาหนีแต่เขาก็ยื้อเอาไว้จนถอดรองเท้าได้สำเร็จ
คน ที่ได้รับการปรนนิบัติมองอย่างไม่ชอบใจที่อี้ชิงชอบทำตัวราวกับเป็นคนรับใช้ ถ้าจะว่าไปภายในบริษัทอี้ชิงมีตำแหน่งเป็นถึงเลขาฯส่วนตัวของท่านประธาน รายได้ที่ได้รับมากพอที่จะซื้อบ้าน รถและใช้ชีวิตอย่างสุขสบายแต่เจ้าตัวกลับพอใจที่จะอยู่ในคฤหาสน์ตระกูลอู๋ คอยรับใช้ดูแลครอบครัวนั้นจนแทบไม่มีเวลาส่วนตัว
“ถ้าจะรับผิดชอบเพียงเพราะรู้สึกผิดก็ไม่ต้อง”เสียงหวานบอกคนที่กำลังยืดตัวขึ้น
“ผม ไม่ได้ทำเพราะหน้าที่หรือรู้สึกผิด แต่ทำเพราะอยากดูแลคุณ ผมไม่ชอบที่เห็นคุณบาดเจ็บแบบนี้”รอยยิ้มอ่อนโยนอันเป็นเอกลักษณ์ปรากฎขึ้น จางๆ พร้อมกับคำพูดที่มาจากใจจริง
“ถ้านายไม่ละสายตาจากฉันตั้งแต่ แรก ฉันคงไม่ต้องเจ็บแบบนี้...”ลู่หานพูดแผ่วเบา ประโยคที่มีความนัยเขารู้ว่าอี้ชิงต้องเข้าใจ หากเขาอยู่ในสายตาของอีกฝ่ายตลอดเวลาตอนจะตกม้าคงเข้ามาช่วยทัน...ลู่หานก็ คงไม่ต้องเจ็บตัว และหากตอนนั้นอี้ชิงไม่หันหลังทิ้งเขาไว้ ลู่หานก็คงไม่ต้องเจ็บปวดหัวใจจนถึงทุกวันนี้
อี้ชิงเข้าใจความหมาย ในคำพูดตัดพ้อของคนที่เสมองออกไปนอกหน้าต่าง นึกโทษตัวเองที่เป็นคนทำร้ายลู่หานอีกแล้ว หลายปีก่อนเขาเคยปฎิเสธความรักที่ลู่หานมอบให้เพราะตัวเองต่ำต้อยไม่คู่ควร เขาไม่อยากดึงลู่หานให้ลงมาจมปรักกับคนที่ถูกตราหน้าว่าไม่มีหัวนอนปลายเท้า อย่างเขา
เขาคิดว่าตอนนั้นอาจเป็นเพียงความรักแบบวัยรุ่นสักวันลู่ หานก็คงจะลืมแต่ก็คิดผิด หลายปีที่ผ่านมาถึงแม้ลู่หานจะตกลงคบหากับอี้ฝานเป็นคู่ที่เหมาะสมจนหลายคน ต่างพากันอิจฉา แต่ดวงตาใสซื่อราวกับกวางน้อยคู่นั้นยังคงมองเขาด้วยสายตาตัดพ้อเสมอมา
อี้ชิงเจ็บปวดไม่แพ้กันยามได้รับสายตาแบบนั้น เขาอยากเข้าไปกอดปลอบ อยากบอกเหลือเกินว่ารักลู่หานมากเพียงใด
...แต่บนโลกแห่งความเป็นจริงแค่รักอย่างเดียวมันไม่เพียงพอหรอก
ความ รักของเขาอาจทำให้ลู่หานมีความสุขได้ แต่คุณหนูที่เกิดมาบนกองทองวงศ์ตระกูลมีหน้ามีตาในสังคม หากเดินเคียงข้างกับเขาจะถูกคนอื่นมองด้วยสายตาแบบไหนกัน เขาทนได้กับสายตาดูถูกเหยียดยามแต่ทนไม่ได้ถ้าคนที่ได้รับสายตาแบบนั้นจะ เป็นลู่หาน...คนที่เป็นเจ้าของหัวใจจางอี้ชิง
มือใหญ่ยื่นออกไป อย่างลังเลหมายจะซับหยาดน้ำที่คลอในหน่วยตากลมใส ไม่อยากเห็นน้ำตาของคนๆ นี้เลย แต่ก็เป็นเขาเองทุกครั้งที่ทำให้ลู่หานร้องไห้
“พี่ลู่หาน กลับมาแล้วเหรอ”
เสียง ของโอเซฮุนดังขึ้นด้านหลังทำให้อี้ชิงรีบชักมือกลับ หันไปโค้งศีรษะให้ญาติผู้น้องของคนหน้าหวานเล็กน้อย ซึ่งฝ่ายนั้นเองก็โค้งกลับมาในองศาที่ต่ำกว่าบ่งบอกถึงความเคารพที่มีให้
“สวัสดีครับพี่อี้ชิง”
“เดี๋ยวผมขอตัวไปจัดยาให้คุณลู่หานก่อนแล้วกัน”อี้ชิงบอกสองพี่น้องและหมุนตัวออกไปโดยมีดวงตาตัดพ้อคู่เดิมมองตามหลัง
ลู่ หานปาดน้ำตาออกไม่อยากให้เซฮุนเห็น ใบหน้าหวานยิ้มให้กับลูกพี่ลูกน้องคนสนิทที่เข้ามานั่งเบียดข้างๆ ใช้มือข้างที่ปกติดีลูบกลุ่มผมสีชาอย่างเอ็นดู
“ไอ้ตัวดี ได้ข่าวว่าตอนพี่ไม่อยู่เธอไม่ยอมกลับบ้านเลยเหรอ”ลู่หานเปลี่ยนเป็นเขกหน้าผากญาติผู้น้องเบาๆ
“เอ่อ...พอดีผมไปนอกเมืองกับเพื่อนแล้วแบตโทรศัพท์หมดน่ะ”คำพูดปดถูกเปล่งออกไป ดวงตาเรียวรีผลุบต่ำเพราะกลัวถูกจับได้ว่าโกหก
คิม จงอินเพิ่งมาส่งเขาที่หน้าบ้านเมื่อวาน เซฮุนก็ไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่ๆ ไอ้บ้านั้นถึงได้ปล่อยตัวเขามาอย่างง่ายดาย แต่ก็ไม่ได้ติดใจสงสัยอะไรมากเท่ากับคำพูดทิ้งท้ายที่ฝ่ายนั้นบอกก่อนที่เขา จะก้าวลงจากรถ
‘เธอคงไม่รู้สินะว่าลู่เจิ้งไม่เคยมีน้องสาวหรือญาติที่เป็นผู้หญิงชื่อโอเซนา...’
