คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : - STEP LOVE :: เขิน
:: เขิน ::
นี่มันหนึ่งอาทิตย์แล้วนะ!
ชานยอลกระแทกตัวนั่งลงบนโซฟาอย่างไม่สบอารมณ์ อาทิตย์หนึ่งเต็มๆแล้วที่เขาไม่ได้เจอหน้าน้องฟ่านฟ่านเลย ตอนเช้าน้องฟ่านก็ออกจากห้องไปแต่ก่อนที่เขาจะตื่นและกลับมาอีกครั้งก็ตอนเขาหลับไปแล้วทุกที โทรไปก็ไม่ค่อยรับสายหรือถ้ารับก็คุยได้แป๊บเดียวก็วาง
คิดถึงจะตายอยู่แล้ว!
นั่งหงุดหงิกกับตัวเองสักพักสมองอันบรรเจิดของปาร์คชายอลก็ปิ๊งความคิดหนึ่งขึ้นมา ไม่เจอที่บ้านแอบไปหาที่มหาวิทยาลัยก็ได้ คิดได้แบบนั้นร่างโปร่งก็คว้ากระเป๋ากับกุญแจรถแล้วก้าวขายาวๆ ออกจากคอนโดทันที ต้องไปสืบสักหน่อยว่าช่วงนี้น้องฟ่านฟ่านทำอะไรถึงดูมีความลับนัก
เดี๋ยวนี้ดื้อใหญ่แล้วทำตัวไม่น่ารักเลย
ใช้เวลาไม่นานปาร์คชานยอลคนว่างงานก็มาถึงมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งในโซล ส่วนเหตุผลที่ทำไมนายแบบดังอย่างเขาถึงว่างงานน่ะเหรอ เพราะเมื่ออาทิตย์ก่อนดวงตาที่เคยผ่านการทำเลสิกของเขาเกิดอักเสบอย่างรุนแรงจากการโดนแสงแฟลชมากเกินไปหมอจึงห้ามไม่ให้รับงานสักระยะ ซึ่งเจ้าประธานหน้าสวยกับผู้จัดการตัวเปี๊ยกของเขาก็เห็นด้วยพอเคลียร์คิวสุดท้ายจบจึงสั่งพักงานเขายาวเลย รายได้ของปาร์คชานยอลหดหายไปเยอะนี่ไม่ใช่เรื่องตลกเลยนะ แต่ว่าก็ดีที่ได้หยุดบ้างจะได้มีเวลาพาน้องฟ่านไปเที่ยวแต่หลานชายตัวโตกลับไม่ค่อยอยู่บ้านเสียนี่
นายแบบหนุ่มที่ซ่อนใบหน้าไว้ภายใต้หมวกแก็ปกับแว่นกันแดดสีดำเดินไปหยุดบริเวณโต๊ะหินที่ครั้งก่อนมาแล้วคริสชี้ให้ดูว่ามักจะมานั่งสุมหัวกับเพื่อนเป็นประจำ แต่วันนี้แทนที่จะมีร่างสูงใหญ่เจ้าของเส้นผมสีสว่างนั่งอยู่กับจื่อเทาและเซฮุน กลับกลายเป็นแผ่นหลังเล็กบางที่ชานยอลมองแล้วรู้สึกคุ้นตาอย่างบอกไม่ถูก
“ถึงพี่จะสวยและรวยมากแถมยังซื้อชานมมาจีบผมทุกวันอีก แต่ต้องขอบอกตรงๆ ว่าผมชอบผู้หญิงนะครับ พอดีผมชอบเล่นโบว์ลิ่งมากกว่ากระดานโต้คลื่น”ดวงตาเรียวรีมองไล่ต่ำไปทาง‘กระดานโต้คลื่น’ที่ว่า
“ไอ้เด็กบ้า ฉันไม่ได้จีบนาย ฉันมาชวนนายไปออดิชั่นต่างหาก”ลู่หานแหวใส่พลางยกมือขึ้นปิดหน้าอกแบบราบของตัวเองจากสายตาจาบจ้วงของไอ้เด็กหน้าขาวตรงหน้า
