ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF KRISYEOL] : : STEP LOVE : :

    ลำดับตอนที่ #3 : - STEP LOVE :: แปลกแปลก :: 100%

    • อัปเดตล่าสุด 15 ก.พ. 57




    :: แปลกแปลก ::


     

     

    ดวงตากลมโตที่โผล่พ้นหมอนอิงใบเล็กกำลังกลิ้งไปมาตามการเคลื่อนไหวของหลานชายตัวโต พอเห็นว่าอีกฝ่ายทำท่าจะหันมาก็แสร้งทำเป็นจับจ้องไปทางทีวีจอใหญ่เบื้องหน้าและพออีกฝ่ายเผลอก็เหลือบไปมองอีกครั้ง ก่อนจะฟุบหน้าลงกับหมอนในอ้อมกอดแล้วถูไถใบหน้าไปมาอย่างต้องการระบายความรู้สึกหงุดหงิดภายในใจ

     

    บ้าที่สุด ไอ้นิตยสารนั่นบ้า บ้า บ้า

     

    ตั้งแต่นิตยสารเล่มนั้นวางแผงก็มีคนมากมายพูดถึงนายแบบที่ถ่ายงานร่วมกับชานยอลจนกลายเป็นประเด็นฮอตในขณะนี้ไปแล้ว แม้จะเห็นเพียงเสี้ยวหน้าแต่ต่างก็ลงความเห็นกันว่านายแบบปริศนาคนนี้จะต้องหล่อมากเป็นแน่ ทั้งหุ่นที่สูงใหญ่กับกล้ามเนื้อที่เปลือยเด่นหราบนหน้าหนังสือก็ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ทำให้ทั้งบรรดาค่ายหนังและสำนักพิมพ์ต่างติดต่อเข้ามาที่บริษัทเพื่ออยากได้ตัวไปร่วมงานด้วย

     

    เชอะ เขาไม่เห็นว่าน้องฟ่านฟ่านจะหล่อตรงไหนเลย น้องฟ่านฟ่านของชานยอลน่ารักต่างหาก แก้มตุ่ยๆ ปากบวมๆ น่ารักจะตายคนพวกนั้นอะตาไม่ดีแน่เลย

     

    “เป็นอะไรครับ”คนที่เห็นว่าคุณอามีท่าทางแปลกๆ เดินมานั่งเบียดกายบนโซฟาตัวเดียวกัน เอียงหน้าลงถามใบหน้าน้อยที่ซุกอยู่กับหมอนอย่างเป็นห่วง

     

    “งุ้ยย!  ตกใจหมดเลย”

     

    ชานยอลที่ไม่ทันตั้งตัวเงยหน้ามาเจอหลานพอดีถึงกับผงะถอยหลังแทบตกลงไปบนพื้นดีที่ท่อนแขนแกร่งคว้าตัวเอาไว้ได้ทันเสียก่อน พอเห็นใบหน้าหลานที่อยู่ใกล้ชัดๆ อาการ แปลกๆบางอย่างก็กลับมากำเริบอีกครั้งจนเผลอเอาหมอนที่อยู่ในมือขึ้นปิดใบหน้านั้นไว้อย่างไม่ตั้งใจ

     

    ฟุบ!

     

    “อาทำอะไรเนี่ย”คริสถามอย่างไม่เข้าใจและพยายามจะรั้งหมอนลงแต่มือน้อยก็ไม่ยอมให้ทำง่ายๆ

     

    “ไม่รู้ๆ”ชานยอลก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาทำบ้าอะไร เพียงแค่มันยังไม่พร้อมที่จะมองหน้าอีกฝ่ายตอนนี้

     

    แง เกิดอะไรขึ้นกับปาร์คชานยอลเนี่ย

     

    “เอาหมอนลงก่อนสิ ปิดจมูกแบบนี้ผมจะหายใจไม่ออกแล้ว”

     

    คริสพยายามเกลี่ยมกล่อมทั้งที่ไม่รู้ว่าคุณอาเป็นอะไรหรือจะแกล้งอะไรเขาอีก

     

    “ไม่เอา ดึกแล้วน้องฟ่านฟ่านไปนอนเลย พรุ่งนี้ต้องไปเรียนแต่เช้านะ”ชานยอลส่ายหน้าจนเส้นผมปลิวแม้อีกคนจะมองไม่เห็นก็ตาม

     

    “ก็ได้ๆ งั้นกู๊ดไนท์นะครับ”เพราะรู้ว่าถึงอย่างไรก็ไม่มีวันชนะคุณอาจอมเอาแต่ใจคนนี้คริสเลยยอมแพ้แบบงงๆ และลุกขึ้นจากโซฟาหมุนตัวจะเดินเข้าห้องนอนตัวเอง แต่ก็ถูกคนที่ถือหมอนปิดหน้าตัวเองเรียกไว้เสียก่อน

     

    ฟุบ!

