ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Seem sweet [ Krisyeol + Sehun x Luhan ]

    ลำดับตอนที่ #16 : Seem Sweet - 15 40%

    • อัปเดตล่าสุด 23 ธ.ค. 59



    Chapter 15



     

    สองสัปดาห์แล้วที่ชานยอลใช้ชีวิตโดยลำพัง

     

    นาฬิกาบอกเวลาบ่ายสามโมงครึ่งแล้วกว่าที่ใบหน้าสวยจะเงยขึ้นจากกองเอกสารในมือ นิ้วเรียวยกขึ้นนวดคลึงหัวตาเผื่อคลายความปวดหน่วงเนื่องจากฝืนเพ่งมากเกินไป หลังจากเหตุการณ์ระเบิดเรือเมื่อสองสัปดาห์ก่อนแก๊งมังกรพยายามปิดข่าวให้เงียบที่สุด ขณะนี้ลู่หานรักษาการณ์หัวหน้าแก๊งโดยมีเซฮุน ชางมินและชานยอลคอยสนับสนุนให้คำปรึกษาเพราะอยู่ในช่วงเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่หลังจากสูญเสียหัวหน้าแก๊งไป ทำให้เกิดความสั่นคลอนในฐานอำนาจภายในรวมทั้งยังต้องประคองให้ภาพพจน์ธุรกิจภายนอกไม่เสียความน่าเชื่อถือ

     

    ความจริงแล้วชานยอลเป็นหมอตอนนี้เขาควรจะอยู่ดูแลคนป่วยที่โรงพยาบาล แต่นี่อะไรกลับต้องมาหัวหมุนกับงานบริหาร

     

    ชานยอลเอนศีรษะพิงพนักเก้าอี้หลับตาลงพักสายตา เขากำลังช่วยลู่หานในการคืนหุ้นต่างๆ ให้กับคนที่โดนอู๋ฟงใช้อำนาจยึดมาอย่างไม่เป็นธรรมรวมทั้งหุ้นของตระกูลปาร์คที่เขายินดีให้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของชางมินทั้งหมดเพราะหากพ่อยังอยู่ก็คงทำแบบนี้ ชานยอลไม่ชอบงานบริหารหลังจัดการปัญหาต่างๆ หมดแล้วเขาจะทุ่มเทให้กับวิชาชีพแพทย์อย่างเต็มตัวเสียที

     

    เมื่อสะบัดความเหนื่อยล้าทิ้งแล้วร่างสูงโปร่งก็ลุกขึ้นเก็บข้าวของเพื่อตรงไปยังสถานที่ที่คนสำคัญของเขาอยู่ ถึงแม้ว่าการไปพบทุกครั้งจะเป็นชานยอลที่ต้องพูดคนเดียว ไม่มีเสียงใดตอบรับกลับมาจากคนที่หลับใหลไม่สนใจความเป็นไปของสรรพสิ่งรอบกาย รถยนต์สีดำเลี้ยงเข้าจอดในที่จอดสำหรับผู้บริหารภายในโรงพยาบาลเอกชนที่มีชื่อชานยอลเป็นเจ้าของ เขาก้าวลงจากรถและตรงขึ้นไปยังชั้นสำหรับห้องวีไอพี

     

    หน้าห้องที่ได้รับการคุ้มกันอย่างดีจากการ์ดฝีมือเยี่ยมสี่คน ตอนนี้มีร่างเล็กของใครบางคนที่ไม่สมควรจะอยู่ที่นี่ยืนอยู่

     

    “คุณชานยอล!”แบคฮยอนเรียกอย่างดีใจแต่ก็ปนความประหม่าอยู่ในที

     

    “....”

