คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Seem Sweet - 4
Chapter 4
เซฮุนค่อนข้างจะแปลกตาที่ได้เห็นชานยอลในชุดกราวด์สีขาวแบบนี้ คุณหมอคนสวยกำลังตรวจอาการของเขาและก้มหน้าก้มตาจดบันทึกจึงไม่รู้เลยว่าถูกคนป่วยแอบมองตาไม่กระพริบ จนเมื่อร่างสูงใหญ่ที่นั่งรออยู่ไม่ไกลเดินเข้ามาโอบเอวบางอย่างเป็นเจ้าของเซฮุนถึงเบือนหน้าหนีไปอีกทาง แต่แล้วก็แทบอยากจะแกล้งหลับเสียดื้อๆ เมื่อพบแววตากวางทอดมองอยู่ก่อนแล้ว
“ฉันจะกลับบ้าน ขอตัว”เป็นประโยคที่ไม่ต้องการคำตอบรับ เมื่อพูดจบลู่หานก็ลุกออกจากห้องไปอย่างรวดเร็วเสียจนเซฮุนเรียกไม่ทัน
“คนป่วยอาการเป็นยังไงบ้างครับคุณหมอ”คริสเกยคางไว้บนไหล่คุณหมอเจ้าของไข้แสดงความสนิทสนมอย่างไม่มีเก้อเขินแม้จะไม่ได้อยู่กันตามลำพัง
โรงพยาบาลแห่งนี้คริสซื้อหุ้นใหญ่ไว้ในนามของชานยอล แต่ชานยอลไม่ได้เข้าเวรประจำเหมือนหมอคนอื่นเพราะคริสไม่ยอมหากชานยอลจะไม่มีเวลาให้เขา จึงทำเพียงส่วนงานบริหารกับจะเข้ามาบ้างก็ต่อเมื่อมีเคสล้นมือจนหมอไม่พอเท่านั้น
“ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว พรุ่งนี้ก็กลับไปพักผ่อนที่บ้านได้ บอกคนของนายด้วยว่าทีหลังอย่าทะเล่อทะล่าไปขวางทางกระสุนอีก”ชานยอลพูดอย่างไม่มีท่าทางสำนึกบุญคุณคนที่ช่วยชีวิตตัวเองสักนิด
“ยังไงก็ขอบใจนายมากนะที่ช่วยชานยอลไว้”คริสหันไปยิ้มให้คนป่วยอย่างจนใจ มีหรือที่เขาจะกล้าเอ่ยปากดุชานยอล
“เป็นใครอยู่ตรงนั้นเหมือนผมก็คงต้องช่วย”ความจริงแล้วเซฮุนไม่ได้ต้องการจะสวมบทเป็นพระเอกที่ตายแทนนางเอกหรอกนะ ทีแรกก็แค่จะฉุดให้ชานยอลหลบกระสุนเท่านั้นแต่ผลที่ออกมาดันเป็นเขารับกระสุนแทนไปเสียนี่
“ฉันจะให้นายดูแลสาขาเหนือแทนหัวหน้าลีนะ”คริสนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียง ส่วนชานยอลเดินไปยืนพิงหน้าต่างด้วยสีหน้าไม่ค่อยจะเห็นด้วย
“แต่ผมเพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่นาน”คนป่วยถามกลับอย่างสงสัย
“ฉันไว้ใจนาย”คริสมีเหตุผลส่วนตัวที่เขาเลือกจะไว้ใจโอเซฮุน เหตุผลที่แม้แต่ชานยอลก็ไม่รู้
เซฮุนลอบยิ้มในใจ การช่วยชานยอลไว้ทำให้เขาได้รับความไว้วางใจจากนายใหญ่มากขึ้น เจ็บตัวครั้งนี้ถือว่าคุ้มถึงแม้จะยังไม่สามารถทำให้เจ้าของใบหน้าสวยคนนั้นเลิกระแวงในตัวได้เขาก็เถอะ
“จงอินบอกว่าจางอี้ชิงเป็นคนบงการเรื่องเมื่อวาน นายใหญ่จะจัดการยังไง”
“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน....”
Rrrr
คริสมองหน้าจอโทรศัพท์ของตัวเองก่อนจะกดรับและหายออกไปคุยด้านนอก ในห้องจึงเหลือเพียงชานยอลที่มองตามหลังร่างสูงใหญ่ออกไปกับเซฮุนที่นอนมองอีกคนพร้อมยกยิ้มกวนอารมณ์
“จะไม่ขอบคุณสักคำเลยเหรอ”มันเป็นความบันเทิงอย่างหนึ่งของเซฮุนไปเสียแล้วที่จะได้แกล้งหรือยั่วโมโหใบหน้าสวยหวานนั่นให้แสดงอารมณ์ออกมา
“ฉันไม่ได้ขอให้นายช่วย อีกอย่างถึงนายไม่ทำตัวเป็นฮีโร่ฉันก็ไม่โง่พอจะตกเป็นเป้าให้โดนยิงหรอก”ชานยอลตอบอย่างถือตัว จนคนฟังอยากจะกำราบนิสัยเย่อหยิงอวดดีให้เชื่องเหมือนลูกแมวเสียจริง
แต่ยังไม่ทันที่เซฮุนจะได้พูดจายั่วยุอีกฝ่ายต่อคริสก็เดินกลับเข้ามาภายในห้องอีกครั้ง เดินตรงไปหาร่างโปร่งที่ยืนรออยู่
“ฉันต้องไปธุระ คงต้องกลับก่อน ฉันโทรตามให้แบคฮยอนมารับแล้วนะ”