     

    “กู๊ดไนท์คิสครับ จุ๊บ”

     

    หมอนใบเดิมถูกแปะลงบนใบหน้าหล่ออีกครั้งก่อนที่คุณอาจะประทับริมฝีปากคิสเขาผ่านปุยนุ่นของหมอนและรีบวิ่งดุกดิกเข้าห้องนอนตัวเองไป คริสมองตามพร้อมกับส่ายหน้าและอมยิ้มกับความน่ารักของอีกฝ่าย

     

    คนที่ไม่โตน่ะใครกันแน่น้า

     

    ทันทีที่ประตูห้องปิดลงชานยอลก็พุ่งตัวขึ้นบนเตียงคว้าเอานิตยสารที่แอบไว้ใต้หมอนออกมากางดูอีกครั้ง ภาพของคริสที่ทาบทับลงบนตัวเขาโดยที่ใบหน้าซบลงที่ซอกคอแม้จะมองเห็นเพียงแค่ปลายจมูกโด่งแหลมกับริมฝีปากหยักได้รูปมันกลับทำให้ภายในท้องของชานยอลหวิวๆเหมือนตอนเล่นรถไฟเหาะ พอพลิกไปอีกหน้าเป็นคริสโอบเอวและยืนซ้อนหลังเขาเอาไว้ ใบหน้าหลานชายซบลงที่ลาดไหล่เปลือย อยู่ๆก็รู้สึกร้อนวูบที่แก้มขึ้นมาเสียอย่างนั้น ยิ่งพลิกหน้าต่อๆไปชานยอลก็ยิ่งดิ้นไปมาบนเตียงบางครั้งก็คว้าผ้าห่มมาปิดบังใบหน้าไว้ครึ่งหนึ่งก่อนจะเหลือบตาขึ้นมองรูปถ่ายบนหน้ากระดาษ

     

    โง้ยย มัน มัน มัน  อีกแล้ว >////<

     

    ร่างเล็กโดดลงจากเตียงให้อยู่ห่างจากนิตยสารต้นเหตุมากที่สุดทำราวกับมันเป็นระเบิดเวลาแสนอันตรายที่เขาต้องหาที่กำบังเพื่อหลบภัย ก่อนจะค่อยๆ คืบคลานตัวเองเข้าไปใกล้อีกครั้ง มือน้อยแง้มหน้าสุดท้ายอย่างช้าๆ พลางปิดตาข้างหนึ่งลงก่อนจะเหล่มองรูปที่ทำให้หัวใจเขาเต้นแรงขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้ พอหน้านั้นถูกเปิดกางเต็มที่ชานยอลก็พุ่งตัวลงซุกหน้ากับหมอนใบโตข่วนเล็บลงแรงๆอย่างกับแมวน้อยเวลาหมั่นเขี้ยวต้องการหาที่ระบาย

     

    ตอนถ่ายแบบไม่เห็นจะรู้สึกแบบนี้เลยแต่พอเห็นรูปทำไมมัน แปลกๆ แบบนี้ง่า

     

    ก็แค่สเปเชี่ยลคิสเอง จุ๊บๆ กับเด็กไม่เห็นน่าแปลกตรงไหนเลย

     

    น้องฟ่านฟ่านยังเป็นเด็กอยู่เลย แค่อาจุ๊บๆ ด้วยไม่แปลกหรอกเนอะ

     
    .
    .

     

     

    ในเมื่อนอนคิดมาแปดตลบแล้วว่าเรื่องจุ๊บกับน้องฟ่านฟ่านไม่ใช่เรื่องแปลกชานยอลจึงพยายามกลับมาทำตัวปกติเหมือนเดิม เช้านี้เขายังคงเข้ามาเพื่อปลุกหลานชายในห้องเช่นเคยและไม่ลืมที่จะทำสิ่งที่เหมือนกลายเป็นกิจวัตรประจำวันไปแล้ว นั่นคือการแสดงความรักของคุณอาสุดหล่อคนนี้โดยการจุ๊บแก้มน้องฟ่านฟ่านทุกเช้า

     

     