“แน่ะ ไม่ต้องมาทำปากแข็งหรอก เรื่องนั้นมันเป็นแค่ข้ออ้างผมรู้”เซฮุนว่าพลางดูดชานมที่คนหน้าหวานซื้อมาให้อย่างสบายอารมณ์
“ไปจีบกันไกลๆ ได้มั้ย นี่อิจฉา คิดถึงพี่ชานยอลคนงามโว้ยยย”แพนด้าหน้ามึนเงยหน้าขึ้นจากกองหนังสือพาลใส่สองคนข้างๆ จิตใจกำลังห่อเหี่ยวเพราะไม่เห็นหน้านางในดวงใจ(?)มาหลายวันแล้ว เช็คทวิตเตอร์กดรีเฟสทุกๆสองนาทีก็ไม่เห็นมีรูปออกมาเลย
“เอ๊ะ! บอกว่าไม่ได้จีบ”ลู่หานหันไปเถียงเด็กตาดำแต่ใช่ว่าไอ้เด็กนั่นจะสนใจฟังเขาเสียเมื่อไหร่ มันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วเข้าสู่โลกส่วนตัวอีกแล้ว
“ไอ้ลู่แกมาทำอะไรที่นี่วะ”
ชานยอลที่ยืนมองจนแน่ใจว่าเป็นเพื่อนตัวเองเอ่ยทักออกไปและพาร่างมาทรุดตัวลงด้านข้างเพื่อนตัวเล็ก เลิกคิ้วมองอย่างรอคอยคำตอบ ประธานของเขามาทำอะไรที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้กัน
“มาจีบเด็ก”
“มาทำงาน”
“พี่ชานยอลมาหาน้องจื่อเหรอครับ”
สามเสียงที่ตอบออกมาพร้อมกันทำให้ชานยอลหันมองอย่างมึนงงไม่รู้จะฟังใครก่อนดี
“ยอมรับมาตรงๆเถอะครับพี่คนสวย ไม่ต้องเขินหรอกน่า”
“โอ้ย บอกว่าไม่ได้จีบไงโว้ยย”
“อยากจะอัพทวิตบอกชาวโลกว่าพี่ชานยอลมาหาจื่อ แต่ไม่ได้เดี๋ยวโดนด่าว่ามโน”
ก็ยังคงพูดกันคนละเรื่องจนชานยอลมองสามชีวิตตรงหน้าสลับไปมาคอแทบหลุด แล้วว่าแต่น้องฟ่านฟ่านของเขาหายไปไหนเนี่ย
“น้องฟ่านฟ่านอยู่ไหนอ่า”ชานยอลถามโดยไม่สนใจบทสนทนาที่ไม่ได้ไปในทางเดียวกันของทั้งสามเลยสักนิด
“พอเรียนเสร็จก็มีป้าเมเนเจอร์ของพี่ชายอลมารับไป....อื้อ”ฮวังจื่อเทาผู้ภักดีต่อปาร์คชานยอลยิ่งชีพกำลังจะตอบคำถามให้แต่ก็โดนมือขาวๆที่ไร้ความนุ่มนวลของเพื่อนรักอุดปากไว้ก่อนจะพูดจบประโยค
“แบคฮยอนน่ะเหรอ?”
“ไอ่แอ้ว(ใช่แล้ว)”ถึงปากจะโดนปิดอยู่แต่ก็พยายามตอบคำถามของชานยอลจนได้
“ไอ้แบคมารับน้องฟ่านฟ่านของฉันไปทำไม”ชานยอลหรี่ตามองไอ้เพื่อนหน้าหวานที่ท่าทางมีพิรุธอย่างจับผิด
ลู่หานหน้าเสียทันทีส่งสายตาขอความช่วยเหลือจากไอ้เด็กหน้าขาวแต่ที่ได้กลับมาคือสายตาที่เหมือนจะบอกว่า ‘เชิญโดนเฉือดไปคนเดียวเหอะ’ ของไอ้เด็กนั่น ประธานคนสวยยิ้มแหยส่งให้นายแบบในสังกัดก่อนจะเอ่ยสารภาพออกมาเสียงอ่อน
“คือ....”
•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•.