     

    เขาเงียบไม่ตอบคำ แบคฮยอนก้าวเข้ามาใกล้และคุกเข่าลง ชานยอลก็ยังคงตีหน้าเรียบเย็นชาเสียจนจื่อเทาที่ยืนอยู่ใกล้ยังอดรู้สึกกลัวแทนไม่ได้

     

    “ผมขอโทษ...ขอโทษกับทุกสิ่งที่ผ่านมา ได้โปรดลงโทษผมเถอะ จะทำยังไงก็ได้ขอแค่ได้รับการให้อภัยจากคุณ”

     

    ดวงตาเรียวเล็กเอ่อล้นไปด้วยหยาดน้ำตา ชานยอลมีพระคุณกับเขาทั้งยังเมตตาเป็นอย่างมาก หลังจากเหตุการณ์ระเบิดเรือเมื่อสองสัปดาห์ก่อน มีการไต่สวนจับกุมสายลับของนายท่านที่แฝงตัวมาอยู่ในหน่วยงานของอู๋อี้ฟ่าน แต่ละคนถูกทำโทษต่างกันไปตามสมควรและถูกขับไล่ออกจากแก๊ง ส่วนแบคฮยอนถูกชานยอลยกให้ลู่หานตัดสินโทษ ด้วยความชอบที่เขากลับตัวมาอยู่ข้างนายใหญ่ในตอนหลังทำให้ไม่โดนโทษหนัก ลู่หานสั่งแค่ให้คุมตัวเขาไว้ก่อนเท่านั้น

     

    แบคฮยอนพยายามหาโอกาสที่จะได้ขอโทษและสารภาพผิดกับชานยอลด้วยตัวเอง เพราะหากไม่ได้รับการให้อภัยจากเจ้านายที่เคารพรักยิ่งคนนี้เขาคงไม่มีวันตายตาหลับ ชานยอลดีกับเขาเสมอมามีแต่แบคฮยอนที่หักหลังซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่เขาก็ทำไปเพราะความจำเป็น

     

    ชานยอลไม่ได้สนใจน้ำตาแห่งความรู้สึกผิดนั้น เดินผ่านเอื้อมมือหมายจะเปิดประตูแต่เหมือนแบคฮยอนจะไม่ละความพยายาม คุกเข่าลงกอดท่อนขาเขาไว้ด้วยความสะอื้น

     

    คิ้วเรียวขมวดเข้ามาหากันอันเป็นลางบอกให้คนที่รับใช้ใกล้ชิดอย่างจื่อเทาได้รู้ว่าแบคฮยอนกำลังยั่วโทสะของชานยอลเข้าให้แล้วจริงๆ และไม่ผิดไปจากที่คิด มือบางคว้าเข้าที่ลำคอขาวของอดีตคนสนิทบีบแน่นและยกขึ้นจนตัวเกือบลอยจากพื้น วงหน้าอ่อนเยาว์แดงก่ำเพราะขาดอากาศ แต่ใบหน้าสวยของผู้กระทำยังคงไว้ซึ่งความเยียบเย็น

     

    นี่ต่างหากความน่ากลัวของชานยอลอย่างแท้จริง มันเทียบไม่ได้กับท่าทีเย็นชาแบบปกติเลยแม้แต่น้อย

     

    “อึ่ก...”

     

    “รู้อะไรมั้ย สำหรับคนที่คิดจะทำร้ายคริส ฉันฆ่าได้แบบไม่ลังเลหรอกนะ”น้ำเสียงนิ่งเย็นเอ่ยออกมา พวกการ์ดทั้งหลายต่างก้มหน้านิ่งอย่างหวาดกลัวเพราะไม่เคยเห็นคุณชานยอลในอารมณ์นี้มาก่อน

     

    “อ...อึ่ก”

     

    “คุณชานยอลครับ พอเถอะ แบคฮยอนจะไม่ไหวแล้ว”จื่อเทาพยายามห้ามเพราะเห็นใบหน้าคนตัวเล็กเริ่มเปลี่ยนเป็นสีม่วงแล้ว มีสิทธิ์ขาดใจตายได้ทุกเมื่อ

     

    “ไสหัวไปให้พ้น”ชานยอลเหวี่ยงร่างอดีตคนสนิทจนกระแทกกับผนังห้องอย่างแรง จื่อเทารีบเข้าไปช่วยพยุงคนที่รีบโกยอากาศเข้าปอด ไอค่อกแค่กไม่หยุด

     

    “แค่กๆ”

     

    ร่างโปร่งหมุนตัวไปทางประตูอีกครั้งแต่ยังไม่ทันจะได้จับลูกบิด บานประตูก็เปิดออกมาเสียก่อน ลู่หานเลิกคิ้วเล็กน้อยมองชานยอลก่อนจะเลยไปทางแบคฮยอนที่จื่อเทาพยุงอยู่