    ใบหน้าน่ารักโน้มลงใกล้แก้มบวมยามหลับของเจ้าหลานตัวโตแต่พอคนที่หลับอยู่พลิกตัวนอนหงายก็ถึงกับสะดุดกึกอย่างกะทันหัน ดวงตากลมเผลอมองริมฝีปากหยักที่เผยอขึ้นเล็กน้อยแล้วความรู้สึกร้อนวูบวาบบนใบหน้าก็แล่นขึ้นมาเล่นงาน ด้วยความตกใจทำให้เขารีบวิ่งไปหลบอยู่ตรงกรอบประตูห้องและค่อยๆ โผล่ดวงตาออกมามองคนที่ยังคงดำดิ่งอยู่ในความฝัน

     

     

    ก็บอกว่ามันไม่ใช่เรื่องแปลกไง แล้วทำไมไม่กล้ามอร์นิ่งคิสอ่า...

     

     

    ชานยอลมองคนที่หลับอยู่อย่างครุ่นคิดก่อนจะค่อยๆ ย่องไปสะกิดปลายเท้าเพื่อปลุกให้น้องฟ่านฟ่านตื่น

     

     

    จึก ๆ

     

     

    นิ่ง

     

     

    น้องฟ่านฟ่านตื่นได้แล้ว

     

     

    อือ

     

     

    คนที่ถูกปลุกขยับตัวเล็กน้อยแต่ก็ยังไม่ยอมลืมตาขึ้นมาชานยอลจึงต้องเดินไปใกล้อีก ทรุดตัวลงนั่งข้างๆ เอื้อมมือไปจะเขย่าเด็กตัวโตให้ตื่นแต่ดันเหลือบไปเห็นริมฝีปากหยักได้รูปที่คล้ายกำลังท้าทายความกล้าของเขาอยู่ในตอนนี้

     

     

    ก่อนหน้านี้ก็เคยจุ๊บกันไม่เห็นจะรู้สึกแปลกเลย งั้นต้องลองอีกครั้ง

     

     

    คิดได้แบบนั้นใบหน้าน้อยก็เลื่อนเข้าไปใกล้คนที่ยังนอนหลับ เป้าหมายคือกลีบปากที่เม้มปิดสนิท ชานยอลก้มลงใกล้ยิ่งขึ้นกลั้นลมหายใจไม่ให้เป่ารดบนจมูกโด่งขณะริมฝีปากกำลังจะประทับลงไป ดวงตาง่วงงุนของเจ้าหลานชายก็เปิดขึ้นเสียก่อน

     

     

    อาจะทำอะไรน่ะ

     

     

    ความงัวเงียหายไปเป็นปลิดทิ้งเมื่อลืมตาขึ้นมาเจอใบหน้าน่ารักของคุณอาตัวแสบอยู่ใกล้เสียจนแทบใช้ลมหายใจเดียวกัน เท่านั้นยังไม่พอกลีบปากสีสดนั่นยังคลอเคลียอยู่ใกล้กับปากเขาเสียจนเกือบจะสัมผัสแตะกัน

     

     

    ก็...มอร์นิ่งคิสไงชานยอลตอบหน้าซื่อ

     

     

    ไม่ใช่ตรงนี้เหรอ

     

     

    คริสที่ตอนนี้ขยับตัวขึ้นมานั่งพิงหัวเตียงชี้ไปที่ข้างแก้มตัวเอง เขาจำใจต้องชินกับการที่ชานยอลแอบย่องมาขโมยหอมแก้มทุกเช้า อันที่จริงมันก็ไม่เรียกว่าแอบหรอกทำอย่างเปิดเผยเสียมากกว่า ตอนเด็กเขาก็หอมแก้มกลับตลอดนะแต่โตขึ้นมามันก็มีเหตุผลที่ทำให้เขาไม่ค่อยจะทำสักเท่าไหร่

     

     

    ไม่เอาแล้ว จะคิสตรงนี้

     

     

    นิ้วมือเล็กจิ้มให้ดูว่า ตรงนี้คือตรงไหน คริสก็เลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจกับความคิดแผลงๆ ของคุณอาตัวยุ่ง

     

     

    ไม่ได้

     

     

    คราวนี้ขอดื้อสักที อยู่ๆ มาขอจูบปากกันได้ไง เกิดมันเคลิ้มขึ้นมาหยุดไม่อยู่นี่คนลำบากจะไม่ใช่เขา นี่ห่วงสวัสดิภาพความปลอดภัยของคุณอาล้วนๆ เลยนะถึงไม่ยอม

     

     

    ทำไมไม่ได้

     