“ฉันไปด้วยไม่ได้หรือไง”ปกติแล้วชานยอลไม่ต้องเอ่ยปากคริสก็มักจะพาเขาไปด้วยทุกที่ แต่ช่วงหลายวันหลังมานี้เขารู้สึกว่าอีกฝ่ายมีเรื่องปิดบังอยู่ คริสมักจะหายออกไปคนเดียวโดยที่ไม่บอกว่าไปไหน ทั้งที่เมื่อก่อนแม้ชานยอลจะไม่ถามคริสก็จะบอกให้รู้เอง
“ไม่ต้องหรอก เหนื่อยมาทั้งวันแล้วนี่น่า อยู่ที่นี่รอแบคฮยอนมารับนะห้ามไปไหนคนเดียวละ แล้วฉันจะรีบกลับ”มือหนายกขึ้นจับแก้มคนตัวเล็กกว่า ลูบเบาๆ เหมือนกล่อมเด็กกลีบปากหยักได้รูปคลี่ยิ้มบาง ชานยอลเป็นคนเดียวที่ทำให้คริสแสดงความอ่อนโยนแบบนี้ออกมาได้
นี่สองคนนั้นลืมไปแล้วใช่มั้ยว่ายังมีโอเซฮุนอยู่อีกคน คนป่วยเบือนหน้าหนีไปทางอื่นแต่น้ำเสียงเจือความเป็นห่วงของชานยอลก็ทำให้เซฮุนเหลือบตามอง ใบหน้าสวยฉายชัดถึงความห่วงใยของชานยอลเขาไม่เคยเห็นมาก่อน
“คริส...”มือบางยกขึ้นกุมมือหนาของอีกฝ่าย ไม่ต้องมีคำพูดหวานหูสิ่งที่สะท้อนออกมาจากดวงตาคู่นี้ก็ทำให้คริสรู้แล้วว่าชานยอลเป็นห่วงกันแค่ไหน คริสรู้ว่าชานยอลจะต้องดูออกว่าเขามีเรื่องปิดบังเพียงแต่เจ้าตัวไม่ถามออกมาตรงๆ รอเวลาให้เขาบอกเองเท่านั้น
“เชื่อใจฉันสิ”คริสพูดปลอบโยนให้อีกฝ่ายคลายกังวล ชานยอลคงกำลังเป็นห่วงว่าเขาอาจจะแอบทำอะไรเสี่ยงอันตรายโดยไม่บอก ท่อนแขนแกร่งโอบเอวบางของคนตัวเล็กกว่าเข้ามาใกล้และแตะริมฝีปากอิ่มเพียงเบาๆก่อนจะออกจากห้องไป
เซฮุนมองภาพนั้นอย่างไม่อยากจะเชื่อไม่เข้าใจเลยคนเย็นชาอย่างชานยอลมีอะไรน่าสนใจถึงขนาดที่ทำให้จอมเจ้าชู้อย่างคริสกลายเป็นเพียงผู้ชายอบอุ่นยามที่อยู่ด้วยได้ สิ่งที่เขาเห็นจากแววตาและการกระทำของคริสมันเต็มไปด้วยความรัก ห่วงหา ความผูกพันลึกซึ้งที่มีต่อชานยอล นายใหญ่ที่ขึ้นชื่อว่าฝีมือร้ายกาจทั้งยังฉลาดหลักแหลมเล่ห์เหลี่ยมทันคนเพรียบพร้อมไปหมดทุกด้านแต่ก็ยังมีจุดอ่อนสินะ.
และปาร์คชานยอลก็คือจุดอ่อนของคริส
“ไม่ว่านายจะตั้งใจช่วยฉันหรือไม่ ทีหลังอย่าทำอีก อย่าเอาชีวิตตัวเองมาเสี่ยงเพราะคนอย่างฉัน”
ชานยอลที่เดินเข้าไปใกล้เตียงคนป่วย มองต้นแขนซ้ายของเซฮุนที่บาดแผลจากการโดนยิงที่ไม่สมานตัวกันสนิทก่อนยกมือขึ้นแตะที่ผ้าพันแผลอย่างละอายใจ
เซฮุนมองดวงตาคู่สวยมันเหมือนมีร่องรอยของความรู้สึกผิดเจืออยู่ ชานยอลรู้สึกผิดอะไร รู้สึกผิดที่เขาเจ็บงั้นหรือ ไม่น่าใช่เพราะคำพูดมันไม่ได้บ่งบอกแบบนั้น เสียงเปิดประตูห้องตามมาด้วยนางพยาบาลที่มีสีหน้าตื่นตระหนกเรียกดึงสติของพวกเขาให้กลับมา
“คุณหมอปาร์คคะ น้องซอกฮยอนคนไข้ของคุณหมอหายตัวไปคะ”นางพยาบาลร่างท้วมบอกอย่างร้อนร้น
“อยู่ๆแกหายไปได้ไง”ชานยอลบอกให้เธอใจเย็นลงและพยายามถามถึงสาเหตุของเด็กที่เขารับไว้เป็นคนไข้ในความดูแลออกค่าใช้จ่ายในการรักษาให้ทั้งหมด
“วันนี้เป็นวันเกิดของแกคะ คนอื่นๆ ได้ยินแกบ่นคิดถึงพ่อแม่อยากออกไปหา ช่วงนี้คุณแม่แกไม่ค่อยได้มาเยี่ยมน่ะคะ"
เมื่อได้ฟังความรู้สึกผิดก็แล่นขึ้นมาทันที ซอกฮยอนคงไม่รู้ว่าพ่อแกไม่มีวันมาหาแกได้อีกแล้วส่วนแม่ก็ต้องทำงาน ดังนั้นเมื่อไหร่ที่ชานยอลเข้ามาโรงพยาบาลก็จะพาเด็กน้อยไปเดินเที่ยวใกล้ๆ แถวนี้เพื่อคลายความเหงาที่ต้องอยู่แต่ภายในห้องสีขาวของโรงพยาบาลลงบ้าง
“บอกให้คนช่วยตามหาในโรงพยาบาลให้ทั่วด้วยนะครับ ผมจะไปตามหาแถวๆ นี้ ซอกฮยอนเป็นเด็กฉลาดอาจจะไปที่ๆผมเคยพาแกไปเดินเล่น”นางพยายาลพยักหน้ารับคำก่อนจะออกจากห้องไป