     

    “เสียงดังอะไรกัน”

     

    “ทำไมปล่อยมาเพ่นพ่านแถวนี้”ชานยอลไม่ตอบแต่เลือกจะถามลู่หานกลับ เพราะแบคฮยอนสมควรจะถูกคุมตัวอยู่ที่คฤหาสน์ไม่ใช่หรือ

     

    “อี้ฟ่านเรียกให้มาพบน่ะ”

     

    “อี้ฟ่านเรียก!? เขา...เขาฟื้นแล้วเหรอ”

     

    ชานยอลรีบร้อนเดินผ่านลู่หานเข้าไปในห้องพักฟื้นของผู้ป่วยที่นอนหลับไม่ได้สติไปครึ่งเดือน สิ่งแรกที่เห็นคือร่างที่ยังดูอิดโรยกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงแขนทั้งสองข้างมีผ้าพันแผลพันไว้ไม่ต่างจากท่อนขายาวและแผ่นอกภายใต้ชุดคนป่วย ใบหน้าซูบซีดมองออกไปนอกหน้าต่างไม่ได้หันกลับมาแม้ชานยอลจะเดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ข้างเตียงแล้ว ดวงตาคู่สวยคลอหน่วยไปด้วยหยาดน้ำแห่งความยินดี

     

    กลับมาแล้ว...อี้ฟ่านกลับมาแล้ว

     

    “อี้ฟ่าน...”เอ่ยเรียกออกไปด้วยน้ำเสียงสั่นไหว

     

    คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันนิดๆ แต่ยังไม่ยอมหันกลับมามองกัน

     

    มือบางเอื้อมออกไปหมายจะสัมผัสใบหน้าแสนคุ้นเคย แต่ยังไม่ทันแตะโดนข้างแก้มมือที่เต็มไปด้วยสายน้ำเกลือก็คว้าเอาไว้ไม่ยอมให้ถูกตัว ดวงตาคมกริบจ้องมองมาอย่างไม่ชอบใจที่ถูกกระทำการอุกอาจแบบนี้

     

    “ออกไป!

     

    !!

     

    คนฟังตัวชาวาบเมื่อได้ยินประโยคแรกที่ออกมาจากปากผู้ชายที่เฝ้ารอคอยให้ฟื้นกลับมาหากัน ชานยอลรออยากแก้ตัว ชดเชยวันเวลาที่เคยเจ็บปวด ใช้ชีวิตที่เหลือเพื่ออู๋อี้ฟ่านแต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็นสายตาห่างเหินเย็นชา

     

    “ไม่ได้ยินหรือไง บอกให้ออกไป”คริสยังคงย้ำคำพูดเดิมพร้อมทั้งสะบัดมือทิ้งอย่างไม่ไยดี

     

    “ทำไม...โกรธฉันมากเหรอ ฉัน...”

     

    “ลู่หาน! ลู่หานอยู่ไหน มาพาเขาออกไป ลู่หาน!!”คริสไม่รอฟังคำพูดใดของชานยอลทั้งนั้น ตะโกนเรียกหาพี่ชายร่างเล็ก คนที่ถูกเรียกก็วิ่งพรวดพราดเข้ามามองหน้าชานยอลอย่างลำบากใจ

     

    “กลับไปก่อนเถอะชานยอล”ลู่หานเอ่ยอย่างจนใจแต่ชานยอลยังคงปักหลักยื่นนิ่ง เขาจึงต้องกึ่งโอบกึ่งลากร่างสูงโปร่งออกไปก่อนที่คนป่วยจะอาละวาดไปมากกว่านี้

     

    เมื่อได้ยินเสียงปิดประตูและฝีเท้าก้าวเดินออกไปคริสจึงแน่ใจว่าได้อยู่คนเดียวอีกครั้ง ร่างสูงใหญ่เอนพิงอย่างไร้เรี่ยวแรงดวงตาคมปิดลงนึกย้อนไปถึงตอนที่เพิ่งฟื้นคืนสติอีกครั้ง

     

    เจ็บ!