     

    ให้แค่ตรงนี้คริสชี้ไปที่ข้างแก้มของตัวเองอีกครั้งแต่ดูเหมือนจะเป็นคำตอบที่ไม่ค่อยน่าพอใจสักเท่าไหร่

     

     

    ไม่เอา จะคิสที่ปาก

     

     

    ไม่พูดเปล่าร่างโปร่งบางกระโดดขึ้นมานั่งคร่อมบนตักของคริสไว้ ทำเอาทั้งหลานชายตัวโตตัวเล็กถึงกับสะดุ้ง มือน้อยประคองใบหน้าเขาพยายามขืนบังคับให้หันมารับจูบยามเช้าแต่คริสก็ใช้มือปิดปากตัวเองไว้ป้องกันการรุกรานจากคนตัวเล็ก มืออีกข้างก็ประคองเอวคอดบังคับให้อยู่เฉยไม่ให้ขยับเขยื้อนมากไปจนบางอย่างมันฮึดฮัดขึ้นมา

     

     

    เดี๋ยวปั๊ดจับปล้ำให้สิ้นเรื่องเสียนี่

     

     

    ได้แต่คิดไปงั้นแหละ เพราะตอนนี้คนที่จะโดนปลุกปล้ำน่ะเขามากกว่า ชานยอลแกะมือเขาออกจากปากตัวเองได้สำเร็จแล้ว ตอนนี้ใบหน้าของคุณอากำลังยื่นปากเข้ามาใกล้ คริสรีบพลิกจับข้อมือเล็กทั้งสองข้างไว้และพยายามดันตัวคนที่นั่งคร่อมบนตักให้ออกห่าง

     

     

    เข้ามาใกล้ก็จะโดนปาก ขยับออกไปก็จะโดน...อย่างอื่น

     

     

    นี่ชานยอลเกิดมาเพื่อทดสอบความอดทนของเขาใช่มั้ย!

     

     

    น้องฟ่านฟ่านดื้อ ทำไมไม่ให้อาจุ๊บ

     

     

    คุณอาจอมเอาแต่ใจเริ่มจะแผลงฤทธิ์ ดวงตากลมหรี่ลงกับริมฝีปากยื่นยาวและท่าเชิ่ดหน้านี่ใช่เลย ปาร์คชานยอลกำลังจะงอน

     

     

    ตรงนี้เขาไว้ทำกับแฟนก็มันจริงมั้ยละ จูบที่ปากเขาเก็บไว้ทำกับแฟนกันทั้งนั้น นอกจากธรรมเนียมตะวันตกที่มีคิสปากกันบ้าง แต่พอดีเขาเป็นเอเชียละนะไม่นิยมคิสที่ปากเพื่อเป็นการทักทายกับคนอื่นหรอก

     

     

    ถ้าเป็นแฟน...จะจูบจนปากช้ำเขาก็ไม่ว่า  แต่ดูเหมือนคุณอาคงไม่เข้าใจความหมายในสิ่งที่เขาพูด เฮ้อ

     

     

    ไม่สน อาต้องได้จุ๊บน้องฟ่านฟ่านก่อนคนอื่น

     

     

    ชานยอลลืมเรื่องอาการแปลกๆก่อนหน้านี้ไปหมดแล้ว ตอนนี้สิ่งที่เขาคิดมีเรื่องเดียวคือต้องจุ๊บน้องฟ่านฟ่านให้ได้ เขาไม่ยอมหรอก เขาต้องได้จุ๊บน้องฟ่านฟ่านคนแรก  ชานยอลดิ้นยุกยิกอยู่บนตัวหลานชายไปมาอย่างไม่ยอมแพ้

     

     

    อา....อย่าดิ้น

     

     

    คริสะกดเสียงลงต่ำจากการถูกปลุกเร้า(?)โดยไม่ได้ตั้งใจนี้ เขาอยากจะบ้าตาย ทำไมปาร์คชานยอลชอบมาขย่มบนตัวเขานัก เดี๋ยวเถอะ สักวันได้ขึ้นแน่โพสิชั่นนี้แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ครับคุณอา

     

     

    จะจุ๊บปากๆ

     

     

    จุ๊บ~

     

     

    คนตัวบางอาศัยจังหวะตอนที่หลานเผลอโถมกายลงทั้งตัว ประกบริมฝีปากลงบนเป้าหมายที่เล็งไว้อย่างแม่นยำ กดจูบลงไปหนักๆ ตามแรงโถมก่อนจะดิ้นคลุกคลักและถอนตัวขึ้นมายิ้มโชว์ฟันขาวให้กับคนที่โดนขโมยจูบไปจนได้