คำ พูดของจงอินทำให้เขาครุ่นคิดจนนอนไม่หลับ ชั่งใจอยู่นานว่าควรจะถามคุณลุงหรือถามลู่หานเกี่ยวกับโอเซนาแม่ของตนดีหรือ ไม่ เซฮุนจำเรื่องเกี่ยวกับแม่ได้เพียงว่าพวกเขาสองคนอยู่กันตามลำพัง แม่ต้องทำงานหนักเพื่อเลี้ยงดูเขาจนกระทั่งเขาอายุได้สิบปีแม่ก็ประสบ อุบัติเหตุทางรถยนต์จนเสียชีวิต คุณลุงลู่เจิ้งก็ปรากฎตัวขึ้นโดยบอกว่าเป็นพี่ชายของแม่และรับเขามาอยู่ใน บ้านหลังนี้
แต่หลังจากนั้นก็ไม่เคยได้ยินใครพูดถึงเรื่องแม่อีกเลย แม้แต่รูปถ่ายแม่สักใบในบ้านหลังนี้ยังไม่มี
เซ ฮุนได้รับการปฎิบัติอย่างดีจากคุณลุง ชีวิตการเป็นอยู่ที่ดีเยี่ยมได้เรียนในโรงเรียนชื่อดัง มีข้าวของเครื่องใช้ราคาแพง และการเอาอกเอาใจจากคนรอบข้างเหมือนกับเป็นการชดเชยในสิ่งที่เขาไม่เคยได้ รับ แต่ของพวกนั้นไม่ได้ทำให้เซฮุนมีความสุขเท่ากับการได้พบกับญาติผู้พี่ที่แสน ดี
ลู่หานดูแลปกป้องและมอบความรักให้เขา คนตัวเล็กนี่บอกว่ารู้ดีว่าการสูญเสียแม่ไปเป็นยังไง จึงไม่อยากให้เซฮุนรู้สึกแบบนั้นเลยมอบความรักมากมายให้เพื่อเติมเต็ม แต่ลู่หานคงไม่รู้ว่าเซฮุนไม่ได้ต้องการเพียงความรักฉันท์พี่น้อง
เพราะโอเซฮุนตกหลุมรักลู่หาน เขาได้แต่เก็บซ่อนความรู้สึกเอาไว้และอยู่ในฐานะน้องชายคนโปรดของอีกฝ่ายเท่านั้น
“เซฮุน...เซฮุนเป็นอะไรไป”
เสียง ลู่หานทำให้เด็กหนุ่มหลุดจากภวังค์ มองใบหน้าหวานที่มีแววเป็นห่วง เขาส่งยิ้มจางๆ ไปให้แล้วส่ายหน้าปฎิเสธ มือขาวยกขึ้นแตะผ้าพันแผลสีขาวบนหน้าผากมน เรียวคิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อย
“เจ็บมากมั้ย”
“ไม่เลย พี่แข็งแรงจะตาย”คนหน้าหวานทำท่าเบ่งกล้ามโชว์เรียกเสียงหัวเราะจากเด็กหนุ่ม
“ที่หลังอย่าทำอะไรเสี่ยงอันตรายแบบนั้นอีกนะ ผมเป็นห่วง”
“รู้แล้วครับคุณน้องชาย เธอก็อย่าหายไปแบบนี้อีกนะ พี่ก็เป็นห่วงเหมือนกัน”
มือ เล็กยีหัวคนน้องที่ชอบทำตัวโตเกินวัยอย่างหมั่นเขี้ยว เสียงหวานเล่าเรื่องราวที่ตกม้าพร้อมกับหัวเราะในความซุ่มซ่ามของตัวเอง เล่าถึงบรรยากาศสถานที่ถ่ายทำ สรรหาเรื่องราวมากมายมาพูดคุยให้สมกับที่ไม่เจอหน้ากันหลายวัน
เซ ฮุนได้แต่พยักหน้าตามทั้งที่ในหัวเอาแต่คิดถึงคำพูดของจงอินและเรื่องราวที่ ได้รับฟังมา หากแม่ของเขาไม่ได้เกี่ยวข้องกับลู่เจิ้ง นั่นหมายความว่าเขากับลู่หานก็ไม่ได้มีสายเลือดเดียวกัน ดวงตาเรียวรีมองใบหน้าหวานด้วยความรักที่มันมากล้นจนแทบจะปิดเอาไว้ไม่มิด
ถึงความรักของเขามันมีหนทางเป็นไปได้ แต่หัวใจของลู่หานก็ไม่เป็นของโอเซฮุนอยู่ดี
TBC
ความคิดเห็น