    เหมือนกับร่างจะแหลกสลาย

    ตามมาด้วยความมืดมิดราวกับจมดิ่งลงสู่ท้องทะเลลึกสุดจะหยั่ง

     

    “ตามหมอมาเร็ว”

     

    เสียงคุ้นหูดังขึ้นข้างกาย ตามมาด้วยฝีเท้าหลายคู่ที่เดินเข้ามาใกล้อย่างรีบเร่ง เขารู้สึกว่ากำลังถูกกลุ่มคนเหล่านั้นจับต้องร่างกาย ได้ยินเสียงคนที่น่าจะเป็นหมอรายงานอาการของเขาตอนนี้ให้ลู่หานฟัง คริสจำเสียงได้ว่าคนที่ร้อนรนอยู่นั่นคือลู่หาน

     

    คริสกำลังประมวลผลในสมอง ลำดับเหตุการณ์ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ตอนที่กำลังว่ายน้ำกลับไปที่เรือของอู๋ฟง ยังไม่ทันไปถึงก็เกิดการระเบิดขึ้นเสียก่อน แรงระเบิดปะทะเข้าร่างของเขาจนกระเด็น ชั่วแวบเดียวเท่านั้นที่เขาเห็นแสงสว่างวาบจากนั้นก็รู้สึกเจ็บร้าวไปทั่วร่างและทุกอย่างก็ดับมืดลง แต่คริสยังรู้ตัวว่าลอยอยู่กลางทะเลชั่วครู่ก็ได้ยินเสียงเจ็ทสกีขับเข้ามาใกล้ ลากเขาขึ้นและพาไปโยนเอาไว้ที่ไหนสักแห่งและเร่งเครื่องจากไป แต่ด้วยพื้นที่โคลงไปมาคริสก็นึกรู้ว่าคงเป็นบนเรือสักลำที่เขาถูกปล่อยทิ้งเอาไว้

     

    คริสปัดความสงสัยว่าใครที่เป็นคนช่วยเขาไว้ทิ้งไป เพราะมีอีกเรื่องที่สำคัญกว่า

     

    แต่เขาพยายามคิดว่าเรื่องสำคัญนั้นมันคือเรื่องอะไร หรือเกี่ยวกับใคร ที่เขานึกไม่ออก ยิ่งพยายามคิดก็รู้สึกปวดหัว รู้สึกทรมานเหมือนมีบางอย่างร้องเตือนว่าไม่ควรจะนึกถึงมันอีก

     

    “ชานยอลก็ปลอดภัยแล้วนะไม่ต้องห่วง”หลังจากถามไถ่อาการของเขาแล้วลู่ห่านก็บอกออกมา

     

    ชานยอล...ใครกัน? ทำไมเขาต้องห่วง

     

    ต่อเมื่อเขาถามออกไปพี่ชายก็ทำสีหน้าตื่นตะลึงอย่างไม่อยากเชื่อ พยายามจะทบทวนความจำของเขาเกี่ยวกับเจ้าของชื่อนั้น แต่ไม่รู้ทำไมเขาถึงไม่อยากฟัง ไม่อยากรับรู้ ทั้งความรู้สึกและร่างกายที่ต่อต้านเรื่องราวเกี่ยวกับคนๆนั้น

     

    “ปวดหัว ลู่หานฉันปวดหัว ไม่อยากฟัง”

     

    •*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•

     

    สมองไม่ได้รับการกระทบกระเทือน แต่อาจเป็นจิตใจของคนไข้เองที่ปิดกั้น

     

    แผ่นฟิล์มเอ็กซเรย์ถูกชานยอลจับจ้องมากว่าชั่วโมงแล้วหลังจากลู่หานอธิบายอาการของคริสให้ฟัง ชานยอลจึงไปปรึกษาเคสนี้กับอาจารย์หมอใหญ่เจ้าของไข้ถึงจะได้รับคำตอบมา ชานยอลไม่ได้ดูแลเคสนี้เพราะคริสบาดเจ็บสาหัสเกินกว่าความสามารถของหมอหนุ่มอย่างเขาจะรับมือได้และในตอนนั้นชานยอลเองก็ยังรักษาตัวอยู่ด้วย เขารู้ผลวินิจฉัยอาการของคริสแต่พอเผชิญหน้ากันในวันนี้ทำให้เขาต้องรื้อฟิล์มเอ็กซเรย์สมองมาดูด้วยตัวเองอีกครั้ง