“จะไปไหน ผมไปด้วย นายใหญ่ไม่ให้คุณไปไหนคนเดียวนิ”เซฮุนลุกขึ้นจากเตียงรั้งข้อมือบางไว้ เขาก็เพียงแค่จะดูแลคนของเจ้านาย...เท่านั้น
“ไม่ยักรู้ว่านายจะเชื่อฟังคำพูดของคริสขนาดนี้ แต่ฉันดูแลตัวเองได้”ปาร์คชานยอลที่เย่อหยิ่งกลับมาแล้ว ไม่เหลือภาพใบหน้าที่แสดงความรู้สึกต่างๆเมื่อกี้เลย
“แต่คำพูดของนายใหญ่สำคัญที่สุด”เซฮุนพูดอย่างไม่ยอมแพ้
ชานยอลถอนหายใจทำหน้าไม่พอใจเขารู้ว่าเซฮุนคงไม่ปล่อยตัวเองไปง่ายๆแน่ และเขาก็ไม่อยากจะเสียเวลากับเรื่องไร้สาระนี่ด้วยจึงยอมให้ไปด้วย ร่างโปร่งออกจากห้องอย่างรีบเร่งตามด้วยเซฮุนเปลี่ยนเป็นชุดแล้ว ชานยอลเดินตามหาทั้งที่ร้านไอศกรีม ร้านขายของเล่น ร้านหนังสือ แต่ก็ยังไม่เจอ เซฮุนมองใบหน้าสวยที่มักจะเย็นชาของชานยอลแต่ตอนนี้เขารู้สึกว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้ไร้ความรู้สึกไร้หัวใจแบบที่เขาเคยคิด
“คุณไปนั่งพักก่อนดีมั้ย”เซฮุนหยิบผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อที่ผุดขึ้นตามไรผมให้แต่ชานยอลกลับเบี่ยงหน้าหลบ“จะมาหวงตัวตอนนี้ไม่ช้าไปหน่อยเหรอ แค่ซับเหงื่อเอง ทีคุณยังเคยจูบผมเลย”
ชานยอลหันไปมองใบหน้าขาวที่ยิ้มยั่วตาขวาง เพราะเขาอยู่ในฐานะคนสนิทของนายใหญ่จึงไม่เคยมีใครกล้าพูดจาล้วงเกินแบบนี้ใส่ตรงๆ แต่โอเซฮุนกลับกล้าแถมยังชอบยั่วอารมณ์เขาบ่อยๆ คงคิดว่ามีคริสคอยให้ท้ายสินะ ร่างโปร่งยังไม่ทันจะได้ต่อปากต่อคำต่อสายตาก็เหลือบไปเห็นเด็กผมหยิกคนหนึ่งนั่งกอดเข่าอยู่ในสวนสาธารณะจึงทิ้งความสนใจจากคนตรงหน้าและรีบวิ่งเข้าไปหา
“ซอกฮยอน”ชานยอลกอดเด็กชายผิวขาวที่มีเส้นผมหยิกเป็นลอน ใบหน้ากลมเปื้อนไปด้วยหยาดน้ำตาแต่เมื่อเห็นเขาก็เผยยิ้มออกมาจนตาหยี
“พี่ชานยอล พี่มาหาผมเหรอฮะ” พอเห็นรอยยิ้มกว้างอย่างมีความสุขของเด็กคนนี้ก็ทำให้ชานยอลโกรธไม่ลง
“อื้ม พี่มาแล้ว ขอโทษนะที่มาหาเราช้า ทีหลังอย่าออกมาคนเดียวแบบนี้รู้มั้ยทำให้คนอื่นเป็นห่วงแทบแย่” มือเรียวปาดน้ำตาบนใบหน้ากลมพร้อมกับส่งยิ้มให้อย่างอ่อนโยน
เซฮุนนิ่งค้างไปกับรอยยิ้มนั้นถึงแม้จะไม่ได้ยิ้มให้เขาก็ตาม อยากนึกขำตัวเองนักที่มักจะหวั่นไหวไปกับการกระทำต่างๆ ของเจ้าของใบหน้าสวยนั่น ร่างสูงผอมเดินเข้าไปใกล้ย่อตัวลงแนะนำตัวกับซอกฮยอนบ้าง
“เรียกว่าพี่ว่าพี่เซฮุนนะ”เซฮุนหยีผมหยิกเล่นอย่างเอ็นดู ซอกฮยอนเป็นเด็กท่าทางฉลาดแถมยังน่ารักมากด้วย
“ได้ฮะ”
“งั้นวันนี้พี่จะพาซอกฮยอนไปสวนสนุกดีมั้ย”ชานยอลบอกอย่างใจดี อาการป่วยของเด็กน้อยดีขึ้นมากแล้ว อีกไม่นานก็สามารถออกจากโรงพยาบาลกลับไปใช้ชีวิตปกติได้
“จริงเหรอฮะ ผมอยากไปที่สุดเลย แล้วพี่เซฮุนจะไปกับเราหรือเปล่า”ชานยอลหันไปมองคนที่ถูกถามถึงที่กำลังยิ้มแก้มปริ รู้ว่าวันนี้เซฮุนคงตามติดเขาไม่ปล่อยแน่
“ไปสิ”
หลังจากโทรบอกคุณแม่ของซอกฮยอนและนางพยาบาลที่ดูแล ชานยอลกับเซฮุนก็พาเด็กน้อยมาสวนสนุกใบหน้าสวยเหลือบมองคนที่จูงมือซอกฮยอนอยู่คนล่ะข้างทำให้รู้สึกแปลกๆ อย่างบอกไม่ถูก
“กำลังคิดว่าเหมือนพ่อแม่ลูกอยู่หรือไง”เซฮุนขำกับท่าทางเขินๆ ของคนหน้าสวยที่เขาไม่เคยเห็น มาดราชินีปาร์คชานยอลหายไปไหนแล้วล่ะ
“พูดมาก”คนถูกแซวกัดริมฝีปากอย่างเคยชินและหันหน้าหนี