ร่างสูงโปร่งก้าวฉับๆ ผ่านกลุ่มแฟนคลับที่ยืนรอกันหน้าบริษัทเข้าไปข้างในตัวตึกอย่างรวดเร็วโดยมีเพื่อนรักซึ่งเป็นเจ้าของตึกแห่งนี้วิ่งตามมาติดๆ นิ้วเรียวกดลิฟท์ขึ้นไปชั้นที่เป็นสตูดิโอถ่ายรูปทันทีเพราะรู้เหตุผลที่ช่วงนี้คริสหายไปแล้ว ลู่หานสารภาพความจริงออกมาทั้งหมดเรื่องที่มาชักชวนหลานชายของเขาให้เซ็นต์สัญญาทำงานอย่างเต็มตัวซึ่งคริสเองก็ตอบตกลงโดยที่ไม่บอกชานยอลสักคำ
“ชานยอลอย่าเข้าไปอาละวาดนะเว้ย”ลู่หานรั้งแขนเพื่อนไว้เบาๆ เมื่อทั้งคู่มาหยุดอยู่หน้าสตูดิโอที่คริสกำลังเป็นแบบให้เก็บภาพนิ่งเพื่อทำการโปรโมทอย่างเป็นทางการอยู่
ชานยอลที่ใจจริงอยากจะเข้าไปดึงตัวหลานชายคนดื้อออกมาทำเพียงแค่ยืนแอบมองร่างสูงใหญ่ที่กำลังโพสท่าให้ช่างกล้องถ่ายอย่างเคอะเขิน คริสเป็นคนที่แสดงออกไม่ค่อยเก่งต้องมาทำอะไรแบบนี้คงเป็นเรื่องยากสำหรับเจ้าตัวพอสมควรแล้วเหตุผลอะไรละถึงทำให้หลานเขาตัดสินใจก้าวเข้ามาทำงานอาชีพนี้
“แกบังคับหลานฉันมาใช่มั้ยไอ้ลู่”คิดไม่ออกก็หันไปหาเรื่องเพื่อนที่ยืนมองนายแบบใหม่ด้วยสายตาชื่นชม
“เปล่านะเว้ย ไว้แกถามคริสเองเถอะเรื่องนั้น”ลู่หานคิดว่าบางเรื่องคริสคงอยากเป็นคนบอกชานยอลด้วยตัวเองมากกว่าเขาจึงไม่ได้เล่าเหตุผลทั้งหมดที่ทำให้คริสตอบตกลงรับข้อเสนอ
ดวงตากลมหรี่มองเพื่อนรักอย่างไม่เชื่อถือก่อนจะตวัดไปมองเหยื่ออีกคนที่หันมาเห็นพวกเขาพอดี แต่ใบหน้าตี๋ๆของผู้จัดการตัวดีก็เรียกความสนใจจากเขาได้ไม่นานเมื่อหันไปเห็นว่านายแบบอีกคนที่เข้ามาตอนไหนไม่รู้กำลังโพสท่าค่อนข้างชวนจิ้นกับหลานรักของตัวเองอยู่
“ย๊า! อื้อ อ่อย อะ(ปล่อยนะ)”
คนที่กำลังจะพุ่งตัวเข้าไปจับแยกถูกแบคฮยอนใช้มือปิดปากไว้เสียก่อนแถมไอ้คู่หูตัวเล็กสองคนยังใช้เรี่ยวแรงเกินขนาดตัวช่วยกันล็อคตัวเขาเอาไว้อีกด้วย
“เอ่อ พอดีชานยอลอยากมาดูรุ่นน้องน่ะครับ ไม่มีอะไรๆ ถ่ายกันต่อเลย”แบคฮยอนหันไปแก้ตัวเพราะสายตาคนทั้งสตูดิโอมองมาอย่างสงสัยพลางหันไปส่งสายตาให้คริสทำงานต่อไม่ต้องสนใจไอ้คุณอาจอมดื้อคนนี้เดี๋ยวแบคฮยอนจะจัดการเอง
“ชานยอลนี่เป็นรุ่นพี่ที่ดีจริงๆเลยน้า”ลู่หานก็ร่วมตามน้ำไปด้วยก่อนจะช่วยกันลากไอ้ตัวยุ่งออกไปจากบริเวณนี้