     

     

    สำเร็จ อาออกไปเตรียมอาหารเช้ารอนะ รีบตามมาละ

     

     

    ก่อกวนหัวใจคนอื่นเสร็จก็ลุกหนีไปอย่างรวดเร็วโดยที่คริสคว้าตัวเอาไว้ไม่ทัน เขาแตะริมฝีปากตัวเองตรงที่ยังรู้สึกได้ถึงความนุ่มหยุ่นเมื่อครู่ รสหวานนุ่มที่ทำเอาเขาเกือบเผลอตอบรับกลับไปมากกว่าการแตะสัมผัสบนกลีบปากที่คนตัวเล็กนั่นเรียกว่าจุ๊บเสียแล้ว

     

     

    คุณอาครับ ถ้ายังไม่หยุดยั่วกันแบบนี้ผมจะไม่ทนแล้วนะ

     

     

                                                                                         .•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•

     

     

    มันเป็นใครวะ อย่าให้เจอตัวนะจะวูซูใส่ให้หน้าหงายเลย

     

     

    แค่กๆ

     

     

    คำพูดของเพื่อนรักหน้าแพนด้าทำเอาคริสสำลักน้ำที่ดื่มเข้าไปทันที พวกเขาสามคนสหายหน้าเดิมรวมตัวกันอยู่หลังตึกคณะเพื่อเคลียร์รายงานที่ต้องส่งพรุ่งนี้ แต่ก็มีหนึ่งตัวที่กินแรงเขากับเซฮุนโดยการนั่งดูนิตยสารเล่มใหม่ที่ชานยอลขึ้นปกอย่างอารมณ์เสีย เขาเอียงตัวหลบไม่อยากจะสบกับดวงตาที่ดำคล้ำนั่น กำลังคิดว่าจะรักษาใบหน้าหล่อๆของตัวเองไว้ได้นานแค่ไหนกัน

     

     

    คริสมึงไม่รู้เหรอว่าไอ้นายแบบหน้าปลวกนี่มันเป็นใคร มันกล้ามาจับมาลูบพี่ชานยอลของกู กูจะฆ่ามันนน” บอกเลยว่าฮวังจื่อเทาดิ้นมากครับ ดาราในดวงใจถ่ายแบบสุดหวิวคู่กับไอ้หน้าปลวกที่ไหนก็ไม่รู้ หัวใจดวงนี้เจ็บเหลือเกิน

     

     

    มึงรู้ได้ไงวะว่าเขาหน้าปลวก มันไม่เห็นหน้าสักหน่อย” ขอแก้ข่าวให้ตัวเองสักนิดเถอะ คริสมั่นใจว่าเวลาเขาส่องกระจกหน้าตาเขาไม่ได้เหมือนแมลงตัวเล็กที่ชอบแทะฝาบ้านเลยนะ

     

     

    กูรู้ว่ามันคือปลวก มันกัดกร่อนทำลายความรักของกูกับพี่ชานยอล  ตกลงมึงรู้มั้ยว่ามันเป็นใคร

     

     

    คริสส่ายหน้าหัวแทบหลุด อย่าว่างั้นงี้เลย เขายังไม่อยากเอาใบหน้าไปรับฝ่าเท้ามันหรอก เก็บแก้มนิ่มๆไว้ให้ชานยอลหอมยังจะดีเสียกว่า

     

     

    ยอดไผ่ที่มึงแดรกเข้าไปคงไม่ได้ไปช่วยเสริมสร้างเซลล์สมองเลยสินะ” เซฮุนที่นั่งก้มหน้าจดจ่ออยู่กับรายงานเงยหน้าขึ้นในที่สุด ใบหน้าขาวส่ายอย่างเอือมระอา เหลือบมองเพื่อนจากชิงเต่าแล้วถอนหายใจเบาๆ คือมันมองแวบเดียวก็รู้แล้วป่ะว่าไอ้นายแบบที่ซุกไซ้พี่ชานยอลในหนังสือนั่นน่ะคือไอ้คริสคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามมึงเนี่ย

     

    ยอดไผ่ช่วยสร้างเซลล์สมองได้เหรอวะคือไม่ได้อยากขัดนะ คริสสงสัยจริงๆ

     

     

    กูประชด!”