“พ่อแม่ลูกเหรอ ดีเลย คุณพ่อกับคุณแม่ไม่ได้มาหาผมนานแล้ว”ซอกฮยอนยิ้มร่า ชานยอลหน้าซึมลงทันทีเมื่อได้ฟัง เพราะเขาเป็นคนทำให้ซอกฮยอนต้องเป็นเด็กกำพร้าถ้าอะไรที่จะทำให้เด็กคนนี้มีความสุขได้เขาก็จะทำ
ชานยอลปล่อยตัวตามสบายพาซอกฮยอนเล่นเครื่องเล่นต่างๆ โดยมีเซฮุนที่สนุกตามไปด้วย เขาถูกเซฮุนและซอกฮยอนลากไปเล่นหลายอย่าง ชานยอลขำกับท่าทางดี๊ด๊าจนเหมือนเด็กตัวโข่งของเซฮุน คู่หูตัวสูงกับเด็กตัวเล็กสนิทกันได้อย่างรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ
“นี่”เซฮุนส่งไอศกรีมรสมะนาวมาให้ ส่วนตัวเองกับซอกฮยอนถือรสสตอเบอรี่ “ไม่รู้ว่าคุณชอบรสอะไร แต่มะนาวมันเหมาะกับคุณดี เปรี้ยว...เข็ดฟัน หึๆ”
มือเรียวที่กำลังจะรับไอศกรีมชะงักกลางอากาศ ส่งสายตาค้อนควับไปให้อีกคนทันที
“พี่ชานยอล รีบกินสิฮะ เดี๋ยวละลายนะ” คำพูดของซอกฮยอนทำให้ชานยอลต้องรับไอศกรีมนั้นมาอย่างเสียไม่ได้
เซฮุนนั่งลงบนม้านั่งข้างๆ เขาเองก็ไม่ได้ผ่อนคลายแบบนี้นานแล้ว ซอกฮยอนเป็นเด็กช่างพูดทำให้เขาสนุกจนลืมเรื่องเครียดไป ดวงตาเรียวรีเหลือบมองสีหน้ายิ้มแย้มของชานยอลเวลาพูดคุยกับซอกฮยอน รู้สึกอยากจะเห็นใบหน้าแบบนี้บ่อยๆ ไม่ใช่สีหน้าไร้ความรู้สึกแบบที่เจ้าตัวชอบทำเป็นประจำและเหมือนจะรู้ตัวว่าตกเป็นเป้าสายตาใบหน้าสวยจึงเงยขึ้นมอง
อยู่ๆ หัวใจก็เต้นแรงขึ้นมาเสียอย่างนั้นเมื่อเห็นรอยยิ้มที่ยังคงค้างอยู่บนริมฝีปากสีสดจนเหมือนฝ่ายนั้นยิ้มให้เขาด้วย ดวงตาคู่สวยมองจ้องก่อนที่มือเรียวจะยื่นเข้ามาใกล้
“ทำเป็นซอกฮยอนไปได้ กินไอศกรีมยังเลอะปาก”ชานยอลใช้นิ้วปาดไอศกรีมรสสตอเบอรี่ที่ติดอยู่บนริมฝีปากบางก่อนจะจูงมือเด็กผมหยิกลุกเดินไปทิ้งให้ใครอีกคนใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
เคยได้ยินว่า...คนเราไม่ควรตัดสินว่าหนังสือเล่มไหนน่าอ่านเพียงแค่มองหน้าปก ชานยอลเองก็เปรียบเหมือนหนังสือเล่มหนึ่ง เขาอยากจะอ่าน อยากจะศึกษาอย่างละเอียด อยากจะรู้ว่าภายใต้เปลือกนอกที่เย็นชานั้นภายในซ่อนอะไรไว้บ้าง
เขาตอบตัวเองไม่ได้ว่าทำไมรู้สึกแบบนั้น
เขาตอบตัวเองไม่ได้ว่าทำไมรู้สึกมีความสุขไปด้วยเมื่อเห็นรอยยิ้มของชานยอล
เขาตอบตัวเองไม่ได้ว่าอาการหัวใจเต้นแรงที่รู้สึกกับชานยอลคืออะไร
และเขาก็ไม่คิดจะค้นหาคำตอบด้วย...อาจเป็นเพราะกลัวที่จะได้รู้คำตอบของมันก็ได้
.
.
กว่าจะกลับถึงโรงพยาบาลก็เป็นช่วงหัวค่ำแล้ว คุณแม่ของซอกฮยอนที่เพิ่งเลิกงานก็มารอลูกชายพร้อมด้วยกล่องของขวัญในมือ เธอรีบตรงมาทางชานยอลและเซฮุนพลางขอโทษเป็นการใหญ่ที่ซอกฮยอนทำให้วุ่นวาย
“ต้องขอโทษคุณหมอด้วยจริงๆ นะคะ ทั้งที่คุณอุตส่าห์ออกค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดให้ยังต้องมาเหนื่อยกับความเอาแต่ใจของซอกฮยอนอีก พวกเราแม่ลูกไม่รู้จะตอบแทนคุณอย่างไรจริงๆ”
ชานยอลไม่ได้รู้สึกดีกับคำพูดเหล่านั้นเลยหลังจากพูดคุยกันนิดหน่อยเขาก็ขอตัวแยกออกมา ร่างโปร่งเดินไปทางสวนด้านข้างเพื่อรอแบคฮยอนมารับโดยที่โอเซฮุนเดินตามไปอย่างเงียบๆ
“ผมขอโทษที่เคยว่าคุณไม่มีหัวใจ”เซฮุนตั้งใจจะพูดคำนี้นานแล้วแต่ก็ไม่มีโอกาสเสียที
“คนเรานี่ชอบตัดสินกันจากภายนอกนะ แค่เห็นฉันใจดีกับซอกฮยอนก็กลับคำพูดเสียแล้ว”ชานยอลเยียดยิ้มกับความไร้เดียงสาของโอเซฮุน
“มันไม่ใช่แบบนั้น...”