“แกปล่อยมันมาได้ไงเนี่ยไอ้ลู่”เมื่ออยู่กันตามลำพังระหว่างเพื่อนการเรียกหาอย่างเคารพก็ถูกตัดออกไป แบคฮยอนถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ลากไอ้ตัวสูงขายาวนี่ออกมาทันก่อนจะเข้าไปพังกองถ่ายเสียก่อน
“นี่อะไร ทำไมถึงต้องถ่ายฉากแบบนั้นด้วยวะ”ชานยอลโวยวายทันทีเมื่อปากถูกปล่อยให้เป็นอิสระ นี่แค่เริ่มก็ให้น้องฟ่านฟ่านของเขาถ่ายฉากแนบชิดกับคนอื่น เมื่อกี้ที่เห็นปากก็เกือบจะแตะกันอยู่แล้ว ต่อไปจะไม่ยิ่งกว่านี้หรือไง
“แฟนเซอร์วิสไงมันต้องมีบ้าง ฉันจะโปรโมทจางอี้ชิงไปพร้อมคริสเลยเพราะต่อไปจะวางตัวให้เดบิวส์เป็นศิลปินวงเดียวกัน ตอนนี้ก็รับงานถ่ายแบบแสดงหนังไปก่อน”ลู่หานอธิบายแผนที่วางไว้สำหรับคริส เพราะต้องรอให้เจ้าเด็กตัวขาวนั่นยอมมาออดิชั่นแล้วเพื่อนหน้าแพนด้าของเด็กนั่นถึงจะยอมมาด้วย เขาคิดจะเดบิวส์ทั้งสี่คนเป็นบอยแบรนด์ในวันข้างหน้า
“ฉันเป็นผู้ปกครองยังไม่อนุญาตให้น้องฟ่านฟ่านทำงานสักหน่อย สัญญาอะไรนั่นฉันขอยกเลิก”ชานยอลสะบัดหน้าและเดินหนีเพื่อนทั้งสองแต่ก็โดนรั้งไว้เพราะกลัวว่าเขาจะไปก่อความวุ่ยวายในห้องสตูดิโออีก
“ถ้าคริสต้องการแบบนั้นฉันจะไม่ห้าม แต่ตอนนี้แกไปรอที่ห้องทำงานฉันเลย เดี๋ยวน้องฟ่านฟ่านของแกถ่ายเสร็จเมื่อไหร่จะบอกให้ตามไป”
ชานยอลที่ถูกลู่หานดันหลังเข้าไปในลิฟท์แล้วจัดการกดชั้นให้เสร็จสรรพได้แต่ยืนกระฟัดกระเฟียดอยู่คนเดียว นึกหมั่นไส้เจ้าประธานตัวแสบที่ท่าทางมั่นใจเหลือเกินว่าคริสจะไม่ยอมยกเลิกสัญญาแน่นอน
น่าโมโหที่สุด!
.
.
บรรยากาศภายในห้องทำงานของท่านประธานเงียบลงไปทันทีเมื่อคนเป็นอานั่งงอนกอดเข่าตัวเองอยู่มุมหนึ่งของโซฟารับแขก คริสถอนหายใจออกมาเบาๆกับความดื้อดึงและเอาแต่ใจของคนตัวเล็ก ต้นเหตุมันเกิดจากการที่เขาไม่ยอมยกเลิกสัญญากับลู่หานตามที่ชานยอลสั่ง ในตอนแรกนั้นเขาก็ยังลังเลกับข้อเสนอแต่พอเห็นชานยอลฝืนทำงานจนดวงตาอักเสบเท่านั้นแหละเขาก็รีบตกลงทันที คริสพยายามจะอธิบายแต่คุณอาตัวแสบก็ไม่ยอมรับฟังและพอหยิบยกเหตุผลมาพูดคุยกันแบบผู้ใหญ่คนที่หาคำมาโต้แย้งไม่ได้ก็จบปัญหาด้วยการงอนเสียเลย