     

     

    เดี๋ยว มึงหมายความว่าไง ไอ้หน้าปลวกนี่เกี่ยวอะไรกับยอดไผ่จื่อเทาผู้ที่ไม่สนใจจะรับรู้อะไรทั้งนั้นนอกจากตามล่าหาไอ้หน้าปลวกหันไปถามเพื่อนรักตัวขาว มองหน้ามันปริบๆ อย่างแสนซื่อ

     

     

    เซฮุนถอนหายใจออกมาแรงๆ ยอดไผ่มันใช่ประเด็นที่สำคัญเหรอวะ คือเขาผิดเองใช่มั้ยที่ยกเรื่องยอดไผ่ขึ้นมาพูด ดังนั้นเขาจึงต้องค่อยๆ พยายามอธิบายกับเพื่อนชาวจีนที่สกิลภาษาเกาหลีระดับต่ำเตี้ยเรี่ยดินคนนี้อย่างใจเย็นใหม่อีกครั้ง

     

     

    กูหมายถึงมึงนี่ไม่ฉลาดเลย ดูไม่ออกเหรอไงว่าไอ้นายแบบคนนี้น่ะก็คือไอ้....

     

     

    แดรกชานมมั้ยเซฮุนกูเลี้ยง


    คริสเบรกความฉลาดของโอเซฮุนด้วยของโปรดมัน ขอร้องเหอะ มึงช่วยคายยอดไผ่ที่ทำให้เซลล์สมองมึงทำงานดีอย่างนี้ออกมาเถอะ อย่าจำกูได้ อย่าบอกจื่อเทาด้วย ไม่งั้นยอดหน้ากูคงไม่ปลอดภัยจากฝ่าเท้ามันเป็นแน่ เป็นหลานใช่ว่าไอ้จื่อมันจะฟัง

     

     

    ขอแก้วใหญ่สองเซฮุนยกยิ้มร้าย ความฉลาดนี่ทำให้ได้กินฟรี ทำงานต่อสบายใจละ

     

     

    อะไรกันวะ ตกลงว่าไงคนที่ยังไม่รู้เรื่องราวมองเพื่อนสองคนสลับกันไปมา

     

     

    เออน่า เรื่องของผู้ใหญ่ไว้โตก่อนจะเล่าให้ฟัง

     

     

    คริสบอกปัดและลุกขึ้นจากโต๊ะเพื่อเดินไปซื้อชานมมาถวายโอเซฮุน แต่รถทรงสปอร์ตสีดำคันหนึ่งก็ตรงเข้ามาจอดบริเวณที่พวกเขานั่งกันอยู่เสียก่อน ร่างเล็กที่ลงมาจากฝั่งคนขับทำให้คริสมองอย่างแปลกใจ แต่ก็เดินตรงเข้าไปทักทายอย่างสนิทสนม

     

     

    อาลู่ มาทำอะไรที่มหาลัยผมครับ

     

     

    ลู่หานถอดแว่นกันแดดสีชาออกยิ้มรับเด็กตัวโต

     

     

    อามีธุระจะคุยกับคริสนิดหน่อยน่ะ ขอเวลาสักครู่ได้มั้ย

     

     

    ถึงจะแปลกใจแต่ก็พยักหน้ารับ คริสจึงหันไปบอกเพื่อนอีกสองคนที่นั่งอยู่ด้านหลัง

     

     

    พวกมึงเดี๋ยวกูมานะ

     

     

    มีสาวมาหานี่ทิ้งเพื่อนเหรอวะ

     

     

    เออ แต่อย่าลืมชานมกูละ

     

     

    แต่ละคน เพลียจะอธิบาย คริสหันกลับมาเพื่อจะบอกลู่หานว่าพร้อมแล้ว แต่ดูเหมือนอาลู่จะไม่พร้อมสักเท่าไหร่ ดวงตาสุกใสมองผ่านเขาไปทางด้านหลัง คริสเลยมองตามไปบ้าง

     

     

    นั่นเพื่อนคริสเหรอลู่หานเงยหน้าถามด้วยสายตาที่เรียกว่าเป็นประกายระยิบ

     

     

    ครับ เพื่อนสนิทตั้งแต่มัทธยม

     

     

    พอได้คำตอบลู่หานก็เดินเลยผ่านเขาไปทางเพื่อนรักสองคนทันที ใบหน้าหวานภายใต้ชุดสูทสีดำยิ้มอย่างนักธุรกิจก่อนจะถือวิสาสะนั่งลงบนม้านั่งตรงข้ามเซฮุนและจื่อเทา ควักเอานามบัตรออกมายื่นให้

     

     