“ฉันเป็นคนฆ่าพ่อของซอกฮยอน แบบนี้นายจะยังกลับคำพูดอีกรึเปล่า”ถึงแม้สุดท้ายคริสจะเป็นคนลงมือแต่ชานยอลก็ถือว่าความผิดทุกอย่างที่คริสกระทำมันเป็นของเขาด้วย
ชานยอลปิดตาลงด้วยสีหน้าเจ็บปวดเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ก่อนที่คริสจะขึ้นเป็นนายใหญ่ตอนที่นายท่านยังกุมอำนาจอยู่ที่เกาหลี พวกเขาต้องทำตามคำสั่งอย่างขัดขืนไม่ได้ถ้าไม่ฆ่าพวกเขาก็ต้องเป็นฝ่ายถูกฆ่าเสียเอง พ่อของซอกฮยอนก็เป็นหนึ่งในงานของชานยอลที่คริสตามมาเก็บให้เพราะรู้ว่าเขาไม่กล้าลงมือหลังจากนั้นเขาถึงรู้ว่าพ่อของเด็กคนนี้หักหลังนายท่านเพราะต้องการนำเงินมารักษาลูกชายที่ป่วยหนัก เขาจึงอุปถัมภ์ออกค่ารักษาพยายาลทั้งหมดให้แม้จะรู้ว่าไม่อาจชดเชยชีวิตของพ่อเด็กที่พวกเขาพรากไปได้
“วงการนี้มันโสมมและโหดร้ายกว่าที่นายคิดเอาไว้ เพราะฉะนั้นอย่าเชื่อใจใครและอย่าตัดสินอะไรเพียงสิ่งที่เห็นเปลือกนอก”
ชานยอลบอกอย่างคนที่มีประสบการณ์มากกว่า หัวหน้าโอใจดีกับเขามากสิ่งที่ชานยอลจะตอบแทนหัวหน้าโอได้คือการช่วยดูแลลูกชายของเขาดังนั้นตั้งแต่แรกมาชานยอลจึงไม่อยากให้เซฮุนต้องเดินบนเส้นทางนี้แต่ในเมื่อเซฮุนไม่ฟังคำเตือนของเขาเลือกพาตัวเองเข้าสู่วงการมืดนี้ ชานยอลก็คงทำได้เพียงมองอยู่ห่างๆ และสอนให้เจ้าตัวอยู่ให้เป็นเท่านั้น
“งั้นให้โอกาสผมได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของคุณได้มั้ย”
•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•
เข็มนาฬิกาชี้ไปที่เลขสิบสองบอกเวลาเที่ยงคืนถึงได้ยินเสียงรถขับเข้ามาจอดบริเวณด้านหน้า วันนี้คงเป็นครั้งแรกในรอบกว่าเดือนที่คริสกลับบ้านเร็ว เมื่อเห็นว่าร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาแล้วชานยอลจึงลุกขึ้นจากโซฟาในห้องนั่งเล่นเตรียมจะขึ้นห้องนอนบ้าง
“หืม บอกแล้วนี่ว่าไม่ต้องรอ”
คริสชะงักเมื่อเห็นชานยอลนั่งรออยู่เหมือนเคย มันก็ทั้งดีใจที่เห็นชานยอลใส่ใจกันแต่ก็อดจะเป็นห่วงไม่ได้เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายต้องมาอดหลับอดนอนรอเขา ช่วงขายาวเดินเข้าไปใกล้ประคองแก้มนิ่มทั้งสองข้างเอาไว้พลางก้มมองดวงตากลมโตที่ขอบตาเริ่มจะคล้ำเพราะนอนดึก
“ไปไหนมา”ชานยอลชั่งใจอยู่ชั่วครู่ก่อนจะลองเอ่ยถาม อยากรู้ว่าคริสจะตอบตามความจริงหรือไม่
“ก็...ไปทำงาน อะไรกัน อย่าบอกนะว่าคิดว่าฉันไปแอบมีคนอื่น”คริสหัวเราะน้อยๆ กับท่าทีจับผิดของชานยอล ปกติแล้วอีกฝ่ายไม่แม้แต่จะเอ่ยถามอะไรเขาก่อนทั้งนั้น มันทำให้เขารู้สึกว่าชานยอลไม่สนใจอยากจะรับรู้เรื่องราวใดๆ เกี่ยวกับเขาเลยแม้แต่น้อย
“นายจะมีใครก็ไม่เกี่ยวกับฉัน”ชานยอลตอบอย่างปัดป้องตัวเองเมื่อเผลอให้ความรู้สึกครอบงำจิตใจไปชั่วขณะ
คำตอบของชานยอลกลบรอยยิ้มบนใบหน้าหล่อจัดทันที คริสขบกรามจนเส้นเลือดปูดเพื่อระงับโทสะที่กำลังก่อตัวอยู่ภายใน ทำไมชานยอลถึงต้องใจร้ายกับเขานักไม่ว่าเขาจะเอาใจเท่าไหร่ ทำดีขนาดไหนแต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือความว่างเปล่า
ไม่มีทั้งความรักและความเกลียด อู๋อี้ฟ่านราวกับไร้ตัวตนในชีวิตของปาร์คชานยอล
มันทรมานยิ่งกว่าโดนเกลียดเพราะหากชานยอลเกลียดนั่นหมายความว่าอีกฝ่ายยังมีความรู้สึกกับเขาบ้างแม้มันจะเป็นความเกลียดชังแต่คริสก็ยังอยากได้รับมันมากกว่าความเฉยชาอย่างทุกวันนี้ ความว่างเปล่าในสายตาชานยอลมันทำให้เขาทรมานเสียจนหัวใจแทบแตกเป็นเสี่ยง