คนที่ต้องง้อ(ทุกครั้ง)ขยับตัวเข้าไปใกล้โอบเอวคอดของอีกฝ่ายไว้หลวมๆ แต่คนในอ้อมกอดกลับขืนตัวไม่ยอม ปลายคางแหลมจึงเกยไว้ที่หัวไหล่บางบังคับกลายๆไม่ให้คุณอาลุกหนีไปได้
“อึดอัดไม่ต้องมากอดเลย น้องฟ่านฟ่านดื้อ ไม่รักแล้ว”
“ไม่ได้นะ ต้องรักสิครับ”คริสอ้อนเสียงหวาน ถึงจะรู้ว่าชานยอลพูดไปเพราะความงอนแต่เขาก็ไม่ชอบอยู่ดี
“เดี๋ยวต่อไปก็จะมีคนรักน้องฟ่านฟ่านเยอะแยะ ขาดอาไปคนเดียวไม่เป็นไรหรอก ชิ”พูดแล้วก็สะบัดหน้าไปอีกทางทำใจแข็งไม่สนใจหลานที่พยายามอ้อน ชานยอลยอมรับว่าเขาอาจจะเห็นแก่ตัวที่อยากเก็บน้องฟ่านฟ่านเอาไว้เป็นของตัวเองคนเดียว ไม่อยากให้คนอื่นมารักน้องฟ่านด้วยเพราะกลัวว่าตนจะไม่ใช่คนสำคัญที่สุดอีกต่อไป
เรื่องที่ไม่ให้น้องฟ่านเข้าวงการเพราะกลัวเสียการเรียนน่ะข้ออ้างล้วนๆ
คริสอมยิ้มบางเพราะจับได้แล้วว่าเหตุผลที่แท้จริงของชานยอลคืออะไร อ้อมกอดอุ่นคลายออกก่อนจะจับคุณอาตัวแสบให้หันมาเผชิญหน้า แต่ใบหน้าน่ารักก็ยังคงหันไปทางอื่นคริสจึงเชยคางมนบังคับให้สบตากัน ส่งคำหวานที่ออกมาจากความรู้สึกภายในให้คนขี้น้อยใจรับรู้
“ไม่มีความรักของใครมาแทนที่ความรักของอาได้หรอกครับ แล้วผมก็ไม่มีวันรักคนอื่นมากกว่าอาชานยอลคนนี้ด้วย”
ความรักที่ชานยอลมอบให้เขามันคือรักบริสุทธิ์ที่ยิ่งใหญ่ไม่ว่าใครก็ไม่อาจมาแทนที่ได้ ส่วนความรู้สึกที่คริสมีต่อชานยอลมันเริ่มต้นจากความผูกพันจนกาลเวลาเปลี่ยนแปลงมันเป็นความรักในที่สุด
ไม่ใช่รักฉาบฉวยที่จะจบลงหรือหมดไปง่ายๆ
“ไม่เชื่อหรอกเดี๋ยวน้องฟ่านก็ไปรักคนอื่น”ชานยอลรู้ว่าโลกนี้มันไม่มีอะไรแน่นอน สักวันหนึ่งเมื่อคริสเดินออกจากอ้อมอกอาอย่างเขาไปใช้ชีวิตของตัวเอง อาจจะเจอคนอื่นที่รักมากกว่าเขาก็เป็นได้
ใบหน้าหวานที่งอง่ำลงเรียกรอยยิ้มเอ็นดูได้จากคนเป็นหลาน มือใหญ่กอบกุมมือน้อยทั้งสองข้างยกขึ้นมาระดับอก มองเข้าไปในลูกแก้วใสของคนตรงหน้าด้วยแววตามั่นคงจริงจัง
“ไม่รักใครแล้วครับ รักปาร์คชานยอลคนเดียว”ประโยคที่คล้ายเป็นคำมั่นสัญญากลายๆ ถูกเปล่งออกไปก่อนจะก้มลงประทับจูบลงบนมือทั้งสองข้างคุณอา
อยากบอกว่าเมื่อยแก้มเหลือเกิน
ปาร์คชานยอลกลั้นยิ้มจนปวดแก้มไปหมดแล้ว น้อนฟ่านฟ่านดื้อแล้วมาทำตัวน่ารักแบบนี้ ขี้โกงที่สุดเลย!