     

    “เป็นสภาวะที่จิตใจอาจจะได้รับความกระทบกระเทือนจนต่อต้านสิ่งนั้นๆ จากอาการของคนไข้ที่จำเหตุการณ์ทุกอย่างได้ จำคนอื่นได้ แต่ลืมแค่ใครบางคน ลืมแค่บางเรื่องบางเหตุการณ์ นั้นอาจเป็นจิตใต้สำนึกของคนไข้เองที่สั่งให้ลืม บางเคสก็อาจจะแค่ชั่วคราว แต่บางเคสก็ลืมถาวร ทุกอย่างขึ้นอยู่กับคนไข้”อาจารย์หมอกล่าวสรุปหลังจากวินิฉัยอาการของคริสโดยละเอียดอีกครั้ง

     

    “ขอบคุณมากครับ”

     

    เมื่อปรึกษาเรื่องการรักษาและการดูแลคริสในช่วงนี้เรียบร้อยแล้วชานยอลจึงขอตัวออกมาจากห้องพักของนายแพทย์ใหญ่ เขากับลู่หานกลับมาที่ห้องพักฟื้นของคริสอีกครั้งหลังจากสอบถามได้ความว่าคนเจ็บหลับไปแล้ว ชานยอลทอดสายตามองคนที่หลับตาพริ้มเพราะฤทธิ์ยาอย่างรู้สึกผิด

     

    เขาทำร้ายคริส ทรมานหัวใจ บีบคั้นจนคริสเป็นแบบนี้

    เจ็บปวดจนอยากจะลืมกันไปเสียดีกว่าสินะ

    นี่มันก็สาสมแล้วกับสิ่งที่ชานยอลทำกับคริสมาตลอด ต้องกลายเป็นคนที่ถูกลืม เป็นคนไร้ตัวตนในชีวิตของอู๋อี้ฟ่าน

     

    “คุณคิดจะทำยังไงต่อ”ลู่หานไม่ได้เกลียดชานยอล ยอมรับว่ามีโกรธบ้างกับสิ่งที่ชานยอลทำกับคริสแต่ทั้งหมดก็เพราะชานยอลไม่เคยรู้ความจริง พอตอนนี้คริสเลือกที่จะลืมเอง เขาก็อดเป็นห่วงความรู้สึกของคนข้างๆ นี้ไม่ได้

     

    มือเรียวไล้ใบหน้าคมอย่างสั่นไหว ริมฝีปากอิ่มฝืนส่งยิ้มให้พี่ชายของคนที่ตัวเองรักเพราะรับรู้ถึงกระแสความห่วงใยส่งผ่านมาจากคำถามนั้น

     

    “ถ้าเขาอยากลืมเรื่องในอดีตที่ทำให้เจ็บปวดพวกนั้นก็ปล่อยให้เขาลืมไป เมื่อก่อนเขาเป็นฝ่ายทุ่มเททั้งกายและหัวใจเพื่อให้เรายังอยู่ด้วยกัน ตอนนี้เป็นเวลาของฉันบ้างที่จะเป็นฝ่ายพยายาม ฉันจะไม่ปล่อยมือจากเขาเด็ดขาด”

     

    ครั้งนึงเคยได้หัวใจคริสมาครองแต่เขาก็ทำลายมันด้วยมือตัวเอง เขาไม่ได้รับโอกาสให้แก้ตัวเหมือนในอดีตที่คริสเองก็ไม่ได้รับโอกาสจากชานยอลให้อธิบาย ที่ทำได้ตอนนี้คือทุ่มเทหัวใจทั้งหมดเพื่อรักผู้ชายคนนี้ ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่เพื่อรักอู๋อี้ฟ่าน หวังว่าสักวันความรักของเขาจะทำให้คริสยอมเปิดใจให้กันอีกครั้ง แต่หากไม่มีวันนั้นเขาก็ยังเต็มใจจะอยู่เคียงข้างผู้ชายคนนี้ไปจนวันสุดท้าย

     

    ฉันจะอยู่กับนายตลอดไป...อู๋อี้ฟ่าน



    TBC  60%




    TALK แนะนำว่าให้อ่านใหม่ตั้งแต่ต้น  แฮ่ หายไปนานมว๊ากกกกกกกก





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×