“แม้สักนิดเธอก็ไม่รักฉันเลยหรือไงชานยอล ที่เธอทำทุกวันนี้ อยู่ด้วยกันดูแลฉันหรือแม้แต่ที่เรานอนด้วยกันมันมีความรักของเธออยู่ในนั้นบ้างมั้ย”เป็นคำถามที่ติดอยู่ในหัวใจคริสมาเนิ่นนานแต่เขาก็ขลาดเกินกว่าจะกล้าเอ่ยถามมันออกไปเพราะกลัวว่าคำตอบมันจะกลายเป็นหนามแหลมทิ่มแทงหัวใจเขา
ชานยอลกัดกลีบปากสีสดพลางมองใบหน้าหล่อจัดที่แสดงอารมณ์ทุกอย่างออกมา คำตอบของเขาหากพูดออกไปมันจะยิ่งทำร้ายคริสแต่ชานยอลก็ไม่อยากโกหก ไม่อยากให้ความหวัง
“ฉันก็แค่ทำตามหน้าที่ ทำตามสัญญา”ในที่สุดชานยอลก็พูดมันออกไปอย่างเลือดเย็น ดวงตาสวยเสมองทางอื่นด้วยไม่อยากจะทนเห็นน้ำตาที่เริ่มเอ่อล้นของคนตรงหน้า
ดูเหมือนว่าความอดทนทุกอย่างที่คริสทนเก็บมาแปดปีมันกำลังจะพังทลายลง มือใหญ่กำแน่นอย่างโมโหจัดทั้งโกรธทั้งเสียใจมันอัดแน่นอยู่ในอกก่อนจะระบายมันออกมาด้วยการเหวี่ยงหมัดใส่ตู้โชว์จนกระจกแตกเกิดเสียงดังก้องเรียกให้เด็กรับใช้ภายในบ้านวิ่งกรูกันมาดูเหตุการณ์
เพล้ง!
ชานยอลยังคงนิ่งเฉยไม่ได้มีอาการตกใจแต่อย่างใด ร่างโปร่งถอนหายใจเบาๆ เอื้อมมือหมายจะดูแผลที่เลือดไหลเป็นสายน้ำให้อีกฝ่ายแต่เจ้าของมือกลับกระชากมันออก ดวงตาคมกริบจ้องใบหน้าสวยอย่างน่ากลัว
“เธอคงกลายเป็นคนไม่มีหัวใจไปแล้ว ปาร์คชานยอล”คริสกระซิบเสียงเบาให้ได้ยินกันเพียงสองคนก่อนจะเดินออกจากบ้านไปราวพายุพัด
บรรดาเด็กรับใช้ต่างซุบซิบกันอย่างตื่นตระหนกเพราะไม่เคยเห็นนายใหญ่กับคุณชานยอลมีปากเสียงกันรุนแรงแบบนี้มาก่อน แบคฮยอนที่ยืนมองอยู่ด้วยหันไปส่งสายตาดุไล่ก่อนจะเดินเข้าไปหาเจ้านายตัวเองที่ยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ร่างเล็กเพียงแค่แตะแขนเรียวเบาๆ ชานยอลก็เหมือนจะทรุดลงจนแบคฮยอนต้องรีบโอบไว้
“คุณชานยอล!”
•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•
การปรากฏตัวของใครบางคนทำให้เกิดความแตกตื่นภายในไนต์คลับ’This Blue’ ร่างโปร่งถูกกันไว้ด้านนอกประตูไม่ให้เข้าไปภายใน ถึงแม้จะเห็นว่ามาคนเดียวแต่กลับทำให้การ์ดร่างใหญ่สองคนที่ขวางอยู่อดรู้สึกหวาดกลัวไม่ได้
“ที่นี่ต้อนรับลูกค้ากันแบบนี้เหรอ”ชานยอลถามการ์ดหน้าประตู
“ถ้ามาในฐานะลูกค้า ร้านเราก็ยินดีต้อนรับ”คำพูดของผู้มาใหม่ทำให้การ์ดสองคนเปิดทางให้ ใบหน้าสวยเชิ่ดกับร่างแบบบางของจางอี้ชิงยืนอยู่ด้านในของไนต์คลับ
ในเมื่อเจ้าของร้านพูดแบบนั้น ชานยอลจึงเดินผ่านการ์ดและพนักงานคนอื่นๆ ที่ทำท่าเตรียมพร้อม ผ่านอี้ชิงที่มองตามเดินไปทิ้งตัวนั่งบนโซฟาโซนวีไอพีด้วยท่าทางสบายๆ อี้ชิงตามมานั่งลงที่โซฟาตัวใกล้กันพลางโบกมือไล่ลูกน้องให้ไปทำงานต่อ
“กล้ามากนะ มานี่ที่คนเดียว”น้ำเสียงที่ใช้ไม่ได้ข่มขู่แต่ทั้งสองต่างเข้าใจความหมาย พวกเขาเป็นศัตรูกันถ้าเลี่ยงได้ก็จะไม่ย่างกรายเข้าไปในถิ่นของฝ่ายตรงข้าม
“แค่มาหาเพื่อนดื่ม” ถึงชานยอลจะแกล้งพูดติดตลกแต่อี้ชิงก็จับปลายเสียงได้ว่าอีกฝ่ายกำลังมีเรื่องไม่สบายใจ ชานยอลมักจะเป็นแบบนี้ เก็บความรู้สึก ไม่ว่าจะทุกข์ เสียใจ ไม่พอใจ ถ้าไม่ใช่คนใกล้ชิดสนิทสนมก็จะไม่รู้เลยว่าคิดอะไรหรือรู้สึกยังไงและบังเอิญว่าเขาเป็นคนที่ ‘เคย’ สนิทด้วยมาก่อนชานยอลจึงปิดบังเขาไม่ได้
“ฉันจะดื่มเป็นเพื่อน แค่วันนี้”อี้ชิงเน้นคำสุดท้ายและหันไปสั่งเครื่องดื่ม
“ขอบใจ”ใบหน้าสวยคลี่ยิ้มบางส่งให้ ไม่ได้พูดอะไรต่อ วันนี้เขาเพียงแค่มาหาเพื่อนดื่มเท่านั้นจริงๆ