อยากจะบิดม้วนด้วยความฟินสักสองสามตลบแล้วโผเข้ากอดหลานสุดที่รักไว้แต่ตอนนี้ชานยอลได้แต่นั่งค้างทำอะไรไม่ถูก ความรู้สึกนั้นมันกลับมาอีกแล้ว ไอ้ความรู้สึก ‘แปลกๆ’ ที่หายไปพักหนึ่งเล่นงานเขาอีกครั้ง อยากจะก้มหน้าหลบสายตาอ้อนๆ ของน้องฟ่านฟ่านแต่ก็เหมือนมีแรงดึงดูดจากดวงตาคู่นั้นที่ทำให้เขาไม่อาจละจากไปได้
“ไม่เชื่อกันเหรอครับ”คริสที่เห็นคุณอายังนิ่งถามซ้ำ
ไม่ใช่ไม่เชื่อ แต่ แต่ โอ้ย มันพูดไม่ถูก ชานยอลได้แต่ร่ำร้องในใจแล้วกระพริบตาปริบๆ อยากจะตอบน้องฟ่านเหลือเกินแต่การขยับปากให้อ้าออกก็ดูเหมือนจะยากเย็นสำหรับเขาในตอนนี้
“ที่ผมอยากรีบทำงานเพราะอยากดูแลอา เราจะอยู่ด้วยกัน ผมจะเป็นคนทำงานเอง ส่วนอา....แค่คอยดูแลน้องฟ่านก็พอ”
อย่าน็อคอาด้วยท่าไม้ตายแบบนี้ได้มั้ยน้องฟ่านฟ่าน!
หลังจากฟังประโยคนั้นแล้วใครยังโกรธต่อได้ถือว่าจิตใจอมหิตมาก ชานยอลที่ไม่รู้จะจัดการกับอาการปวดแก้มอย่างไรดีโผเข้ากอดคอและซุกใบหน้าลงกับตัวต้นเหตุเสียเลย แก้มเนียนถูไถไปมาหวังว่ามันจะลดความร้อนผ่าวที่เกิดขึ้นได้
“เชื่อก็ได้”
เสียงเบาราวกระซิบแต่คริสก็ได้ยินมันชัดเจนเพราะคนพูดอยู่ใกล้เสียเหลือเกิน เขาดันร่างเล็กที่แทบจะขึ้นมาเกยบนตักตัวเองออกเล็กน้อยเพื่อมองใบหน้าหวานให้ถนัดขึ้น ไม่อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองนักหรอกนะ แต่อาการหน้าแดงไม่กล้าสบตาเขานี่อย่าบอกว่า...
ปาร์คชานยอลกำลังเขิน
ทุกทีมีแต่ยั่วให้เขาแทบคลั่งตาย ขึ้นมาขย่มบนตัวงี้ มาจุ๊บปากงี้ ทั้งกอดจับลูบคลำไม่เคยเห็นเขิน จนเขาคิดว่าพระเจ้าคงลืมสร้างความรู้สึกนั้นมาให้ปาร์คชานยอลเสียอีก แล้วนี่อะไรมานั่งก้มหน้าก้มตาด้วยอาการแบบนี้ในอ้อมกอดเขา ขนาดจะเขินยังไม่วายยั่วกันเลยนะ
ถึงเวลาเขาเอาคืนบ้างแล้ว
“ไม่ได้เจอกันตั้งหลายวัน คิดถึงกันรึเปล่าครับ”
คริสประคองใบหน้าหวานให้เงยขึ้น แต่ดวงตากลมโตก็ยังคงก้มหลบสายตาเขาอยู่ดี กลีบปากสีสดที่มักจะขยับไม่หยุดเม้มแน่นโดยไม่คิดจะเปิดปากพูดออกมาแต่พยายามพยักหน้าตอบทั้งที่ถูกเขารั้งใบหน้าเอาไว้แทน คนที่นานๆจะเป็นต่อยิ้มเจ้าเล่ห์ไม่ยอมหยุดแค่นั้น