    สวัสดี ฉันเป็นประธานค่าย LHe พวกเธอสองคนสนใจอยากมาออดิชั่นมั้ย รับรองว่าผ่านแน่ๆฉันมองใครไว้ไม่เคยพลาดอย่างชานยอลเองก็เป็นลู่หานที่ลากตัวเพื่อนเข้ามาวงการจนโด่งดังประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้

     

     

    ค่ายเดียวกับพี่ชานยอลเหรอครับ แล้วผมจะได้ถ่ายแบบกับพี่ชานยอลเหมือนไอ้หน้าปลวกนี่รึเปล่าจื่อเทาถามอย่างตื่นเต้น หน้านี่ยิ้มจนตาปิด เชื่อว่าคงจิตนาการไปไกลถึงตอนกำลังโพสท่าคู่กับชานยอลแล้ว

     

     

    ก็คิดว่าคงมีโอกาสนะ ถ้าสนใจก็เอานามบัตรฉันไปแล้วเข้ามาออดิชั่นได้เลยลู่หานตอบอย่างใจดี

     

     

    โอเคครับ พี่ชานยอลอยู่บนฟ้าต่อไปนะ จื่อจะปีนตามไป

     

     

    เธอก็ด้วยลู่หานหันไปทางเด็กอีกคนหนึ่งที่ไม่มีท่าทางสนใจเขาเลยสักนิด พอพูดด้วยใบหน้าขาวจึงเงยหน้าขึ้นมองและส่งยิ้มให้

     

     

    ผมไม่สนใจหรอกครับ แม่บอกว่าไม่ให้เชื่อคนแปลกหน้า

     

     

    เหมือนโดนเอารองเท้าฟาดใส่หน้ายังไงไม่รู้ ลู่หานสะอึกไปกับคำพูดเฉือดนิ่มๆ ของเด็กตรงหน้า เด็กนี่มันซื่อหัวอ่อนเชื่อคำสั่งสอนของแม่หรือมันกวนทีนเขาอยู่ฟ่ะ

     

     

    เดี๋ยวเจอกันบ่อยๆ ก็ไม่แปลกหน้าแล้ว รับนามบัตรไปแล้วกัน ถ้าเปลี่ยนใจก็ติดต่อมานะ

     

     

    เสร็จธุระกับเด็กสองคนแล้วลู่หานก็ลุกขึ้นเดินกลับไปหาคริสที่ยืนรออยู่ เรียกให้เด็กตัวโตตามขึ้นรถเพื่อไปหาที่นั่งคุยกันเป็นการส่วนตัว คริสจึงแนะนำให้ไปร้านกาแฟหลังมหาวิทยาลัยเพราะคนไม่วุ่นวายนัก

     

     

    อาลู่มีธุระอะไรกับผมเหรอครับคริสถามขึ้นหลังจากพนักงานมาเสิร์ฟเครื่องดื่มให้พวกเขาทั้งสองคน

     

     

    อาเคยบอกว่าขอให้คริสถ่ายแบบให้แค่ครั้งเดียว แต่หลังจากนิตยสารเล่มนั้นวางแผงไปคนต่างก็สนใจตามหาตัวเธอกันให้วุ่น มีงานติดต่อเข้ามาจนที่บริษัทรับโทรศัพท์กันไม่ทันแล้ว นี่ขนาดไม่ค่อยเห็นหน้านะ คิดดูว่าถ้าคริสเข้าวงการเต็มตัวจะดังขนาดไหน อาอยากให้คริสลองคิดดูเรื่องการเข้ามาเป็นศิลปินในบริษัทอา รับรองว่าจะให้รับงานไม่เยอะไม่ให้กระทบกับการเรียนเลย

     

     

    ลู่หานเองก็ไม่คิดว่ากระแสการตอบรับนายแบบหนุ่มปริศนาจะมากมายขนาดนี้ ด้วยหน้าตาของคริสเองร่วมทั้งงานแรกที่รับคู่กับชานยอลเป็นการปูเส้นทางในวงการให้ทอดยาวไปยังความสำเร็จในวันหน้า เขาเสียดายหากคริสจะปล่อยโอกาสนี้หลุดลอยไป เคยพูดกับชานยอลแล้วแต่รายนั้นก็ยังดื้อรั้นเหมือนเดิมเลยคิดว่าควรจะมาคุยกับคริสอย่างจริงจังเสียเอง

     

     

    แต่คุณอาคงไม่ยอม

     

     