แก้วเหล้าถูกยกขึ้นดื่มและรินเติมหลายต่อหลายครั้ง แต่จำนวนในการเติมของชานยอลถี่กว่า เหมือนฝ่ายนั้นตั้งใจจะมาดื่มจริงๆ อย่างที่พูด อี้ชิงมองคนที่เคยเรียกว่า ‘เพื่อนสนิท’ เงียบๆ คริสหายไปไหนชานยอลถึงแอบหนีออกมาดื่มในถิ่นศัตรูแบบนี้ ถ้าเจ้าคนตัวใหญ่นั้นรู้จะเป็นยังไง
“มีคนบอกว่าฉันไม่มีหัวใจสองคนแล้ว”ชานยอลหัวเราะในลำคอแต่เสียงที่พูดออกมาเศร้าสร้อยจนคนฟังอดจะหดหู่ตามไม่ได้
“ถ้านายยังเสียใจเป็นแปลว่านายยังมีหัวใจ แต่คนที่ไม่มีหัวใจคือเจ้านั่นต่างหาก” ไม่ต้องเอ่ยชื่อก็รู้กันว่า ‘เจ้านั่น’ หมายถึงใคร
“ฉันขอโทษ โกรธฉัน เกลียดฉันคนเดียวเถอะ เขาไม่ผิด”ดวงตาที่ฉ่ำเยิ้มเพราะฤทธิ์แอลกอฮอร์มองเพื่อนเก่าอย่างยอมรับผิดในทุกเรื่อง
“บางทีนายอาจจะไม่มีหัวใจแบบที่โดนว่าจริงๆ” อี้ชิงประชดใส่อย่างไม่จริงจังนัก ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี ปาร์คชานยอลก็ยังเหมือนเดิมปกป้องอู๋อี้ฟ่าน ไม่เคยมีสักครั้งที่จะกล่าวโทษ...ไม่ว่าเรื่องอะไร
พวกเขาสามคนเรียนด้วยกันตั้งแต่มัธยมต้น ถึงแม้จะรู้ดีว่าเป็นศัตรูกันแต่ด้วยความเป็นเด็กจึงไม่เคยเอาเรื่องทางบ้าน เรื่องแก๊งมาเกี่ยวข้อง คริสกับชานยอลสนิทกันมาก่อนที่จะเจออี้ชิงทำให้บางครั้งอี้ชิงน้อยใจที่เหมือนเข้าไปแทรกกลางระหว่างสองคนนั้นไม่ได้ ยิ่งเมื่อพ่อของชานยอลเสียชีวิตทั้งคู่จึงย้ายไปอยู่ด้วยกัน ชานยอลกลายเป็นคนเงียบขรึมโดยมีคริสคอยปลอบโยนปกป้องดูแลอยู่ไม่ห่าง ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนก็เริ่มเปลี่ยนไปผูกพันลึกซึ้งกันมากขึ้น
“ชานยอลเป็นยังไงบ้าง”อี้ชิงถามคนตัวสูงแต่ที่ได้กลับมาเป็นเพียงเสียงถอนลมหายใจ เขามองตามดวงตาคู่คมออกไปด้านนอกระเบียงที่ชานยอลนั่งรับลมอยู่แม้จะไม่ได้ร้องไห้แต่สีหน้าก็เศร้าจนชวนปวดใจ
“ถ้าทำได้ ฉันอยากจะรับความทุกข์ของเขาไว้เอง”เพราะบ้านชานยอลมอดไหม้ไปกับเปลวเพลิงหมดแล้วคริสจึงพาชานยอลออกมาเช่าคอนโดเล็กๆอยู่กันเพียงสองคน
“นายรักชานยอลมากขนาดนี้เชียวเหรอ”อี้ชิงถามทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาคริสรู้สึกยังไงกับชานยอล
“มากกว่าชีวิตของฉันเสียอีก”คริสยิ้มบาง ดวงตาคมอ่อนโยนลงทุกครั้งเมื่อพูดถึงใครอีกคน
ทุกอย่างตอกย้ำให้รู้ว่าคริสรักชานยอล รักมากขนาดที่ทำได้ทุกอย่างเพียงเพื่อปกป้องชานยอลไว้ คริสต้องการตำแหน่งนายใหญ่ของแก๊งมังกรหากเขาได้อยู่ในตำแหน่งนี้นั่นหมายความว่ามีอำนาจมากพอที่จะไม่มีใครกล้าแตะต้องชานยอล และเพื่อจะได้ตำแหน่งนี้มาเขาต้องทำผลงานโดยการกำจัดแก๊งเสือขาว คริสทำทุกวิถีทางเพื่อให้ธุรกิจในเครือตระกูลจางล้มพังพินาศอี้ชิงจึงก้าวขึ้นมารับตำแหน่งหัวหน้าแก๊งและกอบกู้ธุรกิจของครอบครัวเฉือดเฉือนกับธุรกิจของแก๊งมังกรมาหลายปี และนั่นถือเป็นจุดสิ้นสุดความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขา
“ฉันรู้ว่านายไม่อยากเกลียดเขา เรื่องทั้งหมดฉันผิดเอง ถ้าวันหนึ่งที่ฉันไม่อยู่นายช่วยดูแลเขาได้มั้ย”ชานยอลรู้ว่าอี้ชิงคิดยังไงกับคริส แต่ก็ยังยอมอยู่ข้างกายคริสทำให้เพื่อนเจ็บปวดและยังเป็นต้นเหตุให้คริสกับอี้ชิงแตกหักกันอีก
อี้ชิงยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มไม่ตอบคำถามของอีกฝ่าย ถึงเขาจะโกรธจะเกลียดคริสขนาดไหน แต่กลับไม่เคยหยุดรักคนๆ นั้นได้เลย ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน ยังจำรอยยิ้ม ความอ่อนโยนที่เคยมีให้กัน ยังฝังอยู่ในหัวใจไม่เคยลืม
.