“สเปเชี่ยลคิสหน่อยสิครับ ชดเชยที่ไม่ได้มอร์นิ่งคิสหลายวัน”คริสอ้อนขอซึ่งปฏิกิริยาตอบสนองของคุณอาก็เป็นไปตามคาด ดวงตากลมเบิ่งกว้างขึ้นมองเขาก่อนที่เจ้าตัวจะพลุบหลบสายตาอีกครั้ง ทำไมน่ารักได้ขนาดนี้กันนะคุณอา
“ก็ไม่อยู่ให้มอร์นิ่งคิสเอง”ชานยอลบ่นงุ้งงิ้งโดยไม่สบตาคุณหลาน ทั้งที่ใจอยากจะกระโจนเข้าใส่ตามคำขอแต่ร่างกายมันดันไม่ขยับเสียนี่
“แต่ตอนนี้อยู่แล้ว สเปเชี่ยลคิสกันน้า”อ้อนเสียงหวานอีกครั้งก่อนจะหลับตาลงอย่างรอคอย ความจริงก็อยากจะลืมตาดูท่าทางของชานยอลต่อนะ แต่อดสงสารไม่ได้กลัวคุณอาจะเขินจนมุดพื้นหนีไปเสียก่อนถึงยอมถอยให้นิดนึง
ชานยอลมองใบหน้าหล่อจัดอย่างลังเล เจออ้อนขนาดนี้มีหรือที่ปาร์คชานยอลจะทนได้ มือน้อยค่อยๆ ยกขึ้นประคองแก้มทั้งสองข้างของคนตรงหน้าไว้ ทำไมมันรู้สึกยากขนาดนี้นะ ยากกว่าตอนขืนใจน้องฟ่านขโมยจุ๊บมาตั้งหลายเท่า นี่เจ้าตัวนั่งนิ่งๆให้จุ๊บเลยนะ ทำไมมันยาก??
แล้วหัวใจบ้านี่ถ้าจะเต้นแรงขนาดนี้ออกมาดิ้นข้างนอกเลยมั้ย!?
พาลโน้นนี่ไปเรื่อยก่อนที่จะกลั้นหายใจแล้วค่อยๆ โน้มหน้าประทับกลีบปากลงบนริมฝีปากหยักของน้องฟ่านฟ่านอย่างแผ่วเบาและกำลังจะถอนออกอย่างรวดเร็ว แต่กลับถูกอ้อมแขนแข็งแกร่งโอบรัดไว้จนขยับหนีไม่ได้ ริมฝีปากที่เคยปิดสนิทยามที่ถูกเขาช่วงชิงขยับบดเคล้าอย่างนุ่มนวล
น้องฟ่านฟ่านสเปเชี่ยลคิสกลับ!? ทำไมมัน มัน มันรู้สึกหมดแรงแบบนี้ละ อ่อย~~.
ดวงตาคมปรือขึ้นมองคนที่ตัวอ่อนระทวยเหมือนจะละลายคาอ้อมอกเขาอยู่ร่อมร่อ ดวงตากลมที่เบิ่งกว้างในทีแรกค่อยๆปรือปรอยลงยามที่เขามอบจูบให้อย่างอ่อนหวานโดยไม่มีการรุกล้ำใดๆ เพราะเกรงว่าคุณอาของเขาจะขวัญหนีไปเสียก่อน
เดี๋ยวลูกแมวน้อยตกใจวิ่งหนี เขาไม่อยากต้องวิ่งไล่จับน่ะสิ
คริสผละจูบออกมาอย่างอ้อยอิ่งแต่ก็ยังคงคลอเคลียอยู่ไม่ห่างจากใบหน้าน่ารักที่เผยอารมณ์หลากหลาย เดี๋ยวหน้าแดงเพราะเขิน เดี๋ยวขมวดคิ้วอย่างฉงน แต่ที่ทำให้เขาใจชื้นขึ้นมาก็ไอ้อาการอมยิ้มจนเห็นรอยบุ๋มข้างแก้มนั้นแหละที่บอกให้เขารู้ว่าอีกฝ่ายมีความสุขขนาดไหน
คุณอาของเขากำลังสับสนสินะ แต่มันก็...สมควรจะเป็นแบบนั้นแหละ
“มอร์นิ่งคิส”
...ตอนบ่ายสาม
^^
tbc
TALK
มามอร์ินิ่งคิสอัลไลตอนบ่ายสามน้องฟ่านขี้โกงที่สุด
ช่วยกันสกรีมให้น้องฟ่านกับคุณอาในแท็ค #ฟิคน้องฟ่าน ด้วยน้า
ความคิดเห็น