    ถึงคริสจะไม่ได้ถนัดงานด้านนี้เป็นพิเศษแต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ชอบเอาเสียเลย เขาเองอยากทำงานพิเศษมานานแล้ว เคยแอบทำแต่ชานยอลก็สั่งห้าม บอกให้เรียนอย่างเดียว เขาอยากจะแบ่งเบาภาระของคุณอาบ้าง ข้อเสนอของลู่หานก็น่าสนใจไม่น้อย ถ้าหากยอมเข้าวงการมีรายได้เป็นของตัวเองชานยอลก็จะไม่ต้องเหนื่อยรับงานจนแทบไม่มีเวลาพักผ่อนอีก

     

     

    ลองตัดสินใจดูนะ ส่วนเรื่องชานยอลอาเชื่อว่าคริสคงมีวิธีรับมือ

     

     

                                                                                                                      •*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•.

     

     

    เสียงกุกกักที่ดังมาจากห้องนั่งเล่นทำให้คริสรู้ว่าเจ้าของห้องอีกคนคงกลับมาแล้ว ดวงตาคมเหลือบมองนาฬิกาข้างหัวเตียงบ่งบอกเวลาตีสาม เขาลุกขึ้นจากที่นอนตัวเองเปิดประตูห้องออกไปดูเห็นคุณอาล้มตัวลงบนโซฟาอย่างอ่อนเพลีย ดวงตากลมปรือปรอยจนปิดลงในที่สุด คริสยืนดูอยู่สักครู่เห็นคนตัวเล็กผ่อนลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอจึงรู้ว่าคงหลับไปแล้ว

     

     

    ฝีเท้ายาวเดินอย่างแผ่วเบาเข้าไปใกล้โซฟาตัวนั้น ทรุดตัวลงชันขาใกล้ๆ เห็นขอบตาดำคล้ำกับสีหน้าเหน็ดเหนื่อยของชานยอลแล้วก็อดจะรู้สึกปวดใจไม่ได้ ตั้งแต่พ่อแม่ของเขาเสียไปชานยอลก็ดูแลเขาเป็นอย่างดีมาตลอด ทำหน้าที่เป็นทั้งพ่อแม่ไม่เคยให้เขาลำบากทั้งที่จริงแล้วคนตัวเล็กนี่ก็เป็นแค่เด็กวัยรุ่นคนหนึ่งแต่กลับยอมเสียสละเวลาเที่ยวเล่นช่วงชีวิตที่ควรจะสนุกสนานกับเพื่อนๆ เพื่อเขา

     

     

    คริสช้อนตัวร่างแบบบางขึ้นแนบอก ใบหน้าน้อยซุกเข้าหาความอบอุ่นเหมือนลูกแมว เขาพาคุณอาตัวเล็กเข้าไปส่งถึงห้องนอนวางลงบนเตียงอย่างเบามือและช่วยถอดเสื้อคลุมตัวนอกออกให้ ชานยอลปรือตาขึ้นมองพอเห็นว่าเป็นใครก็ยกยิ้มบางส่งให้

     

     

    ยังไม่นอนอีกเหรอ น้องฟ่านฟ่านเสียงงัวเงียเอ่ยถามทั้งที่สติกว่าครึ่งจมดิ่งสู่ความฝันไปแล้ว

     

     

    อาทำงานจนดึกจะให้ผมหลับอย่างสบายใจได้ไง

     

     

    ชานยอลปรือตาขึ้นมอง มือน้อยยกขึ้นลูบศีรษะหลานรักอย่างเอ็นดู อยากจะพูดคุย อยากจะเล่นด้วยเหมือนเคยแต่ร่างกายก็เหนื่อยล้าจนเกินกว่าจะฝืน ดวงตากลมปิดลงอีกครั้งโดยที่มือเล็กเลื่อนมากุมฝ่ามือใหญ่ของหลานไว้อย่างรักใคร่

     

     

    คริสยิ้มให้กับการกระทำนั้นของคนเป็นอา เขายกมือที่กุมกันไว้ขึ้นมาแนบริมฝีปากก่อนจะเลื่อนไปจูบกลุ่มผมนิ่มเพื่อส่งคุณอาที่รักเขาสู่ห้วงนิทรา

     

     

    น้องฟ่านฟ่านของอาโตแล้วนะ  ถึงเวลาที่ผมจะเป็นฝ่ายดูแลอาบ้างแล้ว

     

     

     

     

    TBC

     

     

    TALK

     
    ชื่อตอนกับเนื้อหาที่เกี่ยวกันมั้ย 55555555

     

     

     

     

     

     

     

    Duck-
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×