.
ไนต์คลับปิดแล้วลูกค้าทยอยกันออกจากร้าน ชานยอลเอนตัวพิงโซฟาพริ้มตาหลับเพราะดื่มไปไม่น้อย อี้ชิงจึงหยิบโทรศัพท์ของอีกฝ่ายคิดว่าจะกดหาเบอร์แบคฮยอนให้มารับแต่กลับมีคนโทรเข้ามาเสียก่อน ชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอเรียกความสนใจจากเขาจึงลองกดรับ
[คุณอยู่ไหน แบคฮยอนบอกว่าติดต่อคุณไม่ได้]
ปลายสายถามด้วยน้ำเสียงเจือความเป็นห่วง
“ชานยอลอยู่ที่ไนต์คลับ This Blue มารับตัวกลับไปด้วย”อี้ชิงกรอกเสียงกลับไป
[แล้วนั่นใครพูด]
พอได้ยินชื่อร้านน้ำเสียงก็เปลี่ยนไปทันที
“จางอี้ชิง”
อี้ชิงกดตัดสายโดยไม่พูดอะไรต่อเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าให้ชานยอลตามเดิม ไม่นานเกินรอร่างสูงผอมก็ผลักประตูร้านเปิดออกอย่างเร่งรีบปราดเข้ามาหาคนที่ยังพริ้มตาหลับอยู่ ดวงตาเรียวรีมองเจ้าของร้านอย่างเอาเรื่อง
“นายทำอะไรเขา”เซฮุนมองสำรวจร่างโปร่งอย่างเป็นกังวล
“ก็แค่เมาพากลับไปด้วย ฉันจะปิดร้านแล้ว”อี้ชิงลุกขึ้นแต่ตอนที่กำลังจะเดินจากไปก็ชะงักเท้าและหันกลับไปมองคนที่ประคองชานยอลไว้แนบอก
“คริสไม่มีวันยกชานยอลให้ใคร นายคงรู้นะ”อี้ชิงทิ้งคำพูดไว้และเดินหายไปหลังร้าน
เซฮุนก้มมองคนที่อยู่ในอ้อมกอดเขารู้ว่าอี้ชิงกำลังเตือนสติ เกือบจะลืมไปแล้วเหมือนกันว่าคนๆ นี้เป็นของใคร หลังจากวันนั้นที่โรงพยาบาลเขาก็ไม่ได้เจอชานยอลอีกเลยเหมือนอีกฝ่ายจงใจหลบหน้ากัน วันนี้พอรู้ว่าชานยอลอยู่กับจางอี้ชิงเขาก็เป็นห่วงจนรีบออกมาหากลัวว่าคนๆ นี้จะได้รับอันตราย
แต่เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมชานยอลถึงมาดื่มที่นี่
“ชานยอล”มือใหญ่ตบที่ข้างแก้มเนียนเบาๆ เปลือกตาบางจึงปรือขึ้นดวงตาคู่สวยหวานเชื่อมเพราะพิษแอลกอฮอร์เมื่อเห็นว่าเป็นใครที่โอบตนเองอยู่ก็ดันตัวออกจากแผ่นอกกว้าง “กลับกันเถอะ เดี๋ยวฉันไปส่ง”
“อย่ามายุ่งกับฉัน”ร่างโปร่งลุกขึ้นอย่างโงนเงน ก้าวเดินด้วยฝีเท้าซวนเซจวนจะล้มจนร่างสูงผอมต้องเข้าไปประคองแต่อีกคนก็สะบัดมือออกอย่างไม่ต้องการรับความหวังดี
“อย่ามาทำเป็นอวดเก่งได้มั้ย เดินจะไม่ไหวอยู่แล้ว”เซฮุนดุและพยายามจะเข้าไปประคองแต่เหมือนคนเมาจะไปเอาเรี่ยวแรงขัดขืนมาจากไหนไม่รู้
“บอกว่า อย่า-มา-ยุ่ง” ชานยอลเน้นทุกคำพูดอย่างชัดเจนและก้าวเดินออกจากร้านไปทางลาดจอดรถ พยายามค้นหากุญแจในกระเป๋า แต่คนที่เดินตามหลังมาก็กระชากแขนให้หันกลับไปมองหน้ากัน
“แต่ผมอยากยุ่ง ผมบอกแล้วว่าอยากรู้จักคุณให้มากกว่านี้ ปาร์คชานยอล”น้ำเสียงปลายประโยคที่แสนอ่อนโยนพร้อมกับแววตาสื่อความหมายหลากหลายทำให้ชานยอลนิ่งไป
มือบางลูบไล้ไปตามแผ่นอกกว้างขยับตัวเข้าใกล้ ริมฝีปากเหยียดยิ้มเย็น รอยยิ้มแบบที่เซฮุนไม่ชอบเพราะมันไม่ใช่รอยยิ้มอย่างสุขใจ ดวงตาคู่สวยจ้องมองเหมือนสะกดเขาให้หยุดนิ่งแขนเรียวไต่ขึ้นโอบรอบต้นคอเขาไว้ ใบหน้าสวยเลื่อนเข้ามาใกล้จนริมฝีปากทั้งสองสัมผัสกันและเป็นเซฮุนที่หักห้ามใจตัวเองไม่ได้ รวบเอวบางเข้าหาตัวกดริมฝีปากให้แนบแน่นขึ้น บดเคล้าอย่างอ่อนโยน ควานหาความหวานจากคนตรงหน้า เนิ่นนานกว่าจะผละออกจากหัน
“ลองนอนกับฉันมั้ยล่ะ”
TBC~~
TALK บทพี่คริสเหมือนจะน้อย 5555555 แต่ีรอก่อน รอเดี๋ยวจะเป็นพี่คริสเน้นๆละ ฮี่ๆ
ความคิดเห็น